อักษรลาว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ลาว
Lao Script Sample.svg
ชนิดอักษรสระประกอบ
ภาษาพูดลาว, อีสาน, ไทย และอื่น ๆ
ช่วงยุคป. 1350 – ปัจจุบัน
ระบบแม่
ระบบพี่น้องไทย
ช่วงยูนิโคดU+0E80–U+0EFF
ISO 15924Laoo
บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทศาสตร์สัทอักษรสากล หากไม่มีการสนับสนุนเร็นเดอร์ที่เหมาะสม คุณอาจเห็นเครื่องหมายคำถาม กล่อง หรือสัญลักษณ์อื่นแทนอักขระยูนิโค้ด

อักษรลาว (ลาว: ອັກສອນລາວ [ʔáksɔ̌ːn láːw]) เป็นอักษรหลักที่ใช้เขียนภาษาลาวและภาษาชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ในประเทศลาว มีพัฒนาการจากอักษรไทน้อย ซึ่งใช้เขียนภาษาอีสานด้วย แต่ภายหลังเปลี่ยนไปเขียนอักษรไทยแทน อักษรลาวมีพยัญชนะ 27 ตัว, พยัญชนะผสม 7 ตัว, สระ 33 ตัว และ 4 วรรณยุกต์ อักษรลาวเป็นระบบพี่น้องกับอักษรไทย ซึ่งมีความคล้ายและรากศัพท์ที่คล้ายกันหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม อักษรลาวมีตัวอักษรน้อยกว่าและมีรูปโค้งมนกว่าอักษรไทย

ประวัติ[แก้]

ข้อมูลเพิ่มเติม: อักษรไทน้อย

อักษรลาวดัดแปลงจากอักษรเขมรของจักรวรรดิเขมร[1] โดยมีอิทธิพลจากอักษรมอญ ทั้งอักษรเขมรและลาวมีที่มาจากอักษรพราหมีของอินเดีย อักษรลาวเริ่มกลายเป็นอักษรมาตรฐานอย่างช้า ๆ ในหุบเขาริมแม่น้ำโขงหลังรัฐไทหลายแห่งในบริเวณนั้นรวมตัวเป็นอาณาจักรล้านช้างในคริสต์ศตวรรษที่ 14 แล้วแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนับตั้งแต่ช่วงที่คิดค้นอักษรจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าอักษรไทยยังคงพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองอักษรก็ยังคงมีความคล้ายกัน[2]

ป้ายที่มีอักษรลาวในวัดธาตุหลวง เวียงจันทน์

วิวัฒนาการ[แก้]

ตัวอย่างของอักษรลาวเดิมหรืออักษรไทน้อย ซึ่งใช้เขียนเป็นป้ายชื่อพิพิธภัณฑ์วัดศรีอุบลรัตนาราม จังหวัดอุบลราชธานี

อักษรลาวมี 2 แบบคืออักษรลาว (อักษรลาวโบราณภาษาลาวเรียกว่า อักษรลาวเดิม พบในภาคอีสานของไทยด้วยเช่นกัน แต่เรียกว่าอักษรไทน้อย) และอักษรธรรมลาว อักษรลาวประกอบด้วยพยัญชนะ 33 รูป 21 เสียง และสระ 28 รูป 27 เสียง เขียนจากซ้ายไปขวา ระบบการเขียนในภาษาลาวจะซับซ้อนน้อยกว่าในภาษาไทยและภาษาเขมร เนื่องจากเขียนตามเสียงโดยตรง

