ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษาผู้ไท"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
|||
บรรทัด 101: | บรรทัด 101: | ||
* เมื่อมีสระเสียงสั้น พยางค์ประกอบด้วยพยัญชนะต้น สระ, วรรณยุกต์ และพยัญชนะตัวสะกด |
* เมื่อมีสระเสียงสั้น พยางค์ประกอบด้วยพยัญชนะต้น สระ, วรรณยุกต์ และพยัญชนะตัวสะกด |
||
ลักษณะเด่นของภาษาผู้ไท |
|||
1. พยัญชนะ "ข" ในภาษาไทยและลาว-อีสานบางคำ ออกเสียงเป็น "ห" เช่น |
|||
ลักษณะเด่นอื่น ๆ ของภาษาผู้ไท มีดังนี้ |
|||
แขน = แหน |
|||
ขา = หา |
|||
เข็ม = เห็ม |
|||
เข้า = เห้า |
|||
ข้าว = เห้า |
|||
ขาด = หาด |
|||
ขัน = หัน (ขันน็อต,ไก่ขัน) |
|||
ขอด (มัด) = หอด |
|||
เขี้ยว (ฟัน) = แห้ว |
|||
ขัดข้อง (ยุ่งเหยิง) = ห้อง |
|||
ของ = หอง |
|||
ขึ้น = หึ้น |
|||
เขียง = เหง |
|||
ข้อมือ,ข้อเท้า = ห้อมือ, ห้อตีน |
|||
2. สระ "ใ" ในภาษาไทยจำนวน 15 คำ (อีก 4 คำ คือ ใฝ่,ใคร่,หลงใหล,ใช่ ไม่มีในภาษาผู้ไท ส่วนคำว่า ใส ใช้เหมือนกันกับภาษาไทย) ออกเสียงเป็น "เออ" และสระ "ไ" บางคำก็ออกเสียงเป็น "เออ" เช่น |
|||
*เสียงท้ายคำถาม |
|||
ใหญ่ = เหญ่อ |
|||
** เผอ, ผิเหลอ, ผะเหลอ = อะไร |
|||
ใหม่ = เหม่อ |
|||
*: "ผะเหลอนี่หน่า" = นี่คืออะไร |
|||
ให้ = เห้อ |
|||
*: "เว้าผะเหลอว่ะ" = พูดอะไรน่ะ |
|||
ลูกสะใภ้ = ลุเภ้อ |
|||
*: "จักผะเหลอ" = ไม่รู้อะไร |
|||
ใจ = เจอ,หูเจอ |
|||
** เพ่อ, ผู้เล่อ = ใคร |
|||
ใช้ = เซ้อ |
|||
*: "แม้ล่ะไป๋เย่มเพ่อ" = แม่จะไปเยี่ยมใคร |
|||
ใด,ไร = เลอ |
|||
*: "ผู้เล่อล่ะไป๋กับข้อยแด่" = ใครจะไปกับผมบ้าง |
|||
ใส่ = เส่อ |
|||
** ซิเล่อ,เนอะเห่อ,ม่องเล่อ = ที่ไหน |
|||
ใคร = เพอ |
|||
*: "เพิ้น ล่ะ ไป๋ ซิ เล่อ" = เขาจะไปไหน |
|||
ใบ = เบอ |
|||
*: "เจ้ายู่ม่องเล่อหว่ะ" = คุณอยู่ที่ไหนน่ะ |
|||
ใต้ =เต้อ |
|||
** มิ = ไม่ |
|||
ใบ้ = เบ้อ |
|||
*: "ไป๋ฮึมิไป๋" = ไปหรือไม่ไป |
|||
ใย = เยอ |
|||
*: "มิได้" = ไม่ได้,ไม่มี |
|||
ไหม (ปรับ) = เหมอ |
|||
* สระประสมในภาษาไทยถิ่นอื่น มักเป็นสระเดี่ยวในภาษาผู้ไท |
|||
ตะไคร, หัวสิงไค = โหซิเคอ |
|||
** สระ เอีย เป็น เอ |
|||
ไต = เตอ |
|||
*: กระเทียม - กะเท่ม |
|||
*: โรงเรียน - โฮงเฮน,โลงเลน |
|||
3. ภาษาผู้ไทใช้แต่เพียงสระเดี่ยว ไม่มีสระผสม เช่นเดียวกับภาษาลื้อ ไตขืน ไทใหญ่ เช่น |
|||
** สระ เอือ เป็น เออ |
|||
ผัว = โผ |
|||
