ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โจ ไบเดิน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Liliana Verdiana Levy (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Somsak Ung (คุย | ส่วนร่วม)
ถอดเสียงจากสัทอักษรสากล
บรรทัด 36: บรรทัด 36:
}}
}}


'''โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน จูเนียร์''' ({{lang-en|Joseph Robinette Biden, Jr.}}; เกิด 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485) หรือ'''โจ ไบเดน'''{{efn|ถอดเสียงจากสัทอักษรสากล /ˈbaɪdən/}} เป็นนักการเมืองชาวอเมริกัน และเป็น[[ประธานาธิบดีสหรัฐ]]คนปัจจุบัน หลังการชนะ[[การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563|การเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2563]] ในอดีตไบเดินเคยดำรงตำแหน่งเป็น[[รองประธานาธิบดีสหรัฐ]]คนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 เป็น[[วุฒิสภาสหรัฐ|สมาชิกวุฒิสภา]]จาก[[รัฐเดลาแวร์]]เจ็ดสมัยติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2515 ถึง 2552 สังกัด[[พรรคเดโมแครต]]
'''โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดิน จูเนียร์''' ({{lang-en|Joseph Robinette Biden, Jr.}}; เกิด 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485) หรือ'''โจ ไบเดิน'''{{efn|ถอดเสียงจากสัทอักษรสากล /ˈbaɪdən/}} เป็นนักการเมืองชาวอเมริกัน และเป็น[[ประธานาธิบดีสหรัฐ]]คนปัจจุบัน หลังการชนะ[[การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563|การเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2563]] ในอดีตไบเดินเคยดำรงตำแหน่งเป็น[[รองประธานาธิบดีสหรัฐ]]คนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 เป็น[[วุฒิสภาสหรัฐ|สมาชิกวุฒิสภา]]จาก[[รัฐเดลาแวร์]]เจ็ดสมัยติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2515 ถึง 2552 สังกัด[[พรรคเดโมแครต]]


ไบเดนเกิดที่เมืองสแครนตัน ใน[[รัฐเพนซิลเวเนีย]] และอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์จวบจนปัจจุบัน เขาได้เริ่มศึกษาที่[[มหาวิทยาลัยเดลาแวร์]] และได้รับปริญญาด้านกฎหมายจาก[[มหาวิทยาลัยซีราคิวส์]] ในปี พ.ศ. 2511 ไบเดนประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513 ไบเดนเข้ามารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกในปี 2515 โดยการเลือกตั้ง ทำให้กลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ โดยมีอายุเพียง 29 ปี ในสมัยแรก จากนั้น เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์อีกด้วย
ไบเดนเกิดที่เมืองสแครนตัน ใน[[รัฐเพนซิลเวเนีย]] และอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์จวบจนปัจจุบัน เขาได้เริ่มศึกษาที่[[มหาวิทยาลัยเดลาแวร์]] และได้รับปริญญาด้านกฎหมายจาก[[มหาวิทยาลัยซีราคิวส์]] ในปี พ.ศ. 2511 ไบเดนประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513 ไบเดนเข้ามารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกในปี 2515 โดยการเลือกตั้ง ทำให้กลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ โดยมีอายุเพียง 29 ปี ในสมัยแรก จากนั้น เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์อีกด้วย

รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:26, 11 มิถุนายน 2564

โจ ไบเดน
โจ ไบเดน ใน พ.ศ. 2564
ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46
เริ่มดำรงตำแหน่ง
20 มกราคม พ.ศ. 2564
รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส
ก่อนหน้าดอนัลด์ ทรัมป์
รองประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47
ดำรงตำแหน่ง
20 มกราคม พ.ศ. 2552 – 20 มกราคม พ.ศ. 2560
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา
ก่อนหน้าดิก ชีนีย์
ถัดไปไมก์ เพนซ์
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ
จากรัฐเดลาแวร์
ดำรงตำแหน่ง
3 มกราคม พ.ศ. 2516 – 15 มกราคม พ.ศ. 2552
(36 ปี 12 วัน)
ก่อนหน้าคาเร็บ บ็อกส์
ถัดไปเท็ด คอล์ฟแมน
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน จูเนียร์

20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 (81 ปี)
สแกรนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐ
ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
พรรคการเมืองเดโมแครต
คู่สมรสเนเลีย ฮันเตอร์ (2509–2515)
จิล เจคอบส์ (2520–ปัจจุบัน)
บุตร
  • โบ
  • ฮันเตอร์
  • เนโอมี
  • แอชลีย์
การศึกษามหาวิทยาลัยเดลาแวร์
มหาวิทยาลัยซีราคิวส์
วิชาชีพนักกฎหมาย
ลายมือชื่อ

โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดิน จูเนียร์ (อังกฤษ: Joseph Robinette Biden, Jr.; เกิด 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485) หรือโจ ไบเดิน[a] เป็นนักการเมืองชาวอเมริกัน และเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน หลังการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2563 ในอดีตไบเดินเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์เจ็ดสมัยติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2515 ถึง 2552 สังกัดพรรคเดโมแครต

ไบเดนเกิดที่เมืองสแครนตัน ในรัฐเพนซิลเวเนีย และอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์จวบจนปัจจุบัน เขาได้เริ่มศึกษาที่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ และได้รับปริญญาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ ในปี พ.ศ. 2511 ไบเดนประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513 ไบเดนเข้ามารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกในปี 2515 โดยการเลือกตั้ง ทำให้กลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ โดยมีอายุเพียง 29 ปี ในสมัยแรก จากนั้น เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์อีกด้วย

ไบเดนเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนานจนเป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้ ศิลปะการเจรจาของเขาเคยนำมาซึ่งความช่วยเหลือทางการทหารของสหรัฐและการเข้าแทรกแซงในสงครามบอสเนีย เขาออกเสียงสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาสงครามอิรัก แต่ต่อมาได้ประกาศจุดยืนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าว นอกจากนั้น ไบเดนยังได้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการศาลยุติธรรมสำหรับสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย โดยมีส่วนในเรื่องของยาเสพติด อาชญากรรม การป้องกันภัย และสิทธิพลเมือง และยังเป็นแกนนำในการเสนอกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงและการบีบบังคับ และกฎหมายว่าด้วยการคุกคามสตรี

ไบเดนเคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ในปี 2551 บารัก โอบามา ผู้สมัครที่ได้ตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตตัดสินใจเลือกไบเดนเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นคู่สมัครในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2551 นี้ และได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี ในเดือนมกราคม 2560 ไบเดนได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีจากประธานาธิบดีโอบามา

ในเดือนเมษายน 2562 ไบเดนประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2563 ในเดือนมิถุนายน 2563 เขามีคุณสมบัติตามเกณฑ์จากคณะผู้ออกเสียงที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรค[1] และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ไบเดนประกาศให้กมลา แฮร์ริส เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้ง จนในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ไบเดน ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียง 306 ต่อ 232 และได้เข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564 ทั้งนี้ ไบเดนเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นคนแรกจากรัฐเดลาแวร์ และเป็นคนที่สองที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

รองประธานาธิบดี (2552-2560)

สมัยแรก

ไบเดน กล่าวว่าเขามีความตั้งใจที่จะทำงานให้แตกต่างจากรองประธานาธิบดีในสมัยของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งดำรงตำแหน่งโดยดิก ชีนีย์[2] ไบเดน ยังได้รับเลือกเป็นผู้นำทีมเปลี่ยนผ่านสมัยประธานาธิบดีของโอบามา และยังเป็นผู้นำที่รับผิดชอบด้านโครงการต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของชนชั้นกลางอีกด้วย ช่วงต้นปี 2552 เขาได้เยี่ยมเยือนผู้นำอิรัก อัฟกานิสถาน และปากีสถาน[3] และต่อมาในวันที่ 20 มกราคม เขาได้เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นคนแรกจากรัฐเดลาแวร์ และคนแรกที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก[4][5]

ภายหลังสมัยรองประธานาธิบดี

ภายหลังลงจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี ไบเดน ได้กลายเป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ในขณะเดียวกันเขาก็คอยนำรณรงค์ด้านการรักษาโรคมะเร็ง[6] เขาได้เขียนหนังสือเรื่อง Promise Me, Dad ในปี 2560 ซึ่งเป็นหนังสือชีวประวัติของตัวเอง ซึ่งได้รับความนิยมจนต้องออกเดินทางทัวร์โปรโมตหนังสือ[7] ในระหว่างปี 2560-2561 ไบเดนมีรายได้มากถึง 15 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ[8]

ไบเดน ยังได้รับความสนใจอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยได้คอยสนับสนุนตัวแทนของพรรคฯ และยังคงให้ความเห็นต่าง ๆ ในด้านการเมือง ด้านสิ่งแวดล้อม และเกี่ยวกับประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมป์[9][10][11] ไบเดินยังเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญในสิทธิของ LGBT ตั้งแต่สมัยรองประธานาธิบดีของเขาเป็นต้นมา ในปี 2562 ไบเดนได้ตำหนิบรูไน ในประเด็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอิสลามซึ่งอนุญาตให้ทำการประหารชีวิตผู้ที่ผิดประเวณี และคนรักร่วมเพศโดยการปาหินว่า "น่ารังเกียจ และไร้มนุษยธรรม" และยังกล่าวอีกว่า "ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ทั้งทางวัฒนธรรม และประเพณี ที่แสดงออกถึงความเกลียดชัง และความไร้มนุษยธรรมเช่นนี้"[12] ในปี 2562 ไบเดน และภริยา มีสินทรัพย์รวมกันเพิ่มขึ้นรวมเป็นมูลค่าระหว่าง 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการปราศัยต่าง ๆ และสัญญาสำหรับแต่งหนังสืออีกหลายชุด[13]

