ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี
ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี Surat Thani International Airport | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี | |||||||||||
ข้อมูลสำคัญ | |||||||||||
การใช้งาน | สาธารณะ / ทหาร | ||||||||||
ผู้ดำเนินงาน | กรมท่าอากาศยาน | ||||||||||
พื้นที่บริการ | จังหวัดสุราษฎร์ธานี | ||||||||||
สถานที่ตั้ง | เลขที่ 73 หมู่ที่ 3 ตำบลหัวเตย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี | ||||||||||
ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล | 6.1 เมตร / 20 ฟุต | ||||||||||
พิกัด | 09°07′57″N 99°08′08″E / 9.13250°N 99.13556°Eพิกัดภูมิศาสตร์: 09°07′57″N 99°08′08″E / 9.13250°N 99.13556°E | ||||||||||
เว็บไซต์ | https://minisite.airports.go.th/suratthani/ | ||||||||||
แผนที่ | |||||||||||
ทางวิ่ง | |||||||||||
| |||||||||||
สถิติ (2562) | |||||||||||
| |||||||||||
แหล่งข้อมูล: http://www.airports.go.th |
ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี (IATA: URT, ICAO: VTSB) ตั้งอยู่ในตำบลหัวเตย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากบ้านดอนประมาณ 26 กิโลเมตร โดยใช้พื้นที่ร่วมกับกองทัพอากาศ (กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี) ซึ่งเป็นท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม[1] และได้ประกาศท่าอากาศยานศุลกากรเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2534[2]
ประวัติ[แก้]
ท่าอากาศยานเดิมที่บ้านดอนนก[แก้]
ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีเดิมนั้นตั้งอยู่ที่บ้านดอนนก ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร โดยมีกรมการขนส่ง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยมีทางวิ่งขนาดกว้าง 60 เมตร ยาว 800 เมตร ผิวพื้นลูกรัง ต่อมากองทัพอากาศได้ขอปรับปรุงท่าอากาศยานแห่งนี้เพื่อใช้ในกิจการกองทัพอากาศด้วย โดยปรับปรุงเป็นขนาด 60 X 1,000 เมตร สามารถรับน้ำหนักได้เพียงเครื่องบินเล็ก แบบดักลาส ดีซี-3
ในปี พ.ศ. 2514 กรมการบินพาณิชย์ (กรมท่าอากาศยานในปัจจุบัน) ได้พิจารณาเห็นว่าเมื่อบริษัท เดินอากาศไทย จำกัดได้เปลี่ยนเครื่องบินเป็นแบบ แอฟโร่ 748 จึงควรที่จะได้ปรับปรุงท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีให้สามารถรับเครื่องบินแบบนี้ได้ เพื่อจะได้เปิดบริการการขนส่งทางอากาศในจังหวัดต่อไป
หลังจากนั้น กรมการบินพาณิชย์ (กรมท่าอากาศยาน) ได้ว่าจ้าง บริษัท วิศวกรไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ทำการสำรวจศึกษาและพิจารณาเลือกบริเวณจุดที่ตั้งท่าอากาศยานใหม่ที่เหมาะสม เนื่องจากท่าอากาศยานเดิมอยู่ในเขตชุมชนกลางเมือง รวมทั้งการออกแบบเพื่อการก่อสร้างท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี หากสามารถทำได้ท่าอากาศยานที่จะก่อสร้างใหม่ควรจะอยู่ในจุดที่ตั้งที่สามารถจะให้บริการแก่ประชาชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราชได้โดยสะดวกทั้งสองจังหวัด และให้สามารถรองรับเครื่องบินไอพ่นขนาดกลาง ซึ่งบริษัท เดินอากาศไทย จำกัดมีแผนที่จะนำมาใช้ด้วย
จากผลการสำรวจศึกษาของบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ได้พิจารณาเลือกบริเวณจุดที่ตั้งท่าอากาศยานทั้งหมดรวม 6 แห่ง ปรากฏว่ามีเพียง 3 แห่ง ที่สมควรจะเลือกเป็นที่ก่อสร้างท่าอากาศยาน ส่วนบริเวณเขตติดต่อระหว่าง 2 จังหวัดไม่มีที่เหมาะสมจะใช้เป็นที่ก่อสร้างท่าอากาศยานได้ ในจำนวนนี้ 2 แห่ง อยู่ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีและอีกแห่งหนึ่งอยู่ในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช คือ