วิวัฒนาการของอักษรลาวนั้นมีผู้ที่ให้ความเห็นแตกต่างกันไป ศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดซ์ เคยให้ความเห็นว่าอักษรลาวนั้น น่าจะมีที่มาจากอักษรไทยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เกิดขึ้นที่เมืองสุโขทัย แล้วแพร่หลายไปยังเมืองที่ติดต่อกันในดินแดนล้านช้างและล้านนา แต่ภายหลังตัวอักษรไทยในดินแดนล้านช้างได้เปลี่ยนเป็นตัวลาว แนวคิดนี้ได้ถูกลบล้างไปเพราะขัดแย้งกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของลาวและอีสาน เนื่องจากมีการค้นพบอักษรลาวเก่าที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันและเก่าแก่กว่าอักษรไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหง (พ.ศ. 1826) และสมัยพระยาลิไทย จารึกที่หลักเสมาหินสมัยจันทปุระ นครเวียงจันทน์ ถ้ำจอมเพ็ชร และวัดวิชุน เมืองหลวงพระบาง และจารึกวัดร้างบ้านท่าแร่ (วันศรีบุญเรือง) อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร (พ.ศ. 1893) ทำให้เชื่อว่าอักษรไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงได้รับอิทธิพลมาจากอักษรลาวเดิม สันนิษฐานว่า เชื้อพระวงศ์ของพ่อขุนรามคำแหงเป็นตระกูลลาวสายหนึ่งที่อพยพลงไปทางตอนใต้จึงได้นำเอาอักษรลาวเก่าไปใช้และพัฒนาเป็นอักษรในสุโขทัยด้วย

นักวิชาการลาวเชื่อว่าคนลาวที่อยู่ในดินแดนล้านช้างมีอักษรเป็นของตนเองมานาน อักษรลาวคล้ายกับตัวอักษรไทยเพราะวิวัฒนาการมาจากอักษรเทวนาครี อันเป็นอักษรของพวกอินเดียทางเหนือ มหาสิลา วีระวงส์ เห็นว่าชาติลาวมีตัวหนังสือของตัวเองมาหลายร้อยปี หรืออาจจะเป็นพันปีก่อนสมัยพ่อขุนรามคำแหงของไทย โดยอักษรลาวเป็นอักษรไทพวกหนึ่งที่เรียกว่า อักษรไทน้อย ซึ่งได้กลายเป็นหนังสือลาวในเวลาต่อมา อักษรไทน้อยน่าจะมีที่มาจากอักษรพราหมีของอินเดียดังกล่าวไปแล้ว และมีสายวิวัฒนาการมาพร้อมกันกับอักษรขอมโบราณ อย่างไรก็ดีทฤษฎีนี้ยังมีข้อถกเถียง เนื่องจากอักษรลาวหรือไทน้อยถูกวิวัฒนาการขึ้นก่อนการเกิดขึ้นของอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งเป็นสมัยที่คนเผ่าที่พูดภาษาไททั้งหลายยังไม่ได้แยกออกจากกันเป็นอาณาจักรของตนเอง ทั้งยังเป็นการนำคติชาติพันธุ์นิยมอันเป็นคติสมัยใหม่มาอธิบาย[3] ซึ่งไม่สอดคล้องกับความสัมพันธ์ตามประวัติศาสตร์ระหว่างคนไทเผ่าต่าง ๆ ในอดีต[4]

นักวิชาการไทยบางกลุ่มเห็นว่า อักษรลาวนั้นมีวิวัฒนาการไม่ต่างจากอักษรไทยและเขมร คือล้วนมีรากฐานมาจากตัวอักษรอินเดียใต้ของราชวงศ์ปัลลวะ หาใช่อักษรอินเดียฝ่ายเหนืออย่างเทวนาครีไม่ แต่แนวคิดนี้ได้ถูกลบล้างไปด้วยปรากฏว่า อักษรที่ปรากฏอยู่ในจารึกของลาวนั้นมีความเก่าแก่กว่าอักษรที่ปรากฏอยู่ในจารึกของไทย และเก่าแก่กว่าอักษรสมัยพ่อขุนรามคำแหงของไทย อักษรลาวและอักษรไทยจึงไม่น่าจะพัฒนามาพร้อมกัน หากแต่อักษรไทยน่าจะวิวัฒนาการมาจากอักษรลาว โดยเป็นการพัฒนาจนสมบูรณ์แบบขึ้น เพื่อให้มีตัวอักษรเพิ่มขึ้นจนทำให้สามารถถอดคำภาษาบาลีและสันสกฤตมาไว้ในภาษาไทยได้ เนื่องจากอักษรไทน้อยแต่เดิมมีอักษรไม่เพียงพอที่จะใช้เขียนถ่ายคำจากภาษาบาลี

