ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จังหวัดหนองบัวลำภู"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Phonpalakorn (คุย | ส่วนร่วม) ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 71: | บรรทัด 71: | ||
ปี พ.ศ. 2321 พระเจ้าศิริบุญสารได้ยกกองทัพมารุกรานพระวอ และปราบพระวอได้ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบรีทราบ โปรดสั่งให้เจ้า[[พระยาจักรี]]ยกกองทัพไปมาช่วยพระวอ แล้วยกกองทัพติดตามเข้าโจมตีเมืองเวียงจันทน์จนได้ชัยชนะ และได้นำ[[พระแก้วมรกต]]ซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชนำไปจากเมืองเชียงใหม่กลับมาคืนสู่เมืองไทยดังเดิม พระยาจักรีได้รับบำเหน็จความชอบเป็น '''"[[เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก]]"''' กรุงเวียงจันทน์ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของไทยในฐานะเมืองประเทศราช และเมือง "นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" จึงได้ขึ้นกับราชอาณาจักรไทยตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน |
ปี พ.ศ. 2321 พระเจ้าศิริบุญสารได้ยกกองทัพมารุกรานพระวอ และปราบพระวอได้ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบรีทราบ โปรดสั่งให้เจ้า[[พระยาจักรี]]ยกกองทัพไปมาช่วยพระวอ แล้วยกกองทัพติดตามเข้าโจมตีเมืองเวียงจันทน์จนได้ชัยชนะ และได้นำ[[พระแก้วมรกต]]ซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชนำไปจากเมืองเชียงใหม่กลับมาคืนสู่เมืองไทยดังเดิม พระยาจักรีได้รับบำเหน็จความชอบเป็น '''"[[เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก]]"''' กรุงเวียงจันทน์ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของไทยในฐานะเมืองประเทศราช และเมือง "นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" จึงได้ขึ้นกับราชอาณาจักรไทยตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน |
||
=== สมัยรัตนโกสินทร์ === |
|||
ปี พ.ศ. 2369 ในรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงษ์แห่งเวียงจันทน์ได้ก่อกบฏ ยกทัพมาบุกยึดเมืองนครราชสีมา<ref>http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว</ref> ทางกรุงเทพได้ส่งกองทัพมาปราบ ฝ่ายเจ้าอนุวงษ์ได้ถอยร่มไปตั้งรับอยู่ที่เมือง"หนองบัวลุ่มภู"ต่อสูรบกันเป็นสามารถ และติดตามจับเจ้าอนุวงษ์ได้ที่เมืองเวียงจันทน์ แล้วนำตัวไปพิจารณาโทษที่กรุงเทพด้วยการทรมานและประจานอยู่หลายวันจนเสียชีวิตในกรงขังปี พ.ศ. 2433 สมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯให้จัดระเบียบปกครองเมืองทางลุ่มแม่น้ำโขงใหม่ โดยให้ข้าหลวงเมืองหนองคายบังคับบัญชา ช่วงนี้เมืองหนองบัวลำภูขึ้นอยู่กับเมืองหนองคาย ต่อมาได้โปรดเกล้าฯให้แต่งข้าหลวงใหญ่ล้วนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 พระองค์ในปี พ.ศ. 2434 คือ '''[[กรมหลวงพิชิตปรีชากร]]''' เรียกว่า "ข้าหลวงเมืองลาวกาว" เป็นข้าหลวงประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี และในปี พ.ศ. 2436 '''[[กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม]]''' เป็นข้าหลวงใหญ่ประทับ ณ เมืองอุดรธานี เรียกว่า "ข้าหลวงเมืองลาวพวน" และ'''[[กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์]]''' เป็นข้าหลวงใหญประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี เรียกว่า "ข้าหลวงหัวเมืองลาวกาว" หนองบัวลำภูขึ้นสังกัดกับเมืองลาวพวนและแต่งตั้ง "พระวิชดยดมกมุทเขต" มาครองเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ซึ่งมีฐานะเป็นเมืองเอกของมณฑลลาวพวนและเปลี่ยนชือเมืองใหม่ว่า "เมืองกมุทธาไสยบุรีรมย์" และเป็นข้าหลวงคนสุดท้ายของเมืองปี พ.ศ. 2443 รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เปลี่ยนชือมณฑลฝ่ายเหนือเป็นมณฑลอุดรและรวมผังเมืองต่างๆ ในมณลอุดรเป็น 5 บริเวณ ได้แก่ บริเวณบ้านหมากแข้ง บริเวณธาตุพนม บริเวณสกลนคร บริเวณพาชี บริเวณน้ำเหือง เมืองกมุทธาสัยได้ถูกรวมอยู่ในบริเวณบ้านหมากแข้งประกอบด้วย 7 เมืองคือ เมืองหมากแข้ง หนองคาย หนองหาน กุมภวาปี กมุทธาสัย โพนพิสัย และรัตนวาปี<ref>http://blog.eduzones.com/clip/17914</ref> ตั้งที่ว่าการอยู่ที่บ้านหมากแข้งปี พ.ศ. 2449 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเมืองกมุทธาสัยมาเป็น "เมืองหนองบัวลุ่มภูและเพี้ยนเป็นหนองบัวลำภูในปัจจุบัน"ขึ้นกับบริเวณบ้านหมากแข้ง ปี พ.ศ. 2450 ได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงมหาดไทยรวมเมืองต่าง ๆ ในบริเวณบ้านหมากแข้งตั้งเป็นเมืองจัตวา เรียกว่า "เมืองอุดรธานี" ส่วนเมืองในสังกัดบริเวณให้มีฐานะเป็นอำเภอ '''เมืองหนองบัวลำภู''' จึงกลายเป็น '''อำเภอหนองบัวลำภู''' และมีอำเภอที่เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน โดยจัดตั้งขึ้นตามลำดับ 4 กิ่งอำเภอ คือ1. กิ่งอำเภอโนนสัง เมื่อปี พ.