ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การศึกษาในประเทศไทย"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
|||
บรรทัด 45: | บรรทัด 45: | ||
การจัดการศึกษาในประเทศไทยในระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาและในระดับอาชีวศึกษาจะแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษาโดยภาคการศึกษาแรกจะจัดการเรียนการสอนระหว่างวันที่ [[16 พฤษภาคม]] ถึงวันที่ [[11 ตุลาคม]] ของทุกปี ในขณะที่ภาคการศึกษาปลายจะเริ่มวันที่ [[1 พฤศจิกายน]] ถึงวันที่ [[1 เมษายน]] <ref name="eduzone">{{cite web|url=http://blog.eduzones.com/socialdome/115735|title=ข้อสรุปใหม่กระทรวงศึกษาธิการ "ไม่เลื่อนเปิดเทอม" สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา|publisher=Eduzone|accessdate =16 January 2014}}</ref> อย่างไรก็ตามมีความพยายามในการปรับเปลี่ยนเวลาการเปิดภาคการศึกษาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มประเทศอาเซียน แต่กระทรวงศึกษาธิการยังคงยืนยันที่จะกำหนดวันเปิดปิดภาคเรียนตามเดิม <ref name="eduzone"/> สำหรับในระดับอุดมศึกษานั้นมีการจัดการเรียนการสอนออกเป็นทวิภาค ยกเว้นหลักสูตรนานาชาติที่จัดการเรียนการสอนแบบไตรภาค โดยมีภาคฤดูร้อนให้นิสิต/นักศึกษาสามารถเข้ามาศึกษาได้ สำหรับประเทศไทยได้แบ่งระดับชั้นการศึกษาไว้ดังตารางด้านล่างนี้ <ref>{{cite web|url=http://www.bic.moe.go.th/th/index.php?option=com_content&view=article&id=661&catid=61|title=ระบบการศึกษา-ไทย|publisher=สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ|accessdate =17 January 2014}}</ref> |
การจัดการศึกษาในประเทศไทยในระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาและในระดับอาชีวศึกษาจะแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษาโดยภาคการศึกษาแรกจะจัดการเรียนการสอนระหว่างวันที่ [[16 พฤษภาคม]] ถึงวันที่ [[11 ตุลาคม]] ของทุกปี ในขณะที่ภาคการศึกษาปลายจะเริ่มวันที่ [[1 พฤศจิกายน]] ถึงวันที่ [[1 เมษายน]] <ref name="eduzone">{{cite web|url=http://blog.eduzones.com/socialdome/115735|title=ข้อสรุปใหม่กระทรวงศึกษาธิการ "ไม่เลื่อนเปิดเทอม" สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา|publisher=Eduzone|accessdate =16 January 2014}}</ref> อย่างไรก็ตามมีความพยายามในการปรับเปลี่ยนเวลาการเปิดภาคการศึกษาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มประเทศอาเซียน แต่กระทรวงศึกษาธิการยังคงยืนยันที่จะกำหนดวันเปิดปิดภาคเรียนตามเดิม <ref name="eduzone"/> สำหรับในระดับอุดมศึกษานั้นมีการจัดการเรียนการสอนออกเป็นทวิภาค ยกเว้นหลักสูตรนานาชาติที่จัดการเรียนการสอนแบบไตรภาค โดยมีภาคฤดูร้อนให้นิสิต/นักศึกษาสามารถเข้ามาศึกษาได้ สำหรับประเทศไทยได้แบ่งระดับชั้นการศึกษาไว้ดังตารางด้านล่างนี้ <ref>{{cite web|url=http://www.bic.moe.go.th/th/index.php?option=com_content&view=article&id=661&catid=61|title=ระบบการศึกษา-ไทย|publisher=สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ|accessdate =17 January 2014}}</ref> |
||
{| border="1" cellpadding="5" cellspacing="0" style="border-collapse:collapse;" |
|||
|- |
|||
! colspan=2 | ระดับชั้น |
|||
! rowspan=2 | อายุ |
|||
|- |
|||
! สายสามัญ |
|||
! สายอาชีพ |
|||
|- style="background:silver;" |
|||
| colspan = 3 | การศึกษาปฐมวัย |
|||
|- |
|||
| เตรียมอนุบาล || rowspan=2| || 2 - 3 |
|||
|- |
|||
| [[โรงเรียนอนุบาล|อนุบาล]] || 3 - 5 |
|||
|- style="background:silver;" |
|||
| colspan = 3 | [[ประถมศึกษา]] |
|||
|- |
|||
| ประถมศึกษาปีที่ 1 || rowspan=6| || 6 - 7 |
|||
|- |
|||
| ประถมศึกษาปีที่ 2 || 7 - 8 |
|||
|- |
|||
| ประถมศึกษาปีที่ 3 || 8 - 9 |
|||
|- |
|||
| ประถมศึกษาปีที่ 4 || 9 - 10 |
|||
|- |
|||
| ประถมศึกษาปีที่ 5 || 10 - 11 |
|||
|- |
|||
| ประถมศึกษาปีที่ 6 || 11 - 12 |
|||
|- style="background:silver;" |
|||
| colspan = 3 | [[มัธยมศึกษา|มัธยมศึกษาตอนต้น]] |
|||
|- |
|||
| มัธยมศึกษาปีที่ 1|| rowspan=3| || 12 - 13 |