ประธานาธิบดี

นายโจ ไบเดน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 โดยในขณะเข้ารับตำแหน่ง เขามีอายุถึง 78 ปี ซึ่งถือเป็นผู้รับตำแหน่งประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุด[14]ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก[15] ต่อจากจอห์น เอฟ. เคนเนดี โดยเป็นประธานาธิบดีคนแรกจากรัฐเดลาแวร์[16]

ในวันแรกของการทำงาน ไบเดินได้ลงนามในคำสั่งบริหารสำคัญต่าง ๆ เช่น การบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ราชการ การกลับเข้าร่วมในสนธิสัญญาความตกลงปารีส ยกเลิกคำสั่งบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินตามบริเวณชายแดนเม็กซิโก[17] และการกลับไปเข้าร่วมสมาชิกขององค์การอนามัยโลก[18]

เชิงอรรถ

  1. ถอดเสียงจากสัทอักษรสากล /ˈbaɪdən/

อ้างอิง

  1. Linskey, Annie (June 9, 2020). "Biden clinches the Democratic nomination after securing more than 1,991 delegates".
  2. "Biden says he'll be different vice president". CNN. December 22, 2008. Retrieved December 22, 2008.
  3. Lee, Carol E. (January 6, 2009). "'Senator' Biden's trip raises concerns". Politico. Retrieved January 9, 2009.
  4. "The First Catholic Vice President?". NPR. January 9, 2009. Retrieved September 25, 2019.
  5. Gaudiano, Nicole (November 6, 2008). "VP's home awaits if Biden chooses". The News Journal. Archived from the original on November 9, 2008. Retrieved November 8, 2008.
  6. O'Brien, Sara Ashley (March 12, 2017). "Joe Biden: The fight against cancer is bipartisan". CNNMoney. Retrieved March 13, 2017.
  7. Kane, Paul. "Analysis | Biden wraps up book tour amid persistent questions about the next chapter". The Washington Post. ISSN 0190-8286. Retrieved November 10, 2020.
  8. Viser, Matt; Narayanswamy, Anu (July 9, 2019). "Joe Biden earned $15.6 million in the two years after leaving the vice presidency". The Washington Post. Retrieved July 16, 2019.
  9. Hutchins, Ryan (May 28, 2017). "Biden backs Phil Murphy, says N.J. governor's race 'most important' in nation". Politico.
  10. "The Democratic candidates on foreign policy". Foreign Policy.
  11. Greenwood, Max (May 31, 2017). "Biden: Paris deal 'best way to protect' US leadership". The Hill.
  12. "Brunei defends tough new Islamic laws against growing backlash". Reuters. March 30, 2019. Retrieved December 31, 2020.
  13. Eder, Steve; Glueck, Katie (July 9, 2019). "Joe Biden's Tax Returns Show More Than $15 Million in Income After 2016". The New York Times. Retrieved July 16, 2019.
  14. Hunnicutt, Trevor; Zengerle, Patricia; Renshaw, Jarrett (January 20, 2021). "Taking helm of divided nation, U.S. President Biden calls for end to 'uncivil war'". Reuters. Retrieved January 20, 2021.
  15. "Biden to become the second Catholic president in U.S. history, after JFK". NBC News. January 19, 2021. Retrieved January 20, 2021.
  16. Cormier, Ryan; Talorico, Patricia (November 7, 2020). "Delaware history is made: The First State gets its first president in Joe Biden". The News Journal. Retrieved January 20, 2021.
  17. "Biden's first act: Orders on pandemic, climate, immigration". Associated Press. January 20, 2021. Retrieved January 21, 2021.
  18. Erikson, Bo (January 20, 2021). "Biden signs executive actions on COVID, climate change, immigration and more". CBS News. Retrieved January 21, 2021.


ก่อนหน้า โจ ไบเดิน ถัดไป
ดอนัลด์ ทรัมป์
ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46
(20 มกราคม พ.ศ. 2564 – ปัจจุบัน)
อยู่ในตำแหน่ง
ดิก ชีนีย์
รองประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47
(20 มกราคม พ.ศ. 2552 – 20 มกราคม พ.ศ. 2560)
ไมก์ เพนซ์