อักษรไทใหญ่
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
อักษรไทใหญ่ လိၵ်ႈတႆး | |
---|---|
ชนิด | |
ทิศทาง | ซ้ายไปขวา |
ภาษาพูด | ภาษาไทใหญ่ |
อักษรที่เกี่ยวข้อง | |
ระบบแม่ | |
ระบบลูก | ลิก-ไท |
ยูนิโคด | |
ช่วงยูนิโคด |
|
[a] The Semitic origin of the Brahmic scripts is not universally agreed upon. |
อักษรไทใหญ่ (ไทใหญ่ː တူဝ်လိၵ်ႈတႆး ตัวลิกไต [โต๋ลิกไต๊], สัทอักษร: /tǒ.lḭk.táj/) พัฒนามาจากอักษรไทใต้คงเก่า ซึ่งเป็นอักษรที่ใช่ในหมู่ชาวไทใหญ่ทั้งหมด โดยยังคงมีลักษณะกลม เนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนไปเขียนด้วยพู่กันเหมือนอักษรไทใต้คง (อักษรถั่วงอก) เมื่อรัฐฉานตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2428 ทางอังกฤษได้ส่งเสริมให้ชาวไทใหญ่พัฒนาอักษรของตนขึ้นใหม่ และจัดให้มีการพิมพ์ ทำให้รูปอักษรที่เกิดจากการหล่อตัวพิมพ์มีลักษณะป้อม กลมคล้ายอักษรพม่ามากขึ้น
พยัญชนะในภาษาไทใหญ่มีทั้งหมด 18 ตัว แต่มีการเพิ่มอีก 5 เสียงจัตวา ไม่มีรูปวรรณยุกต์
ประวัติ
[แก้]ชาวไทใหญ่มีอักษรใช้ 2 ชนิดคือ ลิ่กถั่วงอกใช้เขียนเอกสารทั่วไปกับลิ่กยวนใช้เขียนเอกสารทางศาสนา อักษรไทใหญ่ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ นักประวัติศาสตร์พม่าเชื่อว่ารับมาจากพม่า ในขณะที่ชาวไทใหญ่เชื่อว่าพัฒนามาจากอักษรเทวนาครี และอักษรมอญ โดยอักษร "อ" ของอักษรไทใหญ่ มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนอักษรชนิดใดเลย แต่คล้ายกับตัว"อ" ของอักษรมอญในจารึกภาษามอญที่เจดีย์ปีชเวชานดอ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 โดยทั่วไป ทฤษฎีที่อธิบายที่มาของอักษรไทใหญ่เป็นดังนี้
- มาจากอักษรทิเบตโดยผ่านอาณาจักรน่านเจ้า เพราะขาดอักษรตัวที่ 4 ของแต่ละวรรคเช่นเดียวกับอักษรทิเบต
- มาจากอินเดียตอนใต้ผ่านเมืองแปร เพราะไทใหญ่เคยมีอำนาจเหนือเมืองแปรช่วงหนึ่ง
- รับจากอักษรมอญโดยผ่านชาวลาว
- จากอินเดียใต้ผ่านอาณาจักรจามปา-กัมพูชาและเชียงแสนตามลำดับ
อักษรของชาวไทเหนือในเขตใต้คงเป็นตัวเหลี่ยมหรือลิ่กถั่วงอก มีหลักฐานว่าในสมัยราชวงศ์หมิง มีการตั้งสำนักงานหยีสี่เป้าเพื่อแปลเอกสารที่เขียนด้วยภาษาไทเหนือ แสดงว่าชาวไทใหญ่มีอักษรเป็นของตนเองมานาน
อักษรไทใหญ่มีพยัญชนะไม่ครบสำหรับเขียนภาษาบาลี ทำให้เป็นไปได้ว่าชาวไทใหญ่มีอักษรใช้ก่อนพุทธศาสนาจะเข้ามาถึง เมื่อได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ชาวไทใหญ่จึงรับอักษรพม่าเข้ามาใช้เขียนแทนเสียงที่อักษรไทใหญ่ไม่มี
