พระเจ้ารามประเดิด
พระเจ้ารามประเดิด | |
---|---|
พระเจ้าเมาะตะมะ | |
ครองราชย์ | 28 มกราคม ค.ศ. 1307 – มีนาคม ค.ศ. 1311 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าฟ้ารั่ว |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าแสนเมือง |
ประสูติ | 27 มีนาคม ค.ศ. 1254 บ้านเกาะวาน อาณาจักรพุกาม |
สวรรคต | มีนาคม ค.ศ. 1311 (56 พรรษา) ใกล้เมาะตะมะ อาณาจักรหงสาวดี |
พระราชบุตร | พระยาอายลาว พระนางจันทะมังคะละ พระนางตะละชินซอบุต |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์หงสาวดี (ราชวงศ์ฟ้ารั่ว) |
ศาสนา | พุทธศาสนานิกายเถรวาท |
พระเจ้ารามประเดิด[1] (พม่า: ခွန်လော, ออกเสียง: [kʰʊ̀ɰ̃ lɔ́]; ค.ศ. 1254–1311) เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 2 แห่งเมืองเมาะตะมะ ครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 1307–1311 พระองค์ขึ้นสืบราชบัลลังก์จากพระเจ้าฟ้ารั่วปฐมกษัตริย์ผู้เป็นพระเชษฐาซึ่งสวรรคตโดยไร้รัชทายาท รัชสมัยของพระองค์ต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานจากอาณาจักรล้านนา
พระเจ้ารามประเดิดประสูติเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1254 มีพระนามเดิมว่ามะกะตา[2][note 1] โดยพระองค์มีพระเชษฐา 1 พระองค์คือพระเจ้าฟ้ารั่ว และมีพระขนิษฐา 1 พระองค์คือนางอุ่นเรือน[3] เมื่อมะกะโทสถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระเจ้าเมาะตะมะใน ค.ศ. 1287[4][5] ก็ได้สถาปนาพระราชอนุชาพระองค์เดียวคือมะกะตาเป็นรัชทายาทเนื่องจากพระองค์มีพระราชธิดาพระองค์เดียว[6]
เมื่อพระเจ้าฟ้ารั่วถูกปลงพระชนม์ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1307 พระองค์จึงได้ขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อมา แต่พระองค์ต้องใช้เวลาปราบปรามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสวรรคตของพระเจ้าฟ้ารั่วนานถึง 2 สัปดาห์ จึงได้ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 28 มกราคม ปีเดียวกัน
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1311[note 2] นางอุ่นเรือนและสมิงมังละ พระสวามีได้ก่อกบฏเข้ายึดราชบัลลังก์ ระหว่างที่พระเจ้ารามประเดิดเสด็จออกไปคล้องช้างป่าที่เมาะลำเลิง เมื่อพระองค์ทราบข่าวจึงรีบเสด็จกลับแต่ได้พบว่าประตูเมืองถูกปิด พระองค์จึงรีบเสด็จหนีไปยังป่าข้างเมืองแต่ก็ถูกทหารของสมิงมังละสังหารจนสวรรคต[7][8] ทำให้ราชบัลลังก์ว่างลงกว่า 2 สัปดาห์[note 3] จากนั้นจึงได้มีการอัญเชิญเจ้าอาวพระโอรสของเจ้านางอุ่นเรือนและสมิงมังละขึ้นเป็นพระเจ้าแสนเมือง เมื่อวันที่ 10 เมษายน ปีเดียวกัน[9]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ The Razadarit Ayedawbon chronicle (Pan Hla 2005: 37) says he was born on Friday, 7th waxing of Late Tagu 635 (Thursday, 15 March 1274). But 635 ME was likely a typographical error. The chronicle (Pan Hla 2005: 16) says he had an elder brother Ma Gadu and a younger sister Hnin U Yaing. The chronicle's later narrative (Pan Hla 2005: 37) again mentions twice that Gada was U Yaing's older brother. Since Gadu was born in 1253 per (Pan Hla 2005: 36), and since Hnin U Yaing was already in her marriage age in 1281/82 per (Pan Hla 2005: 21–23), it was highly unlikely that Gada would have been born 21 years later in 1274, and Hnin U Yaing even later. Instead, the birth date was more likely Friday, 7th waxing of Late Tagu 615 ME (Friday, 27 March 1254), date translated per (Eade 1989: 100).
- ↑ The chronicle Razadarit Ayedawbon (Pan Hla 2005: 37, 39) says Hkun Law died in 672 ME, and soon after Saw O ascended the throne on Saturday, 6th waning of Tagu 673 ME (10 April 1311). It means Law most probably died in the last weeks of 672 ME (March 1311).
- ↑ Since Law was 56 (in his 57th year), he must have died by 6th waxing of Late Tagu 672 ME (26 March 1311). Per (Pan Hla 2005: 39), Saw O became king on Saturday, 6th waxing of Tagu 673 ME (10 April 1311).
อ้างอิง
[แก้]- เชิงอรรถ
- บรรณานุกรม
- เจ้าพระยาพระคลัง (หน). วรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ หมวดบันเทิงคดี เรื่อง ราชาธิราช. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์, 2546. 500 หน้า. หน้า 17-47.
- ประชุมพงศาวดารเล่ม 2 (ประชุมพงศาวดารภาค 1 ตอนปลาย และภาค 2). กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, 2506. 336 หน้า. หน้า 21-24.
- Aung-Thwin, Michael A.; Maitrii Aung-Thwin (2012). A History of Myanmar Since Ancient Times (illustrated ed.). Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 978-1-86189-901-9.
- Eade, J.C. (1989). Southeast Asian Ephemeris: Solar and Planetary Positions, A.D. 638–2000. Ithaca: Cornell University. ISBN 0-87727-704-4.
- Harvey, G. E. (1925). History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824. London: Frank Cass & Co. Ltd.
- Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.
- Mon Yazawin (ภาษาพม่า) (1922 ed.). Yangon: Burma Publishing Workers Association Press. 1785.
- Pan Hla, Nai (1968). Razadarit Ayedawbon (ภาษาพม่า) (8th printing, 2004 ed.). Yangon: Armanthit Sarpay.
- Phayre, Lt. Gen. Sir Arthur P. (1883). History of Burma (1967 ed.). London: Susil Gupta.