จักรพรรดิริจู
จักรพรรดิริจู 履中天皇 | |||||
---|---|---|---|---|---|
จักรพรรดิญี่ปุ่น | |||||
ครองราชย์ | ค.ศ. 400–405 (ตามธรรมเนียม)[1] | ||||
ก่อนหน้า | นินโตกุ | ||||
ถัดไป | ฮันเซ | ||||
พระราชสมภพ | ค.ศ. 336[2][3] | ||||
สวรรคต | 405 (อายุ 68–69)[a] | ||||
ฝังพระศพ | โมซุ โนะ มิมิฮาระ โนะ มินามิ โนะ มิซาซางิ ญี่ปุ่น: 百舌鳥耳原南陵; โรมาจิ: Mozu no Mimihara no Minami no misasagi; โอซากะ) | ||||
คู่อภิเษก | คูซากาโนฮาตาบิโนะ-ฮิเมะ | ||||
พระราชบุตร กับพระองค์อื่น ๆ... | อิจิโนเบะ โนะ โอชิวะ | ||||
| |||||
ราชสกุล | ราชวงศ์ญี่ปุ่น | ||||
พระราชบิดา | จักรพรรดินินโตกุ | ||||
พระราชมารดา | อิวาโนะ-ฮิเมะ[6] | ||||
ศาสนา | ชินโต |
จักรพรรดิริจู (ญี่ปุ่น: 履中天皇; โรมาจิ: Richū-tennō) มีอีกพระนามว่า โอเอโนอิซาโฮวาเกะ โนะ ซูเมรามิโกโตะ (ญี่ปุ่น: 大兄去来穂別尊; โรมาจิ: Ōenoizahowake no Mikoto) เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ที่ 17 ตามลำดับการสืบทอดแบบดั้งเดิม[7][8] ทั้งโคจิกิและนิฮงโชกิ (เรียกรวมกันเป็น คิกิ) บันทึกเหตุการณ์ที่อ้างว่าเกิดขึ้นในชีวงชีวิตของริจู จักรพรรดิพระองค์นี้เป็นที่รู้จักจากความพยายามลอบปลงพระชนม์โดยซูมิโนเอะ พระอนุชา หลังการสวรรคตของจักรพรรดินินโตกุ พระราชบิดาของทั้งสอง แม้ว่าไม่สามารถกำหนดวันที่แน่นอนสำหรับพระชนมชีพของจักรพรรดิองค์นี้ แต่ถือว่าพระองค์ครองราชบัลลังก์จาก ค.ศ. 400 ถึง 405[9]
เรื่องราวยุคกึ่งก่อนประวัติศาสตร์
[แก้]ข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ปรากฏในโคจิกิและนิฮงโชกิ ซึ่งเรียกรวมกันเป็น คิกิ (ญี่ปุ่น: 記紀) หรือ พงศาวดารญี่ปุ่น โดยบันทึกว่าริจูเสด็จพระราชสมภพจากเจ้าหญิงอิวะ (ญี่ปุ่น: 磐之媛命; โรมาจิ: Iwa no hime no Mikoto) ในช่วง ค.ศ. 336 และได้รับพระราชทานนามว่า โอเอโนอิซาโฮวาเกะ โนะ มิโกโตะ (ญี่ปุ่น: 大兄去来穂別尊; โรมาจิ: Ōenoizahowake no Mikoto)[2][6] พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์โตในจักรพรรดินินโตกุ และภายหลังพระราชบิดาแต่งตั้งพระองค์เป็นมกุฎราชกุมารในปีที่ 31 ของรัชสมัยพระราชบิดา (ค.ศ. 343)[9][10] เมื่อนินโตกุสวรรคตใน ค.ศ. 399 ท่ามกลางช่วงแห่งความโศกเศร้า ตามมาด้วยเรื่องอื้อฉาวที่เกือบทำให้มกุฏราชกุมารสิ้นพระชนม์
ความพยายามลอบปลงพระชนม์