|||
|- |
|||
| มัธยมศึกษาปีที่ 2 || 13 - 14 |
|||
|- |
|||
| มัธยมศึกษาปีที่ 3 || 14 - 15 |
|||
|- style="background:silver;" |
|||
| colspan = 3 | [[มัธยมศึกษา|มัธยมศึกษาตอนปลาย]] และอาชีวศึกษา |
|||
|- |
|||
| มัธยมศึกษาปีที่ 4 || ประกาศนียบัตรวิชาชีพปี 1 || 15 - 16 |
|||
|- |
|||
| มัธยมศึกษาปีที่ 5 || ประกาศนียบัตรวิชาชีพปี 2 || 16 - 17 |
|||
|- |
|||
| มัธยมศึกษาปีที่ 6 || ประกาศนียบัตรวิชาชีพปี 3 || 17 - 18 |
|||
|- style="background:silver;" |
|||
| colspan = 3 | [[อุดมศึกษา]] และเทียบเท่า |
| colspan = 3 | [[อุดมศึกษา]] และเทียบเท่า |
||
|- |
|- |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:55, 3 สิงหาคม 2560
กระทรวงศึกษาธิการ | |
---|---|
งบประมาณทางการศึกษา (พ.ศ. 2557) | |
งบประมาณ | 482,788,585,900 บาท[1] |
ข้อมูลทั่วไป | |
ภาษาที่ใช้ | ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ |
ก่อตั้งกระทรวงธรรมการ | 1 เมษายน พ.ศ. 2435 |
การรู้หนังสือ (พ.ศ. 2548) | |
ทั้งหมด | 93.5[2] |
ผู้ชาย | 95.6[2] |
ผู้หญิง | 91.5[2] |
การลงทะเบียนเรียน (พ.ศ. 2551) | |
ทั้งหมด | 12,567,760[3] |
ประถมศึกษา | 5,370,546 [3] |
มัธยมศึกษา | 4,769,198 [3] |
อุดมศึกษา | 2,428,016 [3] |
การศึกษาในประเทศไทย เป็นการศึกษาที่จัดโดย กระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทย โดยภาครัฐจะเข้ามาดูแลโดยตรงและเปิดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่วมในการศึกษาตั้งแต่ระดับการศึกษาปฐมวัยจนถึงระดับอุดมศึกษา สำหรับ การศึกษาภาคบังคับ ในประเทศไทยนั้นได้กำหนดให้พลเมืองไทยต้องจบการศึกษาอย่างน้อยที่สุดใน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น [4] และต้องเข้ารับการศึกษาอย่างช้าสุดเมื่ออายุ 7 ปี[5] ซึ่งการศึกษาภาคบังคับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับชั้นประถมศึกษา 6 ปีและมัธยมศึกษา 6 ปี นอกจากนี้แล้วการศึกษาขั้นพื้นฐานยังรวมถึงการศึกษาปฐมวัยอีกด้วย [6] ทั้งนี้รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายตามความใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 [7] ส่วนการบริหารและการควบคุมการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจะดำเนินการโดย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ กระทรวงศึกษาธิการ ในปัจจุบันการศึกษาในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ การศึกษาตามอัธยาศัย
อย่างไรก็ตามการจัดการศึกษาของประเทศไทยนั้นถูกมองว่าล้าหลังและล้มเหลวเสมอมา [8] กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเมื่อ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ว่า เด็กไทยมีระดับเชาวน์ปัญญา 98.59 ซึ่งต่ำกว่าค่ามัธยฐานของเชาวน์ปัญญาทั้งโลกที่ระดับ 100 โดยเด็กไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสติปัญญาน้อยที่สุด สูงขึ้นมาจึงเป็นภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลางตามลำดับ [9]
ระบบโรงเรียน
สำหรับระบบการศึกษาในโรงเรียนของประเทศไทยนั้นจะแบ่งการศึกษาออกเป็น 4 ช่วงชั้น ได้แก่ ช่วงชั้นที่ 1 คือระดับชั้น (ป.1-ป.3) ช่วงชั้นที่ 2 คือระดับชั้น (ป.4-ป.6) ช่วงชั้นที่ 3 คือระดับชั้น ม.ต้น (ม.1-ม.3) และช่วงชั้นที่ 4 คือระดับชั้น ม.ปลาย (ม.4-ม.6) [10] โดยในช่วงชั้นที่ 4 นั้นนอกจากจะมีการจัดการศึกษาในสายสามัญแล้ว ยังมีการจัดการศึกษาในสายอาชีพด้วย ซึ่งในระดับชั้น ปวช.1-3 นั้นจะเทียบเท่ากับระดับชั้น ม.ปลาย โดยนักเรียนที่เลือกสายสามัญมักมีความตั้งใจที่จะศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนนักศึกษาที่เลือกสายอาชีพมักวางแผนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การจ้างงานและศึกษาเพิ่มเติม [11]
ในการเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ม.ต้น ม.ปลาย รวมไปถึงอาชีวศึกษาจำเป็นต้องมีการสอบข้อเขียนซึ่งจัดสอบโดยโรงเรียน ส่งผลให้ในบางครั้งอาจมีปัญหานักเรียนไม่มีที่เรียนได้ [12] นอกจากนักเรียนจะต้องสอบข้อเขียนของโรงเรียนแล้ว นักเรียนจำเป็นต้องมีคะแนน การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (O-NET) ซึ่งมีการจัดสอบในช่วงปลายภาคเรียนที่ 2 ของชั้น ป.6 และปลายภาคเรียนที่ 2 ของชั้น ม.3 [13] ยื่นประกอบในการพิจารณา ส่วนการทดสอบระดับชาติของนักเรียนระดับชั้น ม.6 จะนำไปใช้ใน การรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย [14]
