ข้ามไปเนื้อหา

นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน

พ.ศ. 2310–พ.ศ. 2314
สถานะนครรัฐ
เมืองหลวงนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน
การปกครองราชาธิปไตย
เจ้าผู้ครองนคร 
• พ.ศ. 2310 – พ.ศ. 2314
เจ้าพระตา
• พ.ศ. 2314 – พ.ศ. 2314
เจ้าพระวอ
ประวัติศาสตร์ 
• แยกตัวเป็นอิสระจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์
พ.ศ. 2310
• ถูกยึดครองโดยอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์
พ.ศ. 2314
ก่อนหน้า
ถัดไป
อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์
อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย

นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน หรือ จำปานครขวางกาบแก้วบัวบาน[1] เป็นรัฐอิสระที่แยกตัวจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 24 นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานต้านทานการปราบปรามของเวียงจันทน์ได้เป็นช่วงสั้นๆ ก่อนจะถูกทิ้งร้างจากการโจมตีโดยความร่วมมือระหว่างเวียงจันทน์และพม่า

ประวัติศาสตร์

[แก้]

เหตุการณ์นำ

[แก้]

ใน พ.ศ. 2250 อาณาจักรล้านช้างล่มสลายจากการเข้าแทรกแซงหรือได้รับการไกล่เกลี่ยจากสมเด็จพระเพทราชากษัตริย์อาณาจักรอยุธยา ซึ่งได้เสนอให้แยกอาณาจักรออกจากกันเพื่อลดปัญหาของความขัดแย้งที่รุนแรง ซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 หรือพระเจ้าไชยองค์เว้ทรงสถาปนาอาณาจักรใหม่ นามว่า อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ และกลายเป็นคู่อริกันกับฝ่ายอาณาจักรหลวงพระบางต่อมายาวนานอีกกว่าร้อยปี ต่อมาใน พ.ศ. 2256 เขตแดนอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ก็ได้ถูกแยกเป็นอีกหนึ่งอาณาจักร คือ อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์

เพื่อสร้างความเข้มแข็งและสร้างป้อมปราการกันชนให้แก่อาณาจักรที่เพิ่งถูกสถาปนาขึ้นมาใหม่ พระเจ้าไชยองค์เว้ จึงโปรดแต่งตั้งให้ท้าวนอง[2]ขุนนางสามัญชนเชื้อสายไทพวน เป็นเจ้าอุปราชนครเวียงจันทน์ และโปรดให้เจ้าอุปราชนองนำไพร่พลไปตั้งเมืองที่หนองบัวลุ่มภูเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านยันกับอาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง

ต่อมา พ.ศ. 2283 เจ้าอุปราชนองได้นำกองกำลังชาวเวียดนามเข้ายึดอำนาจจากเจ้าองค์ลอง พระราชโอรสของพระเจ้าไชยองค์เว้ เหตุผลที่เจ้าอุปราชนองมีกำลังพลจากทางเวียดนามเป็นจำนวนมากและมีความเกี่ยวข้องกับทางเวียดนาม สืบเนื่องมาจากตั้งแต่สมัยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมมิกราชขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้พยายามกำจัดพระญาติทางฝ่ายพระราชบิดาจนแทบสิ้น หนึ่งในนั้นคือเจ้าชมพู พระเชษฐาต่างพระมารดา เจ้าชมพูถูกเนรเทศ (หลบหนี) ไปพึ่งเวียดนาม โดยมีแสนทิพย์นาบัว สืบเชื้อสายไทพวนทางฝั่งบิดาหรือไทดำทางฝั่งมารดา ติดตามพระองค์ไปด้วย เจ้าชมพูให้กำเนิดโอรสกับหญิงชาวเมืองเว้ เชื้อสายเวียดนาม นามว่าพระไชยองค์เว้ ภายหลังเจ้าชมพูสิ้นพระชนม์ แสนทิพย์นาบัวจึงได้พระมารดาของพระเจ้าไชยองค์เว้ กษัตริย์ล้านช้างเวียงจันทน์ องค์ที่ 1 เป็นภรรยาให้กำเนิดบุตรนามว่า "ท้าวนอง" ซึ่งต่อมาก็คือ เจ้าอุปราชนอง ดังนั้น เจ้าอุปราชนอง จึงเป็นพี่น้องร่วมมารดาแต่ต่างบิดากับพระเจ้าไชยองค์เว้ และล้วนมีเชื้อสายเวียดนาม (เมืองเว้) ทางฝั่งมารดาทั้งคู่ พระไชยองค์เว้มีราชโอรสนามว่า ท้าวองค์ลอง ภายหลังได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระไชยองค์เว้ในปี พ.ศ. 2273 มีพระนามในใบจุ้มเลขที่ 2 และเลขที่ 7 ที่เก็บรักษาไว้ในหอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ ว่าพระมหาธรรมิกราชจักรพรรดิภูมินทราธิราชเจ้า ตราจุ้มของเจ้าองค์ลองนี้เป็นตราคล้ายกับมังกรอยู่ตรงกลาง และมีแฉกออกคล้ายกับตราธรรมจักร