[แก้]ในช่วงหนึ่งก่อนที่ริจูจะขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ส่งเจ้าชายซูมิโนเอะ โนะ นากัตสึ (ญี่ปุ่น: 住吉仲皇子) พระอนุชา ไปจัดเตรียมการอภิเษกสมรสให้กับคูโระ-ฮิเมะ (ญี่ปุ่น: 黒媛; โรมาจิ: Kuro-hime) พระมเหสีของพระองค์[9][4] เจ้าชายนากัตสึกลับอ้างตนเองเป็นริจู พระเชษฐาของตน และล่อลวงคูโระ-ฮิเมะ เมื่อล่อเสร็จ พระองค์เผลอลืมกระดิ่งข้อพระหัตถ์ไว้ในที่พำนักของคูโระ-ฮิเมะ ต่อมาริจูพบสิ่งนี้ระหว่างเสด็จเยือนที่พำนักของพระนางเป็นครั้งแรก จึงสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของพระอนุชา แต่ตัดสินพระทัยไม่ดำเนินการใด[4] ในขณะที่นากัตสึทรงหวาดกลัวต่อการกระทำอันอื้อฉาวของพระองค์ จึงวางแผนปลงพระชนม์พระเชษฐาในคืนนั้น พระองค์แอบสร้างกลุ่มคนจำนวนเล็กน้อยขึ้นมาล้อมพระราชวังของพระเชษฐา[9][4] โชคดีที่ผู้ติดตามผู้จงรักภักดีของพระองค์บางส่วนเข้าแทรกแซงโดยช่วยรัชทายาทและพาพระองค์ไปยังศาลเจ้าอิโซโนกามิที่ยาโมโตะ ขณะเดียวกันนากัตสึจุดไฟเผาพระราชวังโดยไม่รู้ว่าพระเชษฐาหลบหนีไปแล้ว[9][4]
เจ้าชายมิซูฮาวาเกะ (ญี่ปุ่น: 瑞歯別尊; ภายหลังเป็นจักรพรรดิฮันเซ) พระอนุชาอีกพระองค์ เสด็จตามพระองค์ไปที่ยาโมโตะ อย่างไรก็ตาม ริจูตรัสแก่องค์ชายว่า หากไม่พิสูจน์ความภักดีด้วยการสังหารนากัตสึแล้ว พระองค์ก็ไม่สามารถไว้วางใจได้[9] มิซูฮาวาเกะจึงเสด็จกลับไปยังนานิวะและติดสินบนบริวารคนหนึ่งของนากัตสึให้ไปสังหารพระองค์นั้น นากัตสึไม่มีทางสู้และไม่เตรียมตัวรับมือเลย เพราะพระองค์คิดว่าพระเชษฐาเสด็จหนีไปและหายตัวไป ต่อมาพระองค์จึงถูกผู้บริวารแทงจนสิ้นพระชนม์ และมิซูฮาวาเกะเสด็จกลับไปยาโมโตะเพื่อรายงานการตายของพระเชษฐา ริจูทรงขอบพระทัยพระอนุชาด้วยการพระราชทานยุ้งฉาง "มูระ-อาฮาเซะ"[4]
รัชสมัย
[แก้]ริชูขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิหลังการกบฏที่ล้มเหลวของพระอนุชายุติลงในปีต่อมา (ค.ศ. 400)[4] ในช่วงนี้ ผู้ที่ไม่ได้ถูกประหารฐานมีส่วนร่วมในการกบฏถูกบังคับให้ทำรอยสักเป็นการลงโทษ[11] ภายหลังในปีนั้นคูโระฮิเมะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนมอย่างเป็นทางการ แม้ว่าทั้งสองมีพระราชโอรส 2 พระองค์และพระราชธิดา ริจูทรงแต่งตั้งตำแหน่ง"มกุฎราชกุมาร"ให้กับเจ้าชายมิซูฮาวาเกะ (ภายหลังเป็นจักรพรรดิฮันเซ) พระอนุชา ใน ค.ศ. 401[9][4] คูโระฮิเมะสวรรคตในช่วงปีถัดมา (ค.ศ. 404) โดยไม่ทราบสาเหตุ กล่าวกันว่าจักรพรรดิทรงได้ยินเสียงในลมกล่าวถ้อยคำลึกลับใน "ความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่" ก่อนที่ผู้ส่งสารจะประกาศถึงการสวรรคตของพระนาง[11] ริจูเชื่อว่าสาเหตุมาจากเทพเจ้าองค์หนึ่งที่ไม่พอใจ เนื่องจากข้อราชการคนหนึ่งประพฤติตัวไม่เหมาะสมในศาลเจ้า[11] เจ้าหญิงคูซากาโนฮาตาบิโนะได้รับการแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินีในปีถัดมา (ค.ศ. 405) และให้กำเนิดพระราชธิดา (เจ้าหญิงนากาชิ)[4] ในปีนั้นมีการจัดตั้งคลังหลวงขึ้น โดยมีชาวเกาหลีที่ได้รับแต่งตั้งสองคนเป็นผู้จัดการ[11] รัชสมัยจักรพรรดิริจูสิ้นสุดลงในปีที่ 6 เมื่อพระองค์ทรงพระประชวรและสวรรคตด้วยโรคภัยตอนพระชนมพรรษา 64 หรือ 70 พรรษา[4][5] คิกิระบุว่าริจูถูกฝังไว้ที่มิซาซางิบน "พื้นที่ราบโมโซะ โนะ มิมิ"[4][5] มิซูฮาวาเกะ พระอนุชา ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ถัดไปในปีถัดมา (ค.ศ. 406)
