ข้ามไปเนื้อหา

โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก

พิกัด: 16°48′30″N 100°15′49″E / 16.808436°N 100.263549°E / 16.808436; 100.263549
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก
Buddhachinaraj Phitsanulok Hospital
กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2
แผนที่
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง90 ถนนศรีธรรมไตรปิฎก ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก, ประเทศไทย
พิกัด16°48′30″N 100°15′49″E / 16.808436°N 100.263549°E / 16.808436; 100.263549
หน่วยงาน
ประเภทภูมิภาค
สังกัดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
บริการสุขภาพ
จำนวนเตียง940 เตียง [1]
ประวัติ
ชื่อเดิมโรงพยาบาลพิษณุโลก
เปิดให้บริการ20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483
ลิงก์
เว็บไซต์www.budhosp.go.th/home/

โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก เป็นโรงพยาบาลหลักของจังหวัดพิษณุโลก ประเทศไทย และจัดอยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะโรงพยาบาลระดับภูมิภาค และเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์ชั้นคลินิกแห่งแรกของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ตามโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท[2] ซึ่งปัจจุบันได้ขยายสาขาอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่บึงแก่งใหญ่ เรียกว่า ศูนย์การแพทย์ชินราชา

ประวัติ

[แก้]

ก่อน พ.ศ. 2483 จังหวัดพิษณุโลกมีเพียงสถานีอนามัยชื่อ 'สถานีอนามัยเบญจมราชานุสรณ์' หรือ 'สุขศาลาเบญจมราชานุสรณ์' ซึ่งมีที่ตั้งเป็นที่แห่งเดียวกับเทศบาลนครพิษณุโลก(หลังเก่า) ตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก [ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานเทศกิจ เทศบาลนครพิษณุโลก] ใน พ.ศ. 2482 พ.อ.หลวงยุทธศาสตร์ประสิทธิ์ (เมี้ยน โรหิตเสรนี) ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ณ ขณะนั้น ร่วมกับพระยาสุราษฎร์ธานีศรีเกษตรนิคม (เต่า ศตะกุมะระ) และนายแพทย์ บุญเกิด ธนชาติ อนามัยจังหวัดพิษณุโลก(เปลี่ยนเรียกตำแหน่ง 'อนามัยจังหวัด' เป็น 'นายแพทย์ใหญ่' เมื่อปี พ.ศ.2516 และภายหลังเปลี่ยนมาเป็น 'นายแพทย์สาธารณสุขประจำจังหวัด' ในปี พ.ศ.2521) พร้อมด้วยแพทย์และขุนนางในท้องที่ได้ร้องขอเงินทุนจากกองสาธารณสุข (ปัจจุบันคือกระทรวงมหาดไทย) เพื่อทำการก่อสร้างโรงพยาบาลในพิษณุโลก และได้ประมูลทำสัญญาการก่อสร้างโรงพยาบาลในสมัยที่ พ.อ. พระศรีราชสงคราม(ศรี สุขะวาที) ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก(ข้าหลวง) ท่านต่อมา โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483 ซึ่งถือเป็นวันก่อตั้งโรงพยาบาล แรกเริ่มตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนครูมูลกสิกรรม (ขณะนั้นเลิกกิจการไปเพราะเลิกล้มโครงการผลิตครูเกษตรกรรม ได้ย้ายไปที่ตั้งใหม่ที่ตำบลบ้านกร่าง คือ โรงเรียนเกษตรบ้านกร่าง และไปเปิดโรงเรียนช่างไม้ฝึกอาชีพฝีมือแทนการเกษตร คือ โรงเรียนจ่านกร้องในปัจจุบัน ต่อมาโรงเรียนวัดท่ามะปรางมาขอใช้สถานที่เดิมจะใช้อาคารของโรงเรียนเป็นที่ทำการของโรงพยาบาลระหว่างรอการก่อสร้างโรงพยาบาลแต่อาคารเรียนของโรงเรียนทั้งหมดถูกเพลิงไหม้) หรือ โรงเรียนพิษณุโลกวิทยายนเดิม ณ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านที่เรียกว่า "สระแก้ว" (ซึ่งเคยมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์โดยสันนิษฐานว่าเคยเป็นที่ตั้งชุมชนไพร่พลของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุตเมื่อครั้งเสด็จฯ ยกทัพตีเมืองพิษณุโลก) ที่มีพื้นที่น้ำท่วมไม่ถึงเพียง 1 ใน 20 ของพื้นที่ทั้งหมด พร้อมทั้งได้ติดต่อนายแพทย์เบนทูล บุญอิต อดีตอาจารย์ศัลยศาสตร์จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาล คาร์ล เจ.เชลแมน (พ.ศ.2477 - 2481) ที่เปิดคลินิคอยู่ในตลาดเมืองพิษณุโลก