*: น้ำเชื่อม - นั้มเซิ้ม |
|||
ห้วย = โห้ย |
|||
*: ใส่เสื้อ - เส่อเส้อ |
|||
ตัว = ตัว |
|||
** สระ อัว เป็น โอ |
|||
ชั่ว = โซ่ |
|||
*: กล้วย - โก๊ย |
|||
เมีย = เม |
|||
** สระใอ (ไม้ม้วน) ในภาษาไทกลาง เมื่อพูดในภาษาผู้ไท มักออกเสียงสระเออ ดังนี้ |
|||
เมี่ยง = เม่ง |
|||
*: ใหม่-เหม่อ |
|||
เขี่ย = เขว่ |
|||
*: ใส่-เส่อ |
|||
เขียด = เขวด |
|||
*: หัวใจ-โหเจ๋อ |
|||
เขียน = เขน |
|||
*: ใกล้-เข้อ, เก้อ |
|||
เกวียน = เกน |
|||
*: แกงมะเขือใส่เนื้อเสือ กินบนเรือ เพื่อกลับบ้าน-แก่งมะเข๋อเส่อเน๊อเส๋อ กิ๋นเทิ่งเฮ่อ เพ้อเม่อเฮิ่น |
|||
เรียน = เฮน |
|||
** สระไอ (ไม้มลาย) ในภาษาไทยกลาง จะออกเสียง จัตวา (+)ในสำเนียงภูไท ดังนี้ |
|||
เลี้ยว = เล้ว |
|||
*: ไป-ไป๋, |
|||
มะเขือ = มะเขอ |
|||
* ข บางคำจะออกเสียงเป็น ห, ค บางคำจะออกเสียงเป็น ฮ ดังนี้ |
|||
เรือ = เฮอ |
|||
** เข้า-เห้า, ขาด - ฮ่าด, ข้อ - ห๊อ |
|||
เหงื่อ = เห่อ |
|||
** คนห้าคนฆ่าคนห้าคน-ค่นห้าค่นห้าค่นห้าค่น |
|||
ชวน = โซน, โซ |
|||
* คำที่สะกดด้วย -อก จะออกเสียงสระเอาะ (เสียงสั้น) ดังนี้ |
|||
** นอก-เน้าะ, จอก-เจ้าะ, คอก-เค่าะ, ปลอก-เป๊าะ |
|||
4. คำที่ใช้สระเสียงยาวแล้วสะกดด้วย "ก" จะเปลี่ยนเป็นสระเสียงสั้น ไม่ออกเสียง "ก" เช่นเดียวกับภาษาไทถิ่นใต้ฝั่งตะวันตก และภาษาไทดำ ไทขาว พวน เช่น |
|||
ลูก = ลุ |
|||
บอก = เบ๊าะ |
|||
แตก = แต๊ะ |
|||
ตอก = เต๊าะ |
|||
ลอก = เลาะ, ลู่น |
|||
หนอก = เนาะ |
|||
ยาก = ญะ |
|||
ฟาก = ฟะ |
|||
หลีก = ลิ |
|||
ปีก = ปิ๊ |
|||
หาก =หะ |
|||
กาก=ก๊ะ |
|||
อยาก = เยอะ |
|||
เลือก = เลอะ |
|||
น้ำเมือก = น้ำเมอะ |
|||
น้ำมูก = ขี้มุ |
|||
ผูก = พุ |
|||
5. ภาษาผู้ไทใช้คำที่แสดงถึงการปฏิเสธว่า มี,หมี่ หรือเมื่อพูดเร็วก็จะออกเสียงเป็น มิ เช่นเดียวกับภาษาไทยโบราณ ภาษาจ้วง (bou,mi) และภาษาลื้อบางแห่ง เช่น |
|||
ไม่ได้ = มีได้ |
|||
ไม่บอก = มีเบ๊าะ |
|||
ไม่รู้ = มีฮู้, มีฮู้จัก,มีจัก,จักแล้ |
|||
ไม่เห็น = มีเห็น |
|||
ไม่พูดไม่จา = มีเว้ามีจา |
|||
6. คำที่วางท้ายประโยคคำถาม คือคำว่าอะไร,ทำไม,ไหน,ใคร,ใด-ไร,จะใช้แตกต่างจากภาษาไทยดังนี้ |
|||
อะไร = ผะเหลอ,ผิเหลอ,อันเลอ |
|||
ทำไม = เอ็ดเผอ |
|||
ไหน = ซิเลอ,สะเลอ,เนอเหอ |
|||
ใคร = เพอ-ผู้เลอ |
|||
ใด-ไร = เลอ |
|||
7. บางคำมีการออกเสียงต่างจากภาษาไทย ดังนี้ |
|||
1) ค เป็น ซ เช่น คง = ซง, ครก = ซก |
