ฟุตบอลทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
ฉายา | Nati (ทีมชาติ) | ||
---|---|---|---|
สมาคม | สมาคมฟุตบอลสวิส | ||
สมาพันธ์ | ยูฟ่า (ยุโรป) | ||
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | มูรัท ยาคิน | ||
กัปตัน | กรานิต จากา | ||
ติดทีมชาติสูงสุด | ไฮนซ์ แฮร์มัน (118)[1] | ||
ทำประตูสูงสุด | อเล็กซานเดอร์ ฟราย (42) | ||
รหัสฟีฟ่า | SUI | ||
| |||
อันดับฟีฟ่า | |||
อันดับปัจจุบัน | 19 (20 มิถุนายน 2024)[2] | ||
อันดับสูงสุด | 3 (สิงหาคม ค.ศ. 1993) | ||
อันดับต่ำสุด | 83 (ธันวาคม ค.ศ. 1998) | ||
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก | |||
ฝรั่งเศส 1–0 สวิตเซอร์แลนด์ (ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส; 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1905) | |||
ชนะสูงสุด | |||
สวิตเซอร์แลนด์ 9–0 ลิทัวเนีย (ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส; 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1924) | |||
แพ้สูงสุด | |||
อังกฤษ 9–0 สวิตเซอร์แลนด์ (บาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์; 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1909) ฮังการี 9–0 สวิตเซอร์แลนด์ (บูดาเปสต์, ประเทศฮังการี; 29 ตุลาคม ค.ศ. 1911) | |||
ฟุตบอลโลก | |||
เข้าร่วม | 12 (ครั้งแรกใน 1934) | ||
ผลงานดีที่สุด | 8 ทีมสุดท้าย (1934, 1938, 1954) | ||
ยูฟ่ายูโรปาลีก | |||
เข้าร่วม | 5 (ครั้งแรกใน 1996) | ||
ผลงานดีที่สุด | รอบก่อนรองชนะเลิศ (2020, 2024) | ||
ยูฟ่าเนชันส์ลีก รอบสุดท้าย | |||
เข้าร่วม | 1 (ครั้งแรกใน 2019) | ||
ผลงานดีที่สุด | อันดับที่สี่ (2019) | ||
เกียรติยศ |
ฟุตบอลทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ (อังกฤษ: Switzerland national football team, เยอรมัน: Schweizer Fußballnationalmannschaft, ฝรั่งเศส: Équipe de Suisse de football, อิตาลี: Nazionale di calcio della Svizzera, รูมันช์: Squadra naziunala da ballape da la Svizra) เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลสวิส
ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์มีผลงานที่ดีที่สุดคือ สามารถเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย 3 ครั้งในฟุตบอลโลก คือในปี 1934, 1938 และ 1954 โดยใน 1954 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพนั้น พวกเขาแพ้ให้กับออสเตรียในรอบก่อนรองชนะเลิศ 7–5 ซึ่งถือเป็นนัดที่มีการทำประตูกันมากที่สุดในฟุตบอลโลก[3] ต่อมาในฟุตบอลโลก 2006 สวิตเซอร์แลนด์ทำสถิติใหม่ในรายการนี้ด้วยการตกรอบทั้งที่ไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว โดยพวกเขาแพ้การยิงลูกโทษต่อยูเครนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาเสียประตูอีกครั้งหนึ่งในนัดที่พบกับชิลีในฟุตบอลโลก 2010 ทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นทีมชาติที่ไม่เสียประตูติดต่อกันนานที่สุดในฟุตบอลโลก[4]
สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียเป็นเจ้าภาพร่วมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 โดยสวิตเซอร์แลนด์ได้ลงเล่นเป็นครั้งที่สามในรายการนี้ แต่ก็ตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งที่สามด้วยเช่นกัน[5][6]