- บริเวณบ้านดอนนก (ท่าอากาศยานของกรมการขนส่งเดิม)
- บริเวณบ้านม่วงเรียง ตำบลหัวเตย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นท่าอากาศยานเดิม และกองทัพอากาศ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่แล้ว
- บริเวณบ้านชะเอียน เป็นท่าอากาศยานของกองทัพบกจังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันใช้ได้กับเครื่องบินขนาดเล็กในราชการของกองทัพบก
จากการเปรียบเทียบข้อได้เปรียบเสียเปรียบจุดต่างๆ สำหรับเลือกเป็นที่ก่อสร้างท่าอากาศยาน โดยได้พิจารณาถึงในด้านวิศวกรรมการก่อสร้างท่าอากาศยาน ด้านเศรษฐกิจและสภาวะแวดล้อมแล้ว เห็นว่าบริเวณที่จะใช้เป็นที่ก่อสร้างท่าอากาศยานพาณิชย์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ บริเวณบ้านม่วงเรียง ตำบลหัวเตย อำเภอพุนพิน เป็นที่เหมาะสมที่สุด กล่าวคือ เป็นท่าอากาศยานเดิมของกองทัพอากาศ ซึ่งสร้างไว้เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองและได้เลิกใช้ไป มีเนื้อที่ประมาณ 3,026 ไร่ จะต้องจัดหาที่เพิ่มเติมอีกไม่มากนัก ราคาที่ดินก็ไม่สูงเกินไป บริเวณโดยรอบไม่มีสิ่งกีดขวางหรืออุปสรรคต่อการขึ้นลงของเครื่องบินและการติดตั้งเครื่องช่วยในการเดินอากาศ สภาพพื้นดินเหมาะสมที่จะใช้เป็นที่ก่อสร้างท่าอากาศยาน และลงทุนต่ำกว่าแห่งอื่นๆ นอกจากนั้น ยังสามารถจะขยายท่าอากาศยานนี้ออกไปในอนาคตได้ง่าย[3]
ท่าอากาศยานในพื้นที่ปัจจุบัน[แก้]
กรมการบินพาณิชย์ (กรมท่าอากาศยานในปัจจุบัน) จึงได้เห็นชอบในการเลือกจุดที่ตั้งท่าอากาศยานที่ ตำบลหัวเตย และให้บริษัทที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดสำหรับการก่อสร้าง พร้อมทั้งได้เสนอโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีนี้ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะที่ 3 (พ.ศ. 2515 - 2519) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้พิจารณาและเห็นว่า ควรจะศึกษาความเหมาะสมในด้านเศรษฐกิจและความต้องการใช้ท่าอากาศยานของจังหวัดนี้และจังหวัดใกล้เคียงให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2516 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ระงับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีไว้ก่อน โดยนำงบประมาณตามโครงการนี้ไปดำเนินการที่ท่าอากาศยานภูเก็ตแทน
ในปี พ.ศ. 2518 ราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร้องขอให้รัฐบาลพิจารณาปรับปรุงท่าอากาศยานเพื่อเปิดการบินพาณิชย์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยด่วน กรมการบินพาณิชย์ (กรมท่าอากาศยาน) จึงได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ เห็นว่าควรจะก่อสร้างท่าอากาศยานสำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้น เพื่อให้บริการประชาชนและใช้เป็นท่าอากาศยานสำรองของท่าอากาศยานหาดใหญ่และภูเก็ต สำหรับเครื่องบินสายภายในประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดด้วย ทั้งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากจังหวัดมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ผลผลิตต่างๆ ของจังหวัดมีมาก ไม่ว่าจะเป็น ด้านการเกษตร การประมง ป่าไม้ เหมืองแร่ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ด้านการคมนาคมมีประชาชนทั้งในประเทศและชาวต่างประเทศเริ่มเดินทางไปทัศนาจรที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมก็มีความประสงค์ที่จะปรับปรุงสนามบินม่วงเรียง ที่ตำบลหัวเตย เพื่อใช้เป็นที่ตั้ง กองบินในภาคใต้ ของกองทัพอากาศ กรมการบินพาณิชย์ (กรมท่าอากาศยาน)จึงเห็นว่าหากก่อสร้างท่าอากาศยานที่สามารถใช้ร่วมกันระหว่างกิจการบินพาณิชย์และกิจการทหารด้วยแล้ว ก็จะเป็นการประหยัดงบประมาณได้มาก ดังนั้นจึงได้ตกลงเลือกสถานที่ก่อสร้างท่าอากาศยานของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตำบลหัวเตย อำเภอพุนพิน ซึ่งมีระยะทางห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 26 กิโลเมตร
กรมการบินพาณิชย์ (กรมท่าอากาศยาน) ได้ปรับปรุงแก้ไขแบบก่อสร้าง ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้จัดทำไว้เดิมให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน และได้เสนอโครงการนี้ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะที่ 4 (พ.ศ. 2520 -2524) ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ให้กรมการบินพานิชย์ (กรมท่าอากาศยาน) ดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2521 โดยเป็นการก่อสร้างทางวิ่งขนาดกว้าง 45 เมตร และยาว 2,500 เมตร พร้อมอาคารผู้โดยสารและหอบังคับการบิน
ต่อมาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ได้เปิดทำการและเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2524 ระยะแรกเปิดทำการบินเส้นทางระหว่าง กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่ - สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ และเส้นทาง กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี – ภูเก็ต – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 4 วัน ด้วยเครื่องบินแบบ แอฟโร่ 748 และ โบอิง 737 ต่อมาได้มีการเพิ่มเที่ยวบินที่มีความจุมากขึ้น ตามจำนวนผู้โดยสารและสินค้า ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี
ต่อมากรมท่าอากาศยานได้ประกาศให้ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีเป็นท่าอากาศยานศุลกากรตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2534[2] และระหว่างปี พ.ศ. 2534 – พ.ศ. 2539 มีเที่ยวบินเช่าเหมาจากประเทศเยอรมนี สิงคโปร์ จีน และเกาหลี นำนักท่องเที่ยวมายังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดคึกคักมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนในปี พ.ศ. 2539 กรมการบินพาณิชย์ (กรมท่าอากาศยาน) ได้ต่อเติมความยาวทางวิ่งเพิ่มอีก 500 เมตร พร้อมเสริมผิวทางวิ่ง ทางขับขยายลานจอดอากาศยาน ติดตั้งเครื่องช่วยการเดินอากาศและระบบไฟฟ้าสนามบินเพิ่มเติม ทำให้มีความยาวทางวิ่งรวม 3,000 เมตร สามารถรองรับอากาศยานพานิชย์แบบเครื่องยนต์ไอพ่นขนาดกลางซึ่งมีความจุประมาณ 300 ที่นั่งได้ รวมทั้งสามารถให้บริการอากาศยานทางทหารได้อย่างปลอดภัย[3]
ในปี พ.ศ. 2564 กรมท่าอากาศยานมีแผนพัฒนาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ที่ได้รับงบประมาณในปี 63-66 ดังนี้[4]
- งานขยายลานจอดอากาศยาน พร้อมระบบไฟฟ้าท่าอากาศยาน และติดตั้งสะพานเทียบอากาศยานพร้อมระบบนำจอด เพื่อให้สามารถรองรับอากาศยาน B737 จากเดิม 5 ลำ ให้สามารถรองรับทั้งหมดได้ 11 ลำ ในเวลาเดียวกัน
- งานนำระบบสายไฟลงใต้ดิน
- งานปรับปรุงขยายอาคารที่พักผู้โดยสารให้สามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน จากเดิม 800 คนต่อชั่วโมง หรือ 2.3 ล้านคนต่อปี เป็น 1,400 คนต่อชั่วโมง หรือ 3.5 ล้านคนต่อปี และสามารถจอดรถยนต์ได้ 700 คัน