เอกสารภาษาไทใหญ่ที่เก่าแก่และเขียนด้วยลิ่กถั่วงอกคือ พื้นศาสนาแสน ลิ่กถั่วงอกนี้ผอม รูปเหลี่ยม เอนซ้าย จากนั้นจึงพัฒนาการเขียนมาสู่ระบบกำเยน อักษรกลมมากขึ้น และเริ่มนำอักษรพม่ามาใช้ และเพิ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายต่าง ๆ ต่อมาจึงพัฒนาเป็นระบบตัวมน ซึ่งพบในชาวไทใหญ่ในรัฐฉาน ส่วนชาวไทมาวยังใช้อักษรแบบเดิม
เมื่อเข้าสู่พุทธศตวรรษที่ 24 วรรณกรรมภาษาไทใหญ่ได้รับอิทธิพลจากภาษาพม่ามากขึ้น มีการใช้ภาษาพม่าปะปนกับภาษาไทใหญ่มากขึ้น เมื่อมีการพิมพ์ไบเบิลภาษาไทใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2428 ตัวพิมพ์ของอักษรไทใหญ่มีลักษณะกลมมนคล้ายอักษรพม่ามากขึ้น และมีเครื่องหมายเฉพาะที่ต่างไปจากอักษรไทใหญ่ในคัมภีร์
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 รัฐบาลของสมาพันธรัฐไทใหญ่ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปอักษรไทใหญ่ที่เมืองตองจี และได้ปรับปรุงอักษรไทใหญ่ใหม่เรียกว่าใหม่สูงลิ่กไทย ต่อมาใน พ.ศ. 2512 สภาไทใหญ่ได้ปรับปรุงตัวอักษรใหม่อีก และใน พ.ศ. 2517 ก็มีการปรับปรุงอักษรไทใหญ่อีกชุดหนึ่งที่เมืองสีป้อ ทำให้มีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับอักษรไทใหญ่มากและยังหาข้อสรุปไม่ได้
อักษรไทใหญ่กับภาษาบาลี
[แก้]แต่เดิม ชาวไทใหญ่ใช้ลิ่กยวนเขียนภาษาบาลี ต่อมาพยายามเปลี่ยนมาใช้ลิ่กถั่วงอกและลิ่กตัวมน แต่อักษรไม่พอ ทำให้ไม่มีระบบการเขียนเป็นมาตรฐาน ต่อมาจึงมีการนำอักษรพม่ามาใช้เขียนภาษาบาลี ในปัจจุบัน ได้มีความพยายามที่จะเขียนภาษาบาลีด้วยอักษรไทใหญ่อีกครั้ง มีการจัดประชุมระหว่างพระสงฆ์ไทใหญ่และชาวไทใหญ่หลายครั้งเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2499 ใน พ.ศ. 2500 ที่ประชุมเสนอให้เขียนพระไตรปิฎกด้วยอักษรพม่าแล้วแปลเป็นภาษาไทใหญ่ที่เขียนด้วยอักษรไทใหญ่ แต่พระสงฆ์ไทใหญ่ก็ยังไม่พอใจ ใน พ.ศ. 2518 มีการจัดประชุมพระสงฆ์ไทใหญ่ที่เชียงใหม่ และได้มีการประดิษฐ์อักษรไทใหญ่สำหรับเขียนภาษาบาลี แต่ยังไม่มีระบบใดได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
พยัญชนะ
[แก้]พยัญชนะหลัก
[แก้]รูปอักษรไทใหญ่ | ชื่ออักษรในภาษาไทใหญ่ | เทียบรูปอักษรไทย | สัทอักษร | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
ၵ | ก้ะ ไก่ (ၵ ၵႆႇ) | ก | /k/ | |
ၶ | ข้ะ ไข่ (ၶ ၶႆႇ) | ข, ค | /kʰ/ | |
င | ง่ะ งู้ (င ငူး) | ง | /ŋ/ | งู้ (ငူး) แปลว่า งู ในภาษาไทย |
ၸ | จ้ะ จ้าง (ၸ ၸၢင်ႉ) | จ | /t͡s/, /s/ | จ้าง (ၸၢင်ႉ) แปลว่า ช้าง (ไม่มีเสียง ช ช้าง) |