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากสงครามฝรั่งเศส-ไทย กับอินโดจีนของฝรั่งเศส นายแพทย์เบนทูล บุญอิตได้ทำการติดต่อขอเช่าสถานที่พร้อมเครื่องมือเครื่องใช้ของโรงพยาบาลโดยโรงพยาบาลคาร์ล เจ.เชลแมน ซึ่งได้ปิดกิจการลงเนื่องจากขาดแพทย์และเงินทุนสนับสนุนตั้งแต่ พ.ศ.2481 ในราคมเดือนละ 100 บาท โรงพยาบาลได้เปิดทำการชั่วคราวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2484 เริ่มแรกมีข้าราชการสามัญ 9 คน วิสามัญ 16 คน เป็นแพทย์ 2 คน แพทย์อีกคน คือ แพทย์หญิง สุขี (โปตรนันทน์) อนุสารสุนทร และ พยาบาล 5 คน กระทั่งการก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบให้จังหวัดพิษณุโลกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2484 และเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน โดยนางผกา (เหมินทร์) บุญอิต(ได้เข้ารับราชการโดยปฏิบัติงานที่สุขศาลาเบญจมราชานุสรณ์ตั้งแต่ พ.ศ.2482) หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลพุทธชินราชในปัจจุบันมีเนื้อที่ 164 ไร่ 1 งาน 25 ตารางวา อาคารโรงพยาบาลที่สร้างรุ่นแรกมี 9 หลัง คือ

  • ตึกอำนวยการ ด้านหน้ารับตรวจผู้ป่วยนอกซึ่งมีที่นั่งรอตรวจประมาณ 50 คน (ได้รื้อถอนในปี พ.ศ.2523
  • เรือนคนไข้ชายและเรือนคนไข้หญิงโดยมีความจุ 50 เตียง แบ่งเป็นครึ่งหนึ่งสำหรับแต่ละเพศ (ชาย 25 เตียง - หญิง 25 เตียง)
  • ตึกผ่าตัดอานันทมหิดล (ด้านหน้าเป็นธนาคารเลือดถึงปี พ.ศ.2522 และใช้เป็นธนาคารเลือดอีกในปี พ.ศ.2528 รื้อถอนเมื่อปี พ.ศ.2543 เพื่อก่อสร้างอาคารรังสีและผ่าตัด)
  • โรงซักฟอก
  • โรงครัว
  • โรงเก็บศพ
  • เรือนแถว 10 ห้องสำหรับเจ้าหน้าที่พัก
  • บ้านพักผู้อำนวยการโรงพยาบาล(เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงได้รื้อถอนเมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.2538)

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2485 กรมสาธารณสุขได้แยกจากสังกัดเดิมคือกระทรวงมหาดไทย มาเป็นกระทรวงสาธารณสุข เดิมโรงพยาบาลชื่อ 'โรงพยาบาลพิษณุโลก' แต่ต่อมา พ.อ.หลวงยุทธศาสตร์ประสิทธิ์ (เมี้ยน โรหิตเสรนี) ผู้ว่าราชการ(ข้าหลวง)จังหวัดพิษณุโลกดำริขอให้เพิ่มคำว่า 'พุทธชินราช' ขึ้นนำหน้าเพื่อเป็นสิริมงคล จึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น 'โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก' เพื่อเป็นเกียรติแก่พระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อักษรย่อของโรงพยาบาลจึงเป็น พ.พ. และได้เริ่มพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2485(เดิมกำหนดเปิดวันและเดือนเดียวกันในปี พ.ศ.2484) โดย พ.ต.นายแพทย์นิตย์ เวชชวิศิษฎ์ อธิบดีกรมการแพทย์ในขณะนั้นเป็นประธานในพิธีเปิด