- งานก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่ง ก่อสร้างทางขับขนานพร้อมระบบไฟฟ้า
- งานก่อสร้างศูนย์ขนส่งผู้โดยสารและปรับปรุงลานจอดรถยนต์ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี
อาคารสถานที่[แก้]
อาคารผู้โดยสาร[แก้]
- มีอาคารผู้โดยสาร 1 หลัง พื้นที่ 14,196 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารขาเข้าและขาออกได้ 784 คนต่อชั่วโมง รองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 6,272 คนต่อวัน
- ลานจอดเครื่องบินมีพื้นที่ 120×375 เมตร รองรับเครื่องบินได้ 40 เที่ยวบินต่อวัน มีหลุมจอดเครื่องบิน 5 หลุม และหลุมจอดเฮลิคอปเตอร์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เมตร 4 หลุม[5]
ทางวิ่ง (รันเวย์) และทางขับ (แท็กซี่เวย์)[แก้]
ทางวิ่งของท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานีมี 1 เส้น พื้นผิวแอสฟัลติกคอนกรีต (asphaltic-concrete) ความกว้าง 45 เมตร และมีความยาว 3,000 เมตร พร้อมพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง (blastpads) ขนาดกว้างข้างละ 60 เมตร และความยาวข้างละ 75 เมตร โดยการบินพลเรือนกับการบินทหารใช้ทางวิ่งร่วมกัน[5]
ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานีมีทางขับสู่ลานจอด 2 เส้น โดยมีความกว้างเส้นละ 25 เมตร และมีความยาวเส้นละ 275 เมตร โดยอีก 8 เส้นเป็นทางขับฝั่งกองทัพอากาศ[5]
แผนการพัฒนาท่าอากาศยาน[แก้]
ปลายปี พ.ศ. 2563 กรมท่าอากาศยานมีแผนที่จะก่อสร้างศูนย์ขนส่งผู้โดยสาร และปรับปรุงลานจอดรถยนต์ภายในท่าอากาศยานต่างๆ ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้เชื่อมต่อการเดินทางจากทางอากาศไปทางบกแบบไร้รอยต่อ โดยในปี พ.ศ. 2564 ได้มีแผนนำร่องก่อสร้างก่อนที่ท่าอากาศยาน 2 แห่ง ได้แก่ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี และท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี[6]
รายชื่อสายการบิน[แก้]
รายชื่อสายการบินที่ให้บริการ[แก้]
สายการบิน | จุดหมายปลายทาง[7] | หมายเหตุ |
---|---|---|
ไทยสมายล์ | กรุงเทพฯ–สุวรรณภูมิ | ภายในประเทศ |
ไทยไลอ้อนแอร์ | กรุงเทพฯ–ดอนเมือง | ภายในประเทศ |
ไทยเวียดเจ็ทแอร์ | กรุงเทพฯ–สุวรรณภูมิ | ภายในประเทศ |
ไทยแอร์เอเชีย | กรุงเทพฯ–ดอนเมือง, เชียงใหม่ | ภายในประเทศ |
นกแอร์ | กรุงเทพฯ–ดอนเมือง | ภายในประเทศ |
สปริงแอร์ไลน์ | เฉิงตู | ระหว่างประเทศ |
รายชื่อสายการบินที่เคยให้บริการ[แก้]
สายการบิน | จุดหมายปลายทาง | หมายเหตุ |
---|---|---|
เดินอากาศไทย | กรุงเทพฯ–ดอนเมือง, กรุงเทพฯ–ดอนเมืองผ่านภูเก็ต, กรุงเทพฯ–ดอนเมืองผ่านหาดใหญ่[3] | ภายในประเทศ |
การบินไทย | กรุงเทพฯ–ดอนเมือง, กรุงเทพฯ–สุวรรณภูมิ | ภายในประเทศ |
นอร์ดวินด์แอร์ไลน์ | เช่าเหมาลำเฉพาะฤดูกาล: ครัสโนยาสค์, โนโวซีบีสค์, มอสโก–เชเรเมเตียโว[8] | ระหว่างประเทศ |
ไทยไลอ้อนแอร์ | เชียงใหม่, หาดใหญ่ | ภายในประเทศ |
ไทยแอร์เอเชีย | กรุงเทพ-สุวรรณภูมิ | ภายในประเทศ |
มาลินโดแอร์ | กัวลาลัมเปอร์-สุบัง | ระหว่างประเทศ |
แอร์เอเชีย | กัวลาลัมเปอร์ | ระหว่างประเทศ |
สถิติ[แก้]
ข้อมูลสถิติการขนส่งทางอากาศ[แก้]
ปี (พ.ศ.) | ผู้โดยสาร | ความเปลี่ยนแปลง | จำนวนเที่ยวบิน | คาร์โก้ (ตัน) |
---|---|---|---|---|
2544 | 180,621 | 1,531 | 4,646.35 | |
2545 | 163,321 | ![]() |
1,510 | 2,472.06 |
2546 | 162,661 | ![]() |
1,518 | 2,070.01 |
2547 | 202,250 | ![]() |