สำหรับประเทศไทยนั้นมีการแบ่งโรงเรียนออกเป็น 2 รูปแบบ คือ โรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน [15] โดยโรงเรียนรัฐบาลนั้นจะบริหารจัดการโดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ส่วนโรงเรียนเอกชนจะบริหารจัดการโดยกลุ่มบุคคลหรือมูลนิธิต่างๆ ที่มีใบอนุญาตจัดตั้ง [16] ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักเป็นโรงเรียนที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับ ศาสนาคริสต์ และ ศาสนาอิสลาม เป็นหลัก ในเขตชนบทของประเทศไทยนั้นหลายๆ โรงเรียนมีลักษณะเป็นโรงเรียนขยายโอกาส คือ มีการจัดการเรียนการสอนระดับชั้นประถม - ม.ต้น หรืออาจมีการจัดการเรียนการสอนในระดับการศึกษาปฐมวัยด้วยก็ได้ [17]
เนื่องจากการขาดแคลนงบประมาณทางการศึกษาแก่โรงเรียนชนบท ส่งผลให้นักเรียนที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทเลือกที่จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเอกชนมากกว่าโรงเรียนของรัฐบาล เนื่องจากมีความเชื่อมั่นว่าคุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียนเอกชนอยู่ในระดับมาตรฐานที่ดี [18] หรือเข้าศึกษาต่อในเขตเมืองของจังหวัดนั้นๆ
ระดับชั้น
การจัดการศึกษาในประเทศไทยในระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาและในระดับอาชีวศึกษาจะแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษาโดยภาคการศึกษาแรกจะจัดการเรียนการสอนระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 11 ตุลาคม ของทุกปี ในขณะที่ภาคการศึกษาปลายจะเริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 1 เมษายน [19] อย่างไรก็ตามมีความพยายามในการปรับเปลี่ยนเวลาการเปิดภาคการศึกษาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มประเทศอาเซียน แต่กระทรวงศึกษาธิการยังคงยืนยันที่จะกำหนดวันเปิดปิดภาคเรียนตามเดิม [19] สำหรับในระดับอุดมศึกษานั้นมีการจัดการเรียนการสอนออกเป็นทวิภาค ยกเว้นหลักสูตรนานาชาติที่จัดการเรียนการสอนแบบไตรภาค โดยมีภาคฤดูร้อนให้นิสิต/นักศึกษาสามารถเข้ามาศึกษาได้ สำหรับประเทศไทยได้แบ่งระดับชั้นการศึกษาไว้ดังตารางด้านล่างนี้ [20]
| colspan = 3 | อุดมศึกษา และเทียบเท่า |- !สายตรงทั่วไป !สายอนุปริญญา !สายอาชีวศึกษา |- |บัณฑิตปี 1 |อนุปริญญาปี 1 |ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปี 1 |- |บัณฑิตปี 2 |อนุปริญญาปี 2 |ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปี 2 |- |บัณฑิตปี 3 | colspan="2" |ต่อเนื่องปี 1 |- |บัณฑิตปี 4 - 6 | colspan="2" |ต่อเนื่องปี 2 - 4 |- | colspan="3" | บัณฑิต (ปริญญาตรี) |- | colspan="3" | มหาบัณฑิต (ปริญญาโท) |- | colspan="3" | ดุษฎีบัณฑิต (ปริญญาเอก) |} *หมายเหตุ : การเรียนในระดับอุดมศึกษาระดับบัณฑิต (ป.ตรี) แบ่งสายทางการศึกษาได้ 3 ประเภทดังตารางข้างต้น และเมื่อหลักสูตรใดกำหนดให้ต้องศึกษาระยะเวลาเท่าใดอยู่ที่กำหนดการของหลักสูตรนั้น และสถาบันอุดมศึกษานั้นที่เปิดสอน ผู้เรียนต้องศึกษารายละเอียดของหลักสูตรนั้นให้เข้าใจ สมมุติผู้เรียนต้องการศึกษาหลักสูตรบัณฑิต 4 ปี
1.ผู้เรียนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ ศึกษาต่อบัณฑิต 4 ปีในสถานศึกษานั้นจนครบหลักสูตร ก็จะเป็นไปตามตารางสายตรงทั่วไป
2.ผู้เรียนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ ศึกษาต่ออนุปริญญา เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญาแล้ว ก็สามารถเทียบโอนผลการศึกษาเข้าศึกษาต่อหลักสูตรบัณฑิตในสถานศึกษาอื่นๆ อีก 2 ปี ก็จะเป็นไปตามตารางสายอนุปริญญา หลักสูตรอนุปริญญานี้เปิดสอนที่ สถาบันวิทยาลัยชุมชน และสถานศึกษาอื่นๆ ที่ให้อนุปริญญาได้
