ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรวรรดิโปรตุเกส"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Antemister (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
|common_name = โปรตุเกส
|common_name = โปรตุเกส
|image_flag = Flag_Portugal_(1578).svg
|image_flag = Flag_Portugal_(1578).svg
|image_coat = Coat of Arms of the Kingdom of Portugal (1640-1910).png
|image_coat = Coat of arms of the Kingdom of Portugal (Enciclopedie Diderot).svg
|status = [[จักรวรรดิ]]
|status = [[จักรวรรดิ]]
|year_start = 1415
|year_start = 1415

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:16, 11 ตุลาคม 2557

จักรวรรดิโปรตุเกส

Império Português
ค.ศ. 1415ค.ศ. 2002
คำขวัญ
Vis Unita Maior Nunc et Semper
"Now and Forever, United We are Greater"
จักรวรรดิโปรตุเกสและดินแดนโพ้นทะเล. แดง - ดินแดนที่เป็นเจ้าของ; เขียวมะกอก - สำรวจ; ส้ม - บริเวณที่มีอิทธิพลทางการค้า; ชมพู - อ้างสิทธิ; เขียว - สถานีค้าขาย; น้ำเงิน - การสำรวจทางทะเลหลัก เส้นทาง และบริเวณที่มีอิทธิพล
จักรวรรดิโปรตุเกสและดินแดนโพ้นทะเล. แดง - ดินแดนที่เป็นเจ้าของ; เขียวมะกอก - สำรวจ; ส้ม - บริเวณที่มีอิทธิพลทางการค้า; ชมพู - อ้างสิทธิ; เขียว - สถานีค้าขาย; น้ำเงิน - การสำรวจทางทะเลหลัก เส้นทาง และบริเวณที่มีอิทธิพล
สถานะจักรวรรดิ
เมืองหลวงลิสบอน a
การปกครอง
พระมหากษัตริย์ 
ประธานาธิบดี 
ประวัติศาสตร์ 
• การยึดครองเมืองเซวตา
ค.ศ. 1415
ค.ศ. 1498
• ค้นพบบราซิล
ค.ศ. 1500
ค.ศ. 1808
ค.ศ. 1815
ค.ศ. 1822
ค.ศ. 1910
• สูญเสียอาณานิคมแห่งกัว
ค.ศ. 1961
• การรัฐประหารดอกคาร์เนชัน
ค.ศ. 1974-ค.ศ. 1975
• การส่งมอบมาเก๊า
ค.ศ. 1999
• ให้เอกราชแก่ติมอร์ (de jure) b
ค.ศ. 2002
^ เมืองหลวงย้ายไปที่ริโอ เดอ จาเนโร ระหว่างปีค.ศ. 1808 ถึงค.ศ. 1821
^ แม้ว่าโปรตุเกสจะเริ่มต้นกระบวนการให้อิสรภาพแก่ติมอร์ตะวันออกตั้งแต่ปีค.ศ. 1975 แต่อย่างไรก็ตามมาเก๊าถือว่าเป็นอาณานิคมแห่งสุดท้ายของจักรวรรดิ เนื่องจากติมอร์ตะวันออกนั้นถูกรุกรานจากอินโดนีเซีย จึงไม่ได้รับการรับรองสถานะอย่างเป็นทางการจากนานาชาติ ดังนั้นการให้อิสรภาพแก่ติมอร์ในปีค.ศ. 2002 จึงเป็นการสิ้นสุดยุรของจักรวรรดิโปรตุเกสอย่างแท้จริง

จักรวรรดิโปรตุเกส (อังกฤษ: Portuguese Empire, โปรตุเกส: Império Português) เป็นหนึ่งในจักรวรรดิอาณานิคมของโลกจักรวรรดิแรกที่มีดินแดนในหลายทวีปที่รวมทั้งอเมริกาใต้, แอฟริกา, อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้การปกครอง และเป็นจักรวรรดิอาณานิคมที่รุ่งเรืองอยู่นานที่สุดในยุโรปที่รุ่งเรืองอยู่เป็นเวลาเกือบห้าร้อยปีตั้งแต่การพบบราซิลในปี ค.ศ. 1500 จนกระทั่งถึงการคืนมาเก๊าในปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานกว่าจักรวรรดิสเปน และ จักรวรรดิฝรั่งเศส

ความต้องการที่จะขยายดินแดนไปทั่วโลกของโปรตุเกสเริ่มขึ้นอย่างจริงจังเมื่อนักสำรวจเริ่มดินทางไปสำรวจทางฝั่งทะเลของแอฟริกาในปี ค.ศ. 1419 หลังจากที่ได้รับชัยชนะต่อเมืองเซวตา (Ceuta) ทางตอนเหนือของแอฟริกาในปี ค.ศ. 1415 โปรตุเกสใช้ความก้าวหน้าล่าสุดทางการเดินเรือ, การเขียนแผนที่ และเทคโนโลยีทางทะเลเช่นการใช้เรือคาราเวล (Caravel) ในการแสวงหาเส้นทางการค้าขายเครื่องเทศซึ่งเป็นสินค้าที่มีค่าที่สุดในยุคนั้น ในปี ค.ศ. 1488 บาร์ตูลูเมว ดีอัช (Bartolomeu Dias) เดินทางรอบแหลมกูดโฮปสำเร็จ และในปี ค.ศ. 1498 วาสโก ดา กามาก็เดินทางรอบอินเดีย ขณะที่การสำรวจเหล่านี้เป็นการแสดงถึงอำนาจของโปรตุเกสในต่างประเทศแต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของการสำรวจก็เพื่อเป็นการขยายเส้นทางการค้าที่เน้นการแสวงหาเส้นทางใหม่ไปยังตะวันออกไกล โดยไม่ต้องเดินทางผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้อิทธิพลของอำนาจของฝ่ายปฏิปักษ์โดยเฉพาะจักรวรรดิออตโตมัน