1,629 | 1,858.76 |
2548 | 206,342 | ![]() |
1,793 | 1,698.92 |
2549 | 291,094 | ![]() |
2,812 | 1,412.82 |
2550 | 359,467 | ![]() |
3,316 | 1,061.95 |
2551 | 344,748 | ![]() |
2,904 | 1,464.76 |
2552 | 394,096 | ![]() |
3,266 | 1,301.99 |
2553 | 505,776 | ![]() |
4,460 | 1,152.31 |
2554 | 595,184 | ![]() |
5,251 | 1,369.13 |
2555 | 816,484 | ![]() |
6,308 | 1,541.00 |
2556 | 1,080,508 | ![]() |
8,457 | 1,568.07 |
2557 | 1,319,660 | ![]() |
10,175 | 1,571.29 |
2558 | 1,856,315 | ![]() |
13,257 | 1,601.26 |
2559 | 2,032,042 | ![]() |
13,813 | 1,575.77 |
2560 | 2,247,344 | ![]() |
15,396 | 1,036.80 |
2561 | 2,108,289 | ![]() |
14,000 | 1,144.99 |
2562 | 1,864,997 | ![]() |
12,340 | 829.87 |
การเดินทางสู่ท่าอากาศยาน[แก้]
ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 30 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่ห่างจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร และมีลานจอดรถความจุประมาณ 550 คัน
อุบัติเหตุ[แก้]
- การบินไทย เที่ยวบินที่ 261 เดินทางจากกรุงเทพมหานคร มายังสุราษฎร์ธานี ด้วยเครื่องบินรุ่น แอร์บัส เอ 310 ทะเบียน HS-TIA เกิดเหตุเครื่องบินตกในป่ายาง ใกล้ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิต 101 คน และ บาดเจ็บสาหัส 45 คน
ดูเพิ่ม[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี |
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี |
- รายชื่อท่าอากาศยานในประเทศไทย
- กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "รายชื่อท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยาน". กรมท่าอากาศยาน. สืบค้นเมื่อ 22 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 2.0 2.1 "รายชื่อท่าอากาศยานศุลกากร". กรมท่าอากาศยาน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-03-10. สืบค้นเมื่อ 22 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 3.0 3.1 3.2 "ประวัติความเป็นมาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี". กรมท่าอากาศยาน. สืบค้นเมื่อ 24 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "เปิดแผนพัฒนา "สนามบินสุราษฎร์ฯ" 5 โปรเจกต์". เดลินิวส์. 18 มกราคม 2564. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ 5.0 5.1 5.2 "ข้อมูลทั่วไปของท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี". กรมท่าอากาศยาน. สืบค้นเมื่อ 24 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ผุดศูนย์ขนส่งผู้โดยสารสนามบิน เริ่มที่ "สุราษฎร์-อุบลฯ"". เดลินิวส์. 7 ธันวาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 25 พฤษภาคม 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "รายชื่อสายการบินที่ทำการบินมาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี". กรมท่าอากาศยาน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-01. สืบค้นเมื่อ 22 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "Surat Thani, Thailand gains first intercontinental route". ch-aviation.com. 22 พฤศจิกายน 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ "ข้อมูลสถิติท่าอากาศยานสังกัดกรมท่าอากาศยาน". กรมท่าอากาศยาน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-03-10. สืบค้นเมื่อ 25 พฤษภาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)