การประเมินทางประวัติศาสตร์
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พระมเหสีและพระราชโอรสธิดา
[แก้]นางสนม/พระมเหสี
[แก้]บรรดาศักดิ์ | พระนาม | พระราชบิดา | พระราชโอรสธิดา |
---|---|---|---|
นางสนม | คูโระ-ฮิเมะ (ญี่ปุ่น: 黒媛; โรมาจิ: Kuro-hime)[12] | คัตสึรางิ โนะ อาชิตะ โนะ ซูกูเนะ[12] | • เจ้าชายอิจิโนเบะ โนะ โอชิวะ (ญี่ปุ่น: 磐坂市辺押磐皇子)[13][14] • เจ้าชายมิมะ (ญี่ปุ่น: 御馬皇子)[13][14] • เจ้าหญิงอาโอมิ โนะ ฮิเมมิโกะ (ญี่ปุ่น: 青海皇女)[13][14][b] |
จักรพรรดินี (โคโง) |
เจ้าหญิงคูซากาโนฮาตาบิโนะ (ญี่ปุ่น: 草香幡梭皇女; โรมาจิ: Kusakanohatabino-hime)[13] | จักรพรรดิโอจิง | • เจ้าหญิงนากาชิ (ญี่ปุ่น: 中磯皇女; โรมาจิ: Nakashi no Hime)[16] |
พระราชโอรสธิดา
[แก้]บรรดาศักดิ์ | พระนาม | พระราชมารดา | ความเห็น |
---|---|---|---|
พระราชโอรสองค์แรก (เจ้าชาย) | อิจิโนเบะ โนะ โอชิวะ[13][14] | คูโระ-ฮิเมะ[13] | อิจิโนเบะเป็นพระราชบิดาในจักรพรรดิเค็นโซกับจักรพรรดินิงเก็ง อ้างว่าสวรรคตในช่วง ค.ศ. 456[c] |
เจ้าชาย | มิมะ[13][14] | คูโระ-ฮิเมะ[13] | เจ้าชายมิมะอ้างว่าสวรรคตในช่วง ค.ศ. 456[c] |
เจ้าหญิง | อาโอมิ โนะ ฮิเมมิโกะ[13][14] | คูโระ-ฮิเมะ[13] | พระชนม์ชีพของอาโอมิ (หรือ อิอิโตโยะ[b]) อ้างว่าอยู่ในช่วง ค.ศ. 441 ถึง 484[c] |
เจ้าหญิง | นากาชิ โนะ ฮิเมะ[16] | คูซากาโนฮาตาบิโนะ[16] | นากาชิทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายโอโอกูซากะ[d] และต่อมาอภิเษกกับจักรพรรดิอังโก |
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ นิฮงโชกิบันทึกว่า จักรพรรดิริจูทรงมีพระชนม์ชีพถึง 70 พรรษา ส่วนโคจิกิระบุว่าพระองค์มีพระชนม์ชีพถึง 64 พรรษา ตัวเลขนี้มีแนวโน้มไม่แม่นยำ[4][5]
- ↑ 2.0 2.1 อาโอมิ โนะ ฮิเมมิโกะยังได้รับการเรียกขานเป็น "(สมเด็จพระ) จักรพรรดินีอิอิโตโยะ" (飯豊天皇 Iitoyo-tennō) ในฟูโซเรียกูกิ และ ฮนโจโคอิงโจอุง-โรกุ ตำราประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และ 15 ตามลำดับ[15]
- ↑ 3.0 3.1 3.2 วันที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
- ↑ โอโอกูซากะเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งในจักรพรรดินินโตกุ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Genealogy of the Emperors of Japan" (PDF). Kunaicho.go.jp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ March 22, 2011. สืบค้นเมื่อ January 24, 2023.