|||
2) ด เป็น ล เช่น ใด = เลอ, สะดุ้ง (เครื่องมือหาปลาชนิดหนึ่ง) = จะลุ่ง |
|||
3) อะ เป็น เอะ เช่น มัน (หัวมัน) = เม็น |
|||
4) เอะ เป็น อิ เช่น เล่น=ดิ้น, เด็กน้อย=ดิกน้อย |
|||
5) เอีย เป็น แอ เช่น เหี่ยว = แห่ว, เขี้ยว = แห้ว เหยี่ยว = แหลว |
|||
6) สระเสียงสั้นในภาษาไทยบางคำกลายเป็นสระเสียงยาวในภาษาผู้ไท เช่น ลิง = ลีง, ก้อนหิน = มะขี้หีน ผิงไฟ = ฝีงไฟ |
|||
8. คำเฉพาะถิ่น เป็นคำที่มีใช้เฉพาะในภาษาผู้ไท และอาจมีใช้ร่วมกับภาษาอื่นที่เคยมีวัฒนธรรมร่วมกัน เช่น |
|||
ดวงตะวัน = ตะเง็น, ขี้ตะเง็น |
|||
ดวงเดือน = โต๊ต่าน, เดิน |
|||
ประตูหน้าต่าง = ปะตูบ่อง, ป่องเอ้ม |
|||
ขี้โม้ = ขี้จะหาว |
|||
ขึ้นรา = ตึกเหนา |
|||
น้ำหม่าข้าว, น้ำส่งกลิ่นเหม็นเน่า = น้ำโม๊ะ |
|||
สวย = ซับ |
|||
หัวเข่า = โหโค้ย |
|||
ลูกอัณฑะ = มะขะหลำ |
|||
หัวใจ = มะหูเจอ,หูเจอ |
|||
ตาตุ่ม = ปอเผอะ,ปอมเผอะ |
|||
ท้ายทอย = ง้อนด้น |
|||
เอว = โซ่ง, กะโท้ย,แอว |
|||
พูดคุย, สนทนา = แอ่น |
|||
เกลี้ยกล่อม = โญะ |
|||
หัน = ปิ่น (หันมา = ปิ่นมา) |
|||
ย้ายข้าง = ว้าย (ภาษาลาวว่า อ่วย) |
|||
ขอร้อง,วิงวอน = แอ่ว |
|||
กันนักกันหนา = กะดักกะด้อ |
|||
มาก,ยิ่ง = แฮง,กะดักกะด้อ-กะด้อ,หลาย |
|||
จริง = เพิ้ง,แท้ |
|||
นึกว่า = ตื่อหวะ, กะเด๋วหวะ, เด๋วหวะ |
|||
พะวงใจ = ง้อ,คึดง้อ |
|||
อุทานไม่พอใจ = เยอ! เยอะ! |
|||
ไปโดยไม่หันกลับมา = ไปกิ่นๆ, ไปกี่ดี่ๆ |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:14, 11 มิถุนายน 2561
ผู้ไท | |
---|---|
ผู้ไท | |
ประเทศที่มีการพูด | ประเทศไทย, ประเทศลาว และ ประเทศเวียดนาม |
จำนวนผู้พูด | 866,000 คน (2545–2549)[1] |
ตระกูลภาษา | ขร้า-ไท
|
รหัสภาษา | |
ISO 639-3 | pht |
ภาษาผู้ไท (เขียน ผู้ไทย หรือ ภูไท ก็มี) เป็นภาษาในตระกูลภาษาไท-กะได มีผู้พูดจำนวนไม่น้อย กระจัดกระจายในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทยและลาว เข้าใจว่า ผู้พูดภาษาผู้ไทมีถิ่นที่อยู่ดั้งเดิมอยู่ในเมือง นาน้อยอ้อยหนู ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า เมืองนาน้อยอ้อยหนู อันเป็นถิ่นฐานดั้งเดิมของผู้ไทอยู่ทีไหน เพราะปัจจุบันมีเมืองนาน้อยอ้อยหนูอยู่ถึงสามแห่ง ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแถงหรือปัจจุบันคือจังหวัดเดียนเบียนฟู แห่งที่สองอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแถง และแห่งที่สามอยู่ห่างจากเมืองลอของเวียดนามประมาณ 10 กิโลเมตร
