ยุทธการที่โอกินาวะ
ยุทธการโอกินาวะ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามมหาสมุทรแปซิฟิกในสงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
![]() นาวิกโยธิน 2 นายจากกองพันที่ 2 กองพลนาวิกโยธินที่ 1 บนสันเขาวานา (Wana) เตรียมยิงคุ้มกันด้วยปืนกลทอมป์สัน พฤษภาคม ค.ศ. 1945 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
![]()
![]() |
![]()
![]() | ||||||
กำลัง | |||||||
183,000[1] | 117,000[2] | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
เสียชีวิต 12,513 บาดเจ็บ 38,916 สูญเสียจากเหตุการณ์ที่ไม่ใช่การรบ 33,096 |
เสียชีวิตประมาณ 110,000 ถูกจับ 7,400–10,755 | ||||||
ประชาชนเสียชีวิตประมาณ 42,000–150,000 |
ยุทธการโอกินาวะ หรือชื่อรหัส ปฏิบัติการภูเขาน้ำแข็ง (อังกฤษ: Operation Iceberg)[3] เป็นการสู้รบบนหมู่เกาะรีวกีวของโอกินาวะและเป็นสงครามสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดใหญ่ที่สุดในสงครามมหาสมุทรแปซิฟิก[4][5] การรบกินเวลาถึง 82 วันจากต้นเดือนเมษายนถึงกลางเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1945 หลังดำเนินการต่อสู้แบบกบกระโดดไปทีละเกาะ (campaign of island hopping) อันยาวนาน สัมพันธมิตรก็ได้เข้ามาใกล้ประเทศญี่ปุ่น สัมพันธมิตรวางแผนที่จะใช้โอกินาวะซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่น 550 กิโลเมตรเป็นฐานบินสำหรับปฏิบัติการตามแผนการบุกแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่น (ชื่อรหัสปฏิบัติการดาวน์ฟอล) 4 กองพลของกองทัพที่ 10 สหรัฐคือ กองพลที่ 7, 27, 77 และ 96 และนาวิกโยธิน 2 กองพล คือ กองพลที่ 1 และ 6 ต่อสู้บนเกาะขณะที่นาวิกโยธินกองพลที่ 2 เป็นกองหนุนลอยลำแต่ไม่ได้ยกพลขึ้นฝั่ง การบุกได้รับการสนันสนุนจากกองทัพเรือ กำลังรบสะเทินน้ำสะเทินบก และกองทัพอากาศยุทธวิธี
ยุทธการนี้ในภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า "Typhoon of Steel (ไต้ฝุ่นเหล็ก)" และในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า tetsu no ame (เท็ตสึ โนะ อาเมะ) ("ฝนเหล็ก") หรือ tetsu no bōfū (เท็ตสึ โนะ โบฟู) ("ลมเหล็กกรรโชก") เป็นชื่อเล่นที่มาจากความโหดร้ายในการรบ, กระสุนปืนที่ปลิวว่อนไปทั่วสนามรบ, ความรุนแรงของการโจมตีแบบคามิกาเซะจากฝ่ายญี่ปุ่น และจำนวนเรือและยานพาหนะของฝ่ายสัมพันธมิตรที่จู่โจมสู่เกาะ เป็นการรบที่มีจำนวนคนตายหรือได้รับบาดเจ็บสูงที่สุดสมรภูมิหนึ่งในสงครามมหาสมุทรแปซิฟิกของสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นสูญเสียทหารมากกว่า 100,000 นายและฝ่ายสัมพันธมิตรมีทหารเจ็บหรือตายมากกว่า 50,000 นาย ในเวลาเดียวกันนั้นมีประชาชนเสียชีวิต บาดเจ็บ ฆ่าตัวตายเพราะกลัวว่าจะโดนข่มขืน จากข่าวออกข่าวลวง ในสงครามจิตวิทยาของทหารญี่ปุ่น มากกว่า 100,000 คน (12,000 ตายในการรบ) ประมาณกันว่าหนึ่งในสี่ของประชากรเสียชีวิตเนื่องจากการบุกรุกครั้งนี้ การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมะและนางาซากิและสหภาพโซเวียตเข้าร่วมในสงครามทำให้ญี่ปุ่นยอมจำนนหนึ่งสัปดาห์หลังสิ้นสุดการสู้รบที่โอกินาวะ
คำสั่งยุทธการ[แก้]
กองกำลังภาคพื้นดิน[แก้]