သ | ส้ะ แสง (သ သႅင်) | ซ, ศ, ษ, ส | /sʰ/ | แสง (သႅင်) แปลว่า อัญมณี |
ၺ | ญ่ะ หญ่อง (ၺ ၺွင်ႇ) | ญ | /ɲ/ | เสียง /ญ/ ในที่นี้เป็นเสียงนาสิก (เสียงขึ้นจมูก) แบบเดียวกับที่ปรากฏในภาษาอีสาน ภาษาคำเมือง ไม่มีในภาษาไทย, หญ่อง (ၺွင်ႇ) แปลว่า ต้นโพธิ์ (มาจากภาษาพม่า ညောင်) |
တ | ต้ะ เต่า (တ တဝ်ႇ) | ฏ, ต | /t/ | |
ထ | ถ้ะ ไถ (ထ ထႆ) | ฐ, ถ, ท, ฑ | /tʰ/ | ไถ (ထႆ) แปลว่า คันไถ |
ၼ | น่ะ หนู (ၼ ၼူ) | น, ณ | /n/ | |
ပ | ป้ะ ป๋า (ပ ပႃ) | ป | /p/ | ป๋า (ပႃ) แปลว่า ปลา ในภาษาไทย (ไม่มีเสียง ล ควบกล้ำ) |
ၽ | ผ้ะ ผึ้ง (ၽ ၽိုင်ႈ) | ผ, พ | /pʰ/ | |
ၾ | ฟ่ะ ไฟ้ (ၾ ၾႆး) | ฝ, ฟ | /f/, /pʰ/ | ไฟ้ (ၾႆး) แปลว่า ไฟ |
မ | ม่ะ ม่า (မ မႃႉ) | ม | /m/ | ม่า (မႃႉ) แปลว่า ม้า |
ယ | ย่ะ ยุ้ง (ယ ယုင်း) | ย | /j/ | ยุ้ง (ယုင်း) แปลว่า ยุง |
ရ | ร่ะ ร่ะฮ้าน (ရ ရႁၢၼ်း) | ร | /r/, /l/ | ร่ะฮ้าน (ရႁၢၼ်း) แปลว่า พระสงฆ์, มาจากภาษาพม่า ရဟန်း, จากภาษาบาลี อรหนฺตฺ |
လ | ล่ะ ลิ้ง (လ လိင်း) | ล, ฦ, ฬ | /l/ | ลิ้ง (လိင်း) แปลว่า ลิง |
ဝ | ว่ะ เว้ง (เสียงสั้น) (ဝ ဝဵင်း) | ว | /w/ | เว้ง (ဝဵင်း) แปลว่า เวียง (ไม่มีเสียงสระเอีย) |
ႁ | ห้ะ หิ่ง (ႁ ႁိင်ႇ) | ห, ฮ | /h/ | หิ่ง (ႁိင်ႇ) แปลว่า ระฆัง |
ဢ | อ้ะ อ่าง (ဢ ဢၢင်ႇ) | อ | /ʔ/ |
พยัญชนะเสริม
[แก้]รูปอักษรไทใหญ่ | ชื่ออักษรในภาษาไทใหญ่ | เทียบรูปอักษรไทย | สัทอักษร | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
ၷ | ก้ะ | ค | /ɡ/ | ก ก้อง คำยืมจากพม่า ไม่มีในภาษาไทย |
ꧠ | ค้ะ | ฆ | /gh/ | อักษรนี้ถูกสร้างมาเพื่อเขียนบาลีในอรรถาธิบายพุทธศาสนา |
ꧡ | ช้ะ | ฉ | /ch/ | อักษรนี้ถูกสร้างมาเพื่อเขียนบาลีในอรรถาธิบายพุทธศาสนา |
ꧢ | ช้ะ | ฌ | /jh/ | อักษรนี้ถูกสร้างมาเพื่อเขียนบาลีในอรรถาธิบายพุทธศาสนา |
ꧣ | น้ะ | ณ | /ṇ/ | อักษรนี้ถูกสร้างมาเพื่อเขียนบาลีในอรรถาธิบายพุทธศาสนา |
ꧤ | พ้ะ | ภ | /bh/ | อักษรนี้ถูกสร้างมาเพื่อเขียนบาลีในอรรถาธิบายพุทธศาสนา |
ၿ | บ้ะ | บ | /b/ | คำยืมจากไทยและพม่า |
ၻ | ด้ะ | ด | /d/ | คำยืมจากไทยและพม่า |
ႀ | ธ้ะ | ธ | /θ/ | ส แลบลิ้น คำยืมจากพม่า ไม่มีในภาษาไทย |
ၹ | ซะ | ซ | /z/ | ซ ก้อง ไม่มีในภาษาไทย |
สระ
[แก้]สระเสียงหลัก มี 12 รูป
รูปสระ | ตัวอย่างการผสมสระ | ชื่อสระในภาษาไทใหญ่ | เทียบรูปสระไทย | สัทอักษร | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
- | ၵ | อ๋ะ | ะ | ||
ႃ | ၵႃ | อ๋า | า | ||
ိ | ၵိ | อิ๋ | ิ | ||
ီ | ၵီ | อี๋ | ี | ||
ု | ၵု | อุ๋ | ุ | ||