หากจะกล่าวโดยละเอียดคือ อักษรลาวนั้นวิวัฒนาการมาจากอักษรลาวโบราณสมัยเชียงดง-เชียงทอง ราวก่อนรัชสมัยพระเจ้าฟ้างุ่มหรือพระเจ้าสามแสนไทก็ว่าได้ โดยการวิวัฒนาการของอักษรลาวนั้นเริ่มจากการเกิดอักษรชนิดหนึ่งที่มีเชื่อเรียกว่าอักษรฝักขาม (ซึ่งเป็นตัวอักษรที่ได้รับวิวัฒนาการมาจากอักษรลาวในสมัยล้านช้าง และปรากฏหลักฐานการวิวัฒนาการในเอกสารตราตั้ง (ลายจุ้ม-ดวงจุ้ม) ของกษัตริย์ลาวในสมัยต่าง ๆ ทั้งหลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาศักดิ์ จากนั้นจึงวิวัฒนาการต่อไปเป็นอักษรไทยน้อยและอักษรลาวตามลำดับ อักษรลาวโบราณบางส่วนได้มีอิทธิพลต่ออักษรไทยในสมัยหลังสุโขทัยเป็นต้นมา ตลอดจนเป็นต้นกำเนิดอักษรฝักขามและอักษรธรรมของล้านนาด้วย

ระบบการเขียนภาษาลาว มีวิวัฒนาการ 3 แบบดังนี้ คือ

  1. แบบของมหาสิลา วีระวงส์ หรือแบบพุทธบัณฑิตสภาจันทบุรี
  2. แบบของสมจีน ป. งิน
  3. แบบของพูมี วงวิจิด

แบบของมหาสิลา วีระวงส์ หรือแบบพุทธบัณฑิตสภาจันทบุรี[แก้]

อักษรแบบนี้ได้มีการคิดตัวอักษรเพิ่มเติมให้ครบวรรคในภาษาบาลี เพื่อให้สะดวกในการเขียนเรื่องต่าง ๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม โดยมีสาเหตุจากปัญหาความยุ่งยากในการจัดทำตัวพิมพ์อักษรธรรมลาวเพื่อเขียนเรื่องต่าง ๆ ทางศาสนา

อักขรวีธีของอักษรลาวแบบนี้สะกดตามเค้าเดิมของภาษาอย่างเคร่งครัด มีการใช้ตัวสะกดตัวการันต์ เพื่อให้รู้ต้นเค้าของคำว่าเป็นคำภาษาลาวเดิมหรือคำภาษาต่างประเทศ เช่น คำภาษาบาลี-สันสกฤต ซึ่งคล้ายกับระบบการเขียนภาษาไทยในปัจจุบัน ระบบการเขียนแบบนี้เคยใช้ในสมัยที่ประเทศลาวยังไม่มีระบบการเขียนที่แน่นอน ขาดหลักการที่ชัดเจน ใช้ในสมัยที่ลาวยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสจนถึงปี พ.ศ. 2491

เทียบอักษรลาวตามแบบพุทธบัณฑิตสภาจันทบุรีกับอักษรไทย[แก้]

เปรียบเทียบอักษรลาวซึ่งพุทธบัณฑิตสภาจันทบุรีบัญญัติให้ใช้เพิ่มเติมกับอักษรไทยปัจจุบัน
วรรค ฐานกรณ์ กักสิถิล กักธนิต นาสิก
วรรค กะ เพดานอ่อน


Lao-Pali-gh.png

วรรค จะ เพดานแข็ง
Lao-Pali-ch.png

Lao-Pali-jh.png
Lao-Pali-ny.png
วรรค ฏะ ปุ่มเหงือก Lao-Pali-T.png
Lao-Pali-Th.png
Lao-Pali-D.png
Lao-Pali-Dh.png
Lao-Pali-N.png
วรรค ตะ


Lao-Pali-dh.png

วรรค ปะ ริมฝีปาก




ไตรยางศ์ กลาง สูง ต่ำ
วรรค เปิดหรือรัว เสียดแทรก เปิดข้างลิ้น
ปุ่มเหงือก
เศษวรรค



Lao-Sanskrit-sh.png
Lao-Sanskrit-S.png


Lao-Pali-L.png
ไตรยางศ์ ต่ำ สูง ต่ำ

แบบของสมจีน ป. งิน[แก้]