กองกำลังภาคพื้นดินสหรัฐประกอบด้วย กองทัพที่ 10 บังคับบัญชาโดยพลโทไซมอน โบลิเวอร์ บักเนอร์ จูเนียร์ (Simon Bolivar Buckner, Jr.) มี 2 กองทัพน้อยภายใต้บังคับบัญชา คือ กองทัพน้อยสะเทินน้ำสะเทินบกที่ 3 ภายใต้การบังคับบัญชาของพลตรีรอย ไกเกอร์ (Roy Geiger) ประกอบด้วย กองพลนาวิกโยธินที่ 1 และกองพลนาวิกโยธินที่ 6 และกองทัพน้อยที่ 24 ภายใต้การบังคับบัญชาของพลตรี จอห์น อาร์. ฮอดจ์ (John R. Hodge) ประกอบด้วย กองพลทหาราบที่ 7 และกองพลทหาราบที่ 96 กองพลนาวิกโยธินที่ 2 เป็นกองกำลังลอยลำสำรอง กองทัพที่ 10 ยังกำกับดูแลกองพลที่ 27 ซึ่งทำหน้าที่เป็นกองกำลังรักษาการณ์ และกองพลทหารราบที่ 77 รวมทั้งสิ้น กองทัพที่ 10 มีกำลังพลเป็นทหาร 102,000 นายและนาวิกโยธิน 81,000 นาย
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a6/Japanese_Commanders_on_Okinawa.jpg/220px-Japanese_Commanders_on_Okinawa.jpg)
กองกำลังภาคพื้นดินของญี่ปุ่นในการทัพนี้ (กองกำลังป้องกันหลัก) ประกอบด้วย ทหารที่ยังแข็งแรง 67,000 นาย (ข้อมูบางแหล่งเป็น 77,000 นาย) จากกองทัพภาคที่ 32 และกองทหารของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น (IJN) 9,000 นายจากฐานทัพเรือโอโรกุ (Oroku) (มีเพียงสองสามร้อยนายเท่านั้นที่ได้รับการฝึกและมีอุปกรณ์สำหรับการต่อสู้บนพื้นดิน) มีกองหนุนเป็นชาวรีวกีวที่เกณฑ์มาจำนวน 39,000 คน (ประกอบด้วย กองหนุนส่วนหลังที่เกณฑ์มาอย่างเร่งด่วนจำนวน 24,000 คน ซึ่งเรียกว่า Boeitai (โบเอไต) และกรรมกรอีก 15,000 คน) นอกจากนี้ยังมีองค์กรเด็กชายมัธยมต้นชั้นปีสุดท้าย "หน่วยอาสาสมัครเหล็กและเลือด (Iron and Blood Volunteer Units)" จำนวน 1,500 คน ปฏิบัติการอยู่ที่แนวหน้า ในขณะเดียวกัน มีการจัดตั้งนักเรียนฮิเมยูริ (Himeyuri Students) 600 คนเป็นหน่วยพยาบาล[6]
กองทัพที่ 32 ประกอบไปด้วยกองพลที่ 9 กองพลที่ 24 และกองพลที่ 62 และกองพลน้อยผสมอิสระที่ 44 กองพลที่ 9 ได้เคลื่อนพลไปยังเกาะไต้หวันก่อนการโจมตี ซึ่งเป็นผลของการเปลี่ยนแผนการป้องกันของญี่ปุ่น กองกำลังการป้องกันส่วนแรกทำหน้าที่ป้องการด้านใต้ นำโดยพลโทมิตสึรุ อูชิจิมะ (Mitsuru Ushijima) ผู้บัญชาการ พลโทอิซามุ โช (Isamu Chō) เสนาธิการ และพันเอกฮิโรมิจิ ยาฮาระ (Hiromichi Yahara) เสนาธิการปฏิบัติการ ยาฮาระเป็นที่ปรึกษายุทธวิธีรับ ขณะที่โชเป็นที่ปรึกษายุทธวิธีรุก กองกำลังตอนเหนือมีพันเอกทาเกฮิโดะ อูโดะ (Takehido Udo) เป็นผู้บังคับบัญชา กองทหารกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นนำโดยพลเรือตรีมิโนรุ โอตะ (Minoru Ota) ญี่ปุ่นคาดว่าสหรัฐจะยกพลขึ้นบก 6–10 กองพลและปะทะกับกองทหารรักษาการณ์ของญี่ปุ่นจำนวนสองกองพลครึ่ง เสนาธิการคำนวณว่าด้วยจำนวนและอาวุธที่ดีกว่าของสหรัฐในแต่ละกองพลจะทำให้สหรัฐมีอำนาจการยิงเหนือญี่ปุ่นห้าหรือหกเท่า และเพิ่มเติมด้วยอำนาจการยิงจากเรือจำนวนมากและอากาศยาน
กองกำลังภาคพื้นทะเล[แก้]
กองทัพเรือสหรัฐ[แก้]
กองกำลังส่วนมากเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบอากาศสู่อากาศ และส่วนที่เหลือเป็นเครื่องบินดำทิ้งระเบิดและอากาศยานโจมตีภาคพื้นดินจากเรือบรรทุกอากาศยานของกองทัพเรือสหรัฐ ญี่ปุ่นได้ใช้กลยุทธ์ คามิกาเซะ ตั้งแต่ยุทธนาวีอ่าวเลย์เต แต่ในยุทธการโอกินาวะ เป็นครั้งแรกที่ยุทธวิธีนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการป้องกัน ระหว่างที่สหรัฐยกพลขึ้นบกเมื่อวัน 1 เมษายน ถึง 25 พฤษภาคม มีการพยายามโจมตีแบบ คามิกาเซะ ครั้งใหญ่ๆ ถึง 7 ครั้ง ซึ่งใช้เครื่องบินมากกว่า 1,500 เครื่อง กองทัพเรือสหรัฐประสบกับความสูญเสียด้วยวิธีนี้มากกว่าการสู้รบอื่นในสงคราม
เครือจักรภพอังกฤษ[แก้]
