ข้ามไปเนื้อหา

รัฐประหารในสยาม มิถุนายน พ.ศ. 2476

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รัฐประหารในสยาม มิถุนายน พ.ศ. 2476

พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้นำรัฐประหาร ในปี พ.ศ. 2476
วันที่20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 (92 ปีที่แล้ว)
สถานที่
ประเทศไทย ราชอาณาจักรสยาม
ผล
คู่สงคราม
คณะราษฎร รัฐบาลพระยามโนปกรณนิติธาดา
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
พระยาพหลพลพยุหเสนา
หลวงพิบูลสงคราม
หลวงศุภชลาศัย
พระยามโนปกรณนิติธาดา

รัฐประหารในสยาม มิถุนายน พ.ศ. 2476 เป็นรัฐประหารในสยาม เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 นำโดย พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจการปกครองของนายกรัฐมนตรี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา[1]

เหตุการณ์

[แก้]

รัฐประหารครั้งนี้มีหลังจากที่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมถูกบังคับให้ออกจากประเทศไทย ด้วยถูกโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์จากการเสนอสมุดปกเหลือง ตามด้วยการที่พระยามโนปกรณ์นิติธาดาประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาฯ และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ความสัมพันธ์ระหว่างคณะราษฎร กับ ก้อน หุตะสิงห์ ได้ตกตํ่าจนเกือบเหลือศูนย์ ในเดือนมิถุนายน สี่ทหารเสือคณะราษฎรลาออกจากตำแหน่งสำคัญทางทหาร พระยามโนปกรณ์นิติธาดาจึงแอบร่วมมือกับพันโทพระยาศรีสิทธิสงคราม ว่าที่เจ้ากรมยุทธการทหารบก วางแผนจับกุมและประหารชีวิตคณะราษฎรจำนวนหกสิบคน[2] แต่ข่าวรั่วถึงพันโทหลวงพิบูลสงครามเสียก่อน

ในเวลาหัวค่ำของคืนวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 คณะทหารบก, ทหารเรือ และพลเรือน นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา, หลวงพิบูลสงคราม และหลวงศุภชลาศัย ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจ[3] โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะรัฐบาลกระทำการเป็นเผด็จการ ทำลายระบอบใหม่[4]

เมื่อรัฐบาลสิ้นสุดลงผู้สนับสนุนเช่น พระยาทรงสุรเดช ถูกกีดกันออกจากแวดวงการเมือง ด้านพระยาโนปกรณ์นิติธาดา ต้องเดินทางไปที่ปีนัง พระยาพหลพยุหเสนา มอบหมายให้เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัววังไกลกังวล หัวหิน โปรดเกล้าให้เปิดการประชุมสภาพร้อมถวายรายงานเรื่องการยึดอำนาจ[3]

ผลสืบเนื่อง

[แก้]

พระยาพหลพลพยุหเสนามอบหมายให้เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัววังไกลกังวล หัวหิน เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้เปิดประชุมสภาฯ พร้อมถวายรายงานเรื่องการยึดอำนาจ ที่ประชุมสภาลงมติเลือกพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พระยาพหลพลพยุหเสนาดำรงตำแหน่งเพียงสิบวันก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเห็นว่าตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก มิสมควรจะเป็นผู้นำรัฐบาล แต่ในหลวงยับยั้งการลาออก

อีกด้านหนึ่ง บุคคลสำคัญรัฐบาลชุดที่แล้ว เช่น พระยาทรงสุรเดช ก็เดินทางออกนอกประเทศและถูกกีดกันจากแวดวงการเมือง ส่วนพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเลือกเดินทางลี้ภัยไปที่ปีนัง อีกด้านหนึ่ง พระยาศรีสิทธิสงครามก็แค้นหลวงพิบูลสงครามถึงขั้นประกาศว่าจะต้องฆ่าให้ตาย[5]

การรัฐประหารในครั้งนี้มีบันทึกของพระยาพหลพลพยุหเสนาไว้ว่า ง่ายดายกว่าเมื่อครั้งปฏิวัติวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งการรัฐประหารครั้งนี้ ผู้ก่อการต้องกระทำ หาไม่แล้ว อาจจะถูกจัดการหมดทั้งคณะจากกลุ่มที่นิยมระบบการปกครองแบบเก่าก็ได้[6]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. บุญชัย ใจเย็น. กบฏบวรเดช. สยามความรู้. p. 7. ISBN 978-616-578-107-7.
  2. ณัฐพล ใจจริง, กบฏบวรเดช: เบื้องแรกปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม 2475, (กรุงเทพ: มติชน, 2559)
  3. 1 2 บุญชัย ใจเย็น. กบฏบวรเดช. สยามความรู้. p. 8. ISBN 978-616-578-107-7.
  4. หน้า 17, อำนาจ ๒ โดย รุ่งมณี เมฆโสภณ (มีนาคม พ.ศ. 2555) ISBN 978-616-536-079-1
  5. หนังสือที่ระลึกในงานพิธีพระราชทานเพลิงร้อยโทจงกล ไกรฤกษ์. หน้า 35-40
  6. สิริรัตน์ เรืองวงษ์วาร, ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง, พ.ศ. 2539, หน้า 86-87