3.ผู้เรียนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ ศึกษาต่ออาชีวศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ก็สามารถเทียบโอนผลการศึกษาเข้าศึกษาต่อหลักสูตรบัณฑิตใสถานศึกษาอื่นๆ อีก 2 ปี ก็จะเป็นไปตามตารางสายอาชีวศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงนี้เปิดสอนที่ สถาบันด้านอาชีวศึกษาหรือเรียกกันว่า "สายอาชีพ" ทั้งรัฐบาลและเอกชน
ระดับการศึกษาในมัธยมศึกษา [21]
ระดับ ม.ต้น เป็นการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนอายุระหว่าง 12 ถึง 14 ปี ที่สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาแล้ว ระดับ ม.ต้น จัดการเรียนการสอน 3 ปี ระดับ ม.ปลาย เป็นการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนอายุระหว่าง 15 ถึง 17 ปี ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา แล้วโดยจัดการเรียนการสอน 3 ปี โดยการเรียนการสอนมี 2 ประเภท แบ่งออกดังนี้
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
- มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 ใช้เวลาในการศึกษาตามหลักสูตรคือ 3 ปี โดยแบ่งการศึกษาออกเป็นกลุ่มสาระต่างๆ ตามความถนัดและความสนใจของผู้เรียน [22]
- กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์(วิทย์-คณิต)
- กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-คณิตศาสตร์ (ศิลป์-คำนวณ)
- กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-ภาษา (ศิลป์-ภาษา)
- กลุ่มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน ศิลปศาสตร์-สังคม (ศิลป์-สังคม)
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา
การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา เป็นการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 3 ปี โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการศึกษาวิชาชีพ เพื่อพัฒนากำลังคนเฉพาะสาขาวิชาชีพ (ระดับเทคนิค) ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นผู้ปฏิบัติงานหัวหน้างานหรือเป็นผู้ประกอบการ และการประกอบอาชีพอิสระได้โดยเน้นการแก้ปัญหาสร้างองค์ความรู้ในอาชีพ มีบุคลิกภาพ คุณธรรมและเจตคติที่ดี หลังจากศึกษาจบแล้วสามารถศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อีก 2 ปี หรืออาจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี 4 ปีก็ได้เช่นกัน โดยเมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับชั้น ม.3 สามารถเลือกเรียนทางด้านสายอาชีพอาชีวศึกษาได้ [23]
หลักสูตรในสายอาชีวศึกษา
- 1. ประเภทวิชาอุตสาหกรรม
- สาขาวิชาเครื่องกล แบ่งออกเป็น สาขางานยานยนต์ เครื่องกลอุตสาหกรรม เครื่องกลเรือ เครื่องกลเกษตร ตัวถังและสีรถยนต์
- สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง แบ่งออกเป็น สาขางานเครื่องมือกล ซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล เขียนแบบเครื่องกล ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร แม่พิมพ์พลาสติก แม่พิมพ์โลหะ
- สาขาวิชาโลหะการแบ่งออกเป็น สาขางานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถโดยสาร
- สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น สาขางานไฟฟ้ากำลัง อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ เทคนิคคอมพิวเตอร์
- สาขาวิชาการก่อสร้างแบ่งออกเป็น สาขางานก่อสร้าง โยธา สถาปัตยกรรม เครื่องเรือนและการตกแต่งภายใน สำรวจ
- สาขาวิชาการพิมพ์ แบ่งออกเป็น สาขางานการพิมพ์
- สาขาวิชาแว่นตาและเลนส์ แบ่งออกเป็น สาขางานแว่นตาและเลนส์
- สาขาวิชาการต่อเรือ แบ่งออกเป็น สาขางานต่อเรือโลหะ ต่อเรือไม้ ต่อเรือไฟเบอร์กล๊าส นาวาสถาปัตย์ ซ่อมบำรุงเรือ
- สาขาวิชาผลิตภัณฑ์ยาง แบ่งออกเป็น สาขางานผลิตภัณฑ์ยาง
- 2. ประเภทวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ
- สาขาวิชาพณิชยการแบ่งออกเป็น สาขางานการบัญชี การขาย การเลขานุการ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสัมพันธ์ ภาษาต่างประเทศ งานสำนักงานสำหรับผู้พิการทางสายตา
- สาขาวิชาธุรกิจบริการ แบ่งออกเป็น สาขางานการจัดการความปลอดภัย การจัดการความสะอาด
- 3.ประเภทวิชาศิลปกรรม
- สาขาวิชาศิลปกรรมแบ่งออกเป็น สาขางาน วิจิตรศิลป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เครื่องเคลือบดินเผา เทคโนโลยีการถ่ายภาพฯ เครื่องประดับอัญมณี ช่างทองหลวง เทคโนโลยีศิลปกรรม การพิมพ์สกรีน คอมพิวเตอร์กราฟิก ศิลปหัตถกรรมโลหะ รูปพรรณและเครื่องประดับ ดนตรีสากล เทคโนโลยีนิเทศศิลป์ ช่างทันตกรรม
