ข้ามไปเนื้อหา

จักรพรรดิเซมุ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จักรพรรดิเซมุ
成務天皇
จักรพรรดิญี่ปุ่น
ครองราชย์ค.ศ. 131–190 (ตามธรรมเนียม)[1]
ก่อนหน้าเคโก
ถัดไปชูไอ
ประสูติค.ศ. 84[2]
วากาตาราชิ ฮิโกะ (稚足彦尊)
สวรรคตค.ศ. 190 (107 พรรษา)[2][3][a]
ฝังพระศพซากิ โนะ ทาตานามิ โนะ มิซาซางิ (ญี่ปุ่น: 狭城盾列池後陵; นาระ)
คู่อภิเษก
  • โอโฮะ-ตาการะ[4]
  • คิบิ-โนะ-อิรัตสึเมะ
พระราชบุตรเจ้าชายวากานูเกะ[b]
พระสมัญญานาม
ชิโงแบบจีน:
จักรพรรดิเซมุ (成務天皇)

ชิโงแบบญี่ปุ่น:
วากาตาราชิ ฮิโกะ โนะ ซูเมรามิโกโตะ (稚足彦天皇)
ราชสกุลราชวงศ์ญี่ปุ่น
พระราชบิดาจักรพรรดิเคโก
พระราชมารดายาซาไกริ-ฮิเมะ [ja][5]
ศาสนาชินโต

จักรพรรดิเซมุ (ญี่ปุ่น: 成務天皇โรมาจิSeimu-tennō) มีอีกพระนามว่า วากาตาราชิ ฮิโกะ โนะ ซูเมรามิโกโตะ (ญี่ปุ่น: 稚足彦天皇โรมาจิWakatarashi hiko no Sumeramikoto) เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นในตำนานองค์ที่ 13 ตามลำดับการสืบราชบัลลังก์แบบดั้งเดิม[6][7] ทั้งโคจิกิและนิฮงโชกิ (เรียกรวมกันเป็น คิกิ) บันทึกเหตุการณ์ที่อ้างว่าเกิดในรัชสมัยเซมุ จักรพรรดิในตำนานพระองค์นี้มีชื่อเสียงจากการจัดระเบียบรัฐบาลท้องถิ่นด้วยการแต่งตั้งบุคคลแรกให้แคว้นที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์ เซมุมีพระมเหสีเพียงพระองค์เดียวตามที่บันทึกไว้ และคลอดพระราชโอรสเพียงองค์เดียว พระองค์ยังมีพระสนมอีกหนึ่งพระองค์แต่กลับไม่มีบุตร ซึ่งต่างจากพระราชบิดาอย่างสิ้นเชิงที่กล่าวกันว่ามีพระราชโอรสธิดาอย่างน้อย 80 พระองค์และมีพระมเหสีหลายพระองค์

ตามธรรมเนียม รัชสมัยของเซมุถือกันว่าอยู่ระหว่าง ค.ศ. 131 ถึง 190 ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อพระราชโอรสองค์เดียวของพระองค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่วัยเยาว์[8] เซมุจึงแต่งตั้งหนึ่งในพระราชนัดดาให้เป็นมกุฎราชกุมารก่อนสวรรคตใน ค.ศ. 190 ทำให้เป็นจักรพรรดิพระองค์แรกในรุ่นหลังที่สละราชบัลลังก์ให้แก่ผู้สืบราชบัลลังก์ที่ไม่ใช่ผู้สืบทอดโดยตรง

เรื่องเล่าตามตำนาน

[แก้]

คิกิ หรือ พระราชพงศาวดารญี่ปุ่น บันทึกว่าเซมุเสด็จพระราชสมภพในยาซาไกริ-ฮิเมะ [ja] เมื่อช่วง ค.ศ. 84 และได้รับพระราชทานนามว่า วากาตาราชิฮิโกะ (ญี่ปุ่น: 稚足彦尊โรมาจิWakatarashihiko)[5][2] ไม่มีใครทราบว่าเหตุใดพระองค์จึงได้รับเลือกเป็นมกุฎราชกุมาร แต่ภายหลังวากาตาราชิฮิโกะขึ้นคอรงราชย์ใน ค.ศ. 131 เซมุทรงเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการจัดระเบียบรัฐบาลท้องถิ่นด้วยการแต่งตั้งผู้ว่าราชการแคว้นและเจ้าหน้าที่เขตคนแรก[9][10] แม้ว่ารายละเอียดระบบการปกครองของพระองค์ยังคงคลุมเครือ แต่ในเวลานั้น บรรดาเจ้าชายถูกส่งไปยังสถานที่สำคัญในแคว้นต่างๆ สมาชิกเหล่านี้ได้รับการกำหนดให้เป็น วาเกะ ซึ่งแสดงถึงสถานะของพวกเขาในฐานะสาขาหนึ่งของราชวงศ์[10] บริงก์ลีย์และคิกูจิตั้งทฤษฎีว่า การแต่งตั้งผู้ว่าราชการท้องถิ่นเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่ม "เกียรติประวัติแห่งราชสำนัก" ผู้ที่มีสิทธิ์ได้แก่ "บุคคลที่มีคุณธรรม" เจ้าชาย หรือหัวหน้าชนเผ่าพื้นเมือง[10]