ราวปี พ.ศ.2491-2492 ได้แบ่งงานเป็นแผนกสูติกรรม กุมารเวชกรรม ศัลยกรรม อายุรกรรม และรังสี นับเป็นโรงพยาบาลในต่างจังหวัดแห่งแรกของกรมการแพทย์ที่แบ่งงานเป็นแผนกดังกล่าวนี้ ต่อมาในปี พ.ศ.2492 นายแพทย์เบนทูล บุญอิตและนางผกา บุญอิตได้เปิดดำเนินการ 'โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก' เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2491 เปิดการสอนรุ่นแรกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2492 (ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาวิทยาลัยพยาบาลแห่งนี้ในปัจจุบัน) ซึ่งประสบความสำเร็จภายใต้การสนับสนุนของท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม เป็นโรงเรียนพยาบาลแห่งแรกในส่วนภูมิภาค และในขณะเดียวกันตั้งแต่เริ่มเปิดโรงเรียนพยาบาล นางผกาได้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ผู้ปกครองนักเรียนพยาบาลควบกับตำแหน่งหัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลพุทธชินราช อีกทั้งเมื่อนายแพทย์เบนทูลเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2501 นางผกาได้รักษาทั้งสองตำแหน่งนี้จนถึงปี พ.ศ.2506 ต่อมาในปี พ.ศ.2518 ได้ยกฐานะขึ้นเป็น 'วิทยาลัยพยาบาลพุทธชินราช' ได้รับการจัดตั้งขึ้น โดยเป็นวิทยาลัยพยาบาลแห่งแรกนอกกรุงเทพมหานคร และเมื่อปี พ.ศ.2536 ก็ได้มีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักในนาม "วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราช" เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

โรงพยาบาลพุทธชินราชได้มีการจัดประชุมแพทย์ในภาคเหนือเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2493 มีการสร้างสโมสรและสนามเทนนิสเป็นที่พบปะของข้าราชการจังหวัดพิษณุโลก(ปัจจุบันสนามเทนนิสได้ย้ายไปที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก) อนึ่ง นายแพทย์เบนทูล บุญอิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนแรกหลังจากเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2501 แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอาจารย์พิเศษจนถึงปี พ.ศ.2509 และเสียชีวิตลงในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2511 ทั้งนี้ ในปี พ.ศ.2504 ได้ริเริ่มเปิดรับแพทย์ฝึกหัดครั้งแรกจำนวน 3 คน กระทั่งต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ.2517 นายแพทย์อัฐ เกตุสิงห์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในขณะนั้นได้ริเริ่มจัดสร้างอนุเสาวรีย์เบนทูล-ผกา บุญอิตเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของท่านทั้งสอง โดยนายอัมพร จันทรวิจิตร รองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นประธานในพิธีเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2519(วันคล้ายวันเกิดนายแพทย์เบนทูล บุญอิต)

นอกจากนี้โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลกได้รับการจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลมหาราชด้วยตั้งแต่ พ.ศ.2525 ให้บริการด้านการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคทุกสาขาวิชาแพทย์ในระดับตติยภูมิ รวมทั้งการฟื้นฟูสภาพ ส่งเสริมสุขภาพและการควบคุมป้องกันโรค ทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาและฝึกอบรมบุคลากรด้านกิจการสาธารณสุขต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขและของสถาบันระดับอุดมศึกษาอื่นๆ ทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนรับนักศึกษาแพทย์จากต่างประเทศที่สนใจเข้าอบรม

ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2537 และวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2538 กำหนดให้โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก สังกัดกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีครั้งเดียวกันด้วยข้อตกลงเรื่องความร่วมมือในการผลิตแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและทบวงมหาวิทยาลัย และอบรมแพทย์ในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2538 ทางโรงพยาบาลพุทธชินราชรับผิดชอบการเรียนการสอนแพทยศาสตร์ในระดับคลินิกคือชั้นปีที่ 4-6 ได้เริ่มรับนิสิตแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร(เริ่มทำการสอนนิสิตแพทย์รุ่นแรกในปลายชั้นปีที่ 3 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2540) ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ.2541 เป็นรุ่นแรก ทั้งนี้นับตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 มีบัณฑิตแพทย์ที่เรียนชั้นคลินิกที่โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลกสำเร็จการศึกษามาแล้วถึง 18 รุ่น รวมจำนวนทั้งสิ้น 985 คน[3]

ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก

[แก้]

ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก เป็นศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก สังกัดโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก และเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์แห่งแรกกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2537

ประวัติ

[แก้]
พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก

ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2537 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2538 ที่เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินโครงการร่วมผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท สำนักงานบริหารโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท สังกัดปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยกำหนดให้โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่เป็นสถาบันการศึกษาแพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และมีการทำข้อตกลงเรื่องความร่วมมือในการร่วมผลิตแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและทบวงมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2538 โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก จึงได้เริ่มรับนิสิตแพทย์รุ่นแรกจำนวน 33 คน จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรตั้งแต่เดือน เมษายน พ.ศ. 2541 โดยทางโรงพยาบาลได้รับจัดสรรงบประมาณในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เป็นเงิน 555.68 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารเรียนรวม 1 หลัง และอาคารหอพักนิสิตแพทย์ 1 หลัง

ทั้งนี้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้ามาร่วมพัฒนาในด้านการจัดทำหลักสูตรรายวิชาและการพัฒนาอาจารย์แพทย์และบุคลากรร่วมกัน รวมทั้งการชี้แจงนโยบายด้านการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยนเรศวร ต่อมาได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้อำนวยการศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก เป็นรองคณบดีฝ่ายคลินิก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มาจนถึงปัจจุบัน

ลักษณะพิเศษของ โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบทก็คือ การคัดเลือกนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากภูมิภาคและให้กลับไปทำงานที่ภูมิลำเนาเดิม เพื่อเป็นการกระจายโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาวิชาแพทยศาสตร์มากขึ้น เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะต้องปฏิบัติงานในภูมิลำเนาเดิมไม่น้อยกว่า 3 ปี หากไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ จะต้องชดใช้ทุนให้แก่กระทรวงสาธารณสุขตามที่กำหนด

หลักสูตรการศึกษา

[แก้]

ปัจจุบัน ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก จัดการเรียนการสอนในระดับชั้นคลินิก ตามหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ใน 1 หลักสูตร คือ

ปริญญาตรี
สถาบันอุดมศึกษา

ระยะเวลาในการศึกษา

[แก้]

ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตลอดหลักสูตรรวม 6 ปี ดังนี้

ระดับชั้น
สถานที่ศึกษา
  • ระดับชั้นเตรียมแพทยศาสตร์และชั้นปรีคลินิก (ชั้นปี 1 - 3)
  • ระดับชั้นคลินิก (ชั้นปี 4 - 6)

การรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต

[แก้]
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD) ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร รับนักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตพื้นที่บริการการศึกษาของมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี และพะเยา โดยนิสิตแพทย์กลุ่มนี้จะทำการเรียนชั้นคลินิกที่ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก หรือศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ เมื่อจบการศึกษาแล้วจะต้องทำงานใช้ทุนในจังหวัดภูมิลำเนาของตนเองเป็นเวลา 3 ปี โครงการนี้จะดำเนินการเปิดรับสมัครในช่วงประมาณเดือนกันยายนของทุกปี ตามประกาศรับตรงประจำปีของมหาวิทยาลัยนเรศวร

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. ระบบรายงานทรัพยากรสาธารณสุข[ลิงก์เสีย]
  2. "CPIRD". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-02. สืบค้นเมื่อ 2018-05-24.
  3. "ประวัติโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-03-04. สืบค้นเมื่อ 2022-03-04.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]