ชาวไทดำกับผู้ไทเป็นคนละชาติพันธุ์กัน นักภาษาศาสตร์สันนิษฐานว่า อพยพแยกจากกันนานกว่า 1,500 ปีมาแล้ว ในปัจจุบัน มีการจัดให้ภาษาผู้ไทเป็นกลุ่มย่อยของภาษาไทดำซึ่งไม่ถูกต้อง ผู้ไทอพยพจากนาน้อยอ้อยหนูไปอยู่ที่เมืองวังอ่างคำ ซึ่งคือเมืองวีระบุรี ในแขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว ก่อนถูกกวาดต้อนมาอยู่ในดินแดนประเทศไทยเมื่อไม่ถึง 200 ปีมานี้ ผู้ไทที่ถูกกวาดต้อนมาอยู่ฝั่งขวาแม่น้ำโขงมีจำนวนไม่น้อย แต่ผู้ไทซึ่งอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแถบแขวงสุวรรณเขตและแขวงคำม่วนในลาว ก็ยังมีประปราย มักจะเรียกผู้ไททั้งสองกลุ่มนี้รวม ๆ กันว่า "ผู้ไทสองฝั่งโขง"
ความเป็นมาของคน ภูไท หรือ ผู้ไทย ในประเทศสยาม
เมื่อ พ.ศ. 2369 (ก่อนสงครามเจ้าอนุวงศ์) ตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่เมืองวังมีความวุ่นวาย เกิดขัดแย้งภายในของกลุ่มผู้ไท ที่มีเมืองวังเป็นเมืองหลัก ได้มีไทครัวผู้ไทกลุ่มหนึ่งอพยพมาตั้งบ้านเรือนในฝั่งขวาแม่น้ำโขง มีนายไพร่ รวม 2,648 คน ต่อมาได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านบุ่งหวาย ในปี พ.ศ. 2373 พระสุนทรราชวงษา เจ้าเมืองยโสธร ว่าราชการอยู่เมืองนครพนมได้มีใบบอกขอตั้งบ้านดงหวายเป็นเมือง "เรณูนคร" ต่อมา ร.3 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกบ้านบุ่งหวาย ขึ้นเป็นเมืองเรณูนคร และตั้งให้ ท้าวสาย หัวหน้าไทครัวผู้ไทเป็น "พระแก้วโกมล" เจ้าเมืองเรณูนคร คนแรก ขึ้นเมืองนครพนม(ในปี พ.ศ. 2387) ซึ่งคือท้องที่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนมในปัจจุบันนั่นเอง (จากเอกสาร ร.3 จ.ศ.1206 เลขที่ 58 หอสมุดแห่งชาติ) ชาวผู้ไทเรณูนคร จึงเป็นชาวผู้ไทกลุ่มแรกที่อพยพมาอยู่ในเขตฝั่งขวาแม่น้ำโขง(หมายถึงผู้ไทที่เป็นบรรพบุรุษของคนผู้ไทในอิสานปัจจุบัน)
หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2387 ผู้ไทจากเมืองวังอ่างคำและเมืองใกล้เคียง ก็อพยพตามมา เป็นกลุ่มที่ 2 แล้วไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ เมืองพรรณานิคม (จ.สกลนคร) เมืองคำชะอี หนองสูง (จ.มุกดาหาร) เมืองกุดสิมนารายณ์ (อ.เขาวงและ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธฺ์)ตามลำดับ โดยผู้ไทกลุ่มจากเมืองกะป๋องได้อพยพมาตั้งที่เมืองวาริชภูมิเป็นกลุ่มผู้ไทที่ข้ามมาฝั่งขวาแม่น้ำโขงกลุ่มล่าสุด (ในปี พ.ศ. 2420 ในสมัย รัชกาลที่ 5)