ศ. 24912. กิ่งอำเภอศรีบุญเรือง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 25083. กิ่งอำเภอนากลาง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 4. กิ่งอำเภอสุวรรณคูหา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2516ปี พ.ศ. 2536 ประกาศจัดตั้งเป็น '''จังหวัดหนองบัวลำภู''' เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 โดยประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 110 ตอนที่ 125 ลงวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2536 |
|||
== รายนามผู้ว่าราชการจังหวัด == |
== รายนามผู้ว่าราชการจังหวัด == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:58, 4 สิงหาคม 2559
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
จังหวัดหนองบัวลำภู | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Nong Bua Lam Phu |
คำขวัญ: ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน | |
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดหนองบัวลำภูเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | พศิน โกมลวิชญ์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2558) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 3,859.086 ตร.กม.[1] ตร.กม. (Formatting error: invalid input when rounding ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 55 |
ประชากร (พ.ศ. 2557) | |
• ทั้งหมด | 508,864 คน[2] คน |
• อันดับ | อันดับที่ 53 |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 32 |
รหัส ISO 3166 | TH-39 |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | พะยูง |
• ดอกไม้ | บัวหลวง |
ศาลากลางจังหวัด | |
• โทรศัพท์ | 0 4231 2916 |
เว็บไซต์ | http://www.nongbualamphu.go.th |
จังหวัดหนองบัวลำภู (ภาษาลาว:ໜອງບົວລຳພູ) เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย เป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2536 พร้อมกับจังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดสระแก้ว
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- คำขวัญประจำจังหวัด : ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน
- ตราประจำจังหวัด : ภาพพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชประทับยืนหน้าศาลของพระองค์ ซึ่งตั้งอยู่หน้าหนองบัวลำภู
- ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นพะยูง ([Dalbergia cochinchinensis] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ))
- ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกบัวหลวง ([Nymphaea lotus] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ))
- สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาสร้อยขาวหรือปลาขาวสร้อย ([Henicorhynchus siamensis] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ))
อาณาเขตติดต่อ
จังหวัดหนองบัวลำภู มีอาณาเขตติดต่อดังนี้
- ทิศเหนือติดต่อกับ จังหวัดอุดรธานี
- ทิศใต้ติดต่อกับ จังหวัดขอนแก่น
- ทิศตะวันออกติดต่อกับ จังหวัดอุดรธานี
- ทิศตะวันตกติดต่อกับ จังหวัดเลย
- หนองบัวลำภูไปกรุงเทพมหานคร 560 กิโลเมตร
ประวัติศาสตร์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ - สมัยทวารวดี- สมัยขอมหรือเขมร
จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนประว้ติศาสตร์ ดังหลักฐานที่ขุดค้นพบ จากแหล่งโบราณคดีกุดกวางสร้อยกุดค้อเมย[3] ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ กำไลสำริด กำไลหิน แม่พิมพ์ทำจากหินทรายสำหรับใช้หล่อหัวขวานสำริด เครื่องมือเหล็ก ลูกปัดแก้ว เป็นต้น อายุประมาณ 2,500 ปี ซึ่งสถานที่ขุดค้นพบอยู่ที่บ้านกุดกวางสร้อยและบ้านกุดค้อเมย อำเภอโนนสัง บริเวณเชิงเขาภูพานด้านทิศตะวันตกและเชิงเขาภูเก้าด้านทิศตะวันออก ซึ่งแหล่งโบราณคดีสองแห่งนี้มีอายุใกล้เคียงกับวัฒนธรรมบ้านเชียง
ประมาณ พ.ศ. 1100 - พ.ศ. 1500 ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูได้ค้นพบวัตถุสมัยทวารวดี เช่น ใบเสมา ที่ภูน้อย วัดพระธาตุเมืองพิณ อำเถอนากลาง และวัดป่าโนนคำวิเวก อำเภอสุวรรรคูหา
ประมาณ พ.ศ. 1500 - พ.ศ. 1700 ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูได้รับวัฒนธรรมขอมหรือเขมร พบโบราณสถานหรือโบราณวัตถุที่เป็นศิปละขอมหรือเขมร เช่น ฐานวิหารศิลาแลง ศิลาจารึกวัดพระธาตุเมืองพิณ และอักษารขอมโบราณที่วัดป่าโนนคำวิเวก อำเภอสุวรรณคูหา
สมัยสุโขทัย
พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1961 ในสมัยสุโขทัย เป็นสมัยอาณาจักรล้านช้างก่อกำเนิดในภาคอีสาน ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้างุ้มฟ้าและพระเจ้าสามแสน[4] พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับอิทธิพลและเป็นเขตอาณาจักรล้านช้าง ครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจนไปถึงแอ่งโคราช และกระจายชุมชนเข้ามาสู่แอ่งสกลนครจนไปถึงบริเวณพระธาตุพนม เลยลงไปถึงแดนเขมรจนปัจจุบันเรียกว่า อีสานใต้ (จากพงศาวดารล้านช้าง) พื้นที่ในจังหวัดหนองบัวลำภูจึงได้รับอิทธิพลล้านช้างซึ่งแพร่หลายในขณะนั้นในบริเวณแอ่งสกลนคร และรับศาสนาพุทธลัทธิลังกาวงศ์ (นิกายเถรวาท) เป็นศาสนาประจำถิ่นตามผู้ปกครองอาณาจักร
สมัยอยุธยา
ประมาณ พ.ศ. 2106 พระไชยเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต (กรุงเวียงจันทน์)[5] ได้นำผู้คนอพยพจากหลวงพระบางเและเวียงจันทร์มาอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในปีพ.ศ. 2106 หลังจากที่สร้างเมืองเวียงจันทร์ในปีพ.ศ. 2103 และก็อยู่ในระหว่างการสร้างพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งภาคอีสานก็อยู่ในเขตอาณาจักรล้านช้าง ดังหลักฐานที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกและได้สร้างพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ในวัดถ้ำสวรรณคูหา อำเภอสุวรรณคูหา และนำไพร่พลมาบูรณะสร้างบ้านสร้างสาเมืองนครหนองบัวลุ่มภูขึ้นใหม่อีกครั้งที่ริมหนองบัว (หนองซำซ้าง) ซึ่งเป็นเมืองเก่าสมัยขอมเรืองอำนาจ พระไชยเชษฐาธิราชได้สร้างพระพุทธรูป วิหาร และขุดบ่อน้ำในบริเวณวัดศรีคูณเมือง[6] และยกฐานะเป็นเมือง "เวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน" มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านของเมืองเวียงจันทน์ คนทั่วไปนิยมเรียกว่า "หนองบัวลุ่มภู" ซึ้งปัจจุบันเรียกเพี้ยนมาว่าหนองบัวลำภูถือว่าเป็นเมืองเอกล้านช้างตะวันตกของอาณาจักรล้านช้าง
ปี พ.ศ. 2117 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในระหว่างที่ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 ให้แก่พม่าสมัยพระเจ้าหงสาวดี[ต้องการอ้างอิง] สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชได้ยกกองทัพช่วยพม่ารบกับกรุงเวียงจันทน์ โดยมีสมเด็จพระนเรศวรตามเสด็จพระราชบิดาช่วยรบ เนื่องจากพระไชยเชษฐาธิราชได้หายสาบสูญไปในระหว่างการรบปราบข่า ที่ลาวใต้ เวียงจันทน์เกิดการแย่งชิงราชสมบัติจึงได้ถือโอกาสเข้าตีกรุงเวียงจันทน์ สมเด็จพระมหาธรรมราชาและสมเด็จพระนเรศวร นำกองทัพเสด็จประทับแรมที่บริเวณหนองบัว เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงามและมีแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคในบริเวณนั้น สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงพระประชวรด้วยไข้ทรพิษ พระเจ้าหงสาวดีได้รับข่าวจึงอนุญาตให้สมเด็จพระนเรศวรเดินทางกลับเพื่อรักษาพระองค์
ประมาณปี พ.ศ. 2302 ตรงกับสมัยพระเจ้าเอกทัศน์กษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าสุวรรณปางคำปาหลัง(เจ้าปางคำ)พร้อมเสนาบดีจากเมืองเชียงรุ่งและพระวอซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นพระวรราชภักดีและพระตา มีภูมิลำเนาเดิมที่บ้านหินโงม เป็นเสนาบดีของพระเจ้ากรุงเวียงจันทน์ มาตั้งแต่สมัย พระเจ้าอนุวงษ์ไทธิราช เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ฝ่ายนอกของกษัตริย์กรุงเวียงจันทน์ มีเรื่องขัดใจกับพระเจ้าศิริบุญสารผู้เป็นโอรส พระวอและพระตาได้อพยพไพร่พลข้ามลำน้ำโขงมาตั้งภูมิลำเนา มาบูรณะสร้างบ้านแปลงเมืองที่ "เวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน"ให้เป็นเวียงใหม่เป็นเวียงนครใหญ่ชื่อว่า เวียงใหม่นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ซึ่งเป็นเอกเทศราชไม่ขึ้นต่อผู้ใด มีกฏบัญญัติบ้านเมือง มีกษัตริย์ปกครอง มีดินแดนกำแพงคูเมืองล้อมรอบพร้อมประตูเวียง มีแม่น้ำแม่พระเนียงเป็นสายหลัก มีเมืองหน้าด้านของตัวเอง ได้แก่เมืองนาด้วง ภูเวียง ผาขาว พรรณา พร้อมผู้คนและช้างเผือกคู่เวียง
สมัยธนบุรี
ประมาณ พ.ศ. 2310 ตรงกับต้นสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช[7] พระเจ้าศิริบุญสารแห่งเมืองเวียงจันทน์ยกทัพมาตีพระวอพระตาที่เมือง "นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" (ชื่อจังหวัดหนองบัวลำภูในสมัยนั้น) ทำการสู้รบกันที่ช่องน้ำจั่น (น้ำตกเฒ่าโต้) บนภูพานคำใช้เวลาอยู่ประมาณ 3 ปี ฝ่ายเวียงจันทน์ขอกำลังจากพม่ามาช่วยรบ จึงสามารถตีเมืองแตกได้ พระตาถูกข้าศึกฆ่าในสนามรบ ส่วนพระวออพยพไพร่พลไปขอพึงบารมีเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ ต่อมาได้แยกมาสร้างบ้านแปงเมืองอยู่ที่ดอนมดแดง (ปัจจุบันคือจังหวัดอุบลราชธานี) แล้วขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้ากรุงธนบุรี
