ข้ามไปเนื้อหา

ฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนเธอร์แลนด์
Shirt badge/Association crest
ฉายาOranje
Holland
Clockwork Orange
The Flying Dutchmen[1]
อัศวินสีส้ม (ในภาษาไทย)
สมาคมราชสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์
สมาพันธ์ยูฟ่า (ยุโรป)
หัวหน้าผู้ฝึกสอนโรนัลด์ กุมัน
กัปตันเฟอร์จิล ฟัน ไดก์
ติดทีมชาติสูงสุดเวสลีย์ สไนเดอร์ (134)
ทำประตูสูงสุดโรบิน ฟัน แปร์ซี (50)
สนามเหย้าหลายแห่ง
รหัสฟีฟ่าNED
อันดับฟีฟ่า
อันดับปัจจุบัน 7 Steady (20 มิถุนายน 2024)[2]
อันดับสูงสุด1[3] (สิงหาคม ค.ศ. 2011)
อันดับต่ำสุด36[4] (สิงหาคม ค.ศ. 2017)
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก
ธงชาติเบลเยียม เบลเยียม 1–4 เนเธอร์แลนด์ ธงชาติเนเธอร์แลนด์
(แอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม; 30 เมษายน ค.ศ. 1905)
ชนะสูงสุด
ธงชาติเนเธอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ 11–0 ซานมารีโน ธงชาติซานมารีโน
(ไอนด์โฮเฟิน ประเทศเนเธอร์แลนด์; 2 กันยายน .ศ. 2011)
แพ้สูงสุด
อังกฤษ อังกฤษสมัครเล่น 12–2 เนเธอร์แลนด์ ธงชาติเนเธอร์แลนด์
(ดาร์ลิงตัน ประเทศอังกฤษ; 21 ธันวาคม ค.ศ. 1907)[A]
ฟุตบอลโลก
เข้าร่วม11 (ครั้งแรกใน 1934)
ผลงานดีที่สุดรองชนะเลิศ (1974, 1978, 2010)
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
เข้าร่วม10 (ครั้งแรกใน 1976)
ผลงานดีที่สุดชนะเลิศ (1988)
ยูฟ่าเนชันส์ลีก รอบสุดท้าย
เข้าร่วม1 (ครั้งแรกใน 2019)
ผลงานดีที่สุดรองชนะเลิศ (2019)
เว็บไซต์OnsOranje.nl (ในภาษาดัตช์)

ฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์เเลนด์ (ดัตช์: Nederlands voetbalelftal) เป็นทีมฟุตบอลประจำฮอลแลนด์ภายใต้ราชสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ มีฉายาในภาษาไทยว่า "อัศวินสีส้ม" เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของโลก โดยเนเธอร์แลนด์มีผลงานสูงสุดในฟุตบอลโลกคือ ได้รองชนะเลิศ 3 สมัยในฟุตบอลโลก 1974, ฟุตบอลโลก 1978 และฟุตบอลโลก 2010 และชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 1 สมัยในฟุตบอลยูโร 1988 รองชนะเลิศยูฟ่าเนชันส์ลีก 1 สมัยในยูฟ่าเนชันส์ลีก 2019 รอบสุดท้าย และคว้าเหรียญทองแดง 3 สมัยในกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ. 1908, 1912 และ1920

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้รับฉายาว่า "Clockwork Orange" ในช่วงที่ได้ชื่อว่าเล่นได้ตามกลยุทธ์โททัลฟุตบอลที่มีการต่อบอลได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ยังเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ "ทีมชาติฮอลแลนด์"

ประวัติ

[แก้]

ยุคแรกของทีม (1865-1938)

[แก้]

ชาวอังกฤษนำกีฬาฟุตบอลเข้ามาเผยแพร่ในเนเธอร์แลนด์หรือฮอลแลนด์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1865 และจากนั้นมาพวกเขาก็คิดในเรื่องเกมการเล่นของตัวเองที่แตกต่างออกไป รวมทั้งสร้างนักเตะที่เป็นตำนานขึ้นมาอย่างมากมาย หลังจากที่สมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1879 และมีการลงสนามเกมระดับนานาชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1905 ด้วยการบุกไปเอาชนะเบลเยียมเพื่อนบ้าน 4-1 ซึ่งแอ็ดดี เดอ เนเฟอ ยิงไปคนเดียว 4 ประตู