ผลงานที่ดีที่สุดของทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลอย่างเป็นทางการคือรางวัลเหรียญเงินในปี 1924 ที่พวกเขาได้มาหลังจากที่แพ้อุรุกวัย 3–0 ในรอบชิงชนะเลิศของโอลิมปิกฤดูร้อน 1924[7]
ประวัติ
[แก้]ในฟุตบอลโลก 2006 ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้ดวลลูกโทษให้กับยูเครน 3-0 ต่อมาในฟุตบอลโลก 2010 พวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกันกับสเปน ชิลี และฮอนดูรัส ซึ่งสวิตเซอร์แลนด์จบอันดับที่ 3 ของกลุ่ม ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออกได้ ต่อมาในฟุตบอลโลก 2014 พวกเขาตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการพ่ายแพ้ต่ออาร์เจนตินาในช่วงต่อเวลาพิเศษ
2016–2021: ยุคของวลาดิมีร์ เป็ตกอวิช
[แก้]ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 สวิตเซอร์แลนด์อยู่ในกลุ่มเอร่วมกับเจ้าภาพอย่างฝรั่งเศส, แอลเบเนีย และโรมาเนีย โดยในนัดแรก สวิตเซอร์แลนด์ชนะแอลเบเนีย 1–0 จากการทำประตูชัยของฟาบีอาน แชร์ในนาทีที่ 5 ของเกม[8] นัดถัดมา พวกเขาเสมอกับโรมาเนีย 1–1 โดยถูกขึ้นนำจากการเสียลูกโทษ แต่ก็ตามตีเสมอได้จากการทำประตูของอัดมีร์ เมห์เมดีในช่วงครึ่งหลัง[9] และในนัดสุดท้ายของกลุ่ม พวกเขาเสมอกับฝรั่งเศส 0–0 อย่างไรก็ตาม เกมนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีที่เสื้อของผู้เล่นสวิสฉีกขาดในตอนที่กำลังเบียดแย่งกับผู้เล่นฝรั่งเศส และลูกบอลแตกในตอนที่อ็องตวน กรีแยซมานและวาลอน เบห์รามีกำลังแย่งบอลกัน นอกจากนี้ เกมยังแข่งขันบนสนามที่พื้นผิวแย่ จนผู้จัดการและผู้เล่นของทั้งสองทีมออกมาวิจารณ์ หลังจากเกมนั้น ผู้ผลิตชุดแข่งของสวิตเซอร์แลนด์ออกมากล่าวว่าชุดแข่งผลิตจากวัสดุที่บกพร่องจนฉีดขาดในระหว่างการเล่น[10][11][12] สวิตเซอร์แลนด์จบเป็นอันดับที่สองกลุ่มและผ่านเข้ารอบไปเจอกับโปแลนด์ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาเสียประตูก่อนแต่ก็ตีเสมอได้จากลูกยิงจักรยานอากาศของแจร์ดัน ชาชีรี เกมยังคงเสมอเมื่อจบช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ ผู้เล่นคนอื่นยิงลูกโทษเข้ากันหมด ยกเว้นเสียแต่กรานิต จากาซึ่งเป็นคนยิงคนที่สอง ยิงลูกโทษไม่เข้า ทำให้โปแลนด์เอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 5–4[13][14][15]
ในรอบคัดเลือกของฟุตบอลโลก 2018 สวิตเซอร์แลนด์อยู่กลุ่มเดียวกันกับโปรตุเกส, ฮังการี, หมู่เกาะแฟโร, ลัตเวีย และอันดอร์รา[16] สวิสเริ่มต้นรอบคัดเลือกด้วยการเอาชนะแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอย่างโปรตุเกส 2–0 ทั้งที่โปรตุเกสเพิ่งชนะเลิศรายการนั้นมาได้ไม่ถึงสองเดือน ณ วันที่แข่งขัน (6 กันยายน)[17] หลังจากนั้น พวกเขาเอาชนะฮังการี 3–2, อันดอร์รา 2–1, หมู่เกาะแฟโร 2–0 และลัตเวีย 1–0 ทำให้พวกเขาชนะห้านัดแรก ขึ้นเป็นอันดันที่หนึ่งของกลุ่มด้วยคะแนน 15 แต้มเต็ม[18][19][20][21] ต่อมาในห้าเกมที่เหลือ พวกเขาชนะหมู่เกาะแฟโร 2–0, อันดอร์รา 3–0, ลัตเวีย 3–0 และฮังการี 5–2[22][23][24][25] อย่างไรก็ตาม พวกเขาพ่ายแพ้ต่อโปรตุเกส 2–0 ในนัดสุดท้ายของกลุ่ม[26] ทำให้พวกเขาจบอันดับที่ 2 ของกลุ่ม ต้องไปแข่งขันในรอบเพลย์ออฟ[16][27] ซึ่งพวกเขาจับสลากพบกับนอร์เทิร์นไอร์แลนด์ ในเลกแรกซึ่งแข่งขันวันที่ 9 พฤศจิกายน พวกเขาชนะ 1–0 