ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรภพ เพ็ญแข"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sli20Tw7N96mrv (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่ 1410729 สร้างโดย 61.7.241.30 (พูดคุย)
Aomnaruk (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 68: บรรทัด 68:


{{แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ}}
{{แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ}}
{{พรรคพลังประชาชน}}


[[หมวดหมู่:พิธีกรไทย]]
[[หมวดหมู่:พิธีกรไทย]]
บรรทัด 77: บรรทัด 78:
[[หมวดหมู่:ข้าราชการพลเรือนชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:ข้าราชการพลเรือนชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ]]
[[หมวดหมู่:แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ]]
[[หมวดหมู่:พรรคการเมืองไทย|พลังประชาชน]]
{{เกิดปี|2510}}
{{เกิดปี|2510}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:54, 9 พฤศจิกายน 2551

ไฟล์:MNewsImages 21473.jpg
นายจักรภพ เพ็ญแข

นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ลาออก 30 พฤษภาคม 2551) ในรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ และอดีตนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศที่มีชื่อเสียง

ประวัติ

นายจักรภพ เพ็ญแข เกิดวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2510[1] มีชื่อเล่นว่า “เอก” ศึกษาชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้น สอบเข้าศึกษาต่อ ที่คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อจบปริญญาตรีแล้ว จึงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก ที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา (แต่มิได้จัดทำดุษฎีนิพนธ์ จึงถือว่าจบหลักสูตรปริญญาเอก แต่มิได้รับวิทยฐานะเป็นดอกเตอร์) เริ่มทำงานครั้งแรกกับเครือเจริญโภคภัณฑ์อยู่ระยะหนึ่ง แล้วลาออกไปเข้ารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ทูต กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาได้ลาออกมาทำงานสื่อมวลชนเต็มตัว โดยเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์หลายรายการ เป็นระยะเวลากว่าสิบปี

การเมือง

ได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ต่อมาไม่นาน ก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในนามพรรคไทยรักไทย แต่ไม่ได้รับเลือกถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก การเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 นายจักรภพลงเลือกตั้งที่กรุงเทพฯ เขต 30 แทน นายจักรพันธุ์ ยมจินดา ว่าที่ผู้สมัครคนเดิมที่ถูก ศาลจังหวัดระยอง พิพากษาว่ามีความผิดใน คดีหมิ่นประมาท พ.ต.ท.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช ทำให้นายจักรพันธุ์ ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 10 ปี ผลการเลือกตั้ง นายจักรภพ แพ้ผู้สมัครจาก พรรคประชาธิปัตย์ คือ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ต่อมาครั้งที่สองใน การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 นายจักรภพ เป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวใน เขต 5 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากได้คะแนนเพียง 22,231 คะแนน คิดเป็น 17.27% ในขณะที่มีผู้ลงช่องไม่ลงคะแนน ถึง 55,141 คะแนน [2][3] อย่างไรก็ตามต่อมา นายจักรภพ ได้รับแต่งตั้งเป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ 2

หลังจาก คดียุบพรรค นายจักรภพ พร้อมด้วยกลุ่มผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี และองค์กรต่อต้านเผด็จการ เป็นแกนนำจัดเวทีปราศรัยต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ใช้ชื่อว่า แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ต่อมา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายจักรภพ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำกับดูแลสื่อมวลชนภาครัฐ ในวันที่ 1 เมษายน ปีเดียวกัน นายจักรภพ เป็นประธานในการเปลี่ยนแปลง สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที)

วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 เวลา 12.10 น. นายจักรภพ ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่าเพื่อให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งต่อไป

ข้อวิพากษ์วิจารณ์

ปาฐกถาเรื่องระบบอุปถัมภ์ในประเทศไทย

นายจักรภพถูกตั้งข้อสงสัยถึงทัศนคติเกี่ยวกับสังคมไทย สืบเนื่องจากการปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อเรื่อง “ระบบอุปถัมภ์ ในฐานะที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเป็นประชาธิปไตย” เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (เอฟซีซีที) หลังจากที่เขาถูกจับกุมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ และการบรรยายเป็นภาษาไทยต่อเครือข่ายคนรักทักษิณที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ดูคลิปวันที่ 10 พฤศจิกายน [4]

จากกรณีดังกล่าว พันตำรวจโท วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสืบสวน (สบ.2) สถานีตำรวจนครบาลบางมด ช่วยราชการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน แจ้งความต่อกองปราบปรามว่า เนื้อหาการปาฐกถาของนายจักรภพเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[5]

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาเนื้อหาของคำกล่าวทั้งสองครั้ง โดยเห็นว่าเป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อระบบการปกครอง พร้อมกับเรียกร้องให้นายสมัครพิจารณาปลดนายจักรภพออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ มีการเผยแพร่วีซีดี และแปลรายละเอียดคำบรรยายเป็นภาษาไทยออกไปอย่างลับ ๆ และกว้างขวางในแวดวงข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร โดยเชื่อว่ามีภรรยาของนายทหารคนหนึ่งเป็นผู้เผยแพร่[6] ระหว่างนั้น นายจักรภพได้ให้สัมภาษณ์ว่าคำแปลที่ออกมาคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ตนมิได้มีเจตนาเช่นนั้น รวมทั้งยืนยันในความจงรักภักดีและความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ต่อมาในช่วงระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคม นายจักรภพมิได้เข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมิได้แจ้งลาราชการ

แต่ทั้งนี้ ในวันที่ 22 พฤษภาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก. แถลงข่าวที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ว่านายจักรภพจะเปิดแถลงข่าวในวันที่ 26 พฤษภาคม เวลา 14.00 น. เพื่อชี้แจงถึงคำปาฐกถาและคำบรรยายต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาทั้งหมด พร้อมเปิดให้สื่อมวลชนสอบถามประเด็นที่สงสัยทุกเรื่องด้วย ต่อมา ค่ำวันที่ 23 พฤษภาคม นายจักรภพปรากฏตัวในงานฉลองวันเกิดครบรอบ 60 ปี ของนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปก. พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ยืนยันการแถลงข่าวในวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้รอฟังการตัดสินใจถึงอนาคตทางการเมืองของตน

วันที่ 26 พฤษภาคม นายจักรภพแถลงว่ามีการแปลบิดเบือน และขอลากิจ 7 วัน แต่ไม่ลาออกจากรัฐมนตรี ขอให้สังคมตัดสินจากเอกสารคำแปลที่แจก[7] ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม คณะกรรมการสอบสวนแถลงที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางว่า คดีที่นายจักรภพถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ประชุมสรุปความเห็นเบื้องต้นว่า นายจักรภพมีพฤติกรรมความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี[8]

วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 เวลา 12.10 น. นายจักรภพ ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งต่อไป [9]

นโยบายกับสื่อมวลชนภาครัฐ

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาว่านายจักรภพกระทำการส่อไปในทางจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมายและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ รวมถึงอาจเข้าข่ายมีการแทรกแซงสื่อ[10] รายละเอียดของข้อกล่าวหาดังกล่าว มีดังนี้

  • กรณีการกำกับดูแลสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งเชื่อว่ามีความไม่โปร่งใสในขั้นตอนการดำเนินการของกรมประชาสัมพันธ์ ในการจัดหาและจัดจ้างบริษัทคู่สัญญา และการทำสัญญากับบริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด ที่เชื่อว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
  • กรณีการเปิดโอกาสให้วิทยุชุมชนเข้าแสดงตัว ที่เชื่อว่ามีการยื่นข้อเสนอต่อผู้ประกอบการ ให้ยอมรับเงื่อนไขในการเป็นเครือข่ายของรัฐบาล ในการนำเสนอข่าวสารเพื่อแลกกับการละเว้นดำเนินคดี
  • กรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งเชื่อว่ามีการสกัดกั้นให้การแต่งตั้ง กสทช.เป็นไปอย่างล่าช้า เพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการใช้อำนาจหน้าที่ เข้าแทรกแซงการทำงานสื่อมวลชนได้ต่อไป โดยระหว่างนี้ก็เชื่อว่ามีการเข้าแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ที่กำกับดูแลคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์อยู่ในขณะนี้ด้วย
  • กรณีการดำเนินการกับผู้ดำเนินรายการวิทยุ ที่เชื่อว่ามีการสั่งให้สถานีวิทยุวิสดอมเรดิโอ เอฟ.เอ็ม.105 เมกกะเฮิร์ทซ ถอดนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกจากการเป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งนำเสนอบทความวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น คือ นายจักรภพแสดงความจำนงว่าจะไม่ต่อสัญญาให้กับบริษัท ฟาติมา บรอดคาสติ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งได้รับสัมปทานจากกรมประชาสัมพันธ์และเป็นเจ้าของรายการที่นายเจิมศักดิ์จัดอยู่ นายเจิมศักดิ์จึงยอมลาออกจากการเป็นผู้ดำเนินรายการ เนื่องจากเข้าใจว่านายจักรภพเล็งมาที่ตน มากกว่าบริษัทฟาติมาฯ[11]

ผลงาน

รายการโทรทัศน์

  • โลก 360 องศา
  • สำรวจโลก
  • อรุณรุ่งที่เมืองไทย

หนังสือเล่ม

  • สงครามสุดท้าย? เมื่อมหาอำนาจจัดระเบียบโลก. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2544. ISBN 978-974-7381-98-6
  • ในทีวีไม่มีเทวดา (นะครับ). กรุงเทพฯ : สีดา, 2545. ISBN 978-974-7727-43-2
  • 100 ความเชื่อ 100 ความจริง. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2546. ISBN 978-974-484-030-1
  • พันธมิตรหรือพันธมาร. กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ, 2546. ISBN 978-974-91468-8-0
  • ขอบฟ้าที่ตาเห็น. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มจี, 2547. ISBN 978-974-91545-4-0
  • ชำเราชาวอิรัก. กรุงเทพฯ : Openbooks, 2547. ISBN 978-974-92602-5-8
  • ทะเลทรายกับสายหมอก. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มจี, 2547. ISBN 978-974-92486-4-5
  • โลก...สุขกับโศก มิได้สิ้นอย่าสงสัย. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มจี, 2548. ISBN 978-974-92883-1-3
  • สยามตามหาเพื่อน. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มจี, 2548. ISBN 978-974-93257-1-1
  • หยดเลือดในทะเลทราย. กรุงเทพฯ : ดอกหญ้ากรุ๊ป, 2549. ISBN 978-974-94525-6-1
  • โลกทั้งใบให้ไทยเมืองเดียว. กรุงเทพฯ : ตกผลึก, 2550. ISBN 978-974-09-2414-2
  • ประชาธิปไตยในกรงขัง. กรุงเทพฯ : เพื่อนพ้องน้องพี่, 2550.
  • กลอนผ่านกระจก

อ้างอิง

  1. จักรภพ เพ็ญแข - รัฐบาลไทย
  2. กกต.สรุปเลือกตั้งใหม่39เขต16จังหวัด จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
  3. คนใต้ถีบคว่ำ-ซ่อม38เขต! จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 4 เมษายน 2549
  4. ไทยโพสต์, Enemy and Friend ตัวตนและความผิด 'จักรภพ เพ็ญแข' ทัศนคติเป็นอันตราย-ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ, 18 พฤษภาคม 2551
  5. มติชน ,ทัศนคติ อันตราย ของ จักรภพ เพ็ญแข ข้อหาจาก ปชป., 15 พฤษภาคม 2551
  6. แฉ!เมียบิ๊กทหารแจกเอง เอกสารแปลถล่ม‘จักรภพ’ จากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์
  7. ประชาชาติ, 'จักรภพ'แค่ลากิจ 7 วันแต่ไม่ลาออก โบ้ยคนแปลมีอคติใช้ภาษามาร ท้า'อภิสิทธ์'เผยชื่อคนแปล, 26 พฤษภาคม 2551
  8. มติชน, ตร.ชี้'จักรภพ'หมิ่นสถาบันอาฆาตมาดร้าย กษัตริย์ 'ผบ.สส.'จี้รับผิดชอบเยี่ยง'วีรบุรุษ', 29 พฤษภาคม 2551
  9. ผู้จัดการออนไลน์, “เพ็ญ” แถลงลาออกแล้ว อ้างเพื่อ “รักษาขุนให้อยู่รอด” 30 พฤษภาคม 2551
  10. เปิดรายละเอียด หนังสือถอดถอน 'จักรภพ เพ็ญแข' - พรรคประชาธิปัตย์
  11. แนวหน้า, “เจิมศักดิ์” แฉซ้ำ “บิ๊กฟาติมา” เกลี้ยกล่อมให้ปิดปากอย่าบอกใคร, 17 กุมภาพันธ์ 2551