- 4. ประเภทวิชาคหกรรม
- สาขาวิชาผ้าและเครื่องแต่งกายแบ่งออกเป็น สาขางาน ผลิตและตกแต่งสิ่งทอ ออกแบบเสื้อผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ธุรกิจเสื้อผ้า
- สาขาวิชาอาหารและโภชนาการแบ่งออกเป็น สาขางาน อาหารและโภชนาการ แปรรูปอาหาร ธุรกิจอาหาร
- สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน คหกรรมการผลิต คหกรรมการบริการ ธุรกิจคหกรรม คหกรรมเพื่อการโรงแรม
- สาขาวิชาเสริมสวยแบ่งออกเป็น สาขางาน เสริมสวย
- 5. ประเภทวิชาเกษตรกรรม
- สาขาวิชาเกษตรศาสตร์แบ่งออกเป็น สาขางาน พืชศาสตร์ สัตวศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร ช่างเกษตร เกษตรทั่วไป การประมง
- 6. ประเภทวิชาประมง
- สาขาวิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
- สาขาวิชาแปรรูปสัตว์น้ำ แบ่งออกเป็น สาขางาน แปรรูปสัตว์น้ำ การผลิตซูริมิและผลิตภัณฑ์
- สาขาวิชาประมงทะเล แบ่งออกเป็น สาขางาน ประมงทะเล
- 7. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
- สาขาวิชาการโรงแรมและการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น สาขางาน การโรงแรม การท่องเที่ยว
- 8. ประเภทวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
- สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสิ่งทอ
- สาขาวิชาเคมีสิ่งทอ แบ่งออกเป็น สาขางาน เคมีสิ่งทอ
- สาขาวิชาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น สาขางาน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป
- 9. ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ
- สาขาวิชาเทคโนโลยีระบบเสียง แบ่งออกเป็น สาขางาน เทคโนโลยีระบบเสียง
- 10. หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) 2551
- สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิชาเอก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
- สาขาวิชาเครื่องกล วิชาเอก เทคนิคช่างยนต์
- สาขาวิชาเทคนิคการผลิต วิชาเอก เชื่อมและประสาน
- สาขาวิชาโยธา วิชาเอก เทคนิคโยธา
- สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้ากำลัง
- สาขาวิชาไฟฟ้า วิชาเอก เทคนิคไฟฟ้าสื่อสาร
เครื่องแบบนักเรียนนักศึกษา
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่กำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบนักเรียนตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา ในพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551[24] โดยสถานศึกษาจะต้องกำหนดเครื่องแบบให้ตรงตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการหรืออาจใช้เครื่องแบบอื่นตามที่สถานศึกษากำหนดก็ได้[24] โดยเครื่องแบบต่างๆของทุกระดับชั้นจะถูกกำหนดโดยระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551[25]
สำหรับในระดับอุดมศึกษา ประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศของโลกที่บังคับใช้เครื่องแบบในระดับอุดมศึกษา อีกสามประเทศคือ ประเทศลาว ประเทศกัมพูชาและประเทศเวียดนาม[26] สำหรับเครื่องแบบในระดับอุดมศึกษานั้นยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในด้านต่าง ๆ[27] อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 1,293 คน ระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน 2556 พบว่า ร้อยละ 94.44 มีความคิดเห็นว่าเครื่องแบบยังมีความจำเป็นอยู่[28]
ประวัติศาสตร์การศึกษา
สมัยสุโขทัย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สมัยอยุธยา
ในช่วงรัชสมัยกรุงศรีอยุธยา การศึกษาสำหรับราษฏร ยังจำกัดอยู่แค่ในวัด โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาคำสอนของพุทธศาสนา ในเตรียมตัวสำหรับการอุปสมบทเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ราษฏรนิยมนำบุตรชายมาถวายตัวเป็นศิษย์ เพื่อเล่าเรียนหนังสือ และ ศึกษาเกี่ยวกับ พุทธศาสนาและ ภาษาบาลี ในสมัยอยุธยาตอนกลาง ได้มีการแต่งหนังสือ จินดามณี โดย พระโหราธิบดี ถวายแด่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นแบบเรียนภาษาไทยฉบับแรก มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับ การใช้ สระ พยัญชนะและวรรณยุกต์[29]