ผู้พูดภาษาผู้ไท
ผู้พูดภาษาผู้ไทในประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณจังหวัดภาคอีสานตอนบน ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์, นครพนม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด และ สกลนคร นอกจากนี้ยังมีอีกเล็กน้อยในจังหวัดอุบลราชธานี,อุดรธานีและ จังหวัดบึงกาฬ โดยในแต่ละท้องถิ่นจะมีสำเนียงและคำศัพท์ที่แตกต่างกันไป
เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาษาผู้ไทแม้จะกระจายอยู่ในแถบอีสาน แต่สำเนียงและคำศัพท์นั้นแตกต่างกับภาษาไทยถิ่นอีสานโดยทั่วไป อย่างไรก็ตามยังมีคำยืมจากภาษาถิ่นอีสานอยู่ในภาษาผู้ไทบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่นับว่ามาก ด้วยเหตุนี้ ชาวไทยที่พูดภาษาอีสานจึงไม่สามารถพูดหรือฟังภาษาผู้ไทอย่างเข้าใจโดยตลอด แต่ชาวผู้ไทส่วนใหญ่มักจะพูดภาษาอีสานได้
ลักษณะของภาษา
ด้วยภาษาผู้ไทเป็นภาษาในตระกูลไท จึงมีลักษณะเด่นร่วมกับภาษาไทยด้วย นั่นคือ
- เป็นภาษาคำโดด มักเป็นคำพยางค์เดียว
- เป็นภาษามีวรรณยุกต์
- โครงสร้างประโยคแบบเดียวกัน คือ "ประธาน กริยา กรรม" (SVO) ไม่ผันรูปตามโครงสร้างประโยค
หน่วยเสียงในภาษาผู้ไท
หน่วยเสียงพยัญชนะ
ฐานกรณ์ของเสียง | ริมฝีปากล่าง-ฟัน | ริมฝีปาก | โคนฟัน | เพดานส่วนแข็ง | เพดานส่วนอ่อน | ช่วงคอ |
เสียงหยุด (ไม่ก้อง) | - | /ป/ | /ต/ | /จ/ | /ก/ | /อ/ |
เสียงหยุด (ไม่ก้อง) | - | /พ/ | /ท/ | - | /ค/ | - |
เสียงหยุด (ก้อง) | - | /บ/ | /ด/ | - | - | - |
เสียงขึ้นจมูก | - | /ม/ | /น/ | /ญ/ | /ง/ | - |
เสียงเสียดแทรก | /ฟ/ | /ส/ | - | - | - | /ห/ |
กึ่งสระ | /ว/ | - | - | /ย/ | - | - |
ลอดข้างลิ้น | - | /ล/ | - | - | - | - |
ในที่นี้ขออธิบายเฉพาะเสียงที่แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐาน ดังนี้
- /ญ/ เป็นหน่วยเสียงพิเศษ ที่ไม่พบในภาษาไทยภาคกลาง และถิ่นใต้ แต่พบได้ในภาษาไทยถิ่นอีสาน และเหนือ ในภาษาผู้ไท บางถิ่นผู้พูดใช้เสียง /ญ/ โดยตลอด บางถิ่นใช้ทั้งเสียง /ญ/ และ /ย/ โดยไม่แยกแยะคำศัพท์
หน่วยเสียงสระ
ภาษาผู้ไทมีสระเดี่ยว 9 ตัว หรือ 18 ตัวหากนับสระเสียงยาวด้วย โดยทั่วไปมีลักษณะของเสียงคล้ายกับสระในภาษาไทยถิ่นอื่น (เพื่อความสะดวก ในที่นี้ใช้อักษร อ ประกอบสระ เพื่อให้เขียนง่าย)
สระสูง | อิ, อี | อึ, อือ | อุ, อู |
สระกลาง | เอะ, เอ | เออะ, เออ | โอะ, โอ |