จากนั้นก็มาได้เหรียญทองแดงโอลิมปิกในปี ค.ศ. 1908 และค.ศ. 1912[5][6] และมีโอกาสเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 1934 หลังจากที่ 4 ปีก่อนหน้านี้ปฏิเสธคำเชิญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แต่ก็ทำได้เพียงแค่ตกรอบแรกทั้งในปี ค.ศ. 1934 และ ค.ศ. 1938 แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองแล้วก็มีการก่อตั้งลีกอาชีพของตัวเองขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้นักเตะของตัวเองออกไปค้าแข้งกับสโมสรในต่างแดน

ยุคทองของสามทหารเสือและแชมป์ฟุตบอลยุโรป

[แก้]

การตั้งลีกอาชีพในปี ค.ศ. 1954 ทำให้มาตรฐานการเล่นของทีมดีขึ้นมาจนกระทั่งในยุคทศวรรษที่ 70 ก็มีนักเตะชื่อดังอย่างโยฮัน ไกรฟฟ์, โยฮัน เนสเกินส์ และรืด โกรล ในรูปแบบการเล่นที่เรียกว่าโททัลฟุตบอล ที่เน้นการต่อบอลที่แม่นยำ และการเคลื่อนที่อันเป็นเอกลักษณ์ ภายใต้การคุมทีมของรีนึส มีเคิลส์ พร้อมด้วยการมีสโมสรชั้นนำอย่างอาแจ็กซ์ ซึ่งเนเธอร์แลนด์ได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 1974 แต่ไปแพ้ให้เยอรมนีตะวันตก 1-2 อย่างน่าเสียดาย[7]

และในยูโร 76 เนเธอร์แลนด์คว้าอันดับ 3 มาครองได้ รวมทั้งฟุตบอลโลก ค.ศ. 1978 มีโอกาสได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งแต่ก็ไปแพ้ให้กับอาร์เจนตินา เจ้าภาพ 1-3[8] จากนั้นฟุตบอลของเนเธอร์แลนด์เริ่มจะก้าวสู่ช่วงขาลงไปพร้อม ๆ กับยุคของโยฮัน ไกรฟฟ์ จนกระทั่งมาถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นยุคของรืด คึลลิต, ฟรังก์ ไรการ์ด และมาร์โก ฟัน บัสเติน ซึ่งเรียกว่า "สามทหารเสือ" ทำให้วงการฟุตบอลดัตช์กลับมารุ่งเรื่องได้อีกครั้ง และสามารถคว้าแชมป์ยูโร 1988 ได้สำเร็จโดยเอาชนะสหภาพโซเวียตไปได้ในนัดชิงชนะเลิศ 2-0 ซึ่งนั่นถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเนเธอร์แลนด์เพียงรายการเดียวตราบจนถึงทุกวันนี้[9]

ความล้มเหลวในรายการใหญ่ (1990-2008)

[แก้]

อย่างไรก็ตามในฟุตบอลโลก ค.ศ. 1990, ค.ศ. 1994, ค.ศ. 1998 และยูโร 1992-ยูโร 1996 ผลงานของทีมออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และในยูโร 2000 ที่เนเธอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพร่วมกับเบลเยียมก็ตกรอบรองชนะเลิศเมื่อแพ้อิตาลีในการดวลจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย ในฟุตบอลโลก ค.ศ. 2002 เนเธอร์แลนด์ไม่ผ่านเข้าแข่งขันรอบสุดท้าย ส่วนผลงานในยูโร 2004, ฟุตบอลโลก ค.ศ. 2006 และยูโร 2008 ก็ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในยูโร 2008 ที่เนเธอร์แลนด์ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่ม โดยเอาชนะรวดได้ทั้งสามนัดแม้อยู่ร่วมกลุ่มกับทีมเต็งอย่างฝรั่งเศสและอิตาลี แต่พวกเขากลับตกรอบที่สองในการแข่งขัน โดยแพ้ให้กับทีมชาติรัสเซียไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-3 [10]

รองแชมป์โลกสมัยที่ 3 (2010)

[แก้]

ในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ เนเธอร์แลนด์ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีม แบร์ต ฟัน มาร์ไวก์ สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการคัดเลือกเป็นทีมแรกจากทวีปยุโรปด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในการชนะ 8 นัดรวดในรอบคัดเลือกของโซนยุโรป กลุ่ม 9[11] และในรอบสุดท้าย เนเธอร์แลนด์สร้างผลงานชนะในรอบแรกทั้งสามนัดในรอบแบ่งกลุ่ม ในนัดที่พบกับทีมชาติญี่ปุ่น, ทีมชาติเดนมาร์ก และทีมชาติแคเมอรูน และสามารถเอาชนะสโลวาเกียได้ในรอบ 16 ทีสุดท้าย 2-1 ก่อนที่จะผ่านเข้าไปพบกับทีมเต็งแชมป์อย่างทีมชาติบราซิล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และพวกเขาสามารถเอาชนะไปได้ 2-1 ก่อนที่จะเอาชนะอุรุกวัยในรอบรองชนะเลิศ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี[12] พวกเขาเข้าไปพบกับทีมชาติสเปน แต่เป็นฝ่ายแพ้ไป 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ[13]