ความเปลี่ยนแปลงในปี ค.ศ. 1500 เกิดขึ้นเมื่อมีผู้พบฝั่งทะเลอเมริกาใต้โดยบังเอิญ และเมื่อเปดรู อัลวาเรซ กาบรัลเป็นผู้เดินทางสำรวจไปพบและยึดบราซิลเป็นอาณานิคม นโยบายที่เคยเป็นการสำรวจเพื่อการค้าจึงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นการสำรวจเพื่อแสวงหาอาณานิคม ในช่วงเวลาหลายสิบปีต่อมานักเดินเรือชาวโปรตุเกสก็ดำเนินการสำรวจฝั่งทะเลและเกาะต่างๆ ในเอเชียตะวันออกต่อไป ก่อตั้งป้อม และ สถานีการค้า (trading post) ขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ที่พบ ภายในปี ค.ศ. 1571 โปรตุเกสก็มีสถานีการค้าระไปตั้งแต่ลิสบอนเองไปจนถึงนะงะซะกิในญี่ปุ่น การขยายดินแดนทำให้โปรตุเกสกลายเป็นจักรวรรดิโลกที่มีความมั่งคั่งอันมหาศาล

ระหว่างปี ค.ศ. 1580 ถึงปี ค.ศ. 1640 โปรตุเกสก็กลายเป็นพันธมิตรรองของสเปนของสองราชบัลลังก์ในการรวมตัวกันเป็นสหภาพไอบีเรีย (Iberian Union) แม้ว่าสองราชอาณาจักรนี้จะมีการบริหารแยกกันแต่อาณานิคมของโปรตุเกสก็กลายเป็นเป้าในการโจมตีโดยศัตรูของสเปนในยุโรปผู้มีความไม่พึงพอใจต่อความสำเร็จในอำนาจทางทะเลในต่างประเทศของจักรวรรดิในคาบสมุทรไอบีเรียที่รวมทั้งจักรวรรดิดัตช์ (ผู้ในที่สุดก็เข้าสงครามสงครามอิสรภาพต่อต้านสเปน), จักรวรรดิอังกฤษ และ จักรวรรดิฝรั่งเศส แต่โปรตุเกสเป็นประเทศเล็กและมีประชากรเพียงจำนวนไม่มากนักซึ่งทำให้ไม่สามารถป้องกันอาณานิคมในการปกครองของตนเองในดินแดนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งในที่สุดก็เป็นผลทำให้อำนาจของโปรตุเกสเริ่มลดถอยลง นอกจากนั้นการสูญเสียบราซิลซึ่งเป็นอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดและสร้างผลกำไรให้มากที่สุดแก่โปรตุเกสในปี ค.ศ. 1822 ในช่วงการปลดปล่อยอาณานิคมในอเมริกา (Decolonization of the Americas) เป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงที่ทำให้โปรตุเกสไม่อาจฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากนั้น

การล่าอาณานิคมในแอฟริกาที่เริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทำให้โปรตุเกสพอจะได้ดินแดนมาบ้าง ดินแดนส่วนใหญ่ในแอฟริกาที่ได้มาตกอยู่ภายใต้การบริหารและอิทธิพลของโปรตุเกสเป็นเวลาหลายร้อยปี เมืองเช่นลูอันดา (Luanda) และ เบงเกลา (Benguela) และที่ตั้งถิ่นฐานต่างๆ หลายแห่งได้รับการก่อตั้งขึ้นและปกครองโดยโปรตุเกสมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง อันโตนิโอ เดอ โอลิเวรา ซาลาซาร์ (António de Oliveira Salazar) ผู้นำของโปรตุเกสก็ยังพยายามรักษาจักรวรรดิโปรตุเกสไว้โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงในขณะที่ประเทศต่างๆ ในยุโรปเริ่มถอนตัวจากอาณานิคมต่างๆ ในปี ค.ศ. 1961 กองกำลังจำนวนเพียงเล็กน้อยของโปรตุเกสที่ประจำอยู่ที่รัฐกัวก็ไม่สามารถต้านทานกองทหารอินเดียที่รุกเข้ามาในอาณานิคมได้ ซาลาซาร์จึงเริ่มสงครามอาณานิคมโปรตุเกสอันเป็นสงครามนองเลือดอันยาวนานเพื่อที่จะปราบปรามนักต่อต้านอาณานิคมในอาณานิคมแอฟริกา สงครามอันไม่เป็นที่นิยมมาสิ้นสุดลงเมื่อคณะรัฐบาลของซาลาซาร์ถูกโค่นอำนาจในปี ค.ศ. 1974 ที่เรียกกันว่าการปฏิวัติคาร์เนชัน (Carnation Revolution) หลังจากนั้นรัฐบาลโปรตุเกสก็เปลี่ยนนโยบายทันทีและอนุมัติอิสรภาพของประเทศต่างๆ ในอาณานิคมโปรตุเกสทั้งหมดยกเว้นมาเก๊าที่มาคืนให้แก่ประเทศจีนในปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเท่ากับเป็นการสิ้นสุดของจักรวรรดิโปรตุเกส

อ้างอิง

ดูเพิ่ม


แม่แบบ:Link FA