สระต่ำ | แอะ,แอ | อะ,อา | เอาะ, ออ |
อนึ่ง ในภาษาผู้ไทมักไม่ใช้สระประสม นิยมใช้แต่สระเดี่ยวข้างบนนี้ ตัวอย่างคำที่ภาษาไทยกลางเป็นสระประสม แต่ภาษาผู้ไทใช้สระเดี่ยว
ภาษาไทยกลาง | ภาษาผู้ไท |
---|---|
/หัว/ | /โห/ |
/สวน/ | /โสน/ |
/เสีย/ | /เส/ |
/เขียน/ | /เขน/ |
/เสือ/ | /เสอ/ |
/มะเขือ/ | /มะเขอ/ |
หน่วยเสียงวรรณยุกต์
หน่วยเสียงวรรณยุกต์ในภาษาผู้ไท มีด้วยกัน 5 หน่วย
พยางค์
พยางค์ในภาษาผู้ไทมักจะเป็นพยางค์อย่างง่าย ดังนี้
- เมื่อประสมด้วยสระเสียงยาว พยางค์อาจประกอบด้วยพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์ โดยจะมีพยัญชนะตัวสะกดหรือไม่ก็ได้
- เมื่อมีสระเสียงสั้น พยางค์ประกอบด้วยพยัญชนะต้น สระ, วรรณยุกต์ และพยัญชนะตัวสะกด
ลักษณะเด่นของภาษาผู้ไท 1. พยัญชนะ "ข" ในภาษาไทยและลาว-อีสานบางคำ ออกเสียงเป็น "ห" เช่น แขน = แหน ขา = หา เข็ม = เห็ม เข้า = เห้า ข้าว = เห้า ขาด = หาด ขัน = หัน (ขันน็อต,ไก่ขัน) ขอด (มัด) = หอด เขี้ยว (ฟัน) = แห้ว ขัดข้อง (ยุ่งเหยิง) = ห้อง ของ = หอง ขึ้น = หึ้น เขียง = เหง ข้อมือ,ข้อเท้า = ห้อมือ, ห้อตีน
2. สระ "ใ" ในภาษาไทยจำนวน 15 คำ (อีก 4 คำ คือ ใฝ่,ใคร่,หลงใหล,ใช่ ไม่มีในภาษาผู้ไท ส่วนคำว่า ใส ใช้เหมือนกันกับภาษาไทย) ออกเสียงเป็น "เออ" และสระ "ไ" บางคำก็ออกเสียงเป็น "เออ" เช่น ใหญ่ = เหญ่อ ใหม่ = เหม่อ ให้ = เห้อ ลูกสะใภ้ = ลุเภ้อ ใจ = เจอ,หูเจอ ใช้ = เซ้อ ใด,ไร = เลอ ใส่ = เส่อ ใคร = เพอ ใบ = เบอ ใต้ =เต้อ ใบ้ = เบ้อ ใย = เยอ ไหม (ปรับ) = เหมอ ตะไคร, หัวสิงไค = โหซิเคอ ไต = เตอ
3. ภาษาผู้ไทใช้แต่เพียงสระเดี่ยว ไม่มีสระผสม เช่นเดียวกับภาษาลื้อ ไตขืน ไทใหญ่ เช่น ผัว = โผ ห้วย = โห้ย ตัว = ตัว ชั่ว = โซ่ เมีย = เม เมี่ยง = เม่ง เขี่ย = เขว่ เขียด = เขวด เขียน = เขน เกวียน = เกน เรียน = เฮน เลี้ยว = เล้ว มะเขือ = มะเขอ เรือ = เฮอ เหงื่อ = เห่อ ชวน = โซน, โซ
4. คำที่ใช้สระเสียงยาวแล้วสะกดด้วย "ก" จะเปลี่ยนเป็นสระเสียงสั้น ไม่ออกเสียง "ก" เช่นเดียวกับภาษาไทถิ่นใต้ฝั่งตะวันตก และภาษาไทดำ ไทขาว พวน เช่น ลูก = ลุ บอก = เบ๊าะ แตก = แต๊ะ ตอก = เต๊าะ ลอก = เลาะ, ลู่น หนอก = เนาะ ยาก = ญะ ฟาก = ฟะ หลีก = ลิ ปีก = ปิ๊ หาก =หะ กาก=ก๊ะ อยาก = เยอะ เลือก = เลอะ น้ำเมือก = น้ำเมอะ น้ำมูก = ขี้มุ ผูก = พุ