สมัยรัตนโกสินทร์
ในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้มีชาวตะวันตกเข้ามามีบทบาทต่อราชสำนักสยาม รวมไปถึง คณะมิชชั่นนารีจากอเมริกา(คณะมิชชันนารีอเมริกันเพรสไบทีเรียน)เข้ามาเผยคำสอนศาสนา ผ่านการศึกษา และมีบทบาทก่อตั้งสถานศึกษาแห่งแรกของสยาม ได้แก่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน [30]ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และเมื่อมีการปฏิรูปในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริที่จะขยายการศึกษา โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนขึ้นในราชอาณาจักรตามแบบตะวันตกที่แยกวัดและสถานศึกษาไว้คนล่ะส่วน
การศึกษาร่วมสมัย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การจัดการและการบริหาร
โครงสร้างพื้นฐาน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การบริหารจัดการ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
งบประมาณ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การวิจัย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาชีวศึกษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อุดมศึกษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การศึกษานอกระบบ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โรงเรียนนานาชาติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ครูผู้สอน
ครูเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดกระบวนการเรียนการสอน มีหน้าที่ในการถ่ายทอดสรรพศาสตร์ทั้งปวง การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม นอกจากนี้จะต้องเป็นผู้ที่ก้าวทันเทคโนโลยี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีทักษะการวัดและประเมินผล ทักษะการวิจัยและเป็นผู้ที่มีจิตใจที่พร้อมให้บริการแก่ศิษย์และคนในชุมชน[31] ดังนั้นครูจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการศึกษาไทย สำหรับในปี พ.ศ. 2556 มีครูไทยปฏิบัติการสอนทั้งสิ้นประมาณ 660,000 คน โดยเป็นครูในภาครัฐจำนวน 538,563 คน และครูภาคเอกชน จำนวน 139,392 คน[32] โดยมีการกำหนดอัตราส่วนมากที่สุดของครูหนึ่งคนต่อนักเรียนหนึ่งห้องไว้ที่ 1:50[33]
การฝึกหัดครู
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การพัฒนาครู
ข้อวิพากษ์วิจารณ์การศึกษาไทยในปัจจุบัน
การศึกษาไทยได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาและความล้มเหลวที่เกิดขึ้น จากการจัดอันดับตามรายงานของ World Economic Forum ในปี พ.ศ. 2555 - 2556 ระบุว่าประเทศไทยมีอันดับคุณภาพทางการศึกษาลำดับสุดท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ได้รับการจัดอันดับ[34] โดยคนไทยกว่าร้อยละ 87 เชื่อว่าการศึกษาไทยอยู่อันดับสุดท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียนจริง[35] ซึ่งมูลเหตุที่สำคัญมาจากปัญหาที่สะสมมานานหลายประการอันเกิดมาจากระบบการเรียนการสอน หลักสูตร ครูผู้สอน โอกาสการเข้าถึงการศึกษา รวมไปถึงคุณภาพของนักเรียนไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณทางการศึกษาสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[36] แต่การบริหารจัดการยังไม่ดีมากนักโดยพบว่างบประมาณส่วนใหญ่ทุ่มเทไปที่การศึกษาขั้นพื้นฐานโดยมีการใช้งบประมาณแบบตำน้ำพริกละลายในแม่น้ำเป็นส่วนมาก(นำไปใช้ไม่ตรงจุดสำคัญที่ควรได้รับการพัฒนา หรือนำไปจัดการแต่ละเรื่องมากเกินกว่าผลผลิตคุณภาพที่ได้ไม่คุ้มค่า และถ้าหากได้รับงบน้อยก็จะส่งผลต่อนักเรียนที่ได้รับโอกาสไม่เท่ากันมากขึ้น) อีกทั้งเป็นไปในสัดส่วนที่มากกว่าอาชีวศึกษาค่อนข้างมาก ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนในระดับอาชีวศึกษายังไม่มีประสิทธิภาพสูงมากนักและไม่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยในปัจจุบันยุคสังคมเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมต่างๆมากขึ้น[36] นอกจากนี้แม้จะจัดสรรงบประมาณให้กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นจำนวนมาก แต่ยังพบปัญหาโอกาสการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างผู้มีฐานะและผู้ไม่มีฐานะ ยิ่งมองให้ลึกไปถึงผู้บริหารระดับสูงไม่มีความรู้ด้านวิชาการอย่างลึกซึ้งจึงพึ่งพิงบุคลากรระดับการจัดการงบประมาณหรือนักจัดการเงิน/จัดจ้างเป็นสำคัญ (ผู้ใช้งบประมาณไม่เข้าใจเชิงวิชาการการจัดการศึกษาเชิงรุกอย่างลึกซึ้ง นักวิชาการไม่มีโอกาสลงลึกถึงงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา) และหรือผู้ที่เข้าใจระบบการจัดการการศึกษาอย่างมีคุณภาพ(นักวิชาการทุกระดับความคิด ปัจจุบันยังใช้ความคิดของนักการศึกษาในยุคเก่าและหรือดำเนินการพัฒนาคุณภาพแบบโยนหินถามทาง และไม่กล้าสู้ปัญหาแบบกล้าคิดกล้าทำที่สมควรบุกเบิกการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างจริงจัง) ผู้รู้หรือนักวิชาการอิสระที่มีความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมาไม่มีโอกาสเข้าร่วมให้ข้อคิดหรือข้อเสนอแนะแบบประชาพิจารณ์ร่วม รวมไปถึงปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับหลักสูตรและการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน[37] โดยหลักสูตรของไทยไม่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพที่ตรงตามความสามารถของผู้เรียน เมื่อรวมเข้ากับค่านิยมของสังคมทำให้การจัดหลักสูตรของไทยไม่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน[38]
การศึกษาหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557
ในเดือนกันยายน 2557 มีข่าวว่า ชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ถูกลบออกจากแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ วินัย รอดจ่าย เป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง แบบเรียนประวัติศาสตร์ใหม่ไม่กล่าวถึงรัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ เพียงแต่ระบุว่ามีรัฐบาลหนึ่งที่ "ได้ความนิยมจากประชาชนผ่านงบประมาณมหาศาล" แต่กล่าวถึงการคัดค้านการปกครองของทักษิณ โดยอธิบายการประท้วงซึ่งเกิดก่อนการโค่นอำนาจเขาว่าเป็น "ขบวนการประชาชนต่ออำนาจเผด็จการ การทุจริตและการยักยอก"[39]
ภายใต้หลักสูตรใหม่ นักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับความหมายและสัญลักษณ์นิยมของธงไตรรงค์ และจะเปิดเพลงอย่างสรรเสริญพระบารมีในโรงเรียน เด็กนักเรียนจะถูกฝึกให้เป็นทูตจิตวิญญาณรักชาติ โดยยกตัวอย่างนักเรียนตักเตือนผู้ใหญ่ที่ไม่ยืนตรงเคารพธงชาติ จะมีการติดป้ายขนาดใหญ่ซึ่งมีค่านิยม 12 ข้อของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทั่วประเทศ นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังริเริ่ม "พาสปอร์ตความดี" ซึ่งนักเรียนต้องบันทึกพฤติกรรมและเจตคติ[39] และ การสอบยูเน็ตในระดับอุดมศึกษาด้วย
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ "พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗" (PDF). กระทรวงศึกษาธิการ. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "The World Factbook". Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 "จำนวนและร้อยละของนักเรียน นิสิต นักศึกษาในระบบโรงเรียน จำแนกตามชั้นและระดับการศึกษา ในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค ปีการศึกษา 2551". ข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ "พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. ๒๕๔๕" (PDF). สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ "กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุเด็กเพื่อเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. ๒๕๔๕". สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ "นิยามทางการศึกษา". สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ "นโยบายเรียนฟรี 15 ปี". กระทรวงศึกษาธิการ. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ สมพงษ์ จิตระดับ สุอังคะวาทิน (17 มิถุนายน 2555). "เปลี่ยน..รัฐมนตรีศึกษาฯทุก 6 เดือน "สุชาติ"สอบผ่าน แต่..." มติชน. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ The Nation (8 July 2011). "Thai students found below global average". The Nation. สืบค้นเมื่อ 15 January 2014.