ยูโร 2012

[แก้]

ในการแข่งขันยูโร 2012 เนเธอร์แลนด์เป็นทีมหนึ่งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้เป็นแชมป์ แต่พวกเขากลับตกรอบแรกอย่างน่าผิดหวัง แม้จะมีนักเตะชั้นนำในทีมมากมาย อาทิ โรบิน ฟัน แปร์ซี, อาร์เยิน โรบเบิน, เวสลีย์ สไนเดอร์ และมาร์ก ฟัน โบมเมิล โดยไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยในรอบแบ่งกลุ่ม โดยแพ้ให้กับเดนมาร์ก, เยอรมนี และโปรตุเกส เสียประตูไปทั้งสิ้น 5 ลูก และยิงได้เพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น[14]

อันดับสามในฟุตบอลโลก 2014

[แก้]

ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ เนเธอร์แลนด์ภายใต้การคุมทีมของ ลูวี ฟัน คาล ไม่ได้เป็นทีมที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้แชมป์หรือเป็นทีมเต็งมาตั้งแต่ต้น ยิ่งไปกว่านั้น นักฟุตบอลกว่าครึ่งทีมเป็นนักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่ส่วนมากยังไม่เคยผ่านการแข่งขันระดับใหญ่มาก่อนและเล่นอยู่ในลีกภายในประเทศ เช่น เฟเยนูร์ด และอาแจ็กซ์ แต่เนเธอร์แลนด์ซึ่งอยู่ในกลุ่มบีก็สามารถเก็บชัยชนะรวดได้ทั้ง 3 นัด[15] โดยประเดิมสนามเป็นฝ่ายเอาชนะทีมชาติสเปนซึ่งเป็นแชมป์เก่าและเป็นคู่ชิงชนะเลิศในฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วไปได้ถึง 5-1 อย่างพลิกความคาดหมาย ตามด้วยการเอาชนะทีมชาติออสเตรเลียและชิลีได้ในสองนัดถัดมา ก่อนจะเอาชนะทีมชาติเม็กซิโกไปได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2-1

เนเธอร์แลนด์สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศพบกับ อาร์เจนตินา ทั้งคู่เสมอกันในเวลาปกติและยังเสมอกันอีกในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที 0-0 จึงต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ปรากฏว่าเนเธอร์แลนด์เป็นฝ่ายแพ้อาร์เจนตินาไป 2-4[15] ต้องไปแข่งชิงอันดับสามกับบราซิล เจ้าภาพ ซึ่งเนเธอร์แลนด์ฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-0[16]

ความล้มเหลวในยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018

[แก้]

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายได้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1984 เป็นต้นมา[17]รวมไปถึงการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศ รัสเซีย ซึ่งเนเธอร์แลนด์ก็ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้อีกเช่นกัน [18]

ผลงานโดดเด่น

[แก้]
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดที่ได้แชมป์ฟุตบอลยูโร 1988

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

[แก้]

รายชื่อผู้เล่น 26 คนที่ถูกเรียกตัวในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022[19][20]

ข้อมูลการลงเล่นและการทำประตูนับถึงวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565 หลังจากการพบกับ เบลเยียม[21]

0#0 ตำแหน่ง ผู้เล่น วันเกิด (อายุ) ลงเล่น ประตู สโมสร
1 1GK แร็มโก ปัสเฟร์ (1983-11-08) 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1983 (41 ปี) 2 0 เนเธอร์แลนด์ อายักซ์
13 1GK จึสติน ไบไลว์ (1998-01-22) 22 มกราคม ค.ศ. 1998 (26 ปี) 6 0 เนเธอร์แลนด์ ไฟเยอโนร์ด
23 1GK อันดรีส โนปเปิร์ต (1994-04-07) 7 เมษายน ค.ศ. 1994 (30 ปี) 0 0 เนเธอร์แลนด์ เฮเรินเฟน