จากการยิงลูกโทษที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ของรีการ์โด โรดรีเกซ และในเลกที่สองซึ่งแข่งในอีกสามวันถัดมา ทั้งสองทีมเสมอกัน 0–0 ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ได้เข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซียด้วยผลประตูรวม 1–0[28][29][30] ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น สวิตเซอร์แลนด์อยู่อันดับที่ 6 จากการจัดอันดับโลกฟีฟ่า นับเป็นอันดับที่สูงกว่าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยนั้นอย่างฝรั่งเศสเสียอีก[31]
ในฟุตบอลโลก สวิตเซอร์แลนด์อยู่ในกลุ่มอีร่วมกับบราซิล, เซอร์เบีย และคอสตาริกา[33] พวกเขาแข่งขันนัดเปิดสนามด้วยการเสมอกับบราซิล 1–1[34] ก่อนที่นัดถัดมาจะเอาชนะเซอร์เบียด้วยการทำประตูชัยของแจร์ดัน ชาชีรี[35] ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทางเซอร์เบียเนื่องจากเขา, กรานิต จากา และชเต็ฟฟัน ลิชท์ชไตเนอร์ (ซึ่งมีเชื้อสายแอลเบเนีย) ทำท่าดีใจด้วยการไขว้มือเป็นรูปนกอินทรีสองหัวซึ่งเป็นตราแผ่นดินของแอลเบเนีย เพื่อแสดงถึงความเป็นชาตินิยมแอลเบเนีย อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่าไม่ได้สั่งแบนพวกเขาทั้งสามคน[36][37][38][39] นัดสุดท้ายของกลุ่ม พวกเขาเสมอกับคอสตาริกา 2–2 จากการทำประตูของเบลริม เจไมลีและยอซิป เดอร์มิช ทำให้พวกเขาจบอันดับที่สองของกลุ่ม[40] ต่อมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาพ่ายแพ้ต่อสวีเดน 1–0 ทำให้พวกเขายุติเส้นทางในฟุตบอลโลกแต่เพียงเท่านี้[41]
วันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2018 สวิตเซอร์แลนด์ได้รับเลือกให้เข้าร่วมแข่งขันในฤดูกาลเปิดตัวของยูฟ่าเนชันส์ลีก ซึ่งเป็นการแข่งขันโดยทีมชาติสมาชิกของยูฟ่า พวกเขาถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 ของลีกเอ ร่วมกับเบลเยียมและไอซ์แลนด์[42][43]
ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 สวิตเซอร์แลนด์จบอันดับที่สามของกลุ่มเอซึ่งมีทีมร่วมกลุ่มของอิตาลี, เวลส์ และตุรกี อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบถัดไปได้ด้วยการเป็นอันดับสามที่ดีที่สุด ต่อมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาเอาชนะฝรั่งเศสด้วยการยิงลูกโทษหลังจากที่เสมอกันในเวลา 120 นาที 3–3 ทั้ง ๆ ที่ถูกนำถึง 1-3 ในช่วงครึ่งหลัง ทำให้พวกเขาชนะในรอบแพ้คัดออกของรายการใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1938[44][45]
ภาพลักษณ์ทีม
[แก้]ชุดแข่งขัน
[แก้]ชุดเหย้าของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เป็นเสื้อสีแดง กางเกงขาสั้นสีขาว และถุงเท้าสีแดง ในขณะที่ชุดเยือนจะสลับสีเป็นเสื้อสีขาว กางเกงขาสั้นสีแดง และถุงเท้าสีขาว โดยสีกางเกงและถุงเท้าสามารถสลับสีกันได้ในบางกรณี นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งทีมใน ค.ศ. 1895 ทีมชาติในชุดแข่งตามสีที่ปรากฏบนธงชาติ ผู้ผลิตชุดในปัจจุบันคือพูมาซึ่งผลิตชุดแข่งมาตั้งแต่ ค.ศ. 1998
ผู้ผลิตชุดแข่ง
[แก้]ผู้ผลิต | ช่วงปี |
---|---|
อาดิดาส | 1976–1989 |
แบล็กกี | 1990–1992 |
ลอตโต | 1992–1998 |
พูมา | 1998– |
ทีมงานฝึกสอน
[แก้]ตำแหน่ง | ชื่อ |
---|---|
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | มูรัท ยาคิน |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | Hakan Yakin Vincent Cavin |
ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู | Patrick Foletti |
ผู้ฝึกสอนกายภาพ | Oliver Riedwyl |
ทำเนียบหัวหน้าผู้ฝึกสอน
[แก้]สัญชาติ | ชื่อ | สถิติ | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ปี | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | เปอร์เซ็นต์ชนะ | ||
วลาดิมีร์ เป็ตกอวิช | 1 สิงหาคม 2014 – ปัจจุบัน | 76 | 41 | 15 | 20 | 53.95 | |
ออทท์มาร์ ฮิทซ์เฟลด์ | 1 กรกฎาคม 2008 – 1 กรกฎาคม 2014 | 61 | 30 | 18 | 13 | 49.18 | |
Jakob "Köbi" Kuhn | 11 กันยายน 2001 – 30 มิถุนายน 2008 | 70 | 30 | 16 | 24 | 42.86 | |
Enzo Trossero | 14 กรกฎาคม 2000 – 8 มิถุนายน 2001 | 8 | 3 | 3 | 2 | 37.50 | |
Hans-Peter Zaugg | 19 กุมภาพันธ์ 2000 – 26 เมาายน 2000 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | |
Gilbert Gress | 1 กรกฎาคม 1998 – 31 ธันวาคม 1999 | 12 | 4 | 3 | 5 | 33.33 | |
Rolf Fringer | 15 สิงหาคม 1996 – 14 ตุลาคม 1997 | 9 | 3 | 1 | 5 | 33.33 | |
Artur Jorge | 13 มีนาคม 1996 – 18 มิถุนายน 1996 | 4 | 0 | 1 | 3 | 0.00 | |
รอย ฮอดจ์สัน | 1 กรกฎาคม 1992 – 30 พฤศจิกายน 1995 | 22 | 9 | 5 | 8 | 40.91 | |
Uli Stielike | 1 กรกฎาคม 1989 – 31 ธันวาคม 1991 | 17 | 7 | 4 | 6 | 41.18 | |
Daniel Jeandupeux | 12 มีนาคม 1986 – 26 เมษายน 1989 | 21 | 5 | 8 | 8 | 23.81 | |
Paul Wolfisberg | 1 มกราคม 1981 – 31 ธันวาคม 1985 20 มิถุนายน 1989 – 22 มิถุนายน 1989 |
33 | 11 | 12 | 10 | 33.33 | |
Leo Walker | 5 พฤษภาคม 1979 – 21 ธันวาคม 1980 | 12 | 3 | 0 | 9 | 25.00 | |
Roger Vonlanthen | 28 กุมภาพันธ์ 1977 – 28 มีนาคม 1979 | 9 | 1 | 0 | 8 | 11.11 | |
Miroslav Blažević | 22 กันยายน 1976 – 9 ตุลาคม 1976 | 2 | 0 | 0 | 2 | 0.00 | |
Bruno Michaud | 26 เมษายน 1972 – 9 พฤษภาคม 1973 | 3 | 0 | 2 | 1 | 0.00 | |
Louis Maurer | 1 กรกฎาคม 1970 – 30 มิถุนายน 1972 | 8 | 4 | 2 | 2 | 50.00 | |
René Hüssy | 22 เมษายน 1970 – 3 พฤษภาคม 1970 22 มิถุนายน 1973 – 8 กันยายน 1976 |
25 | 4 | 3 | 18 | 16.00 | |
Erwin Ballabio | 14 กุมภาพันธ์ 1968 – 3 พฤศจิกายน 1969 | 4 | 2 | 1 | 1 | 50.00 | |
Alfredo Foni | 1 กรกฎาคม 1964 – 5 มกราคม 1967 1 ตุลาคม 1967 – 23 ธันวาคม 1967 |
15 | 4 | 2 | 9 | 26.67 | |
Jiri Sobotka | 15 เมษายน 1964 – 10 พฤษภาคม 1964 | 3 | 1 | 0 | 2 | 33.33 | |
Willibald Hahn | 20 กันยายน 1958 – 25 ตุลาคม 1959 | 2 | 0 | 0 | 2 | 0.00 | |
Jacques Spagnoli | 1 พฤษภาคม 1955 – 26 พฤษภาคม 1958 | 8 | 1 | 2 | 5 | 12.50 | |
Hans Rüegsegger | 19 กันยายน 1954 – 10 ตุลาคม 1954 | 1 | 0 | 0 | 1 | 0.00 | |
Franco Andreoli | 19 มีนาคม 1950 – 22 พฤศจิกายน 1950 | 6 | 2 | 2 | 2 | 33.33 | |
Karl Rappan | 19 กันยายน 1937 – 12 มิถุนายน 1938 1 กุมภาพันธ์ 1942 – 2 ตุลาคม 1949 1 กรกฎาคม 1953 – 30 มิถุนายน 1954 27 มีนาคม 1960 – 11 พฤศจิกายน 1963 |
36 | 10 | 5 | 21 | 27.78 | |
Schweizer Auswahlkomitee | 14 ธันวาคม 1924 – 25 มีนาคม 1934 14 ตุลาคม 1934 – 17 พฤษภาคม 1937 18 กันยายน 1938 – 1 มกราคม 1941 15 ตุลาคม 1950 – 20 กันยายน 1952 |
45 | 9 | 8 | 28 | 20.00 | |