- ↑ "หลักสูตรและการปฏิรูปการศึกษา". กรมวิชาการ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาชีวะและเทคนิคศึกษา". มหาวิทยาลัยราชมงคลสุวรรณภูมิ. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "เรียนต่อ ม.1 เด็ก 15% สอบเข้าไม่ได้". ไทยโพสต์. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "ตารางสอบ O-NET ป.6 ม.3 และ ม.6 ปีการศึกษา 2556". สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "แผ่นพับองค์ประกอบและค่าร้อยละ Admissions 2557" (PDF). การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "Types of School". angloinfo. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔" (PDF). media.wix.com. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ อุมาภรณ์ ภัทรวาณิชย์และปัทมา อมรสิริสมบูรณ์. "ความไม่เท่าเทียมด้านการศึกษา: เมืองและชนบท". Institute for Population and Social Research (IPSR). สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "เผยพฤติกรรมเลือก ร.ร.พ่อแม่ยึดคุณภาพ-ฐานะครอบครัวเป็นหลัก". Unigang. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ 19.0 19.1 "ข้อสรุปใหม่กระทรวงศึกษาธิการ "ไม่เลื่อนเปิดเทอม" สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา". Eduzone. สืบค้นเมื่อ 16 January 2014.
- ↑ "ระบบการศึกษา-ไทย". สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. สืบค้นเมื่อ 17 January 2014.
- ↑ นิยามทางการศึกษา
- ↑ การศึกษาต่อสายสามัญ (ม.4-ม.6)
- ↑ การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา (ปวช.)
- ↑ 24.0 24.1 "พระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551" (PDF). ราชกิจจานุบกษา. สืบค้นเมื่อ 17 January 2014.
- ↑ "ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551". Longdo Law. สืบค้นเมื่อ 17 January 2014.
- ↑ "ชุดนักเรียนไทยอยู่ตรงไหน?". ประเทศไทยอยู่ตรงไหน?. สืบค้นเมื่อ 17 January 2014.
- ↑ กานดา นาคน้อย. "ปลดเปลื้องเครื่องแบบนักศึกษา". สืบค้นเมื่อ 18 January 2014.
- ↑ "สวนดุสิต การันตี 94% ชี้เครื่องแบบ "ชุดนักศึกษา"จำเป็น!". ASTV ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 18 January 2014.
- ↑ บุญเตือน ศรีวรพจน์, "จินดามณี ฉบับหลวงวงษาธิราชสนิท", นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับ 11 กันยายน พ.ศ. 2552 หน้า 62-66 แม่มณีคุณหลวง
- ↑ โรงเรียนเก่าแก่ที่สุดของไทย ชาย-หญิง
- ↑ "บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของครู" (PDF). E-Book Ramkhamhaeng. สืบค้นเมื่อ 18 January 2014.
- ↑ "การพัฒนาครูจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน". ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์. สืบค้นเมื่อ 18 January 2014.
- ↑ "สพฐ.เสียงแข็ง! ไม่เพิ่มจำนวน นร.ต่อห้อง ยัน 50 คน ครูดูแลทั่วถึง". ASTVผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 18 January 2014.
- ↑ "อึ้ง!การศึกษาไทยรั้งท้ายอาเซียน". คมชัดลึกออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 2 March 2014.
- ↑ "โพลชี้คนมองการศึกษาไทยรั้งท้ายอาเซียน". ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 2 March 2014.
- ↑ 36.0 36.1 "ส่องงบการศึกษาไทยบนเวทีอาเซียน". posttoday. สืบค้นเมื่อ 3 March 2014.
- ↑ "อึ้ง!!เด็กหลุดจากระบบการศึกษามีมากกว่า 7 แสนคนต่อปี เพราะไม่รู้เรียนไปเพื่ออะไร". matichon. สืบค้นเมื่อ 3 March 2014.
- ↑ "การศึกษาไทยลง "เหว" เพราะหลักสูตร "เลว" รังแกเด็ก ตอนที่ 1 : กว่าจะรู้จัก (ตัวตน) ก็สายเสียแล้ว!". ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 3 March 2014.
- ↑ 39.0 39.1 Loved and Hated, Former Premier of Thailand Is Erased From Textbook
แหล่งข้อมูลอื่น
- History of Thai Education
- Ministry of Education
- SAE Institute Bangkok Thailand
- Office of the National Education Commission
- Engineering & technology education in Thailand (TransWorldEducation.com)
- Thailand education websites ที่เว็บไซต์ Curlie
- Colleges and Universities in Thailand ที่เว็บไซต์ Curlie
- International academic programs in Thailand ที่เว็บไซต์ Curlie