- ↑ 2.0 2.1 Kenneth Henshall (2013). Historical Dictionary of Japan to 1945. Scarecrow Press. p. 488. ISBN 9780810878723.
- ↑ Louis Frédéric (2002). Index. Japan encyclopedia. Belknap Press of Harvard University Press. p. 788. ISBN 9780674017535.
- ↑ 4.00 4.01 4.02 4.03 4.04 4.05 4.06 4.07 4.08 4.09 4.10 William George Aston (1896). "Boox XII - The Emperor Iza-Ho-Wake, (Richu Tenno)". Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697. (Volume 1). London: Kegan Paul, Trench, Trubner. pp. 301–310.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 Basil Hall Chamberlain (1882). "Sect. CXXXV — Emperor Ri-chu (Part V.— His Age and Place of Burial)". A translation of the "Kojiki" or Records of ancient matters. R. Meiklejohn and Co.
- ↑ 6.0 6.1 Ponsonby-Fane, Richard (1915). Table of Emperors Mothers. The Imperial Family of Japan. Ponsonby Memorial Society. p. xiii.
- ↑ "応神天皇 (17)". Imperial Household Agency (Kunaichō) (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ January 6, 2020.
- ↑ Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran (ภาษาฝรั่งเศส). Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. pp. 24–25.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 9.5 9.6 Ponsonby-Fane, Richard (1915). Richu (400–405). The Imperial Family of Japan. Ponsonby Memorial Society. pp. 10–11.
- ↑ Brown, Delmer M. and Ichirō Ishida (1979). Emperor Richū. A Translation and Study of the Gukanshō, an Interpretative History of Japan Written in 1219. University of California Press. p. 257. ISBN 9780520034600.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 Francis Brinkley (1915). Chapter XII: The Protohistoric Sovereigns. A History of the Japanese People from the Earliest Times to the End of the Meiji Era. Encyclopædia Britannica. pp. 108–110.
- ↑ 12.0 12.1 Basil Hall Chamberlain (1882). "Sect. CXXXI - Emperor Richū (Part I - Genealogies)". A translation of the "Kojiki" or Records of ancient matters. R. Meiklejohn and Co.
- ↑ 13.00 13.01 13.02 13.03 13.04 13.05 13.06 13.07 13.08 13.09 William George Aston (1896). "Boox XII - The Emperor Iza-Ho-Wake, (Richu Tenno) (Children)". Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697. (Volume 1). London: Kegan Paul, Trench, Trubner. p. 306.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 "Genealogy". Reichsarchiv (ภาษาญี่ปุ่น). 30 April 2010. สืบค้นเมื่อ 9 January 2021.
- ↑ Kenkichi Katō (2001). "Iitoyo-ao no Ōjo" 飯豊青皇女. Encyclopedia Nipponica (ภาษาญี่ปุ่น). Shogakukan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 5, 2021. สืบค้นเมื่อ February 9, 2023.
- ↑ 16.0 16.1 16.2 Hiromichi Mayuzumi (1968). "On the Genealogy of Emperor Keitai: A Study of the Illustrated Documents of the Chronicles of the Emperor Keitai". Gakushuin History (Gakushuin University Historical Society). pp. 1–14. ISSN 0286-1658. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 7, 2022.
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Aston, William George. (1896). Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697. London: Kegan Paul, Trench, Trubner. OCLC 448337491
- Brown, Delmer M. and Ichirō Ishida, eds. (1979). Gukanshō: The Future and the Past. Berkeley: University of California Press. ISBN 978-0-520-03460-0; OCLC 251325323
- Ponsonby-Fane, Richard Arthur Brabazon. (1959). The Imperial House of Japan. Kyoto: Ponsonby Memorial Society. OCLC 194887
- Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran; ou, Annales des empereurs du Japon. Paris: Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. OCLC 5850691
- Varley, H. Paul. (1980). Jinnō Shōtōki: A Chronicle of Gods and Sovereigns. New York: Columbia University Press. ISBN 978-0-231-04940-5; OCLC 59145842