ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วชิราวุธวิทยาลัย"
ล <br /> using AWB |
|||
บรรทัด 27: | บรรทัด 27: | ||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
[[ไฟล์:Vajiravudh College Assembly Hall.jpg|300px|thumb|หอประชุมวชิราวุธวิทยาลัย]] |
[[ไฟล์:Vajiravudh College Assembly Hall.jpg|300px|thumb|หอประชุมวชิราวุธวิทยาลัย]] |
||
ผผผผผ |
|||
⚫ | [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว|พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิด[[โรงเรียนมหาดเล็กหลวง]]ขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ [[29 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2453]] เพื่อโรงเรียนแห่งนี้เป็นสถาบันที่ให้การศึกษาอย่างแท้จริงแก่กุลบุตรชาวไทย และเป็นเสมือน[[พระอารามหลวง]]ประจำรัชกาล ซึ่งมิได้โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพราะมีพระราชดำริว่า ในรัชสมัยของพระองค์พระอารามหลวงต่างๆ มีอยู่มากแล้ว หากจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอารามหลวงขึ้นอีกก็จะเป็นพระราชภาระในการปฏิสังขรณ์อีกโดยมิควร ประกอบกับในรัชสมัยของพระองค์นั้นการศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป มิได้อยู่กับวัดดังเช่นกาลก่อน นักเรียนต้องการครูบาอาจารย์ที่เป็นคฤหัสถ์ เพื่อทำการอบรมสั่งสอน<ref name="ก่อพระฤกษ์">ราชกิจาจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/D/2264.PDF การก่อพระฤกษ์โรงเรียนมหาดเล็กหลวง |
||
⚫ | [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว|พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิด[[โรงเรียนมหาดเล็กหลวง]]ขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ [[29 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2453]] เพื่อโรงเรียนแห่งนี้เป็นสถาบันที่ให้การศึกษาอย่างแท้จริงแก่กุลบุตรชาวไทย และเป็นเสมือน[[พระอารามหลวง]]ประจำรัชกาล ซึ่งมิได้โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพราะมีพระราชดำริว่า ในรัชสมัยของพระองค์พระอารามหลวงต่างๆ มีอยู่มากแล้ว หากจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอารามหลวงขึ้นอีกก็จะเป็นพระราชภาระในการปฏิสังขรณ์อีกโดยมิควร ประกอบกับในรัชสมัยของพระองค์นั้นการศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป มิได้อยู่กับวัดดังเช่นกาลก่อน นักเรียนต้องการครูบาอาจารย์ที่เป็นคฤหัสถ์ เพื่อทำการอบรมสั่งสอน<ref name="ก่อพระฤกษ์">ราชกิจาจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/D/2264.PDF การก่อพระฤกษ์โรงเรียนมหาดเล็กหลวง] , เล่ม ๓๒, ตอน ง, ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๒๒๖๔</ref> ดังนั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนขึ้นตามแบบโรงเรียนรัฐบาลของ[[ประเทศอังกฤษ]] และพระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า "โรงเรียนมหาดเล็กหลวง"<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2454/D/15.PDF แจ้งความโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ย้ายโรงเรียนมหาดเล็กข้าหลวงเดิม], เล่ม ๒๘, ตอน ๐ง, ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๕</ref> |
||
ในการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง พระองค์ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดสร้างอาคารเรียนชั่วคราวเป็นเรือนไม้ หลังคามุงจากขึ้นก่อนในที่ดินส่วนพระองค์ที่สวนกระจัง ริม[[คลองเปรมประชากร]] ตำบล[[สวนดุสิต]] แล้วโปรดฯ ให้ย้ายนักเรียนมหาดเล็กหลวงซึ่งเปิดการสอนเป็นการชั่วคราวจากโรงเรียนราชกุมาร (เก่า) ใกล้หอพิธีพราหมณ์ใน[[พระบรมมหาราชวัง]] มาดำเนินการสอนในสถานที่ซึ่งพระราชทานให้ใหม่นี้เมื่อวันที่ [[1 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2454]] ต่อมาใน [[พ.