คิกิระบุว่าเซมุมีพระมเหสีนาม โอโฮะ-ทาการะ (ญี่ปุ่น: 弟財郎女โรมาจิOho-takara) ธิดาในทาเกะ-โอชิยามะ-ทาริ-เนะ[4] โอโฮะ-ทาการะให้กำเนิดพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวนามว่า เจ้าชายวากานูเกะ (ญี่ปุ่น: 和訶奴気王) พระราชโอรสองค์เดียวของเซมุดูเหมือนจะสิ้นพระชนม์ตั้งแต่วัยเยาว์เนื่องจากจักรพรรดิทรงแต่งตั้งพระราชโอรสของยามาโตะ ทาเกรุเป็นมกุฎราชกุมารก่อนที่พระองค์จะสวรรคตใน ค.ศ. 190 ด้วยพระชนมพรรษา 107 พรรษา[3][9] ภายหลังทาราชินากัตสึฮิโกะ พระราชนัดดา ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ถัดไปใน ค.ศ. 192[2] การสวรรคตของเซมุถือเป็นจุดสิ้นสุดของทายาทสายตรงจากจักรพรรดิจิมมุในตำนาน และเป็นการแตกสาขาแรกของสาขาอื่น ๆ ที่ตามมาภายหลัง

ข้อมูลเท่าที่มีอยู่

[แก้]
อนุสรณ์สถานศาลเจ้าชินโตและสุสานที่อุทิศแด่จักรพรรดิเซมุ

นักประวัติศาสตร์จัดให้เซมุเป็น "จักรพรรดิในตำนาน" เนื่องจากมีข้อมูลสำหรับการตรวจสอบและศึกษาเพิ่มเติมไม่เพียงพอ เนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้การดำรงอยู่ของพระองค์เป็นเรื่องที่ถกเถียงกัน[11] ถ้าพระองค์มีอยู่จริง ก็คงไม่มีหลักฐานเสนอแนะว่าตำแหน่ง เท็นโน ใช้งานในรัชสมัยของพระองค์ โดยมีแนวโน้มสูงมากว่าพระองค์เป็นหัวหน้าเผ่าหรือผู้นำเผ่าท้องถิ่น และหน่วยการเมืองที่พระองค์ปกครองครอบคลุมเพียงส่วนเล็ก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันเท่านั้น[12] มีความเป็นไปได้ว่าเซมุทรงปกครองในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 4 เมื่อญี่ปุ่นกลายเป็นรัฐรวมเป็นหนึ่งซึ่งมีศูนย์กลางการปกครองจากยามาโตะ ทำให้บันทึกเหล่านี้ "ไม่ใช่เรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้"[13]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. โคจิกิบันทึกว่าพระองค์สวรรคคตตอนพระชนมพรรษา 95 พรรษา
  2. นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าวากานูเกะสิ้นพระชนม์ตั้งแต่วัยเยาว์

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Genealogy of the Emperors of Japan" (PDF). Kunaicho.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ March 22, 2011. สืบค้นเมื่อ 31 July 2019.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 Kenneth Henshall (2013). Historical Dictionary of Japan to 1945. Scarecrow Press. p. 487. ISBN 9780810878723.
  3. 3.0 3.1 Kidder, Jonathan E. (2007). Himiko and Japan's Elusive Chiefdom of Yamatai: Archaeology, History, and Mythology. University of Hawaii Press. p. 227. ISBN 9780824830359. สืบค้นเมื่อ 1 August 2019.
  4. 4.0 4.1 Transactions of the Asiatic Society of Japan, Volumes 9-10. Asiatic Society of Japan. 1881. pp. 226–227. สืบค้นเมื่อ 1 August 2019.
  5. 5.0 5.1 Memoirs of the Research Department of the Tōyō Bunko (the Oriental Library), Issues 32-34. Tōyō Bunko. 1974. pp. 63–64. สืบค้นเมื่อ 1 August 2019.
  6. "成務天皇 (13)". Imperial Household Agency (Kunaichō) (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 31 July 2019.
  7. Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran (ภาษาฝรั่งเศส). Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. pp. 14, 34–36.
  8. Ponsonby-Fane, Richard (1959). The Imperial House of Japan. Ponsonby Memorial Society. p. 34.
  9. 9.0 9.1 Martin, Peter (1997). The Chrysanthemum Throne: A History of the Emperors of Japan. University of Hawaii Press. p. 23. ISBN 9780824820299. สืบค้นเมื่อ 31 July 2019.
  10. 10.0 10.1 10.2 Brinkley, Frank; Kikuchi, Dairoku (1915). A History of the Japanese People: From the Earliest Times to the End of the Meiji Era. Encyclopaedia Britannica Company. pp. 87–88. สืบค้นเมื่อ 1 August 2019. emperor Seimu.
  11. Kelly, Charles F. "Kofun Culture". t-net.ne.jp. สืบค้นเมื่อ 31 July 2019.
  12. Aston, William George. (1896). Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697, Volume 2. The Japan Society London. p. 109 & 214–216. ISBN 9780524053478.
  13. Kojiki. Princeton University Press. 2015. p. 90. ISBN 9781400878000. สืบค้นเมื่อ 1 August 2019.

อ่านเพิ่ม

[แก้]
ก่อนหน้า จักรพรรดิเซมุ ถัดไป
จักรพรรดิเคโก
จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น
(ค.ศ. 130 - ค.ศ. 191)
จักรพรรดิชูไอ