Jimmy Hogan | 1924 – 1924 | 2 | 1 | 0 | 1 | 50.00 | |
Francois Dégerine | 1905 – 1910 | 3 | 1 | 0 | 2 | 33.33 |
รายชื่อผู้เล่น
[แก้]รายชื่อผู้เล่น 26 คนที่ถูกเรียกตัวในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022[46]
ข้อมูลการลงเล่นและการทำประตูนับถึงวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565 หลังจากการพบกับ เช็กเกีย[47][48]
# | ตำแหน่ง | ผู้เล่น | วันเกิด (อายุ) | ลงเล่น | ประตู | สโมสร |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | GK | ยัน ซ็อมเมอร์ | 17 ธันวาคม ค.ศ. 1988 | 76 | 0 | โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค |
12 | GK | โยนัส อ็อมลีน | 10 มกราคม ค.ศ. 1994 | 4 | 0 | มงเปอลีเย |
21 | GK | เกรกอร์ โคเบิล | 6 ธันวาคม ค.ศ. 1997 | 3 | 0 | โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ |
24 | GK | Philipp Köhn | 2 เมษายน ค.ศ. 1998 | 0 | 0 | เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค |
13 | DF | ริการ์โด โรดริเกซ | 25 สิงหาคม ค.ศ. 1992 | 100 | 9 | โตรีโน |
22 | DF | ฟาบีอาน แชร์ | 20 ธันวาคม ค.ศ. 1991 | 72 | 8 | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด |
5 | DF | มานูเอ็ล อาคันจี | 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1995 | 42 | 1 | แมนเชสเตอร์ซิตี |
4 | DF | นีโค เอ็ลเวดี | 30 กันยายน ค.ศ. 1996 | 40 | 1 | โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค |
3 | DF | ซิลวาน วิทเมอร์ | 5 มีนาคม ค.ศ. 1993 | 33 | 2 | ไมนทซ์ 05 |
18 | DF | เอรัย เจอแมร์ท | 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 | 9 | 0 | บาเลนเซีย |
23 | MF | แจร์ดัน ชาชีรี (รองกัปตัน) | 10 ตุลาคม ค.ศ. 1991 | 108 | 26 | ชิคาโกไฟเออร์ |
10 | MF | กรานิต จากา (กัปตัน) | 27 กันยายน ค.ศ. 1992 | 106 | 12 | อาร์เซนอล |
8 | MF | เรโม ฟร็อยเลอร์ | 15 เมษายน ค.ศ. 1992 | 48 | 5 | นอตทิงแฮมฟอเรสต์ |
6 | MF | เดอนี ซาการียา | 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1996 | 42 | 3 | เชลซี |
15 | MF | จีบรีล โซ | 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 | 32 | 0 | ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท |
11 | MF | Renato Steffen | 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1991 | 27 | 1 | ลูกาโน |
2 | MF | แอดีมิลซง ฟือร์นังดึช | 15 เมษายน ค.ศ. 1996 | 22 | 2 | ไมนทซ์ 05 |
25 | MF | Fabian Frei | 8 มกราคม ค.ศ. 1989 | 22 | 3 | บาเซิล |
14 | MF | Michel Aebischer | 6 มกราคม ค.ศ. 1997 | 11 | 0 | โบโลญญา |
26 | MF | Ardon Jashari | 30 มิถุนายน ค.ศ. 2002 | 1 | 0 | ลูเซิร์น |
25 | MF | Fabian Rieder | 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 | 0 | 0 | ยังบอยส์ |
9 | FW | ฮาริส เซเฟรอวิช | 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 | 88 | 25 | กาลาทาซาไร |
7 | FW | เบรล เอ็มโบโล | 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 | 58 | 11 | มอนาโก |
17 | FW | รูเบน บาร์กัส | 5 สิงหาคม ค.ศ. 1998 | 26 | 4 | เอาคส์บวร์ค |
16 | FW | คริสทีอัน ฟัสนัคท์ | 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1993 | 15 | 4 | ยังบอยส์ |
