วูดโรว์ วิลสัน
วูดโรว์ วิลสัน | |
---|---|
![]() | |
ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ในปี 1912 | |
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 28 | |
ดำรงตำแหน่ง 4 มีนาคม ค.ศ. 1913 – 4 มีนาคม ค.ศ. 1921 | |
รองประธานาธิบดี | โทมัส อาร์. มาร์แชลล์ |
ก่อนหน้า | วิลเลียม เอช. ทัฟต์ |
ถัดไป | วาร์เรน จี. ฮาร์ดิง |
ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์คนที่ 34 | |
ดำรงตำแหน่ง 17 มกราคม ค.ศ. 1911 – 1 มีนาคม ค.ศ. 1913 | |
ก่อนหน้า | จอห์น แฟรงกลิน ฟอร์ต |
ถัดไป | เจมส์ ไฟรแมน ฟีเอเดอร์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 28 ธันวาคม ค.ศ. 1856 สทอนทัน, รัฐเวอร์จิเนีย |
เสียชีวิต | 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1924 (67 ปี) วอชิงตัน ดี.ซี. |
พรรคการเมือง | พรรคเดโมแครต |
คู่สมรส | เอลเลน แอ็กซัน (1885-1914) เอดิท บอลลิง เกลต์ (1915-1924) |
วิชาชีพ | นักการเมือง อาจารย์มหาวิทยาลัย |
ศาสนา | เพรสไบทีเรียน |
ลายมือชื่อ | ![]() |
โทมัส วูดโรว์ วิลสัน (อังกฤษ: Thomas Woodrow Wilson) เป็นรัฐบุรุษ นักกฏหมาย และนักวิชาการชาวอเมริกันที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 28 ของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1913 ถึง ค.ศ. 1921 สมาชิกพรรคเดโมแครต วิลสันได้ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีแห่งมหาวิทยาลัยพรินซตัน และเป็นผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์คนที่ 34 ก่อนที่จะเอาชนะในการเลือกตั้งเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ปี ค.ศ. 1912 ในขณะที่เป็นประธานาธิบดี เขาได้ตรวจสอบกระบวนการความก้าวหน้าของนโยบายทางนิติบัญญัติที่หาตัวจับได้ยากจนกระทั่งโครงการสัญญาใหม่ในปี ค.ศ. 1933 เขายังได้เป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี ค.ศ. 1917 มีการก่อตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวในนโยบายต่างประเทศที่เป็นที่รู้จักกันคือ "พวกลัทธิวิลสัน"
เกิดในสทอนตัน รัฐเวอร์จิเนีย วิลสันได้ใช้ชีวิตช่วงปีแรกๆในออกัสตา รัฐจอร์เจีย และโคลัมเบีย รัฐเซาท์แคโรไลนา ภายหลังจากได้จบการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์(วิลสันเป็นอธิการบดีเพียงคนเดียวที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอก) วิลสันได้สอนที่โรงเรียนต่างๆก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นอธิการบดีแห่งมหาวิทยาลัยพรินซตัน ในช่วงที่เป็นผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1911 ถึง ค.ศ. 1913 วิลสันแตกหักกับหัวหน้าพรรคและเอาชนะกระบวนการการปฏิรูปก้าวหน้าหลายครั้ง ด้วยประสบความสำเร็จของเขาในนิวเจอร์ซียทำให้เขาได้มีชื่อเสียงระดับชาติในฐานะนักปฏิรูปที่ก้าวหน้า และเขาได้รับชัยชนะในการเสนอชื่อลงสมัครเลืองตั้งประธานาธิบดีที่งานประชุมพรรคเดโมแครตแห่งชาติ ปี ค.ศ. 1912 วิลสันได้เอาชนะประธานาธิบดีวิลเลียม ฮาวเวิร์ด แทฟต์ จากพรรคริพับลิกัน และผู้ท้าชิงตำแหน่งจากพรรคก้าวหน้าคือ ธีโอดอร์ โรสเวลต์ ที่ชนะในการเลือกตั้งเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ปี ค.ศ. 1912 กลายเป็นชาวใต้คนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองอเมริกา
ในช่วงวาระแรก วิลสันได้เป็นประธานในกระบวนการของเสรีภาพใหม่ที่ก้าวหน้าของเขาในที่ประชุมภายในประเทศ สิ่งที่สำคัญอันดับแรกของเขาคือกระบวนการของกฏหมายภาษีอากร ปี ค.ศ. 1913 ซึ่งได้ลดพิกัดอัตราภาษีศุลกากรและดำเนินการภาษีรายได้ของรัฐบาลกลาง ต่อมากฏหมายภาษีซึ่งดำเนินการในการเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลกลาง และเพิ่มอัตราภาษีรายได้สูงสุดถึงร้อยละ 77 เปอร์เซ็นต์ วิลสันยังเป็นประธานของกระบวนการของกฏหมายเงินสำรองของรัฐบาลกลาง ซึ่งได้ก่อตั้งระบบธนาคารกลางในรูปแบบระบบเงินสำรองของรัฐบาลกลาง สองกฎหมายที่สำคัญคือ กฏหมายคณะกรรมมาธิการการค้าและกฏหมายป้องกันการผูกขาดเครย์ตัน(Clayton Antitrust Act) เป็นกระบวนการในวางระเบียบบังคับและแบ่งแยกผลประโยชน์ทางธุรกิจขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า "ความน่าเชื่อถือ"(Trust) ด้วยความผิดหวังของผู้สนับสนุนชาวอเมริกัน-แอฟริกันที่มีต่อเขา วิลสันได้อนุญาตให้บางคนในสมาชิกคณะรัฐมนตรีของเขาให้ทำการแบ่งแยกเชื้อชาติออกจากกันในแผนกของพวกเขา เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้แพร่ลุกลามในปี ค.ศ. 1914 วิลสันยังคงถือนโยบายวางตัวเป็นกลางระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร-ฝ่ายมหาอำนาจกลาง เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งใหม่โดยเฉียดฉิวในการเลือกตั้งเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ปี ค.ศ. 1916 เอาชนะกับผู้ท้าชิงจากพรรคริพันลิกัน Charles Evans Hughes
ในต้นปี ค.ศ. 1917 วิลสันได้ถามต่อสภาคองเกรสสำหรับการประกาศสงครามต่อเยอรมนี ภายหลังจากที่เยอรมนีดำเนินนโยบายการสงครามเรือดำน้ำแบบไร้ขีดจำกัด และสภาคองเกรสได้ตอบรับในที่สุด วิลสันได้มีอำนาจในการระดมกองทัพในช่วงสงคราม แต่ก็ได้ทุ่มเทความพยายามของเขาในนโยบายการต่างประเทศ ได้คิดริเริ่มหลักการสิบสี่ข้อเป็นพื้นฐานสำหรับสันติภาพในช่วงหลังสงคราม ภายหลังจากเยอรมนีได้ลงนามสงบศึกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 วิลสันและผู้นำฝ่ายพันธมิตรคนอื่นๆได้เข้าร่วมการประชุมสันติภาพปารีส ค.ศ. 1919 ที่วิลสันได้สนับสนุนให้มีการก่อตั้งองค์การระหว่างประเทศที่เป็นที่รู้จักกันคือ สันนิบาตชาติ สันนิบาติชาติได้จัดทำสนธิสัญญาแวร์ซายและสนธิสัญญาฉบับอื่นๆในเรียกร้องรับผิดชอบสงครามกับฝ่ายมหาอำนาจกลางที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่วิลสันไม่สามารถโน้มน้าววุฒิสภาให้สัตยาบันแก่สนธิสัญญาฉบับนี้หรือยินยอมให้สหรัฐเข้าร่วมสันนิบาตชาติ วิลสันได้ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองตีบอย่างรุนแรงในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1919 และไม่สามารถที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้อีกต่อไป เขาจึงลาออกในปี ค.ศ. 1921 และถึงแก่อสัญกรรมในปี ค.ศ. 1924 นักวิชาการส่วนใหญ่ได้ให้อันดับแก่วิลสันว่าเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีแห่งสหรัฐที่ดี[1][2] แม้ว่าเขาจะได้รับคำวิจารณ์อย่างรุนแรงสำหรับการกระทำของเขาเกี่ยวกับการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ[3]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Arthur M. Schlesinger, Jr., "Rating the Presidents: From Washington to Clinton". Political Science Quarterly (1997). 112#2: 179–90.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อjschuessler1
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อkazin1
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: วูดโรว์ วิลสัน |
- Official White House biography
- Woodrow Wilson: A Resource Guide from the Library of Congress
- Presidential Biography by Stanley L. Klos
- Woodrow Wilson Presidential Library at His Birthplace Staunton, Virginia
- Boyhood Home of President Woodrow Wilson Augusta, GA
- Woodrow Wilson House Washington,DC
ก่อนหน้า | วูดโรว์ วิลสัน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
วิลเลียม เอช. ทัฟต์ | ![]() |
![]() ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา คนที่ 28 (4 มีนาคม ค.ศ. 1913 - 4 มีนาคม ค.ศ. 1921) |
![]() |
วาร์เรน จี. ฮาร์ดิง |