ศ. 2458]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้[[กรมศิลปากร]]มาดำเนินการก่อสร้างอาคารถาวรของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งประกอบด้วยหอประชุมและอาคารที่พักของนักเรียนที่มุมโรงเรียนอีก 4 หลัง<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/D/2266.PDF ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ซึ่งบรรจุไว้ในศิลาพระฤกษ์โรงเรียนมหาดเล็กหลวง], เล่ม ๓๒, ตอน ง, ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๒๒๖๖</ref> และได้ทรงพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาพระฤกษ์สร้างอาคารโรงเรียนเมื่อวันที่ [[20 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2458]]<ref name="ก่อพระฤกษ์"/> ครั้นเมื่อ [[พ.ศ. 2459]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนโรงเรียนราชวิทยาลัยจากกระทรวงยุติธรรมมาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นที่[[จังหวัดเชียงใหม่]]อีกแห่งหนึ่งใน [[พ.ศ. 2459]] |
ในการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง พระองค์ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดสร้างอาคารเรียนชั่วคราวเป็นเรือนไม้ หลังคามุงจากขึ้นก่อนในที่ดินส่วนพระองค์ที่สวนกระจัง ริม[[คลองเปรมประชากร]] ตำบล[[สวนดุสิต]] แล้วโปรดฯ ให้ย้ายนักเรียนมหาดเล็กหลวงซึ่งเปิดการสอนเป็นการชั่วคราวจากโรงเรียนราชกุมาร (เก่า) ใกล้หอพิธีพราหมณ์ใน[[พระบรมมหาราชวัง]] มาดำเนินการสอนในสถานที่ซึ่งพระราชทานให้ใหม่นี้เมื่อวันที่ [[1 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2454]] ต่อมาใน [[พ.ศ. 2458]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้[[กรมศิลปากร]]มาดำเนินการก่อสร้างอาคารถาวรของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งประกอบด้วยหอประชุมและอาคารที่พักของนักเรียนที่มุมโรงเรียนอีก 4 หลัง<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/D/2266.PDF ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ซึ่งบรรจุไว้ในศิลาพระฤกษ์โรงเรียนมหาดเล็กหลวง], เล่ม ๓๒, ตอน ง, ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๒๒๖๖</ref> และได้ทรงพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาพระฤกษ์สร้างอาคารโรงเรียนเมื่อวันที่ [[20 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2458]]<ref name="ก่อพระฤกษ์"/> ครั้นเมื่อ [[พ.ศ. 2459]] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนโรงเรียนราชวิทยาลัยจากกระทรวงยุติธรรมมาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นที่[[จังหวัดเชียงใหม่]]อีกแห่งหนึ่งใน [[พ.ศ. 2459]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:32, 10 มกราคม 2561
วชิราวุธวิทยาลัย Vajiravudh College | |
---|---|
ไฟล์:Vc2.JPG | |
ที่ตั้ง | |
ข้อมูล | |
ประเภท | โรงเรียนเอกชน |
สถาปนา | 29 ธันวาคม พ.ศ. 2453 (113 ปี 119 วัน) |
ผู้ก่อตั้ง | พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
หน่วยงานกำกับ | สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน |
รหัส | 1110100022 (ใหม่) 81100205 (เก่า) |
ผู้อำนวยการ | ผศ.สุรวุธ กิจกุศล |
ระดับปีที่จัดการศึกษา | ประถมศึกษาปีที่ 4 - มัธยมศึกษาปีที่ 6 |
เพลง | เพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี |
เว็บไซต์ | http://www.vajiravudh.ac.th |
วชิราวุธวิทยาลัย เป็นโรงเรียนประจำชายล้วน สถาปนาขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างโรงเรียนแก่กุลบุตรชาวไทยแทนการสร้างพระอารามซึ่งมีอยู่มากแล้วนั้น ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้มีพระบรมราชโองการให้รวมโรงเรียนมหาดเล็กหลวง กรุงเทพ และโรงเรียนราชวิทยาลัยเข้าด้วยกัน โดยให้นักเรียนย้ายมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพ พร้อมทั้งได้พระราชทานนามโรงเรียนขึ้นใหม่ว่า “วชิราวุธวิทยาลัย” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสืบต่อไป
วชิราวุธวิทยาลัยมีตึกที่พักนักเรียน เรียกว่า "คณะ" เป็นเสมือนบ้านของนักเรียน แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ คณะเด็กโต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม แบ่งออกเป็น ๖ คณะ คือ คณะผู้บังคับการ คณะดุสิต คณะจิตรดา คณะพญาไท คณะจงรักภักดี คณะศักดิ์ศรีมงคล ส่วนคณะเด็กเล็กสำหรับนักเรียนชั้นประถม แบ่งออกเป็น ๓ คณะ คือ คณะสนามจันทร์ คณะนันทอุทยาน และ คณะสราญรมย์ นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังส่งเสริมให้นักเรียนได้เล่นกีฬาต่าง ๆ เช่น รักบี้ฟุตบอล แบดมินตัน นอกจากนี้ ยังมีการจัดการแข่งขันรักบี้ประเพณีกับมาเลย์ คอลเลจ (Malay College Kuala Kangsar) จากประเทศมาเลเซีย เป็นประจำทุก ๆ ปี