แบบนี้สะกดตามแบบที่ได้กำหนดในพระราชโองการ (พระราชบัญญัติ) เลขที่ 10 พ.ศ. 2491 ในรัชสมัยของพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ ซึ่งได้บัญญัติขึ้นเพื่อกำหนดหลักการเขียนภาษาลาวให้มีความแน่นอนและชัดเจนยิ่งขึ้น อักขรวิธีของระบบนี้ คือ สะกดคำตามเสียงอ่านแต่ยังคงรักษาเค้าเดิมของภาษาไว้ การสะกดการันต์ยังคงมีการใช้ แต่ได้เลิกใช้อักษรบางตัวลงจากแบบแรกเพื่อให้เขียนง่ายขึ้น ซึ่งคล้ายกับการเขียนภาษาไทยในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 อักษรลาวรูปแบบนี้ใช้อยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2491-2518 คือ นับตั้งแต่ประเทศลาวได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส จนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปัจจุบันยังมีคงการใช้อยู่ในกลุ่มคนลาวอพยพในต่างประเทศ

แบบของพูมี วงวิจิด[แก้]

อักขรวิธีแบบนี้สะกดตามเสียงอ่านเท่านั้น คือ อ่านออกเสียงอย่างไรให้สะกดอย่างนั้น เริ่มใช้ในเขตปลดปล่อยของขบวนการปะเทดลาวก่อน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว รัฐบาลลาวจึงได้ปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อักษรลาวสามารถเขียนง่ายอ่านง่ายขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดจุดอ่อนหลายอย่าง และทำให้ภาษาลาวเกิดปัญหาการขาดหลักการสะกดคำที่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เช่น ได้มีการตัดตัวการันต์ ตัว ร หันลิ้น (ภาษาลาวเรียกว่า ร รถ) ออก ทำให้ไม่สามารถเขียนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศและภาษาของชนเผ่าต่าง ๆ ได้ครบถ้วน อักษรลาวระบบนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2518 จนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการลาวได้บรรจุตัว ร หันลิ้นกลับมาใช้ใหม่ และมีการใช้ตัวการันต์สำหรับสะกดคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ เช่นคำภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ยกเว้นคำที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต และคำลาวเดิม ยังสะกดตามเสียงอ่านอยู่เหมือนเดิม

ปัญหาของระบบอักษรลาวปัจจุบัน[แก้]

หนังสือภาษาลาว

ระบบการเขียนภาษาลาวในปัจจุบันยังขาดเอกภาพ ไม่มีมาตรฐานในการเขียนและการใช้คำศัพท์ เพราะยังไม่มีองค์กรที่มาควบคุมอย่างเป็นทางการ จึงมีลักษณะต่างคนต่างเขียนตามหลักการของตนเอง ทำให้เกิดความสับสนในการเขียนและการใช้คำศัพท์ ส่วนคนลาวที่อพยพไปอยู่ต่างประเทศหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2518 ก็ยังใช้ภาษาลาวตามแบบที่ 2 ในสมัยที่ยังเป็นราชอาณาจักรลาวอยู่เหมือนเดิม ทำให้เกิดความสับสนระหว่างคนลาวในประเทศกับนอกประเทศ แม้รัฐบาลและประชาชนลาวเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในข้างต้นก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมาแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน แต่ในอนาคตคาดว่ารัฐบาลลาวจะจัดตั้งองค์กรออกมาควบคุมเพื่อให้ระบบการใช้ภาษาลาวเป็นมาตรฐานเดียวกัน[ต้องการอ้างอิง]

ลักษณะ[แก้]

อักษรลาว มีพยัญชนะ 33 รูป 21 เสียง สระมี 28 รูป 27 เสียง มีเสียงวรรณยุกต์ 6 เสียงซึ่งขึ้นกับพื้นเสียงของพยัญชนะ ลักษณะของคำ (คำเป็น คำตาย) เครื่องหมายวรรณยุกต์ และความยาวของเสียงสระ การเขียนยึดสำเนียงเวียงจันทน์เป็นหลัก ไม่มีระบบการถอดเป็นอักษรโรมันที่แน่นอน นิยมใช้ระบบถ่ายเสียงของภาษาฝรั่งเศส, อักษรที่ไม่ใช้แล้วมี 16 ตัว ซึ่งมี Lao-Pali-gh.png, Lao-Pali-ch.png, Lao-Pali-jh.png, Lao-Pali-ny.png, Lao-Pali-T.png, Lao-Pali-Th.png, Lao-Pali-D.png, Lao-Pali-Dh.png, Lao-Pali-N.png, Lao-Pali-dh.png, Lao-Pali-bh.png, ຣ, Lao-Sanskrit-sh.png, Lao-Sanskrit-S.png, Lao-Pali-L.png, ◌໌