2 2DF ยือร์รีเยิน ติมเบอร์ (2001-06-17) 17 มิถุนายน ค.ศ. 2001 (23 ปี) 10 0 เนเธอร์แลนด์ อายักซ์
3 2DF มัตไตส์ เดอ ลิคต์ (1999-08-12) 12 สิงหาคม ค.ศ. 1999 (25 ปี) 38 2 เยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก
4 2DF เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ (กัปตัน) (1991-07-08) 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 (33 ปี) 49 6 อังกฤษ ลิเวอร์พูล
5 2DF นาตัน อาเก (1995-02-18) 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 (29 ปี) 29 3 อังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี
6 2DF สเตฟัน เดอ ไฟร (1992-02-05) 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 (32 ปี) 59 3 อิตาลี อินเตอร์มิลาน
16 2DF ไทเรลล์ มาลาเซีย (1999-08-17) 17 สิงหาคม ค.ศ. 1999 (25 ปี) 6 0 อังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
17 2DF เดลีย์ บลินด์ (1990-03-09) 9 มีนาคม ค.ศ. 1990 (34 ปี) 94 2 เนเธอร์แลนด์ อายักซ์
22 2DF แด็นเซิล ดึมฟรีส (1996-04-18) 18 เมษายน ค.ศ. 1996 (28 ปี) 37 5 อิตาลี อินเตอร์มิลาน
25 2DF เจเรมี ฟริมโปง (2000-12-10) 10 ธันวาคม ค.ศ. 2000 (24 ปี) 0 0 เยอรมนี ไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน

11 3MF สเตเฟิน แบร์เคยส์ (1991-12-19) 19 ธันวาคม ค.ศ. 1991 (32 ปี) 39 2 เนเธอร์แลนด์ อายักซ์
14 3MF เดวี กลาสเซิน (1993-02-21) 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1993 (31 ปี) 35 9 เนเธอร์แลนด์ อายักซ์
15 3MF มาร์เติน เดอ โรน (1991-03-29) 29 มีนาคม ค.ศ. 1991 (33 ปี) 30 0 อิตาลี อาตาลันตา
20 3MF เติน โกปไมเนิร์ส (1998-02-28) 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 (26 ปี) 10 1 อิตาลี อาตาลันตา
21 3MF แฟร็งกี เดอ โยง (1997-05-12) 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 (27 ปี) 45 1 สเปน บาร์เซโลนา
24 3MF เคนเน็ธ เทย์เลอร์ (2002-05-16) 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 (22 ปี) 2 0 เนเธอร์แลนด์ อายักซ์
26 3MF ซาฟี ซีโมนส์ (2003-04-21) 21 เมษายน ค.ศ. 2003 (21 ปี) 0 0 เนเธอร์แลนด์ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน

7 4FW สเตเฟิน แบร์คไวน์ (1997-10-08) 8 ตุลาคม ค.ศ. 1997 (27 ปี) 24 7 เนเธอร์แลนด์ อายักซ์
8 4FW โกดี คักโป (1999-05-07) 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1999 (25 ปี) 9 3 เนเธอร์แลนด์ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน
9 4FW ลืก เดอ โยง (1990-08-27) 27 สิงหาคม ค.ศ. 1990 (34 ปี) 38 8 เนเธอร์แลนด์ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน
10 4FW แม็มฟิส เดอไป (1994-02-13) 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 (30 ปี) 81 42 สเปน บาร์เซโลนา
12 4FW โนวา ลัง (1999-06-17) 17 มิถุนายน ค.ศ. 1999 (25 ปี) 5 1 เบลเยียม กลึบบรึคเคอ
18 4FW ฟินเซนต์ ยันส์เซิน (1994-06-15) 15 มิถุนายน ค.ศ. 1994 (30 ปี) 20 7 เบลเยียม แอนต์เวิร์ป
19 4FW เวาต์ เวคอสต์ (1992-08-07) 7 สิงหาคม ค.ศ. 1992 (32 ปี) 15 3 ตุรกี เบชิกทัช

อดีตผู้เล่นที่มีชื่อเสียง

[แก้]
โยฮัน ไกรฟฟ์ ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1974
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดที่ได้รองแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1974 โดยแพ้ให้กับเยอรมนีตะวันตก 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศ
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2006
ลูวี ฟัน คาล ผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในชุดที่คว้าอันดับสามในฟุตบอลโลก 2014