19 | FW | Noah Okafor | 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 | 8 | 2 | เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค |
สถิติผู้เล่น
[แก้]- ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2021[49]
- ผู้เล่น ตัวหนา หมายถึง ผู้เล่นที่ยังคงลงเล่นให้กับทีมชาติในปัจจุบัน
|
|
สถิติการแข่งขัน
[แก้]สวิตเซอร์แลนด์ยังไม่เคยชนะเลิศการแข่งขันระดับนานาชาติ ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในฟุตบอลโลกสามครั้งในปี 1934, 1938 และ 1954 และการเป็นรองแชมป์โอลิมปิกฤดูร้อน 1924 ที่พวกเข้าพ่ายแพ้ต่ออุรุกวัยในรอบชิงชนะเลิศที่ปารีส 3–0[50] อย่างไรก็ตาม ทีมชาติชุดเยาวชนมีความสำเร็จมากกว่า โดยทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีเคยชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2002 และ 2009 ในขณะที่ทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2002 และเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2011[51][52][53][54]
ฟุตบอลโลก
[แก้]สถิติในฟุตบอลโลก | สถิติในรอบคัดเลือก | ||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ปี | รอบ | อันดับ | แข่ง | ชนะ | เสมอ* | แพ้ | ได้ | เสีย | ผู้เล่น | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ||
1930 | ไม่ได้เข้าร่วม | ถูกเชิญเข้าร่วม | |||||||||||||||
1934 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 7 | 2 | 1 | 0 | 1 | 5 | 5 | ผู้เล่น | 2 | 0 | 2 | 0 | 4 | 4 | ||
1938 | 7 | 3 | 1 | 1 | 1 | 5 | 5 | ผู้เล่น | 1 | 1 | 0 | 0 | 2 | 1 | |||
1950 | รอบแบ่งกลุ่ม | 6 | 3 | 1 | 1 | 1 | 4 | 6 | ผู้เล่น | 2 | 2 | 0 | 0 | 8 | 4 | ||
1954 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 8 | 4 | 2 | 0 | 2 | 11 | 11 | ผู้เล่น | ผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นเจ้าภาพ | |||||||
1958 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | 4 | 0 | 1 | 3 | 6 | 11 | ||||||||||
1962 | รอบแบ่งกลุ่ม | 16 | 3 | 0 | 0 | 3 | 2 | 8 | ผู้เล่น | 5 | 4 | 0 | 1 | 11 | 10 | ||
1966 | 16 | 3 | 0 | 0 | 3 | 1 | 9 | ผู้เล่น | 6 | 4 | 1 | 1 | 7 | 3 | |||
1970 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | 6 | 2 | 1 | 3 | 5 | 8 | ||||||||||
1974 | 6 | 2 | 2 | 2 | 2 | 4 | |||||||||||
1978 | 4 | 1 | 0 | 3 | 3 | 5 | |||||||||||
1982 | 8 | 2 | 3 | 3 | 9 | 12 | |||||||||||
1986 | 8 | 2 | 4 | 2 | 5 | 10 | |||||||||||
1990 | 8 | 2 | 1 | 5 | 10 | 14 | |||||||||||
1994 | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | 16 | 4 | 1 | 1 | 2 | 5 | 7 | ผู้เล่น | 10 | 6 | 3 | 1 | 23 | 6 | ||
1998 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | 8 | 3 | 1 | 4 | 11 | 12 | ||||||||||
2002 | 10 | 4 | 2 | 4 | 18 | 12 | |||||||||||
2006 | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | 10 | 4 | 2 | 2 | 0 | 4 | 0 | ผู้เล่น | 12 | 5 | 6 | 1 | 22 | 11 | ||
2010 | รอบแบ่งกลุ่ม | 19 | 3 | 1 | 1 | 1 | 1 | 1 | ผู้เล่น | 10 | 6 | 3 | 1 | 18 | 8 | ||
2014 | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | 11 | 4 | 2 | 0 | 2 | 7 | 7 | ผู้เล่น | 10 | 7 | 3 | 0 | 17 | 6 | ||