รูปพยัญชนะ[แก้]

พยัญชนะลาวทั้ง 33 รูป แบ่งเป็นพยัญชนะโดด 27 ตัว ภาษาลาวเรียกว่า พยัญชนะเค้า (ພະຍັນຊະນະເຄົ້າ; แปลว่า พยัญชนะต้น) และพยัญชนะควบอีก 6 ตัว ซึ่งมีดังต่อไปนี้

พยัญชนะโดด[แก้]

รูปอักษรลาว ชื่ออักษรในภาษาลาว เทียบรูปอักษรไทย เสียง หมายเหตุ
ກ ໄກ່ (ก ไก่) [k]
ຂ ໄຂ່ (ข ไข่) [kʰ]
ຄ ຄວາຍ (ค ควาย) [kʰ]
ງ ງົວ (ง งัว), ງ ງູ (ง งู) [ŋ] งัว (ງົວ) แปลว่า วัว ในภาษาไทยปัจจุบัน ใช้คำเดียวกับภาคเหนือ (คำเมือง: ᨦ᩠ᩅᩫ) และภาคอีสานของไทย
ຈ ຈອກ (จ จอก) [tɕ] จอก (ຈອກ) แปลว่า แก้วน้ำ
ສ ເສືອ (ส เสือ) [s] คำเสียง ฉ ในภาษาไทย ภาษาลาวจะออกเสียงเป็น /ส/ ทุกแห่งเหมือนภาคเหนือและภาคอีสานของไทย (ไม่มีเสียง ฉ ฉิ่ง)
ຊ ຊ້າງ (ซ ซ้าง) [s] ซ้าง (ຊ້າງ) แปลว่า ช้าง คำเสียง ช ในภาษาไทย ภาษาลาวออกเสียงเป็น /ซ/ ทุกแห่ง (ไม่มีเสียง ช ช้าง)
ຍ ຍຸງ (ย ยุง) [ɲ] เสียงของ ย ในที่นี้เป็นเสียงนาสิก /ญ/ แบบเดียวกับที่ปรากฏในภาคเหนือและภาคอีสานของไทย (บางครั้งถอดเป็นรูป ญ)
ດ ເດັກ (ด เด็ก) [d] ภาษาลาวไม่มีไม้ไต่คู้ (◌็) มีแต่ไม้หันอากาศ (◌ั)
ຕ ຕາ (ต ตา) [t]
ຖ ຖົງ (ถ ถง) [tʰ] ถง (ຖົງ) แปลว่า ย่าม, ถุง รูปอักษรตัวนี้ บางคราวเขียนแบบหัวเข้า (คล้ายตัว ฤ) บางคราวก็เขียนหัวออก (คล้ายตัว ฦ และเลข ໗ (7) ในภาษาลาว)
ທ ທຸງ (ท ทุง) [tʰ] ทุง (ທຸງ) แปลว่า ธง
ນ ນົກ (น นก) [n] ผู้เรียนอักษรลาวใหม่ ๆ มักสับสนกับตัว ມ (ม แมว) เสมอ เนื่องจากมีลักษณะที่คล้ายกันมาก
ບ ແບ້ (บ แบ้) [b] แบ้ (ແບ້) แปลว่า แพะ
ປ ປາ (ป ปา) [p] ปา (ປາ) ในที่นี้แปลว่า ปลา (ไม่มีเสียง ล ควบกล้ำ)
ຜ ເຜິ້ງ (ผ เผิ้ง; เสียงสั้น) [pʰ] เผิ้ง (ເຜິ້ງ) แปลว่า ผึ้ง ภาษาไทยใช้สระอึ ภาษาลาวใช้สระเออะ
ຝ ຝົນ (ฝ ฝน) [f]
ພ ພູ (พ พู) [pʰ] พู (ພູ) แปลว่า ภูเขา (ในภาษาไทยเขียนว่า ภู) (ไม่มี ภ สำเภา)
ຟ ໄຟ (ฟ ไฟ) [f]
ມ ແມວ (ม แมว) [m] ผู้เรียนอักษรลาวใหม่ ๆ มักสับสนกับตัว ນ (น นก) เสมอ เนื่องจากมีลักษณะที่คล้ายกันมาก
ຢ ຢາ (อย อยา) อฺย [j] อยา (ຢາ) แปลว่า ยา ย ตัวนี้ภาษาลาวจัดเป็นอักษรกลาง ออกเสียงแบบเดียวกับ ย ในภาษาไทย ใช้ในบางคำ เช่น "ຢຸດ" (หยุด) "ຢາກ" (อยาก) เป็นต้น
ຣ ຣົຖ (การสะกดแบบใหม่: ຣ ລົດ) (ร ลด) [r], [l] ลด (ລົດ) แปลว่า รถ ร ตัวนี้ปัจจุบันนิยมใช้เขียนคำที่มีที่มาจากภาษาต่างประเทศ (ปัจจุบันใช้ตัวอักษร ລ) มีชื่อเรียกหลายชื่อ ออกเสียงเหมือน ล ทั้งหมด ในการเขียนภาษาลาวโบราณ รูปอักษรนี้ยังใช้แทนเสียง ฮ ในคำที่ปัจจุบันเขียนด้วยตัวอักษร ຮ
ລ ລີງ (ล ลีง) [l] ลีง (ລີງ) แปลว่า ลิง ในภาษาลาวออกเสียงคำนี้ยาว จึงใช้สระอีแทน ปกติภาษาลาวสามารถใช้พยัญชนะตัวนี้เขียนคำทุกคำที่ออกเสียง /ร/ หรือ /ล/ แต่เวลาอ่านออกเสียงอ่านเป็นเสียง /ล/ ทุกตัว
ວ ວີ (ว วี) [ʋ], [w] วี (ວີ) แปลว่า พัด
ຫ ຫ່ານ (ห ห่าน) [h]
ອ ໂອ (อ โอ) [ʔ] โอ (ໂອ) แปลว่า ขันน้ำ
ຮ ເຮືອນ (ฮ เฮือน) [h] เฮือน (ເຮືອນ) แปลว่า เรือน, บ้าน; ภาษาไทยใช้ ร ภาษาลาวใช้ ຮ

