ข้ามไปเนื้อหา

อักษรไทยฝักขาม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อักษรฝักขาม
รายละเอียดอักษรฝักขามในจารึกวัดเชียงมั่น (CM1)
ชนิด
ช่วงยุค
ประมาณ ค.ศ. 1400 - 1600[1]
ทิศทางซ้ายไปขวา
ภาษาพูดภาษาไทยถิ่นเหนือ, และอื่น ๆ
อักษรที่เกี่ยวข้อง
ระบบแม่
ระบบลูก
ไทน้อย,[1] ไทญ้อ, ไทยนิเทศ
 บทความนี้ประกอบด้วยสัญกรณ์การออกเสียงในสัทอักษรสากล (IPA) สำหรับคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับสัญลักษณ์ IPA โปรดดู วิธีใช้:สัทอักษรสากล สำหรับความแตกต่างระหว่าง [ ], / / และ ⟨ ⟩ ดูที่ สัทอักษรสากล § วงเล็บเหลี่ยมและทับ

อักษรไทยฝักขาม อักษรฝักขาม หรืออักษรไทยล้านนา[2] เป็นอักษรไทยที่เคยใช้ในดินแดนล้านนา เชียงตุง และสิบสองปันนา คาดว่าพัฒนาไปจากอักษรไทยสมัยสุโขทัย และแพร่หลายเข้าสู่ล้านนาในสมัยพญาลิไท พบจารึกภาษาไทยเขียนด้วยอักษรฝักขามในล้านนาชิ้นแรกคือจารึกวัดพระยืน อายุราว พ.ศ. 1954[3] ถือว่าเป็นจารึกอักษรไทยที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในล้านนา โดยทั่วไปมักปรากฏอักษรฝักขามในจารึกใบเสมา หรือฐานพระพุทธรูป ตามวัดต่าง ๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการพระราชทานกัลปนาและบูรณะวัดโดยกษัตริย์หรือเจ้าครองนคร[2]

ในดินแดนล้านนา อักษรฝักขามเป็นอักษรหลักอีกชนิดหนึ่งที่มีการใช้ควบคู่ไปกับอักษรธรรมล้านนา และต่อมาก็ได้เป็นต้นแบบให้อักษรไทยนิเทศ ซึ่งเป็นอักษรลูกผสมระหว่างอักษรฝักขามและอักษรธรรมล้านนา[2] มีผู้เสนอว่าอักษรฝักขามอาจเป็นต้นแบบให้อักษรไทน้อยและอักษรลาวโบราณ เนื่องจากมีรูปทรงอักษรและอักขรวิธีที่ใกล้เคียงกันมาก (มากกว่าอักษรไทยฝ่ายอยุธยา) ทั้งอาณาจักรล้านนาและล้านช้างก็เคยมีสัมพันธไมตรีต่อกัน[4] อย่างไรก็ดี ข้อมูลส่วนนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกัน นอกจากนี้อักษรฝักขามยังเป็นต้นแบบของอักษรเง่อันในประเทศเวียดนามด้วย

ในทางศาสนา อักษรฝักขามเป็นอักษรที่ใช้ในหมู่พระภิกษุนิกายลังกาวงศ์เก่า ส่วนอักษรธรรมใช้ในหมู่พระภิกษุนิกายลังกาวงศ์ใหม่ ในสมัยพระเจ้าติโลกราชขึ้นเสวยราชย์เมื่อ พ.ศ. 1984 ทรงสนับสนุนนิกายลังกาวงศ์ใหม่ และน่าจะเริ่มมีจารึกด้วยอักษรธรรมในรัชกาลนี้ เมื่อสิ้นรัชกาล กษัตริย์เชียงใหม่องค์ต่อมาให้ประชาชนนับถือศาสนาตามใจชอบ ทำให้ฟื้นฟูนิกายลังกาวงศ์เก่าขึ้นมาอีกและใช้อักษรฝักขามอีกครั้ง จนกระทั่งหลัง พ.ศ. 2000 นิกายลังกาวงศ์ใหม่ฟื้นฟูการเขียนคัมภีร์ทางศาสนาด้วยอักษรธรรมประกอบกับเป็นช่วงที่ล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ล้านนาจึงใช้อักษรธรรมเป็นหลักเรื่อยมา

ภายหลังล้านนาเป็นประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่ พ.ศ. 2325 สมัยพระเจ้ากาวิละเป็นต้นมาได้มีการฟื้นฟูอักษรฝักขามขึ้นใช้อีก โดยมักพบเป็นจารึกการกัลปนาและบูรณะวัดต่าง ๆ ในเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง โดยมีจารึกสำคัญคือจารึกวัดพระธาตุลำปางหลวง หลักที่ 3 จารึกเมื่อปี พ.ศ. 2339[5] จารึกในยุคนี้มีอักขรวิธีที่ได้รับอิทธิพลจากอักษรธรรมล้านนามาหลายประการ และค่อนข้างคล้ายคลึงกับอักขรวิธีของอักษรไทยนิเทศ ภายหลังปี พ.ศ. 2400 ยังมีจารึกอักษรฝักขามอยู่บ้าง เช่น จารึกบนฆ้องกังสดาล ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย พ.ศ. 2403[6] และจารึกหน้าอุโบสถวัดเชตุพน ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2459 ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ถวายเงินบูรณะวัด[7] อนึ่ง ในปี พ.ศ. 2522 ได้มีการจัดทำจารึกอักษรฝักขามเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร[7]

รูปพยัญชนะ

[แก้]

อักษรฝักขามมีพยัญชนะ 41 ตัว, สระ 22 ตัว, ตัวเลข 10 ตัว และเครื่องหมายเสริมสัทอักษร 6 แบบ[8]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Lorrillard, Michel (Jan 2004). "The Diffusion of Lao Scripts. The literary heritage of Laos". {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)
  2. 2.0 2.1 2.2 กรรณิการ์, วิมลเกษม (2527). อักษรฝักขามที่พบในศิลาจารึกภาคเหนือ. บุรินทร์การพิมพ์.
  3. "จารึกวัดพระยืน". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
  4. Lorrillard, Michel (2005). "The Diffusion of Lao Scripts". The Literary Heritage of Laos: Preservation, Dissemination, Research Perspectives (Collected Papers in Lao, Thai and English from the International Conference in Vientiane, 8–10 January 2004). Vientiane: The National Library of Laos. pp. 366–372.
  5. "จารึกวัดพระธาตุลำปางหลวง 3". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
  6. "จารึกกังสดาล". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
  7. 7.0 7.1 "จารึกอักษรฝักขาม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง". กรมศิลปากร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
  8. Vimonkasam, Kannika (1981). "Fakkham scripts found in Northern Thai inscriptions". {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)