รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน
รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน الخلافة الراشدة | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ.632–ค.ศ.661 | |||||||||||||||||
ธงชาติ | |||||||||||||||||
รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีนในช่วงสูงสุดในสมัยของเคาะลีฟะฮ์อุษมาน ในปีค.ศ. 654. | |||||||||||||||||
เมืองหลวง | มะดีนะฮ์ (ค.ศ.632–656) กูฟะฮ์ (ค.ศ.656–661) | ||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาอาหรับคลาสสิก (ทางการ), แอราเมอิก/ซีรีแอก, อาร์มีเนีย, บาลูจิ, เบอร์เบอร์, คอปติก, จอร์เจีย, กรีก, เปอร์เซียกลาง, เคิร์ด, ลาตินแบบหยาบ, ปรากฤต, กลุ่มภาษาเซมิติก, กลุ่มภาษาอิหร่าน | ||||||||||||||||
ศาสนา | อิสลาม | ||||||||||||||||
การปกครอง | รัฐเคาะลีฟะฮ์ | ||||||||||||||||
เคาะลีฟะฮ์ | |||||||||||||||||
• ค.ศ.632–634 | อะบูบักร์ (คนแรก) | ||||||||||||||||
• 634–644 | อุมัร | ||||||||||||||||
• 644–656 | อุษมาน | ||||||||||||||||
• ค.ศ.656–661 | อะลี (คนสุดท้าย) | ||||||||||||||||
• | สืบต่อโดย ฮะซัน อิบน์ อะลี (ค.ศ.661), จากนั้นคือ มุอาวิยะฮ์ที่ 1 (ค.ศ.661–680) | ||||||||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||||||||
• ก่อตั้ง | 8 มิถุนายน ค.ศ.632 | ||||||||||||||||
• ฟิตนะฮ์ครั้งแรก (ปัญหาภายใน) สิ้นสุด | 28 กรกฎาคม ค.ศ.661 | ||||||||||||||||
พื้นที่ | |||||||||||||||||
ค.ศ.655[1] | 6,400,000 ตารางกิโลเมตร (2,500,000 ตารางไมล์) | ||||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||||
• | 21,400,000 | ||||||||||||||||
สกุลเงิน | ดินาร์, ดิรฮัม | ||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน (อาหรับ: الخلافة الراشدية, อังกฤษ: Rashidun Caliphate) เป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์รัฐแรกในสี่รัฐเคาะลีฟะฮ์ ก่อตั้งขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของมุฮัมมัดในปี ค.ศ. 632 ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดเขตแดนของประเทศครอบคลุมตลอดทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา คาบสมุทรอาหรับ และเนินสูงของอิหร่าน
ที่มา[แก้]
หลังจากการเสียชีวิตของมุฮัมมัดในปี ค.ศ. 632 แล้ว กลุ่มชาวมะดีนะฮ์อันซาร์ (Ansar) ก็ถกเถียงกันว่าผู้ใดควรจะเป็นผู้นำที่เหมาะสมต่อจากศาสดามุฮัมมัดในการดำเนินกิจการของมุสลิมต่อไป ในขณะที่ครอบครัวของท่านยังยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องการฝังศพอุมัร และอบู อุบัยดะห์ (Abu Ubaidah ibn al-Jarrah-أبو عبيدة عامر بن عبدالله بن الجراح) ต่างก็สาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออะบูบักร์ผู้กลายมาเป็น “ประมุขผู้สืบสายจากท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์” คนแรก (คอลีฟะหฺ ราซูล อัลลอฮฺ) หลังจากนั้นอะบูบักรฺก็เริ่มการสงครามเผยแพร่ศาสนาอิสลาม
อะบูบักร์เริ่มต้นด้วยการปราบปราบชนกลุ่มต่าง ๆ ในคาบสมุทรอาหรับที่ละเมิดคำสาบานต่อศาสนาอิสลามและชุมชนมุสลิม ในฐานะเคาะลีฟะฮ์ทั้งอะบูบักรฺเองและผู้ครองอีกสี่คนต่อมาก็มิได้อ้างตนเองว่าเป็นเจ้า ยังคงพำนักอยู่ในบ้านที่สมถะและปฏิบัติตนอย่างปกติ รีดนมแกะและแพะ และออกไปไหนมาไหนโดยไม่มีองครักษ์ อุมัยยะฮ์และอับบาซียะฮ์ต่อมาก็มิได้อ้างตนว่าเป็นเจ้าเช่นกัน แต่ปฏิบัติตนเช่นเจ้า
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Rein Taagepera (September 1997). "Expansion and Contraction Patterns of Large Polities: Context for Russia". International Studies Quarterly. 41 (3): 495. doi:10.1111/0020-8833.00053. JSTOR 2600793.