รัฐประหารในสยาม มิถุนายน พ.ศ. 2476
| รัฐประหารในสยาม มิถุนายน พ.ศ. 2476 | |||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|
พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้นำรัฐประหาร ในปี พ.ศ. 2476 | |||||||
| |||||||
| คู่สงคราม | |||||||
|
|
| ||||||
| ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
|
พระยาพหลพลพยุหเสนา หลวงพิบูลสงคราม หลวงศุภชลาศัย |
| ||||||
รัฐประหารในสยาม มิถุนายน พ.ศ. 2476 เป็นรัฐประหารในสยาม เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 นำโดย พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจการปกครองของนายกรัฐมนตรี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา[1]
เหตุการณ์
[แก้]รัฐประหารครั้งนี้มีหลังจากที่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมถูกบังคับให้ออกจากประเทศไทย ด้วยถูกโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์จากการเสนอสมุดปกเหลือง ตามด้วยการที่พระยามโนปกรณ์นิติธาดาประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาฯ และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ความสัมพันธ์ระหว่างคณะราษฎร กับ ก้อน หุตะสิงห์ ได้ตกตํ่าจนเกือบเหลือศูนย์ ในเดือนมิถุนายน สี่ทหารเสือคณะราษฎรลาออกจากตำแหน่งสำคัญทางทหาร พระยามโนปกรณ์นิติธาดาจึงแอบร่วมมือกับพันโทพระยาศรีสิทธิสงคราม ว่าที่เจ้ากรมยุทธการทหารบก วางแผนจับกุมและประหารชีวิตคณะราษฎรจำนวนหกสิบคน[2] แต่ข่าวรั่วถึงพันโทหลวงพิบูลสงครามเสียก่อน
ในเวลาหัวค่ำของคืนวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 คณะทหารบก, ทหารเรือ และพลเรือน นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา, หลวงพิบูลสงคราม และหลวงศุภชลาศัย ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจ[3] โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะรัฐบาลกระทำการเป็นเผด็จการ ทำลายระบอบใหม่[4]
เมื่อรัฐบาลสิ้นสุดลงผู้สนับสนุนเช่น พระยาทรงสุรเดช ถูกกีดกันออกจากแวดวงการเมือง ด้านพระยาโนปกรณ์นิติธาดา ต้องเดินทางไปที่ปีนัง พระยาพหลพยุหเสนา มอบหมายให้เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วังไกลกังวล หัวหิน โปรดเกล้าให้เปิดการประชุมสภาพร้อมถวายรายงานเรื่องการยึดอำนาจ[3]
ผลสืบเนื่อง
[แก้]พระยาพหลพลพยุหเสนามอบหมายให้เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วังไกลกังวล หัวหิน เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้เปิดประชุมสภาฯ พร้อมถวายรายงานเรื่องการยึดอำนาจ ที่ประชุมสภาลงมติเลือกพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พระยาพหลพลพยุหเสนาดำรงตำแหน่งเพียงสิบวันก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเห็นว่าตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก มิสมควรจะเป็นผู้นำรัฐบาล แต่ในหลวงยับยั้งการลาออก
อีกด้านหนึ่ง บุคคลสำคัญรัฐบาลชุดที่แล้ว เช่น พระยาทรงสุรเดช ก็เดินทางออกนอกประเทศและถูกกีดกันจากแวดวงการเมือง ส่วนพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเลือกเดินทางลี้ภัยไปที่ปีนัง อีกด้านหนึ่ง พระยาศรีสิทธิสงครามก็แค้นหลวงพิบูลสงครามถึงขั้นประกาศว่าจะต้องฆ่าให้ตาย[5]
การรัฐประหารในครั้งนี้มีบันทึกของพระยาพหลพลพยุหเสนาไว้ว่า ง่ายดายกว่าเมื่อครั้งปฏิวัติวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งการรัฐประหารครั้งนี้ ผู้ก่อการต้องกระทำ หาไม่แล้ว อาจจะถูกจัดการหมดทั้งคณะจากกลุ่มที่นิยมระบบการปกครองแบบเก่าก็ได้[6]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ บุญชัย ใจเย็น. กบฏบวรเดช. สยามความรู้. p. 7. ISBN 978-616-578-107-7.
- ↑ ณัฐพล ใจจริง, กบฏบวรเดช: เบื้องแรกปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม 2475, (กรุงเทพ: มติชน, 2559)
- 1 2 บุญชัย ใจเย็น. กบฏบวรเดช. สยามความรู้. p. 8. ISBN 978-616-578-107-7.
- ↑ หน้า 17, อำนาจ ๒ โดย รุ่งมณี เมฆโสภณ (มีนาคม พ.ศ. 2555) ISBN 978-616-536-079-1
- ↑ หนังสือที่ระลึกในงานพิธีพระราชทานเพลิงร้อยโทจงกล ไกรฤกษ์. หน้า 35-40
- ↑ สิริรัตน์ เรืองวงษ์วาร, ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง, พ.ศ. 2539, หน้า 86-87