ภายหลังเจ้าอุปราชนองขึ้นครองเมืองมีพระนามตามใบจุ้มเลขที่ 1 ว่าพระโพสาทธรรมิกราชาไชยจักรพรรดิภูมินทราธิราชเจ้า ท้ายหนังสือใบจุ้มเลขที่ 1 ระบุว่า “ศักราช 104 ตัว เดือนยี่ ขึ้น 5 ค่ำ วัน 2 ฤกษ์ 24 ลูก" (ศักราช 104 ดังกล่าวคือจุลศักราช 1104 หรือ พ.ศ. 2285) ใช้ตราจุ้มเป็นรูปนกยูง เหตุที่ใช้ตราจุ้มเป็นรูปนกยูงนั้นก็เพราะว่าบิดาของเจ้าอุปราชนองมีเชื้อสายพวน ซึ่งให้การช่วยเหลือเจ้าชมพูในการหลบหนีไปพึ่งเวียดนาม เมื่อครองราชย์เจ้าอุปราชนองจึงใช้ตรานกยูงซึ่งเป็นสัตว์ที่กลุ่มคนพวนให้การนับถือ และยังใช้เป็นตราจุ้มของอาณาจักรพวน แต่ในทางปฏิบัติเจ้าอุปราชนองได้รับการยอมรับเป็นแต่เพียงเจ้าอุปราชครองเมืองเท่านั้น ไม่อาจได้รับการยอมรับหรือรับรองจากขุนนางให้ขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการแต่อย่างใดเนื่องจากเจ้าอุปราชนองไม่มีเชื้อสายทางกษัตริย์ล้านช้างแต่เป็นเพียงเชื้อสายสามัญชนที่เข้ามายึดอำนาจจากเชื้อสายเจ้านายเท่านั้น เมื่อเจ้าอุปราชนองได้ครองนครเวียงจันทน์จึงมอบให้พระตาบุตรชายไปปกครองเมืองหนองบัวลุ่มภูแทน

ภายหลังบุตรชายทั้งสอง คือ พระวอและพระตาร่วมมือกับเจ้าสิริบุญสาร พระราชโอรสของเจ้าองค์ลอง เข้ายึดอำนาจจากเจ้าอุปราชนอง ด้วยการให้ที่พักพิงและหลบราชภัยในเมืองหนองบัวลุ่มภูนานกว่าสิบปี ทั้งยังช่วยยกทัพไปชิงบัลลังก์ล้านช้างเวียงจันทน์มาให้แก่เจ้าสิริบุญสารจนได้นั่งเมืองเป็นพระเจ้าล้านช้างเวียงจันทน์ ซึ่งพระวอพระตามีส่วนร่วมในการปิตุฆาตบิดาของพวกตนหรือเป็นเหตุสนับสนุนให้พระเจ้าสิริบุญสารสำเร็จโทษบิดาของพวกตน

การแยกตัวจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์

[แก้]

ต่อมา พ.ศ. 2314 พระเจ้าสิริบุญสารเกิดความขัดแย้งกับพระตาพระวอ เนื่องจากพระเจ้าสิริบุญสารต้องการมีอำนาจเหนือดินแดนที่แวดล้อมล้านช้างเวียงจันทน์ (ล้านช้างหลวงพระบาง-เมืองหนองบัวลุ่มภู) และทรงมีความระแวงเมืองหนองบัวลุ่มภูที่มีไพร่พลมาก และต่างต้องการตำแหน่งในราชสำนักที่สูงสุดรองจากตน โดยพระเจ้าสิริบุญสารได้ปฏิเสธที่จะยกตำแหน่งให้และขอให้พระตาและพระวอไปช่วยรักษาการที่ด่านบ้านหินโงม เมื่อไม่ได้รับผลประโยชน์ พระตาและพระวอจึงยกทัพหนีกลับเมืองหนองบัวลุ่มภูและบูรณะสร้างบ้านแปลงเมืองให้เป็นนครใหญ่ชื่อว่า นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ซึ่งแข็งเมืองไม่ขึ้นกับนครหลวงเวียงจันทน์อีกต่อไป มีกฏบัญญัติบ้านเมือง มีเจ้าผู้ครองเมือง มีดินแดนกำแพงคูเมืองล้อมรอบพร้อมประตูเวียง มีแม่น้ำแม่พระเนียงเป็นสายหลัก มีเมืองขึ้นของตัวเอง ได้แก่เมืองนาด้วง ภูเวียง ผาขาว พรรณา พร้อมผู้คนและช้างเผือกคู่เวียง

การล่มสลาย

[แก้]

พระเจ้าสิริบุญสารใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างยกกองทัพมาตีนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ทำการสู้รบกันที่ช่องน้ำจั่น (น้ำตกเฒ่าโต้) บนภูพานคำใช้เวลาอยู่ประมาณ 3 ปี พระเจ้าสิริบุญสารได้ส่งทูตไปขอกองทัพพม่าที่เมืองนครเชียงใหม่ ให้มาช่วยตีนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน โดยมีเงื่อนไขเวียงจันทน์จะช่วยพม่ารบกับอยุธยา กองทัพพม่าที่เมืองเชียงใหม่ จึงให้ม่องระแง คุมกองทัพมาช่วยเจ้าสิริบุญสารรบ เมื่อฝ่ายพระตาทราบข่าวศึก คะเนคงเหลือกำลังที่จะต้านศึกกองทัพใหญ่กว่าไว้ได้ จึงให้ท้าวคำโส ท้าวคำขุย ท้าวก่ำ ท้าวคำสิงห์ พาไพร่พล คนชรา เด็ก ผู้หญิง พร้อมพระสงฆ์ อพยพมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหาที่สร้างบ้านแปลงเมืองใหม่ไว้รอท่า หากแพ้สงครามจะได้อพยพติดตามมาอยู่ด้วย

โดยแรกได้มาตั้งเมืองที่บ้านสิงห์โคก บ้านสิงห์ท่า (จังหวัดยโสธร) และการสู้รบในครั้งสุดท้าย พระตาถึงแก่ความตายในสนามรบ พระวอผู้เป็นบุตรชายคนโต พร้อมด้วยพี่น้องคือ นางอุสา นางแพงแสน ท้าวคำผง ท้าวทิตพรหม และนางเหมือนตา ได้หลบหนีออกจากเมืองมารับเสบียงอาหารจากบ้านสิงห์โคก สิงห์ท่า แล้วผ่านลงไปตั้งเมืองที่ดอนมดแดง พร้อมขอพึ่งพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมารแห่งนครจำปาศักดิ์ ดังความในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีว่า