5. ภาษาผู้ไทใช้คำที่แสดงถึงการปฏิเสธว่า มี,หมี่ หรือเมื่อพูดเร็วก็จะออกเสียงเป็น มิ เช่นเดียวกับภาษาไทยโบราณ ภาษาจ้วง (bou,mi) และภาษาลื้อบางแห่ง เช่น ไม่ได้ = มีได้ ไม่บอก = มีเบ๊าะ ไม่รู้ = มีฮู้, มีฮู้จัก,มีจัก,จักแล้ ไม่เห็น = มีเห็น ไม่พูดไม่จา = มีเว้ามีจา
6. คำที่วางท้ายประโยคคำถาม คือคำว่าอะไร,ทำไม,ไหน,ใคร,ใด-ไร,จะใช้แตกต่างจากภาษาไทยดังนี้ อะไร = ผะเหลอ,ผิเหลอ,อันเลอ ทำไม = เอ็ดเผอ ไหน = ซิเลอ,สะเลอ,เนอเหอ ใคร = เพอ-ผู้เลอ ใด-ไร = เลอ
7. บางคำมีการออกเสียงต่างจากภาษาไทย ดังนี้
1) ค เป็น ซ เช่น คง = ซง, ครก = ซก 2) ด เป็น ล เช่น ใด = เลอ, สะดุ้ง (เครื่องมือหาปลาชนิดหนึ่ง) = จะลุ่ง 3) อะ เป็น เอะ เช่น มัน (หัวมัน) = เม็น 4) เอะ เป็น อิ เช่น เล่น=ดิ้น, เด็กน้อย=ดิกน้อย 5) เอีย เป็น แอ เช่น เหี่ยว = แห่ว, เขี้ยว = แห้ว เหยี่ยว = แหลว 6) สระเสียงสั้นในภาษาไทยบางคำกลายเป็นสระเสียงยาวในภาษาผู้ไท เช่น ลิง = ลีง, ก้อนหิน = มะขี้หีน ผิงไฟ = ฝีงไฟ
8. คำเฉพาะถิ่น เป็นคำที่มีใช้เฉพาะในภาษาผู้ไท และอาจมีใช้ร่วมกับภาษาอื่นที่เคยมีวัฒนธรรมร่วมกัน เช่น ดวงตะวัน = ตะเง็น, ขี้ตะเง็น ดวงเดือน = โต๊ต่าน, เดิน ประตูหน้าต่าง = ปะตูบ่อง, ป่องเอ้ม ขี้โม้ = ขี้จะหาว ขึ้นรา = ตึกเหนา น้ำหม่าข้าว, น้ำส่งกลิ่นเหม็นเน่า = น้ำโม๊ะ สวย = ซับ หัวเข่า = โหโค้ย ลูกอัณฑะ = มะขะหลำ หัวใจ = มะหูเจอ,หูเจอ ตาตุ่ม = ปอเผอะ,ปอมเผอะ ท้ายทอย = ง้อนด้น เอว = โซ่ง, กะโท้ย,แอว พูดคุย, สนทนา = แอ่น เกลี้ยกล่อม = โญะ หัน = ปิ่น (หันมา = ปิ่นมา) ย้ายข้าง = ว้าย (ภาษาลาวว่า อ่วย) ขอร้อง,วิงวอน = แอ่ว กันนักกันหนา = กะดักกะด้อ มาก,ยิ่ง = แฮง,กะดักกะด้อ-กะด้อ,หลาย จริง = เพิ้ง,แท้ นึกว่า = ตื่อหวะ, กะเด๋วหวะ, เด๋วหวะ พะวงใจ = ง้อ,คึดง้อ อุทานไม่พอใจ = เยอ! เยอะ! ไปโดยไม่หันกลับมา = ไปกิ่นๆ, ไปกี่ดี่ๆ
อ้างอิง
- วิไลวรรณ ขนิษฐานันท์. ภาษาผู้ไท. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพฯ, 2520.
- ธัญญลักษณ์ ไชยสุข มอลเลอร์รพ and Asger Mollerup: ภาษาผู้ไท เพื่อสุขภาพ - ผู้ไท-ไทย-อังกฤษ. 2556.
- ภาษาผู้ไท การศึกษาเปรียบเทียบภาษาผู้ไทในประเทศไทยและประเทศลาว
- Phutai Language : A comparative study of the Phutai in Thailand and Laos P.D.R.
- โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูคุณค่าของภาษาผู้ไท
- In Search for the Phutais
- Mo Yao : Phutai Healing
- About Some Linguistic Variations in Phu Tai
- ↑ ผู้ไท ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)