ปี พ.ศ. 2321 พระเจ้าศิริบุญสารได้ยกกองทัพมารุกรานพระวอ และปราบพระวอได้ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบรีทราบ โปรดสั่งให้เจ้าพระยาจักรียกกองทัพไปมาช่วยพระวอ แล้วยกกองทัพติดตามเข้าโจมตีเมืองเวียงจันทน์จนได้ชัยชนะ และได้นำพระแก้วมรกตซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชนำไปจากเมืองเชียงใหม่กลับมาคืนสู่เมืองไทยดังเดิม พระยาจักรีได้รับบำเหน็จความชอบเป็น "เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก" กรุงเวียงจันทน์ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของไทยในฐานะเมืองประเทศราช และเมือง "นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" จึงได้ขึ้นกับราชอาณาจักรไทยตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
สมัยรัตนโกสินทร์
ปี พ.ศ. 2369 ในรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงษ์แห่งเวียงจันทน์ได้ก่อกบฏ ยกทัพมาบุกยึดเมืองนครราชสีมา[8] ทางกรุงเทพได้ส่งกองทัพมาปราบ ฝ่ายเจ้าอนุวงษ์ได้ถอยร่มไปตั้งรับอยู่ที่เมือง"หนองบัวลุ่มภู"ต่อสูรบกันเป็นสามารถ และติดตามจับเจ้าอนุวงษ์ได้ที่เมืองเวียงจันทน์ แล้วนำตัวไปพิจารณาโทษที่กรุงเทพด้วยการทรมานและประจานอยู่หลายวันจนเสียชีวิตในกรงขังปี พ.ศ. 2433 สมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯให้จัดระเบียบปกครองเมืองทางลุ่มแม่น้ำโขงใหม่ โดยให้ข้าหลวงเมืองหนองคายบังคับบัญชา ช่วงนี้เมืองหนองบัวลำภูขึ้นอยู่กับเมืองหนองคาย ต่อมาได้โปรดเกล้าฯให้แต่งข้าหลวงใหญ่ล้วนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 พระองค์ในปี พ.ศ. 2434 คือ กรมหลวงพิชิตปรีชากร เรียกว่า "ข้าหลวงเมืองลาวกาว" เป็นข้าหลวงประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี และในปี พ.ศ. 2436 กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นข้าหลวงใหญ่ประทับ ณ เมืองอุดรธานี เรียกว่า "ข้าหลวงเมืองลาวพวน" และกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นข้าหลวงใหญประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี เรียกว่า "ข้าหลวงหัวเมืองลาวกาว" หนองบัวลำภูขึ้นสังกัดกับเมืองลาวพวนและแต่งตั้ง "พระวิชดยดมกมุทเขต" มาครองเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ซึ่งมีฐานะเป็นเมืองเอกของมณฑลลาวพวนและเปลี่ยนชือเมืองใหม่ว่า "เมืองกมุทธาไสยบุรีรมย์" และเป็นข้าหลวงคนสุดท้ายของเมืองปี พ.ศ. 2443 รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เปลี่ยนชือมณฑลฝ่ายเหนือเป็นมณฑลอุดรและรวมผังเมืองต่างๆ ในมณลอุดรเป็น 5 บริเวณ ได้แก่ บริเวณบ้านหมากแข้ง บริเวณธาตุพนม บริเวณสกลนคร บริเวณพาชี บริเวณน้ำเหือง เมืองกมุทธาสัยได้ถูกรวมอยู่ในบริเวณบ้านหมากแข้งประกอบด้วย 7 เมืองคือ เมืองหมากแข้ง หนองคาย หนองหาน กุมภวาปี กมุทธาสัย โพนพิสัย และรัตนวาปี[9] ตั้งที่ว่าการอยู่ที่บ้านหมากแข้งปี พ.ศ. 2449 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเมืองกมุทธาสัยมาเป็น "เมืองหนองบัวลุ่มภูและเพี้ยนเป็นหนองบัวลำภูในปัจจุบัน"ขึ้นกับบริเวณบ้านหมากแข้ง ปี พ.ศ. 2450 ได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงมหาดไทยรวมเมืองต่าง ๆ ในบริเวณบ้านหมากแข้งตั้งเป็นเมืองจัตวา เรียกว่า "เมืองอุดรธานี" ส่วนเมืองในสังกัดบริเวณให้มีฐานะเป็นอำเภอ เมืองหนองบัวลำภู จึงกลายเป็น อำเภอหนองบัวลำภู และมีอำเภอที่เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน โดยจัดตั้งขึ้นตามลำดับ 4 กิ่งอำเภอ คือ1. กิ่งอำเภอโนนสัง เมื่อปี พ.ศ. 24912. กิ่งอำเภอศรีบุญเรือง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 25083. กิ่งอำเภอนากลาง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 4. กิ่งอำเภอสุวรรณคูหา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2516ปี พ.ศ. 2536 ประกาศจัดตั้งเป็น จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 โดยประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 110 ตอนที่ 125 ลงวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2536
รายนามผู้ว่าราชการจังหวัด
1. นายประภา ยุวานนท์ | 1 ธันวาคม 2536 - วันที่ 30 มิถุนายน 2537 |
2. นายขวัญชัย วศวงศ์ | 1 ตุลาคม 2537 - วันที่ 30 เมษายน 2540 |
3. นายนิคม บูรณพันธุ์ศรี | 1 พฤษภาคม 2540 - วันที่ 16 เมษายน 2541 |
4. นายนิรัช วัจนะภูมิ | 17 เมษายน 2541 - วันที่ 30 กันยายน 2542 |
5. นายปัญญารัตน์ ปานทอง | 1 ตุลาคม 2542 - วันที่ 30 กันยายน 2544 |
6. นายสุขุมรัฐ สาริบุตร | 1 ตุลาคม 2544 - วันที่ 30 กันยายน 2546 |