แม้ว่ากองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรทางภาคพื้นจะประกอบด้วยหน่วยของสหรัฐอเมริกาทั้งหมด แต่กองกำลังทางทะเลยังประกอบด้วยกองทัพเรือแปซิฟิกของอังกฤษ (BPF; รู้จักกันในกองทัพเรือสหรัฐฯ ในฐานะหน่วยเฉพาะกิจ 57) ซึ่งมีกองกำลังราว ¼ ของกำลังทางอากาศในทะเลของกองทัพพันธมิตร (เครื่องบิน 450 เครื่อง) กองเรือประกอบไปด้วยเรือหลายลำ รวมถึง เรือรบ 50 ลำซึ่ง 17 ลำเป็นเรือบรรทุกอากาศยาน ซึ่งแต่ละลำได้หุ้มเกราะที่ดาดฟ้าเรือทำให้บรรทุกเครื่องบินได้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการโจมตีคามิกาเซะ แม้ว่าเรือบรรทุกอากาศยานทั้งหมดจะถูกจัดหาโดยสหราชอาณาจักร แต่กลุ่มเรือนั้นเป็นกองเรือผสมของกองเรือเครือจักรภพอังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ภารกิจของกองเรือคือต่อต้านสนามบินญี่ปุ่นในหมู่เกาะซากิชิมะ (Sakishima Islands) และยึดครองท้องฟ้าเพื่อป้องกันการโจมตี"คามิกาเซะ"ของญี่ปุ่น
ยุทธนาวี[แก้]
ปฏิบัติการเท็งโง[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑
บทความนี้ประกอบด้วยข้อความจากแหล่งข้อมูลนี้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ: Appleman, Roy; Burns, James; Gugeler, Russel; Stevens, John (1948). Okinawa: The Last Battle. United States Army Center of Military History. ISBN 1-4102-2206-3. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 November 2010. สืบค้นเมื่อ 14 June 2010.
- ↑ [1]
- ↑ "Planning Iceberg, Chp 2 of Okinawa: Victory in the Pacific by Major Chas. S. Nichols, Jr., USMC and Henry I. Shaw, Jr". Historical Section, Division of Public Information, U.S. Marine Corps. สืบค้นเมื่อ 2010-05-07.
- ↑ "The United States Navy assembled an unprecedented armada in April 1945". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-16. สืบค้นเมื่อ 2010-11-02.
- ↑ "The American invasion of Okinawa was the largest amphibious assault of World War II". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-28. สืบค้นเมื่อ 2010-11-02.
- ↑ Huber, Thomas M. Japan's Battle of Okinawa, April–June 1945 เก็บถาวร 2009-02-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Command and General Staff College
แหล่งที่มา[แก้]
- Alexander, Joseph (1995). The Final Campaign: Marines in the Victory on Okinawa (PDF). U.S. Marine Corps History Division.
- Appleman, Roy; Burns, James; Gugeler, Russel; Stevens, John (1948). Okinawa: The Last Battle. United States Army Center of Military History. ISBN 1-4102-2206-3. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 November 2010. สืบค้นเมื่อ 14 June 2010.
- Fisch, Arnold G. Jr. (2004). Ryukyus. World War II Campaign Brochures. Washington, DC: United States Army Center of Military History. ISBN 0-16-048032-9. CMH Pub 72-35. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 January 2012. สืบค้นเมื่อ 14 June 2010.
- Hobbs, David (2012). The British Pacific Fleet: The Royal Navy's Most Powerful Strike Force. Seaforth Publishing. ISBN 9781783469222.
- Morison, Samuel Eliot (2002) [1960]. Victory in the Pacific, 1945, vol. 14 of. History of United States Naval Operations in World War II. Champaign, Illinois: University of Illinois Press. ISBN 0-252-07065-8. OCLC 1036894412.