ปัจจุบัน ดำเนินการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตั้งอยู่ที่ ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
ประวัติ
ผผผผผ
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิดโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2453 เพื่อโรงเรียนแห่งนี้เป็นสถาบันที่ให้การศึกษาอย่างแท้จริงแก่กุลบุตรชาวไทย และเป็นเสมือนพระอารามหลวงประจำรัชกาล ซึ่งมิได้โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพราะมีพระราชดำริว่า ในรัชสมัยของพระองค์พระอารามหลวงต่างๆ มีอยู่มากแล้ว หากจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอารามหลวงขึ้นอีกก็จะเป็นพระราชภาระในการปฏิสังขรณ์อีกโดยมิควร ประกอบกับในรัชสมัยของพระองค์นั้นการศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป มิได้อยู่กับวัดดังเช่นกาลก่อน นักเรียนต้องการครูบาอาจารย์ที่เป็นคฤหัสถ์ เพื่อทำการอบรมสั่งสอน[1] ดังนั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนขึ้นตามแบบโรงเรียนรัฐบาลของประเทศอังกฤษ และพระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า "โรงเรียนมหาดเล็กหลวง"[2]
ในการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง พระองค์ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดสร้างอาคารเรียนชั่วคราวเป็นเรือนไม้ หลังคามุงจากขึ้นก่อนในที่ดินส่วนพระองค์ที่สวนกระจัง ริมคลองเปรมประชากร ตำบลสวนดุสิต แล้วโปรดฯ ให้ย้ายนักเรียนมหาดเล็กหลวงซึ่งเปิดการสอนเป็นการชั่วคราวจากโรงเรียนราชกุมาร (เก่า) ใกล้หอพิธีพราหมณ์ในพระบรมมหาราชวัง มาดำเนินการสอนในสถานที่ซึ่งพระราชทานให้ใหม่นี้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2454 ต่อมาใน พ.ศ. 2458 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กรมศิลปากรมาดำเนินการก่อสร้างอาคารถาวรของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งประกอบด้วยหอประชุมและอาคารที่พักของนักเรียนที่มุมโรงเรียนอีก 4 หลัง[3] และได้ทรงพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาพระฤกษ์สร้างอาคารโรงเรียนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2458[1] ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2459 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนโรงเรียนราชวิทยาลัยจากกระทรวงยุติธรรมมาไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่งใน พ.ศ. 2459
การดำเนินการศึกษาในโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จำต้องยุติลง เนื่องจากพระองค์ได้ด่วนเสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ในรัชสมัยต่อมา ประเทศสยามต้องประสบสภาวะฝืดเคืองทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง จึงทำให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจำต้องทรงตัดทอนรายจ่ายส่วนพระองค์ลง ทั้งนี้เพื่อให้การเงินในประเทศเข้าสู่สมดุล ดังนั้น ใน พ.ศ. 2469 ได้มีพระบรมราชโองการให้รวมโรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพฯ และ โรงเรียนราชวิทยาลัยเข้าด้วยกัน โดยให้ย้ายนักเรียนมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพ และได้พระราชทานนามโรงเรียนให้ใหม่ว่า “วชิราวุธวิทยาลัย” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสืบต่อไป[4]
ในรัชกาลปัจจุบันเมื่อพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวรในปี พ.ศ. 2502 ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระประสงค์จะสนองพระเดชพระคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นพระบรมชนกนาถ และ พระราชสวามี จึงทรงต้องพระประสงค์จะอุปถัมภ์กิจการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงริเริ่มไว้ ดังนั้นพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จึงทรงรับวชิราวุธวิทยาลัยไว้ในพระอุปถัมภ์ โดยจะทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อบำรุงวชิราวุธวิทยาลัย และทรงเสด็จพระดำเนินมาบำเพ็ญพระกุศลถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้เมื่อพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี จะเสด็จสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ก็ยังทรงพระราชทานเงินเพื่อบำรุงไว้เช่นเดิมจนถึงปัจจุบัน