อักษรนำ[แก้]

รูปอักษร เทียบอักษรไทย เสียง หมายเหตุ
ຫງ หง [ŋ]
ຫຍ หย [ɲ] ระบบอักษรลาวเก่ามักใช้รูป ຫຽ
ຫນ, ໜ หน [n] ปัจจุบันนิยมใช้รูป ໜ
ຫມ, ໝ หม [m] ปัจจุบันนิยมใช้รูป ໝ
ຫຣ หร [r] ปัจจุบันนิยมใช้รูป ຫຼ, ຫລ
ຫລ, ຫຼ หล [l] รูปอักษรทั้งสองแบบนี้นิยมใช้ปะปนกันทั่วไป, ปัจจุบันนิยมใช้รูป ຫຼ
ຫວ หว [ʋ], [w]

รูปสระ[แก้]

อักษรลาวในระบบยูนิโค้ด[แก้]

ช่วงรหัสอักษรลาวในระบบ ยูนิโค้ด อยู่ตั้งแต่ช่วงรหัส U+0E80 ถึง U+0EFF

ลาว
Unicode.org chart (PDF)
  0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 A B C D E F
U+0E8x                  
U+0E9x          
U+0EAx            
U+0EBx      
U+0ECx        
U+0EDx    
U+0EEx                                
U+0EFx                                


อ้างอิง[แก้]

  1. Benedict, Paul K. "Languages and literatures of Indochina." The Far Eastern Quarterly (1947): 379–389.
  2. For comparison of the two, please see Daniels, Peter T. & Bright, William. (Eds.). (1996). The World's Writing Systems (pp. 460–461). New York, NY: Oxford University Press.
  3. Ivarsson, Søren (2008). Creating Laos: The Making of a Lao Space between Siam and Indochina, 1860–1945. NIAS Press. p. 240. ISBN 8-7769-4023-3.
  4. Chamberlain, James (1989). "Thao Hung or Cheuang: A Tai Epic Poem" (PDF). Mon-Khmer Studies (18–19): 14–34.

อ่านเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]