2018 | 14 | 4 | 1 | 2 | 1 | 5 | 5 | ผู้เล่น | 12 | 10 | 1 | 1 | 24 | 7 | |||
2022 | 12 | 4 | 2 | 0 | 2 | 5 | 9 | ผู้เล่น | 8 | 5 | 3 | 0 | 15 | 2 | |||
2026 | ยังไม่ถึงกำหนดแข่งขัน | ยังไม่ถึงกำหนดแข่งขัน | |||||||||||||||
2030 | |||||||||||||||||
2034 | |||||||||||||||||
ทั้งหมด | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 12/22 | 41 | 14 | 8 | 19 | 55 | 73 | — | 140 | 68 | 37 | 35 | 220 | 150 |
- *การเสมอนับรวมถึงนัดที่ตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
[แก้]สถิติในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป | สถิติในรอบคัดเลือก | ||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ปี | รอบ | อันดับ | แข่ง | ชนะ | เสมอ* | แพ้ | ได้ | เสีย | ผู้เล่น | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ||
1960 | ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน | ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน | |||||||||||||||
1964 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | 2 | 0 | 1 | 1 | 2 | 4 | ||||||||||
1968 | 6 | 2 | 1 | 3 | 17 | 13 | |||||||||||
1972 | 6 | 4 | 1 | 1 | 12 | 5 | |||||||||||
1976 | 6 | 1 | 1 | 4 | 5 | 10 | |||||||||||
1980 | 8 | 2 | 0 | 6 | 7 | 18 | |||||||||||
1984 | 6 | 2 | 2 | 2 | 7 | 9 | |||||||||||
1988 | 8 | 1 | 5 | 2 | 9 | 9 | |||||||||||
1992 | 8 | 4 | 2 | 2 | 19 | 7 | |||||||||||
1996 | รอบแบ่งกลุ่ม | 13 | 3 | 0 | 1 | 2 | 1 | 4 | ผู้เล่น | 8 | 5 | 2 | 1 | 15 | 7 | ||
2000 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | 8 | 4 | 2 | 2 | 9 | 5 | ||||||||||
2004 | รอบแบ่งกลุ่ม | 15 | 3 | 0 | 1 | 2 | 1 | 6 | ผู้เล่น | 8 | 4 | 3 | 1 | 15 | 11 | ||
2008 | รอบแบ่งกลุ่ม | 11 | 3 | 1 | 0 | 2 | 3 | 3 | ผู้เล่น | ผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นเจ้าภาพ | |||||||
2012 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | 8 | 3 | 2 | 3 | 12 | 10 | ||||||||||
2016 | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | 11 | 4 | 1 | 3 | 0 | 3 | 2 | ผู้เล่น | 10 | 7 | 0 | 3 | 24 | 8 | ||
2020 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 7 | 5 | 2 | 2 | 1 | 8 | 9 | ผู้เล่น | 8 | 5 | 2 | 1 | 19 | 6 | ||
2024 | กำลังแข่งขัน | ผู้เล่น | |||||||||||||||
2028 | ยังไม่ถึงกำหนดแข่งขัน | ยังไม่ถึงกำหนดแข่งขัน | |||||||||||||||
2032 | |||||||||||||||||
ทั้งหมด | รอบก่อนรองชนะเลิศ | 5/16 | 18 | 3 | 8 | 7 | 16 | 24 | — | 100 | 44 | 24 | 32 | 172 | 122 |
- *การเสมอนับรวมถึงนัดที่ตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ
- **กรอบสีแดงหมายถึงการแข่งขันที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ
เกียรติประวัติ
[แก้]- อันดับ 4 (1): 2018–19
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "FIFA Century Club" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-09-24.
- ↑ "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 20 มิถุนายน 2024. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2024.