อาคารเรียน
อาคารเรียน พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิดโรงเรียนมหาดเล็กหลวง โดยพระราชทานที่ดินและพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ซึ่งลักษณะของหอประชุม หอนาฬิกา อาคารจิตรลดา และตึกขาว เป็นอาคารที่มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทย ผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันตก โดยได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี พ.ศ. 2525 [5]
กิจกรรมนักเรียน
กีฬา
วชิราวุธวิทยาลัยส่งเสริมให้นักเรียนได้เล่นกีฬา รวมทั้ง มีการจัดการแข่งขันกีฬาภายในทุกปี โดยมีการแบ่งประเภทกีฬาออกเป็นภาคการศึกษา ดังนี้
- ภาควิสาขะ : รักบี้ฟุตบอล สควอช ไฟฟ์
- ภาคปวารณา : บาสเกตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ
- ภาคมาฆะ : เทนนิส กรีฑา แบดมินตัน วอลเลย์บอล ระเบียบแถว
โดยกีฬาแต่ละประเภทที่แข่งขัน คณะที่ชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลซึ่งแต่ละถ้วยรางวัลจะเป็นถ้วยรางวัลที่ได้รับพระราชทาน อาทิเช่น ถ้วยชนะเลิศรักบี้ฟุตบอลรุ่นใหญ่ เป็นถ้วยพระราชทานของ กีฬาหลักของโรงเรียน คือ รักบี้ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่ารักบี้นั้นจะเป็นกีฬาที่สอนให้นักเรียนรู้จักแพ้ ชนะ และอภัย และจะฝึกให้นักเรียนเป็นสุภาพบุรุษอย่างสมบูรณ์แบบ รักบี้ประเพณีกับมาเลย์ คอลเลจ (Malay College Kuala Kangsar) จากประเทศมาเลเซียจะถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และรักบี้ประเพณีกับ Saad foundation school ประเทศมาเลเซีย[6]
หอพัก หรือคณะ
วชิราวุธวิทยาลัยมีหอพัก หรือที่เรียกว่า "คณะ" เพื่อให้นักเรียนใช้เป็นที่พักอาศัยในช่วงระหว่างที่อยู่โรงเรียนสองอาทิตย์ คณะหนึ่งนั้นจะมีนักเรียนประมาณ 80 คน แต่ละคณะนั้นจะแบ่งกระจายนักเรียนของแต่ละชั้นเรียนให้เท่า ๆ กัน แบ่งเป็นสองฝั่ง คือ คณะเด็กใน และ คณะเด็กเล็ก โดยที่คณะเด็กในจะใช้เป็นที่พักพิงของนักเรียนตั้งแต่ชั้น ม.1 ถึง ม.6 ทั้งนี้ มีด้วยกันอยู่ 6 คณะ คือ คณะผู้บังคับการ คณะดุสิต คณะจิตรดา คณะพญาไท คณะจงรักภักดี คณะศักดิ์ศรีมงคล ส่วนคณะเด็กเล็กนั้นจะใช้เป็นที่พักของเด็กนักเรียนชั้น ป.4 ถึง ป.6 เมื่อนักเรียนแต่ละคนเข้าเรียนชั้น ม.1 แล้วจะทำการย้ายเข้าไปอยู่เด็กในกับรุ่นพี่ คณะของคณะเด็กเล็ก ได้แก่ คณะสนามจันทร์ คณะนันทอุทยาน และคณะสราญรมย์ การปกครองของคณะเด็กใน และเด็กเล็กนั้นจะต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยคณะเด็กเล็กนั้นจะมีหัวหน้าครูคณะ และครูคณะมาช่วยดูแล และควบคุมเด็ก ๆ ส่วนคณะเด็กในนั้นจะมีเพียงผู้กำกับคณะคอยดูแล และหน้าที่ควบคุมเด็กในคณะนั้นจะตกอยู่กับรุ่นพี่หัวหน้าคณะโดยมีผู้กำกับคณะเป็นที่ปรึกษา การปกครองในคณะเด็กในนั้นจะเป็นระบบรุ่นพี่ รุ่นน้อง โดยจะเน้นอยู่ว่า "การจะเป็นผู้นำที่ดีได้ ต้องเคยเป็นผู้ตามที่ดีมาก่อน" ดังนั้น ก่อนที่นักเรียนแต่ละคนจะมาเป็นหัวหน้าคณะปกครองรุ่นน้อง ก็จะเคยเป็นผู้ตามถูกปกครองโดยรุ่นพี่มาก่อน และเรียนรู้การปกครองนั้นมาปกครองรุ่นน้องถัด ๆ ไป
ประเพณีโรงเรียน
เพลงโรงเรียน
หนึ่งในประเพณีของวชิราวุธวิทยาลัย คือ การร้องเพลงในงานสำคัญต่างๆ รวมถึงเพลงเชียร์กีฬา โดยเพลงที่มักจะได้ยินบ่อยๆ มีดังนี้
- เพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี ประพันธ์โดยท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ณ อยุธยา และทำนองโดย โฉลก เนตรสูตร เป็นเพลงประจำโรงเรียนมักถูกขับร้องในงานพิธีสำคัญ เพื่อเทิดทูนพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้สถาปนาโรงเรียน
- เพลง Graduates Song Goodbye เป็นเพลงภาษาอังกฤษทำนองและเนื้อร้องโดย F.Rico ถูกขับร้องในงานพระราชทานประกาศนียบัตรนักเรียนเก่า โดยนักเรียนปัจจุบันที่กำลังจะจบการศึกษา เนื้อหาของเพลงนั้นเพื่อนึกถึงอนาคตเมื่อออกไปจากโรงเรียน และรำลึกถึงชีวิตในโรงเรียน