ူ | ၵူ | อู๋ | ู | ||
ေ | ၵေ | เอ๋ | เ | ||
ႄ | ၵႄ | แอ๋ | แ | ||
ူဝ် | ၵူဝ် | โอ๋ | โ | ||
ေႃ | ၵေႃ | อ๋อ | ออ | ||
ိုဝ် | ၵိုဝ် | อื๋อ | ื | ||
ိူဝ် | ၵိူဝ် | เอ๋อ | เ-อ |
วรรณยุกต์
[แก้]วรรณยุกต์ในภาษาไทใหญ่มี 5 รูป 6 เสียง
รูปวรรณยุกต์ | ชื่อวรรณยุกต์ในภาษาไทใหญ่ | เสียงวรรณยุกต์ |
---|---|---|
- | เป่า | เสียงจัตวา |
ႇ | ยัก | เสียงเอก |
ႈ | ยักจ้ำ | เสียงสามัญท้ายโท |
း | จ้ำหน้า | เสียงสามัญท้ายตรี |
ႉ | จ้ำใต้ (จ้ำต้ะ-อึ) | เสียงโทสั้น |
ႊ | ยักขึ้น | เสียงสามัญ |
ยูนิโคด
[แก้]อักษรไทใหญ่ในยูนิโคด ใช้รหัสช่วงเดียวกันกับอักษรพม่า เพียงแต่มีส่วนขยายของอักษรไทใหญ่เพิ่มขึ้นมาจากอักษรพม่าตามปกติ
พม่า Unicode.org chart (PDF) | ||||||||||||||||
0 | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | A | B | C | D | E | F | |
U+100x | က | ခ | ဂ | ဃ | င | စ | ဆ | ဇ | ဈ | ဉ | ည | ဋ | ဌ | ဍ | ဎ | ဏ |
U+101x | တ | ထ | ဒ | ဓ | န | ပ | ဖ | ဗ | ဘ | မ | ယ | ရ | လ | ဝ | သ | ဟ |
U+102x | ဠ | အ | ဢ | ဣ | ဤ | ဥ | ဦ | ဧ | ဨ | ဩ | ဪ | ါ | ာ | ိ | ီ | ု |
U+103x | ူ | ေ | ဲ | ဳ | ဴ | ဵ | ံ | ့ | း | ္ | ် | ျ | ြ | ွ | ှ | ဿ |
U+104x | ၀ | ၁ | ၂ | ၃ | ၄ | ၅ | ၆ | ၇ | ၈ | ၉ | ၊ | ။ | ၌ | ၍ | ၎ | ၏ |
U+105x | ၐ | ၑ | ၒ | ၓ | ၔ | ၕ | ၖ | ၗ | ၘ | ၙ | ၚ | ၛ | ၜ | ၝ | ၞ | ၟ |
U+106x | ၠ | ၡ | ၢ | ၣ | ၤ | ၥ | ၦ | ၧ | ၨ | ၩ | ၪ | ၫ | ၬ | ၭ | ၮ | ၯ |
U+107x | ၰ | ၱ | ၲ | ၳ | ၴ | ၵ | ၶ | ၷ | ၸ | ၹ | ၺ | ၻ | ၼ | ၽ | ၾ | ၿ |
U+108x | ႀ | ႁ | ႂ | ႃ | ႄ | ႅ | ႆ | ႇ | ႈ | ႉ | ႊ | ႋ | ႌ | ႍ | ႎ | ႏ |
U+109x | ႐ | ႑ | ႒ | ႓ | ႔ | ႕ | ႖ | ႗ | ႘ | ႙ | ႚ | ႛ | ႜ | ႝ | ႞ | ႟ |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Diringer, David (1948). Alphabet a key to the history of mankind. p. 411.
- ยรรยง จิระนคร (เจีย แยนจอง). คนไทไม่ใช่คนไทย แต่เป็นเครือญาติชาติภาษา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มติน, 2548. ISBN 974-323-484-5
- ซาย คำเมือง. อักษรไทใหญ่และพัฒนาการของอักษรไทใหญ่ในพม่า. ใน การศึกษาประวัติศาสตร์และวรรณกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ไท, สรัสวดี อ๋องสกุล และ โยซิซูกิ มาซูฮารา, บรรณาธิการ. หนังสือรวมผลงานวิชาการประชุมนานาชาติไทศึกษา 22-23 มีนาคม 2544 ที่ จ. เชียงใหม่ หน้า 427 - 451
- ยูนิโคดอักษรบาลีไทใหญ่
- บล็อกของนายช่างปลูกเรือน
- BlogGang.com : : นายช่างปลูกเรือน - พยัญชนะไทใหญ่