- Nash, Douglas (2015). Battle of Okinawa III MEF Staff Ride Battle Book (PDF). U.S. Marine Corps History Division.
- Nichols, Charles; Shaw, Henry (1955). Okinawa: Victory in the Pacific (PDF). Government Printing Office. ASIN B00071UAT8.
- Astor, Gerald (1996). Operation Iceberg: The Invasion and Conquest of Okinawa in World War II. Dell. ISBN 0-440-22178-1.
- Buckner, Simon; Stilwell, Joseph (2004). Nicholas Evan Sarantakes (บ.ก.). Seven Stars: The Okinawa Battle Diaries of Simon Bolivar Buckner, Jr. and Joseph Stilwell.
- Feifer, George (2001). The Battle of Okinawa: The Blood and the Bomb. The Lyons Press. ISBN 1-58574-215-5.
- Frank, Richard B. (1999). Downfall: The End of the Imperial Japanese Empire. Random House. ISBN 978-0-679-41424-7.
- Hallas, James H. (2006). Killing Ground on Okinawa: The Battle for Sugar Loaf Hill. Potomac Books. ISBN 1-59797-063-8.
- Hastings, Max (2008) [2007]. Retribution – The Battle for Japan, 1944–45. New York: Alfred A. Knopf. ISBN 978-0-307-26351-3.
- Lacey, Laura Homan (2005). Stay Off The Skyline: The Sixth Marine Division on Okinawa—An Oral History. Potomac Books. ISBN 1-57488-952-4.
- Manchester, William (1980). Goodbye, Darkness: A Memoir of the Pacific War. Boston, Toronto: Little, Brown and Co. ISBN 0-316-54501-5.
- Rottman, Gordon (2002). Okinawa 1945: The last Battle. Osprey Publishing. ISBN 1-84176-546-5.
- Sledge, E. B.; Fussell, Paul (1990). With the Old Breed: At Peleliu and Okinawa. Oxford University Press. ISBN 0-19-506714-2., famous Marine memoir
- Sloan, Bill (2007). The Ultimate Battle: Okinawa 1945—The Last Epic Struggle of World War II. Simon & Schuster. ISBN 978-0-7432-9246-7.
- Toll, Ian W. (2020). Twilight of the Gods: War in the Western Pacific, 1944–1945. New York: W. W. Norton.
- Yahara, Hiromichi (2001). The Battle for Okinawa. John Wiley & Sons. ISBN 0-471-18080-7. - Firsthand account of the battle by a surviving Japanese officer.
- Zaloga, Steven (2007). Japanese Tanks 1939–45. Osprey Publishing. ISBN 978-1-84603-091-8.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Commons-logo.svg/30px-Commons-logo.svg.png)
- Huber, Thomas M. (May 1990). "Japan's Battle of Okinawa, April–June 1945". Leavenworth Papers. United States Army Command and General Staff College. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-14. สืบค้นเมื่อ November 20, 2006.[2] เก็บถาวร 2010-12-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- US military on the Battle of Okinawa เก็บถาวร 2009-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- New Zealand account with reference to Operation Iceberg
- Cornerstone of Peace เก็บถาวร 2012-06-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Okinawa Prefectural Peace Memorial Museum เก็บถาวร 2019-12-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- A photographic record of aircraft carrier HMS Indomitable, 1944-45, including Operation Iceberg, the attack on the Sakashimas
- WWII: Battle of Okinawa เก็บถาวร 2010-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - slideshow by Life magazine
- Operation Iceberg Operational Documents เก็บถาวร 2009-08-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Combined Arms Research Library, Fort Leavenworth, KS
- Oral history interview with Mike Busha, a member of the 6th Marine Division during the Battle of Okinawa เก็บถาวร 2012-12-14 ที่ archive.today from the Veterans History Project at Central Connecticut State University
- Oral history interview with Albert D'Amico, a Navy Veteran who was aboard LST 278 during the landing at Okinawa เก็บถาวร 2012-12-12 ที่ archive.today from the Veterans History Project at Central Connecticut State University
- Rare National Archives footage of the Okinawa battle, described by E.B. Sledge, from the National Museum of the Marine Corps
- ยุทธการที่โอกินาวะ
- สงครามแปซิฟิก
- ยุทธการและปฏิบัติการทางทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง
- การบุกครองในสงครามโลกครั้งที่สอง
- การบุกครองโดยสหรัฐ
- การบุกครองโดยสหราชอาณาจักร
- การบุกครองญี่ปุ่น
- การทัพญี่ปุ่น
- ปฏิบัติการเท็งโง
- ยุทธการในสงครามโลกครั้งที่สองเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น
- เหตุการณ์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2488
- เหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488
- เหตุการณ์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2488
- ความสัมพันธ์ทางการทหารญี่ปุ่น–สหราชอาณาจักร
- เกาะโอกินาวะ