- ↑ "World Cup 1954 finals". 3 January 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 January 2007. สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ Taylor, Daniel (21 June 2010). "Chile 1-0 Switzerland | World Cup Group H match report". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ uefa.com. "UEFA EURO 2008 - History - Standings – UEFA.com". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ "Switzerland 1-2 Turkey" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 11 June 2008. สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ "Olympic Football Tournament Paris 1924 - Switzerland 0:3 (0:1) Uruguay - Overview". FIFA. สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ "Albania 0-1 Switzerland". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 11 June 2016. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "Romania 1-1 Switzerland". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 15 June 2016. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "Switzerland 0-0 France". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 19 June 2016. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "BBC Sport". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "France, Swiss dish up Euros' strangest moment". NewsComAu. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "Switzerland 1-1 Poland (pens 4-5)". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 25 June 2016. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ Sport, Telegraph (25 June 2016). "Switzerland 1 Poland 1, Euro 2016: Poles win 5-4 on penalties despite Xherdan Shaqiri wonder-goal". The Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0307-1235. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "Poland beat Swiss after Xhaka penalty miss to reach Euro 2016 quarters". Evening Standard (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ 16.0 16.1 FIFA.com. "2018 FIFA World Cup Russia™ - Qualifiers - Europe". FIFA.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-19. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ Gadd, Mick (6 September 2016). "Switzerland 2-0 Portugal: Euro 2016 champions come crashing back to earth". mirror. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Hungary-Switzerland". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Andorra-Switzerland". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Switzerland-Faroe Islands". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Switzerland-Latvia". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Faroe Islands-Switzerland". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Switzerland-Andorra". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Latvia-Switzerland". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Switzerland-Hungary". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ "Portugal 2-0 Switzerland". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 10 October 2017. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Standings". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ "Northern Ireland 0-1 Switzerland". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 9 November 2017. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ Anderson, David (9 November 2017). "Northern Ireland vs Switzerland live score and goal updates". mirror. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "European Qualifiers - Switzerland-Northern Ireland". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ FIFA.com. "The FIFA/Coca-Cola Men's World Ranking". FIFA.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-26. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ Сборная Швеции зрелищно вышла в четвертьфинал ЧМ-2018 (фото). Soccer.ru (ภาษารัสเซีย). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ FIFA.com. "2018 FIFA World Cup Russia™ - Groups". FIFA.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-03. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ FIFA.com. "2018 FIFA World Cup Russia™ - Matches - Brazil - Switzerland". FIFA.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-24. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ FIFA.com. "2018 FIFA World Cup Russia™ - Matches - Serbia - Switzerland". FIFA.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-30. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ "Serbia 1-2 Switzerland: Xherdan Shaqiri steals vital win for Swiss". Sky Sports (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ Doyle, Paul (22 June 2018). "World Cup 2018: Serbia 1-2 Switzerland – as it happened". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ "Serbia 1-2 Switzerland: Late Shaqiri break shatters Serbian hearts". ProSoccerTalk (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 22 June 2018. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ "World Cup 2018: Switzerland trio avoid bans for 'eagle gesture' goal celebrations". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 25 June 2018. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ Smyth, Rob (27 June 2018). "Switzerland 2-2 Costa Rica: World Cup 2018 – as it happened". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ Glendenning, Barry (3 July 2018). "Sweden 1-0 Switzerland: World Cup 2018 – as it happened". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ UEFA.com. "UEFA Nations League 2018/19 League Phase draw". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "UEFA Nations League draw: England get Spain, Germany face France | Goal.com" (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- ↑ "France 3-3p Switzerland: Swiss stun world champions with penalty shootout win after thriller in Bucharest". Eurosport. 28 June 2021.
- ↑ "France 3 Switzerland 3 (4-5 on pens)". BBC Sport. 28 June 2021. สืบค้นเมื่อ 29 June 2021.
- ↑ "Murat Yakin gibt Schweizer WM-Aufgebot bekannt". Swiss Football Association (ภาษาเยอรมัน). 9 November 2022. สืบค้นเมื่อ 9 November 2022.
- ↑ "Switzerland-Portugal | UEFA Nations League 2023 | UEFA.com". UEFA.
- ↑ "Most Switzerland Caps - EU-Football.info". eu-football.info.
- ↑ "Switzerland – Record International Players". RSSSF.
- ↑ FIFA.com. "Olympic Football Tournament Paris 1924 - Switzerland 0:3 (0:1) Uruguay - Overview - FIFA.com". FIFA.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ "uefa.com - UEFA European U-17 C'ship". 9 January 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 January 2016. สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ FIFA.com (17 October 2009). "Swiss take their place in history". FIFA.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-05. สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ uefa.com (25 May 2002). "Under-21 2002 - History - France-Switzerland – UEFA.com". Uefa.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
- ↑ uefa.com (25 June 2011). "Under-21 2011 - History - Switzerland-Spain – UEFA.com". Uefa.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.