- เพลงอีกสี่สิบปี ประพันธ์โดยท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ณ อยุธยา ทำนองนั้นคัดมาจาก Forty Years On ของโรงเรียนแฮร์โรว ในอังกฤษ มักถูกร้องในงานราชพิธีสำคัญ เนื้อหาในเพลงเพื่อรำลึกถึงชีวิตในโรงเรียน
- เพลงเราเด็กในหลวง พระราชนิพนธ์โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำนอง สิงโตเล่นหาง เป็นเพลงกลอนบรรเลงโดยวงดนตรีไทย เป็นเพลงปฏิญาณนึกถึงความสำคัญของนักเรียนมหาดเล็ก ดังมีตัวอย่างท่อนจบว่า "รักษาชาติศาสนากว่าจะตาย เป็นผู้ชายชาติไทยไม่ลืมเอย"
- เพลงเชียร์กีฬา มักถูกขับร้องในการแข่งขันรักบี้ระหว่างโรงเรียน นอกจากนั้นสำหรับการแข่งขันภายใน แต่ละคณะก็จะมีเพลงเชีย์กีฬาของตัวเองอีกด้วย
- เพลงจรรยานักกีฬา เป็นเพลงกลอนมักถูกขับร้องก่อนการแข่งขันกีฬาระหว่างคณะ เพื่อนึกถึงจรรยาของนักกีฬา
ผู้บังคับการ
ผู้บังคับการ เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงสุดในการดูแลจัดการวชิราวุธวิทยาลัย เป็นทั้งหัวหน้าฝ่ายบริหาร และครูใหญ่ รวมทั้งผู้รับใบอนุญาตผู้จัดการโรงเรียน ทั้งนี้ ผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ต้องเป็นผู้ที่ผ่านพระบรมราชานุมัติจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว
ลำดับ | รายนาม | ตำแหน่ง | ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|---|
1 | พระโอวาทวรกิจ (เหม ผลพันธิน) | อาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง | 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 - 8 กันยายน พ.ศ. 2455 |
2 | พระอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (ศร ศรเกตุ) | อาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง | 8 กันยายน พ.ศ. 2455 - 11 เมษายน พ.ศ. 2458 |
3 | พระยาบริหารราชมานพ (ศร ศรเกตุ) | ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง | 11 เมษายน พ.ศ. 2458 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2460 |
4 | พระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวรรธนะ) | ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง | 26 มีนาคม พ.ศ. 2460 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469 |
5 | พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน) | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469 - 16 เมษายน พ.ศ. 2476 |
6 | พระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวรรธนะ) | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2476 - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 |
7 | พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนตธาตุผลิน) | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 - 1 มกราคม พ.ศ. 2486 |
8 | มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ อิศรเสนา) | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 1 มกราคม พ.ศ. 2486 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2518 |
9 | ศาสตราจารย์ ดร.กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2539 |
10 | ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 30 มิถุนายน พ.ศ. 2539 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 |
11 | ดร.สาโรจน์ ลีสวรรค์ | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559 |
12 | ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุรวุธ กิจกุศล | ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน |
ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง
- หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล บุคคลสำคัญของโลก ศิลปินแห่งชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยวิชาการศึกษา
และผู้ก่อตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ประจำปีพุทธศักราช 2543
- จักรพันธุ์ โปษยกฤต นักเขียน ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปีพุทธศักราช 2543
- จุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา องคมนตรี อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา
- หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร ประธานผู้ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลราชประชา และนายกสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย
- ชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ นายกราชบัณฑิตยสถาน
- เชาวน์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตสมาชิกวุฒิสภา
- หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล นักการเกษตร
- นิธิ สถาปิตานนท์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (แบบร่วมสมัย) ประจำปีพุทธศักราช 2545
- พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
- ไพโรจน์ ไชยพร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
- วิจิตร คุณาวุฒิ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
- หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ นัดดา (หลานปู่) ในพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
- เจ้าวรจักร ณ เชียงตุง นายกสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้ริเริ่มก่อตั้งคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ดร.วิชัย ตันศิริ อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล นักโบราณคดี บุคคลแรกที่พบทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร
- ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- อดิศัย โพธารามิก อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงศึกษาธิการ
- พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ
- พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้เขียนบท ผู้อำนวยการผลิตภาพยนตร์
- ประสพสุข บุญเดช อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา อดีตประธานวุฒิสภา
- จุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด
- พระนาย สุวรรณรัฐ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- สุรพล เศวตเศรณี อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
- รองศาสตราจารย์วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- พชร อิศรเสนา ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา
- ดุสิต นนทะนาคร นักธุรกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย ผู้ริเริ่มก่อตั้งภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่น
- ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.อำนวย วีรวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา
- พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
- พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- พิภู พุ่มแก้ว พิธีกร และผู้ประกาศข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 ราชกิจาจานุเบกษา, การก่อพระฤกษ์โรงเรียนมหาดเล็กหลวง , เล่ม ๓๒, ตอน ง, ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๒๒๖๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ย้ายโรงเรียนมหาดเล็กข้าหลวงเดิม, เล่ม ๒๘, ตอน ๐ง, ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ซึ่งบรรจุไว้ในศิลาพระฤกษ์โรงเรียนมหาดเล็กหลวง, เล่ม ๓๒, ตอน ง, ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๒๒๖๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ วางรูปการและพระราชทานนามโรงเรียนมหาดเล็กหลวง, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ก, ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๙๕
- ↑ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ : อาคารอนุรักษ์ ประจำปี 2525 อาคารเรียน โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
- ↑ วชิราวุธาสาส์น : รายงานประจำปี 2548 หน้า 52 จาก โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
แหล่งข้อมูลอื่น
- โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
- สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ วชิราวุธวิทยาลัย
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์