7. นายจารึก ปริญญาพล | 1 ตุลาคม 2546 - วันที่ 30 กันยายน 2547 |
8. นายต่อพงษ์ อ่ำพันธุ์ | 1 ตุลาคม 2547 - วันที่ 4 มิถุนายน 2549 |
9. นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ | 5 มิถุนายน 2549 - วันที่ 30 กันยายน 2550 |
10. นายเดชา ตันติยวรงค์ | 1 ตุลาคม 2550 - 5 พฤษภาคม 2551 |
11. นายอธิคม สุพรรณพงศ์ | 6 พฤษภาคม 2551 - 30 กันยายน 2552 |
12. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต | 1 ตุลาคม 2552 - 30 กันยายน 2553 |
13. นายวินัย บัวประดิษฐ์ | 1 ตุลาคม 2553 - 27 พฤศจิกายน 2554 |
14. นายระพี ผ่องบุพกิจ | 28 พฤศจิกายน 2554 - 30 กันยายน 2556 |
15. นายชยพล ธิติศักดิ์ | 1 ตุลาคม 2556 - 1 กุมภาพันธ์ 2558 |
16. นายอำนวย ตั้งเจริญชัย | 1 กุมภาพันธ์ 2558 - 30 กันยายน 2558 |
17. นายพศิน โกมลวิชญ์ | 1 ตุลาคม 2558 - ปัจจุบัน |
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดหนองบัวลำภู มีพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง บางส่วนเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลาดตื้นถึงลาดลึก แล้วลาดลงไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร ทางตอนบนของจังหวัดจะเป็นพื้นที่ภูเขาสูง โดยยอดดอยหรือภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัด ได้แก่ดอยผาเวียง ภูสามยอดโดยสูงเฉลี่ย 900เมตรและเป็นต้นน้ำสายย้อยต่างๆ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายและลูกรังไม่สามารถเก็บกักน้ำหรืออุ้มน้ำในฤดูแล้ง
ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะอากาศในจังหวัดหนองบัวลำภู แบ่งออกเป็น 3 ฤดู เช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับมรสุมที่พัดผ่านประจำปี จัดอยู่ในประเภทภูมิอากาศแบบพื้นเมืองร้อนเฉพาะฤดู กล่าวคือ จะมีฝนตกเฉพาะในฤดูฝน สลับกับช่วงแห้งแล้งในฤดูหนาวและฤดูร้อน
- ฤดูร้อน อยู่ในระหว่างเดือน มีนาคมถึงเมษายน อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 34 - 36 องศาเซลเซียส
- ฤดูฝน อยู่ในระหว่างเดือน พฤษภาคมถึงตุลาคม และจะตกมากในเดือน สิงหาคม-กันยายน เนื่องจากอิทธิพลพายุดีเปรสชัน
- ฤดูหนาว อยู่ในระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวมากในช่วงเดือนธันวาคม– มกราคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 15 - 16 องศาเซลเซียส
ลักษณธภูมิอากาศเป็นแบบสะวันนาคือฤดูฝนสลับกับฤดูแล้งอย่างชัดเจน ปริมาณฝนที่ตกในจังหวัดหนองบัวลำภูโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงระหว่าง 978.3 - 1,348.9 มิลลิเมตรต่อปี อำเภอสุวรรณคูหา มีปริมาณฝนตกโดยเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาได้แก่ อำเภอนากลาง ส่วนพื้นที่ที่มีฝนตกน้อยที่สุด ได้แก่ อำเภอเมือง ซึ่งมีปริมาณโดยเฉลี่ยประมาณ 978.3 มิลลิเมตรต่อปี
ประชากร
กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภูมีชาติพันธุ์ต่างๆ มีดังนี้
- กลุ่มไท - ลาว อพยพมาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยมีกลุ่มพระวอ - พระตาเป็นเชื้อสายลาวเวียงจันทน์
- กลุ่มไท - เขมร อพยพมาจาก บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ
- กลุ่มไท - สยาม อพยพมาจากภาคกลางของประเทศไทย
- กลุ่มคนจีนและคนญวน อพยพมาเพื่อประกอบอาชีพค้าขาย และได้มีการแต่งงานกับคนในท้องถิ่น เกิดเป็นเชื้อสายจีนและเชื้อสายญวน แต่ยังมีจำนวนน้อย
ประชากรที่อาศัยอยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภูสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- กลุ่มลาวพุงขาว (ล้านช้างเวียงจันทน์) กลุ่มชนนี้เป็นชนพื้นเมืองเดิมที่อาศัยอยู่บริเวณรอบนอกเมือง และเป็นกลุ่มใหญ่ของจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีสัญลักษณ์การสักลายดำใต้สะเอวลงมาและมีกินหมาก ปัจจุบันกลุ่มชนพื้นเมืองดังกล่าวเป็นคนฟันขาวเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ห้ามประชาชนทั่วไปกินหมากและสักลายดำ
- กลุ่มคนจีน-ญวน ลักษณะเป็นคนผิวขาวเหลือง อพยพมาจากมณฑลกวางตุ้ง ยูนหนาน ในสมัยรัชการที่ 4 ที่มีพระราชดำริให้คนจีนกระจายอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ในภาคอีสาน และภายหลังได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภู
- กลุ่มคนไต กลุ่มชนนี้เป็นเผ่าไตหรือไท ซึ่งอพยพเข้ามาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภูช่วงสงครามเดียนเบียนฟู (สงครามเวียดนาม - ฝรั่งเศส) ภายหลังสงครามสงบลงกลุ่มคนไตบางส่วนได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมและบางส่วนตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู
ลักษณะเฉพาะถิ่น
จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มั่งคั่งด้วยมรดกทางศิลปะและมรดกทางวัฒธรรมที่สั่งสมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เช่น การแต่งกายการปั่นหม้อดินเผา ภาษาประจำถิ่น
1. การแต่งกาย
ลักษณะการแต่งกายของชาวจังหวัดหนองบัวลำภูในอดีต
- ผู้หญิงสวมเสื้อขาวเป็นพื้นเบี่ยงแพร ส่วนผ้าถุงจะเป็นผ้าไหมหมี่ขิด มีหัวซิ่นและตีนซิ่นที่ทอและหูกถึงสามหูก นำมาเย็บติดปะต่อกันเรียกว่า "สามทรวง" มีการทัดดอกไม้สำหรับหญิงสาวผู้เฒ่าผู้แก่แล้วแต่จะใส่อ้ม (ต้นอ้ม ใบมีกลิ่นหอม เมื่อนำใบมาเผาไฟพอลวก ๆ จะมีกลิ่นหอม) ไว้ทรงผมมวยสูงหรือดอกทุ่ม
- ผู้ชายสวมเสื้อสีดำหรือสีหม้อนิล (สีครามทางเหนือเรียกหม้อฮ้อม) เป็นพื้น ใสผ้าโสร่งไหม มีกางเกงหัวรูดเป็นผ้าชั้นในหรือใส่นุ่งเล่นตามบ้านเรือนทั่วไป
ลักษณะการแต่งกายของชาวจังหัวดหนองบัวลำภูปัจจุบัน
- ผู้หญิงวัยรุ่น แต่งกายตามสมัยนิยมใส่ เสื้อยืดหรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว กระโปรงหรือกางเกงขาสั้นหรือขายาว หรือชุดแซก มีเครื่องประดับต่างๆ เช่น สร้อยคอ แหวน ต่างหู กำไลแขน ฯลฯ นิยมใส่รองเท้าหุ้มส้นเมื่อร่วมกิจกรรมนอกบ้าน ใส่รองเท้ามีส้นเมื่อร่วมกิจกรรมรื่นเริงและสังสรรค์
- ผู้หญิงสูงวัย แต่งกายด้วยเสื้อลายปักต่างๆ ทั้งแขนสั้นและแขนยาว หรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว ใส่ผ้าซิ่นลายต่างๆ ของท้องถิ่น หรือกางเกงขายาวพื้นสีดำทั้งขาสั้นและแขนยาว
- ผู้ชายวัยรุ่น แต่งกายด้วยเสื้อยืดหรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว ใส่กางเกงขาสั้นหรือขายาว กางเกงยืนหรือกางเกงสแล็ค
- ผู้ชายสูงวัย แต่งกายด้วยเสื้อยืดหรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว ใส่โสร่ง ผ้าขาวม้า ใส่กางเกงขาสั้นหรือขายาว กางเกงยืนหรือกางเกงสแล็ค
2. เครื่องปั้นดินเผา
เครื่องปั้นดินเผา คือ เอาดินเหนียวมาตีและปั้นเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวันและนำไปใช้ในการประกอบพิธีกรรมด้วย จังหวัดหนองบัวลำภูมีมรดกทางวัฒนธรรมเครื่องปั้นดินเผามาตั้งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์ประมาณ 3,500 - 4,000 ปีล่วงมาแล้ว จากการขุดค้นโดยชาวบ้านก่อนพุทธศักราช 2514 กรมศิลปกรขุดค้นเพื่อการศึกษาในพุทธศักราช 2538 ที่ป่าพร้าว บ้านกุดคำเมย ตำบลกุดดู่ และบ้านโนนกล้วย (ดอนกลาง) บ้านกุดกวางสร้อย อำเภอโนนสัง ปัจจุบันการปั้นดินเผามีอยู่ที่บ้านโค้งสวรรค์ ตำบลโนนทัน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู เครื่องปั้นดินเผาดังกล่าวจะทำเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าที่จะใช้ประกอบพิธีกรรม
หน่วยการปกครอง
การปกครองแบ่งออกเป็น 6 อำเภอ 59 ตำบล 636 หมู่บ้าน
ประชากรในจังหวัด
- หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
- หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
อันดับ (ปีล่าสุด) |
อำเภอ | พ.ศ. 2557[10] | พ.ศ. 2556[11] | พ.ศ. 2555[12] | พ.ศ. 2554[13] | พ.ศ. 2553[14] | พ.ศ. 2552[15] | พ.ศ. 2551[16] | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | เมืองหนองบัวลำภู | 135,030 | 134,457 | 133,761 | 133,063 | 132,901 | 132,282 | 131,794 | |
2 | ศรีบุญเรือง | 110,785 | 110,309 | 109,836 | 109,208 | 109,771 | 109,385 | 109,156 | |
3 | นากลาง | 92,321 | 91,982 | 91,468 | 91,095 | 90,974 | 90,568 | 90,346 | |
4 | สุวรรณคูหา | 68,234 | 68,132 | 67,995 | 67,685 | 67,559 | 67,247 | 67,799 | |
5 | โนนสัง | 65,065 | 64,823 | 64,699 | 64,318 | 64,459 | 64,404 | 64,294 | |
6 | นาวัง | 37,429 | 37,434 | 37,312 | 37,182 | 37,204 | 37,027 | 36,952 | |
— | รวม | 508,864 | 507,137 | 505,071 | 502,551 | 502,868 | 500,913 | 499,520 |
การคมนาคม
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอใกล้เคียง
- อำเภอนากลาง 30 กิโลเมตร
- อำเภอศรีบุญเรือง 33 กิโลเมตร
- อำเภอโนนสัง 42 กิโลเมตร
- อำเภอนาวัง 42 กิโลเมตร
- อำเภอสุวรรณคูหา 65กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดหนองบัวลำภูไปยังจังหวัดใกล้เคียง
- จังหวัดอุดรธานี 46 กิโลเมตร
- จังหวัดเลย 92 กิโลเมตร
- จังหวัดหนองคาย 104 กิโลเมตร
- จังหวัดขอนแก่น 117 กิโลเมตร
การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี บริเวณกิโลเมตรที่ 107 แยกเข้าทาง หลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง หมายเลข 210 ผ่านอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ถึงจังหวัดหนองบัวลำภู รวมระยะทาง 608 กิโลเมตร หรือ เมื่อถึงจังหวัดขอนแก่นแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2109 (น้ำพอง-เขื่อนอุบลรัตน์) เข้าอำเภอโนนสังถึง จังหวัดหนองบัวลำภู รวมระยะทางประมาณ 559 กิโลเมตร รถโดยสาร มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-หนองบัวลำภู ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง
เส้นทางรถโดยสารที่มีในจังหวัดหหนองบัวลำภู
เส้นทางรถโดยสารในจังหวัด
- หนองบัวลำภู - นากลาง - นาวัง
- หนองบัวลำภู - โนนสัง
- หนองบัวลำภู - ศรีบุญเรือง
- หนองบัวลำภู - สุวรรณคูหา
- หนองบัวลำภู - ภูพระ
- หนองบัวลำภู - ทรายมูล
- หนองบัวลำภู - ทุ่งโปร่ง
- หนองบัวลำภู - กุดจิก
- โนนสมบูรณ์ - บ้านขาม
เส้นทางรถโดยสารระหว่างจังหวัด
- หนองบัวลำภู - ท่าบ่อ - หนองคาย
- หนองบัวลำภู - บ้านผือ - สังคม
- หนองบัวลำภู - ภูเวียง - ขอนแก่น
- หนองบัวลำภู - อุบลรัตน์ - ขอนแก่น
- อุดรธานี - หนองบัวลำภู - เลย
- อุดรธานี - หนองบัวลำภู - ชุมแพ
- หนองคาย - หนองบัวลำภู - ชัยภูมิ
- อุดรธานี - หนองบัวลำภู - พิษณุโลก
- อุดรธานี - หนองบัวลำภู - เชียงใหม่
- นครพนม - หนองบัวลำภู - เชียงราย
สถานที่ท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
- อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ
- วนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้
- วนอุทยานบัวบาน
- พิพิธภัณฑ์สุสานหอยหิน 150 ล้านปี
- หนองบัว
- จุดชมวิวช่องเขาขาด
- ผาสามยอด
- ภูพานคำ
- ภูเก้า
- ภูน้อย
- ภูหินลาดช่อฟ้า
- ภูผายา
- ถ้ำสุวรรณคูหา
- ถ้ำเอราวัณ
- ถ้ำผาเวียง
- ภูแปก บ้านสนามชัย ต.กุดแห่ อ.นากลาง
- ธุดงคสถานวัดป่าธารน้ำทิพย์ (ซำไฮ) ภูแปก บ้านสนามชัย
- หาดโนนยาว (เขื่อนอุบลรัตน์)
- อ่างเก็บน้ำโคกนกสาริกา
- อ่างเก็บน้ำห้วยไร่ บ
สถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปะและวัฒนธรรม
- หมู่บ้านหัตถกรรมปั้นหม้อบ้านโค้งสวรรค์
- หมู่บ้านหัตถกรรมจักสานกระติบข้าวต้นคล้า
- ศูนย์พัฒนาอาชีพวัดสว่างศิลา
- กลุ่มทอผ้าไหมบ้านกุดแห่
- แหล่งโบราณคดีภูผายา
- แหล่งโบราณคดีบ้านกุดกวางสร้งและกุดค้อเมย
สถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาและความเชื่อ
- วัดถ้ำกลองเพล
- พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของหลวงปู่ขาว
- กุฏิเก่าของหลวงปู่ขาว
- พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ขาว
- เจดีย์หลวงปู่ขาว
- มณฑปหลวงปู่ขาว
- ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- ศาลพระวอ - พระตา
- พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลอด ปโมทิตะเจดีย์
- วัดศรีคูณเมือง
- วัดพระพุทธบาทภูเก้า
- วัดป่าภูน้อย รอยพระพุทธบาทและเสมาหิน
- สิมไม้ (โบสถ์ไม้) วัดเจริญทรงธรรม
- โนนวัดป่า
- วัดถ้ำผาเวียง
- พระธาตุเมีองพิณ
- พระธาตุหาญเทาว์
เทศกาลและงานประเพณี
อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
- งานบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกาชาดหนองบัวลำภู (จัดเป็นประจำทุกปี ระหว่างวันที่ 18 - 27 มกราคม ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สนามนเรศวรมหาราช)
- เทศกาลน้ำตกเฒ่าโต้ (จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนกันยายน บริเวณวนอุทยานเฒ่าโต้)
- เทศกาลเที่ยวหอยหิน กินลำไย ไหว้หลวงปู่ขาว (จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนสิงหาคม บริเวณชุมชนบ้านห้วยเดื่อ ตำบลโนนทัน)
อำเภอนากลาง
- งานวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช (สนามหน้าศูนย์ราชการอำเภอนากลาง)
- งานตักบาตรเทโว ที่ภูแปก วัดป่าธารน้ำทิพย์ (ซำไฮ) บ้านสนามชัย ต.กุดแห่
อำเภอโนนสัง
- เทศกาลกินปลา (จัดขึ้นทุกปีบริเวณเทศบาลโนนสัง)
- ประเพณีแข่งเรือยาว (จัดขึ้นทุกปีบริเวณเขื่อนอุบลรัตน์)
- ประเพณีบุญผะเหวด (จัดขึ้นทุกปีบริเวณเทศบาลโนนสัง)
อำเภอศรีบุญเรือง
- งานบุญบั้งไฟ (จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ช่วงเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน บริเวณศูนย์ราชการอำเภอศรีบุญเรือง)
อำเภอสุวรรณคูหา
- งานบุญข้าวจี่ยักษ์ (จัดขึ้นทุกปีช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือเดือนมีนาคม บริเวณเทศบาลตำบลสุวรรณคูหาและถ้ำสุวรรณคูหา)
อำเภอนาวัง
- งานเทศกาลขึ้นเขาไหว้พระถ้ำเอราวัณ (จัดเป็นประจำทุกปี ระหว่างวันที่ 12 - 16 เมษายน บริเวณถ้ำเอราวัณ)
การศึกษา
สถาบันอุดมศึกษา
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดหนองบัวลำภู
- มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ศูนย์การศึกษาหนองบัวลำภู
- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์การศึกษาหนองบัวลำภู
- มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษาหนองบัวลำภู
- มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาหนองบัวลำภู
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ศูนย์การศึกษาหนองบัวลำภู
- วิทยาลัยชุมชนหนองบัวลำภู
- วิทยาลัยเทคนิคหนองบัวลำภู
- วิทยาลัยการอาชีพศรีบุญเรือง
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน
- วิทยาลัยพิชญบัณฑิต
- วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจรักไทย นากลาง หนองบัวลำภู
การสาธารณสุข
- โรงพยาบาลหนองบัวลำภู
- โรงพยาบาลศรีบุญเรือง
- โรงพยาบาลนากลาง
- โรงพยาบาลนาวัง
- โรงพยาบาลสุวรรณคูหา
- โรงพยาบาลโนนสัง
- โรงพยาบาลวีระพลการแพทย์ (เอกชน)
ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น
อำเภอเมือง
- ผ้าไหมมัดหมี่ ตำบลโนนทัน
- ผ้าไหมมัดหมี่ ตำบลนาคำไฮ
- ผ้าฝ้ายลายฉลุ ตำบลป่าไม้งาม
- ผ้าสไป ตำบลหนองสวรรค์
- ขนมทองม้วนสมุนไพร ตำบลบ้านขาม
- ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว ตำบลหัวนา
- ข้าวกล้อง ตำบลหนองภัยศูนย์
อำเภอโนนสัง
- ปลาส้ม ตำบลโนนสัง
- ศิลปะจากใบลาน ตำบลบ้านค้อ
- ผ้าขิดยกดอก/ปลาส้ม ตำบลโคกม่วง
- ผ้าฝ้ายยกดอก ตำบลหนองเรือ
- ผ้าขิดย้อมคราม/ผ้าขิดหมักโคลน ตำบลโนนเมือง
- ผ้าลายขิด ตำบลกุดดู่
อำเภอศรีบุญเรือง
- น้ำผึ้งแท้สุวรรณฟาร์ม/กระติ๊บข้าว ตำบลหนองบัวใต้
- เสื้อเย็บด้วยมือ ตำบลเมืองใหม่
- ผ้าไหมมัดหมี่ ตำบลโนนม่วง
- กระติ๊บข้าว ตำบลทรายทอง
- ผ้าลายสายฝน ตำบลหนองแก
อำเภอนากลาง
- ผ้าขิดไหม ตำบลกุดแห่
- นาฬิกา 12 ราศี/ข้าวฮาง ตำบลฝั่งแดง
- ผ้าหุ่มสำลี ตำบลกุดดินจี่
- เอ็นวัวทอดกรอบ ตำบลโนนเมือง
อำเภอสุวรรณคูหา
- ผลิตภัณฑ์จากใยบวบ ตำบลนาดี
- ผ้าฝ้ายลายน้ำไหล ตำบลนาสี
- ผ้าฝ้ายทอมือ ตำบลนาด่าน
อำเภอนาวัง
- ถ่านอัดแท่ง ตำบลวังปลาป้อม
- ผ้าลายสายฝน ตำบลเทพคีรี
- ผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่ไทยนิยม ตำบลวังทอง
- ผักปลอดสารพิษ ตำบลวังทอง
ชาวหนองบัวลำภูที่มีชื่อเสียง
- ดัสกร ทองเหลา นักฟุตบอลทีมชาติไทย
- นภัทร สีเสริม นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
- ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์ นักมวยไทย
- สุรชัย แสงมรกต นักมวยไทย
- พรศักดิ์ ส่องแสง นักร้อง
- สาวมาด เมกะแดนซ์ นักร้อง
- ส้ม นริศรา อาร์สยาม นักร้อง
- ธันวา ราศีธนู นักร้อง
- สมเกียรติ คุณานิธิพงศ์ นักแสดง, ผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทแกรมมี่
- สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม นักการเมือง
อ้างอิง
- ↑ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/pk/pk_57.pdf 2558. สืบค้น 1 มีนาคม 2558.
- ↑ http://www.thai-tour.com/thai-tour/northeast/nongbualampoo/data/place/souce-archaeology.html
- ↑ http://www.baanjomyut.com/library/laos/index.html
- ↑ http://www.laos-discovery.com/chetthahis.html
- ↑ http://nbp.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=116&Itemid=148
- ↑ http://www.wangdermpalace.org/kingtaksin/thai_thegreat.html
- ↑ http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
- ↑ http://blog.eduzones.com/clip/17914
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/pk/pk_57.pdf 2558. สืบค้น 1 มีนาคม 2558.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเนกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖, เล่ม ๑๓๑, ตอน ๔๑ ง , ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗, หน้า ๑
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/y_stat55.html 2555. สืบค้น 3 เมษายน 2556.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/y_stat54.html 2555. สืบค้น 6 เมษายน 2555.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/stat/y_stat53.html 2553. สืบค้น 30 มกราคม 2554.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552."203.113.86.149/stat/y_stat.htmlสืบค้น 30 มีนาคม 2553
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/stat/y_stat51.html 2552. สืบค้น 30 มกราคม 2552.
ดูเพิ่ม
- รายชื่อวัดในจังหวัดหนองบัวลำภู
- รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดหนองบัวลำภู
- รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดหนองบัวลำภู
- รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดหนองบัวลำภู
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
- เว็บไซต์ไม่เป็นทางการของชาวจังหวัดหนองบัวลำภู
- เว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ของชาวจังหวัดหนองบัวลำภู
17°12′N 102°26′E / 17.2°N 102.44°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดหนองบัวลำภู
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย