จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ
| จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ 後桃園天皇 | |
|---|---|
| จักรพรรดิญี่ปุ่น | |
| 9 มกราคม ค.ศ. 1771 – 16 ธันวาคม ค.ศ. 1779 | |
| บรมราชาภิเษก | 10 มิถุนายน ค.ศ. 1771 (28 เดือน 4 ปีเมวะที่ 8) |
| ไดโจไซ | 24 ธันวาคม ค.ศ. 1771 (19 เดือน 11 ปีเมวะที่ 8) |
| พระนามหลังสวรรคต | สึอิโง: จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ (後桃園院 หรือ 後桃園天皇) |
| โชกุน | โทกูงาวะ อิเอฮารุ (1771-1779) |
| ก่อนหน้า | โกะ-ซากูรามาจิ |
| ถัดไป | โคกากุ |
| พระราชสมภพ | 5 สิงหาคม 1758 เฮอังเกียว เกียวโต รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ |
| พระบรมนามาภิไธย | ฮิเดฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 英仁; โรมาจิ: Hidehito) |
| สวรรคต | 16 ธันวาคม ค.ศ. 1779 (21 ปี) เกียวโต รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ |
| พิธีฉลองการเจริญวัย | 19 กันยายน ค.ศ. 1768 (9 เดือน 8 ปีเมวะที่ 5) |
| พระราชบิดา | จักรพรรดิโมโมโซโนะ |
| พระราชมารดา | อิจิโจ โทมิโกะ [ja] |
| พระสนม | โคโนเอะ โคเรโกะ |
| ลายพระอภิไธย | |
ฮิเดฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 英仁; โรมาจิ: Hidehito; 5 สิงหาคม ค.ศ. 1758 – 16 ธันวาคม ค.ศ. 1779) ได้รับการเลื่อนพระเกียรติหลังสวรรคตเป็น จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ (ญี่ปุ่น: 後桃園天皇; โรมาจิ: Go-Momozono-tennō, 5 สิงหาคม 1758–16 ธันวาคม 1779) เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ที่ 118 ตามลำดับการสืบราชสันตติวงศ์แบบดั้งเดิม[1][2] พระองค์ได้รับพระนามตามพระราชบิดาคือจักรพรรดิโมโมโซโนะ คำว่า "โกะ" (後) ในพระนาม หมายถึง "ภายหลัง" หรือ "ที่ตามมา" จึงมีการเรียกพระองค์ว่า "จักรพรรดิโมโมโซโนะองค์หลัง" หรือ "จักรพรรดิโมโมโซโนะที่สอง"
จักรพรรดิโกะโมโมโซโนะขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1771 ในยุคเอโดะ และสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1779 หลังจากครองราชย์ได้ 8 ปี[3] เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของจักรพรรดิโกะโมโมโซโนะมีเพียงภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายครั้งซึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1772 เท่านั้น ขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างราชสำนักกับรัฐบาลโชกุนก็เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายรัชสมัยของจักรพรรดิโกะโมโมโซโนะ ได้เกิดปัญหาเรื่องการสืบราชบัลลังก์ เนื่องจากยังไม่มีผู้สืบทอดที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงรีบรับเอาเจ้าชายคาเนฮิโตะ (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนพระนามเป็นโมโรฮิโตะ) มาเป็นพระราชโอรสบุญธรรมและรัชทายาท ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิพระองค์ถัดไป
พระบรมวงศานุวงศ์
[แก้]พระองค์เป็นพระโอรสของจักรพรรดิโมโมโซโนะที่ประสูติจากนางสนองพระโอษฐ์ ก่อนขึ้นครองราชย์ พระองค์มีพระนามเดิมว่า เจ้าชายฮิเดฮิโตะ (英仁親王)
พระมเหสีและพระราชโอรสธิดา:
- จักรพรรดินี (เนียวโง): โคโนเอะ โคเรโกะ (近衛 維子, 26 มกราคม 1760 – 6 พฤศจิกายน 1783) ภายหลังเป็น เซกาโมอิง (盛化門院) ธิดาในโคโนเอะ อูจิซากิ (近衛内前)
- พระราชธิดาองค์แรก: เจ้าหญิงโยชิโกะ (欣子内親王, 11 มีนาคม 1779 – 11 สิงหาคม 1846) สมรสกับจักรพรรดิโคกากุ
- พระราชโอรสธิดาบุญธรรม:
- พระราชโอรสบุญธรรม: เจ้าชายคาเนฮิโตะ (兼仁親王, 23 กันยายน 1771 – 11 ธันวาคม 1840) ภายหลังเป็นจักรพรรดิโคกากุ
เหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ
[แก้]พระราชประวัติ
[แก้]ก่อนที่จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะจะสืบราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ พระองค์มีพระนามเดิมว่า เจ้าชายฮิเดฮิโตะ (英仁親王)[4][5] เจ้าชายฮิเดฮิโตะประสูติเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 1758 และเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของจักรพรรดิโมโมโซโนะ[6] ภายหลังเมื่อพระราชบิดาเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1762 ราชบัลลังก์จึงตกแก่พระปิตุจฉา (ป้า) ซึ่งภายหลังเป็นที่รู้จักในพระนามว่าจักรพรรดินีโกะ-ซากูรามาจิ เจ้าชายฮิเดฮิโตะถูกมองว่ายังเยาว์เกินกว่าจะขึ้นครองราชย์ในขณะนั้น อย่างไรก็ดี พระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชทายาทในอีก 5 ปีต่อมา[2] จักรพรรดินีโกะ-ซากูรามาจิสละราชบัลลังก์เพื่อให้พระราชนัดดาขึ้นครองราชย์แทนในวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1771 และเจ้าชายฮิเดฮิโตะก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิในทันที[6]
ในฐานะจักรพรรดิ
[แก้]เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งปีเศษหลังจากที่จักรพรรดิโกะโมโมโซโนะขึ้นครองราชย์ ญี่ปุ่นก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ปีเมวะ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1772 รายงานอย่างไม่เป็นทางการได้บรรยายว่าพื้นที่บางส่วนของเมืองเอโดะถูกเพลิงไหม้อย่างรุนแรงจนปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่านและขี้เถ้า ครอบคลุมพื้นที่กว้างเกือบ 5 ไมล์ และยาวประมาณ 15 ไมล์ (24 กิโลเมตร) เพลิงไหม้ครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างหนัก โดยมีวัดและศาลเจ้า 178 แห่ง บ้านของไดเมียว 127 หลัง บ้านเรือนราษฎร 878 หลัง บ้านของฮาตาโมโตะ 8,705 หลัง และบ้านเรือนของพ่อค้าอีก 628 หลังได้รับความเสียหาย ทั้งยังมีการประเมินว่ามีผู้ประสบภัยมากกว่า 6,000 ราย ความเสียหายทั้งหมดนี้ส่งผลให้ต้องมีการลงทุนเพื่อบูรณะเมืองขึ้นใหม่อย่างมหาศาล[7] ในปี ค.ศ. 1772 ถูกเรียกว่า 'ปีแห่งภัยพิบัติ' เนื่องจากเกิดภัยธรรมชาติต่อเนื่องกันหลายครั้ง มีการเล่นคำโดยเชื่อมคำว่า 'Meiwa' + 'ku' กลายเป็น 'Meiwa 9' หรือปี ค.ศ. 1772 และคำที่ออกเสียงคล้ายกันคือ 'meiwaku' ซึ่งแปลว่า 'โชคร้าย'[7] นอกจากไฟไหม้แล้ว พายุยังพัดถล่มภูมิภาคคันโต ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและพืชผลเสียหาย พายุอีกลูกหนึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมและลมแรงในภูมิภาคคันโต บ้านเรือนในเอโดะเพียงแห่งเดียวได้รับความเสียหายประมาณ 4,000 หลัง นามรัชศกได้ถูกเปลี่ยนเป็น 'อันเอ' ซึ่งแปลว่า 'ความสงบสุขชั่วนิรันดร์' ในช่วงปลายปี แต่การกระทำเชิงสัญลักษณ์นี้กลับกลายเป็นว่าไร้ประโยชน์[8] โรคระบาดได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศในปี ค.ศ. 1775 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในเมืองเอโดะราว 190,000 ราย[9]
ประเด็นการสืบราชบัลลังก์และการสวรรคต
[แก้]พระราชวงศ์ของจักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะประทับร่วมกับพระองค์ในเขตพระราชฐานฝ่ายในของพระราชวังหลวงเฮอัง ตลอดรัชสมัย พระองค์ไม่เคยอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการ และมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวกับนางพระกำนัลซึ่งมีชื่อว่าโคโนเอะ โคเรโกะ พระราชวงศ์นี้มีพระโอรสอย่างน้อยสองพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่วัยทารก และมีพระราชธิดาพระองค์หนึ่งซึ่งมีพระชนมายุเพียง 10 เดือนเมื่อจักรพรรดิสวรรคต[2] จักรพรรดิโกะโมโมโซโนะประชวรในปี ค.ศ. 1779 แต่พระธิดาของพระองค์ไม่สามารถขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีได้ เนื่องจากพระชนมายุน้อยเกินไป เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิโกะโมโมโซโนะใกล้สวรรคตแน่แล้ว อดีตจักรพรรดินีโกะ-ซากูรามาจิ ซึ่งเป็นพระปิตุจฉาของพระองค์ จึงให้จักรพรรดิรับพระโอรสบุญธรรมขณะใกล้สวรรคต พระโอรสบุญธรรมของพระองค์มาจากราชสกุลคังอินโนะมิยะ ซึ่งเป็นราชสกุลสาขาหนึ่ง และขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป จักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะสวรรคตเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1779 ขณะมีพระชนมายุ 21 พรรษา และในปีถัดมา เจ้าชายโมโรฮิโตะ พระโอรสบุญธรรมของพระองค์ ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิโคกากุ[6] เจ้าหญิงโยชิโกะ พระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวของจักรพรรดิโกะโมโมโซโนะ ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดินี (ชูงู) ในรัชสมัยจักรพรรดิโคกากุ
พระราชพงศาวลี
[แก้]| พระราชพงศาวลีจักรพรรดิโกะ-โมโมโซโนะ[10] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แผนผัง
[แก้]| (115) ซากูรามาจิ | |||||||||||||||||||||||||
| (117)โกะ-ซากูรามาจิ | (116)โมโมโซโนะ | ||||||||||||||||||||||||
| (118)โกะ-โมโมโซโนะ | |||||||||||||||||||||||||
| เจ้าหญิงโยะชิโกะ | (119)โคกากุ (พระราชโอรสบุญธรรม) | ||||||||||||||||||||||||
| (120)นินโก | |||||||||||||||||||||||||
| (121)โคเม | |||||||||||||||||||||||||
| (122)เมจิ | |||||||||||||||||||||||||
| (123)ไทโช | |||||||||||||||||||||||||
| (124)โชวะ | |||||||||||||||||||||||||
| (125)อากิฮิโตะ | |||||||||||||||||||||||||
| (126)นารูฮิโตะ | ฟูมิฮิโตะ (พระราชอนุชา) | ||||||||||||||||||||||||
| ฮิซาฮิโตะ | |||||||||||||||||||||||||
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Imperial Household Agency (Kunaichō): 後桃園天皇 (118)
- 1 2 3 Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, p. 120.
- ↑ Titsingh, Isaac. (1834). Annales des empereurs du Japon, pp. 419–420.
- ↑ Ponsonby-Fane, p. 10
- ↑ Titsingh, p. 419.
- 1 2 3 Meyer, Eva-Maria. (1999). Japans Kaiserhof in der Edo-Zeit, p. 186.
- 1 2 Hall, John. (1955). Tanuma Okitsugu, p. 120.
- ↑ Hall, p. 169.
- ↑ Hall, p. 121.
- ↑ "Genealogy". Reichsarchiv (ภาษาญี่ปุ่น). 30 April 2010. สืบค้นเมื่อ 19 January 2018.
ข้อมูล
[แก้]- Hall, John Whitney. (1955). Tanuma Okitsugu, 1719–1788: Forerunner of Modern Japan. Cambridge: Harvard University Press. OCLC 445621
- Meyer, Eva-Maria. (1999). Japans Kaiserhof in der Edo-Zeit: unter besonderer Berücksichtigung der Jahre 1846 bis 1867. Münster: LIT Verlag. ISBN 978-3-8258-3939-0; OCLC 42041594
- Ponsonby-Fane, Richard Arthur Brabazon. (1959). The Imperial House of Japan. Kyoto: Ponsonby Memorial Society. OCLC 194887
- Screech, Timon. (2006). Secret Memoirs of the Shoguns: Isaac Titsingh and Japan, 1779–1822. London: RoutledgeCurzon. ISBN 978-0-203-09985-8; OCLC 65177072
- Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran; ou, Annales des empereurs du Japon. Paris: Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. OCLC 5850691.