สนามแข่ง

[แก้]
สนามโยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ไม่ได้ใช้สนามแข่งขันสนามใดสนามหนึ่งเป็นหลัก (เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายการแข่งขัน, สภาพอากาศ, คู่แข่ง และปัจจัยอื่นๆ แต่โดยส่วนมากแล้วจะลงแข่งขัน ณ สนาม โยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา ซึ่งเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลอาเอฟเซ อายักซ์ โดยการแข่งขันนัดแรกอย่างเป็นทางการของเนเธอร์แลนด์ ณ สนามแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคมปี 1997 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรป ระหว่างเนเธอร์แลนด์และทีมชาติซานมารีโน ซึงเนเธอร์แลนด์เอาชนะไปได้ 4-0[22] โดยสนามแห่งนี้มีชื่อเดิมว่า อัมส์เตอร์ดัมอาเรนา ก่อนจะเปลี่ยนเป็น โยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา ในปี 2018 เพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึงการจากไปของ โยฮัน ไกรฟฟ์ ตำนานนักเตะผู้ล่วงลับชาวเนเธอร์แลนด์[23]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. การแข่งขันรอบนี้ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษไม่ถือเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติเต็มรูปแบบ และไม่ปรากฏในสถิติทีมชาติ เพราะในเวลานั้นอังกฤษเคยเล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว อย่างไรก็ตาม เนเธอร์แลนด์ยังไม่มีฟุตบอลอาชีพจนถึง ค.ศ. 1954 ในอดีต ผู้เล่นที่ออกจากเนเธอร์แบนด์แล้วกลายเป็นมืออาชีพในประเทศอื่นจะถูกห้ามไม่ให้อยู่ในทีมชาติ

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Holland's media-friendly football pros". Radio Netherlands Worldwide. 17 December 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 October 2013. สืบค้นเมื่อ 25 July 2013.
  2. "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 20 มิถุนายน 2024. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2024.
  3. "The FIFA/Coca-Cola World Ranking - Ranking Table - FIFA.com". www.fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 October 2019.
  4. "The FIFA/Coca-Cola World Ranking - Ranking Table - FIFA.com". www.fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 October 2019.
  5. "Games of the VII. Olympiad - Football Tournament". www.rsssf.com.
  6. "Games of the V. Olympiad - Football Tournament". www.rsssf.com.
  7. "The greatest World Cup tragedies: Holland 1974 · The Score". web.archive.org. 2014-06-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-06-06. สืบค้นเมื่อ 2021-06-27.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  8. Hersey, Will (2018-06-14). "Remembering Argentina 1978: The Dirtiest World Cup Of All Time". Esquire (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
  9. UEFA.com (2003-10-05). "Van Basten volley crowns Netherlands' EURO 1988 final win against USSR". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ).
  10. ยูโร2004 : ฮอลแลนด์กลับมาอย่างมีลุ้น เก็บถาวร 2007-10-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนจากกรุงเทพธุรกิจ
  11. อัศวินสีส้ม”ตีตั๋วไป”บอลโลก” เป็นทีมแรกของยุโรป”คาเปลโล”เตือน”สิงโต&q
  12. โค้ชทีมฮอลแลนด์ ปลื้มใจนำทีมเข้าชิงชนะเลิศ เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปีจากช่อง 7
  13. สรุปผลการแข่งขัน
  14. อเฟลลายเศร้าดัตช์ตกรอบแรกยูโร2012 จากสยามสปอร์ต
  15. 15.0 15.1 ""เนย์มาร์"เชียร์"ฟ้าขาว" อยากเห็น"เมสซี่"ชูถ้วย". ข่าวสด. 12 July 2014. สืบค้นเมื่อ 13 July 2014.
  16. "เนเธอร์แลนด์ ถล่ม บราซิล 3-0 คว้าที่ 3 บอลโลก". ไทยพีบีเอส. 14 June 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-17. สืบค้นเมื่อ 13 July 2014.
  17. "คลิปไฮไลท์ยูโร 2016 ฮอลแลนด์ 2-3 สาธารณรัฐเช็ก Netherlands 2-3 Czech Republic". football-fun.net. 14 October 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-16. สืบค้นเมื่อ 14 October 2015.
  18. https://www.thairath.co.th/content/1126607
  19. @OnsOranje (21 October 2022). "🦁 final squad: This is the list of 26 players where our final World Cup 2022 squad will be selected from! 📋" (ทวีต) – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  20. @OnsOranje (11 November 2022). "🦁 Our 26 Lions for the @FIFAWorldCup ! #NothingLikeOranje | #FIFAWorldCup" (ทวีต) – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  21. "Most Netherlands Caps". EU-Football.info.
  22. "Geschiedenis". Johan Cruijff ArenA (ภาษาดัตช์).
  23. "Welkom in de Johan Cruijff ArenA!". Johan Cruijff ArenA (ภาษาดัตช์).

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]