"...ในปีจอนั้น ฝ่ายข้างกรุงศรีสัตนาคนหุต พระวอผู้หนึ่งเป็น อุปฮาด มีความพิโรธขัดเคืองมาตั้งอยู่ ณ หนองบัวลำภู ซ่องสุมผู้คนได้มากจึงสร้างขึ้นเป็นเมืองตั้งค่ายเสาไม้แก่นให้ชื่อเมือง จัมปานครแขวงกาบแก้วบัวบาน แล้วแข็งเมืองต่อพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตแต่งกองทัพให้ยกมาตี พระวอก็ต่อรบตีทัพล้านช้างแตกกลับไป แล้วพระวอแต่งให้ขุนนางนำเครื่องราชบรรณาการขึ้นไปเมืองอังวะขอกองทัพพม่าลงมาตีกรุงศรีสัตนาคนหุต พระเจ้าอังวะให้แมงละแงเป็นแม่ทัพถือพลสี่พันยกลงมาจะตีกรุงศรีสัตนาคนหุต ทัพพม่ามาถึงกลางทางพระเจ้าล้านช้างได้ทราบข่าวศึกจึงแต่งท้าวเพี้ยให้นำเครื่อง บรรณาการไปให้แก่แม่ทัพพม่าขอขึ้นแก่กรุงอังวะ ให้กองทัพยกไปตีพระวอณเมืองหนองบัวลำภูซึ่งเป็นกบฎแก่กรุงศรีสัตนาคนหุต แล้วนำทัพพะม่ามาพักพล ณ เมืองล้านช้าง พระเจ้าล้านช้างแต่งต้อนรับแม่ทัพพม่าแล้วจัดแจงกองทัพเข้าบรรจบทัพพม่า แมงละแงแม่ทัพก็ยกทัพพม่าทัพลาวไปตีเมืองหนองบัวลำภู พระวอ ต่อสู้เหลือกำลังก็ทิ้งเมืองเสียพาครอบครัวอพยพแตกหนีไปตั้งอยู่ตำบลดอนมดแดงเหนือเมืองจัมปาศักดิ์..."[3]

รายพระนามเจ้าผู้ครองนคร

[แก้]
ลำดับ รายพระนาม เริ่มต้น (พ.ศ.) สิ้นสุด (พ.ศ.) ระยะเวลา หมายเหตุ
เมืองหนองบัวลุ่มภู
1 เจ้าอุปราชนอง ไม่ปรากฏ 2283 ไม่ปรากฏ

ถูกสถาปนาเมืองขึ้นและได้รับการแต่งตั้ง ตั้งแต่พระเจ้าไชยองค์เว้ได้ดำรงตำแหน่งเป็นกษัตริย์ล้านช้างเวียงจันทน์ องค์ที่ 1

2 พระวรราชปิตา (เจ้าพระตา) 2283 2310 27 ปี
นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน
2 พระวรราชปิตา (เจ้าพระตา) 2310 2314 4 ปี
3 พระวรราชภักดี (เจ้าพระวอ) 2314 2314 - อยู่ในภาวะสงครามกับเวียงจันทน์ และได้อพยพหนีลงมายังบ้านสิงห์ท่า (ยโสธร) ก่อนขึ้นครองเมือง

อ้างอิง

[แก้]
  1. แสนคำ, ธีระวัฒน์ (2015). "เมืองหนองบัวลำภู: การศึกษาพัฒนาการของชื่อเมืองโบราณสำคัญในลุ่มแม่น้ำโขง" [Muang Nong Bua Lamphu: The Study of Important Ancient Town’s Names in The Mekong River Basin]. ดำรงวิชาการ. 14: 113–136. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-07-05. สืบค้นเมื่อ 2024-07-05 – โดยทาง Thai Journals Online.
  2. ตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์ ฉะบับเจ้าพรหมเทวนุเคราะห์ และเจ้าราชวงศ์เมืองนครจำปาศักดิ์ [1]
  3. https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5