ภาษากะซอง
ภาษากะซอง | |
---|---|
ภาษาชองจังหวัดตราด | |
ปะซากะซ่อง | |
ออกเสียง | /pasaː kasɔ̤̀ːŋ/ |
ประเทศที่มีการพูด | ไทย |
ภูมิภาค | จังหวัดตราด |
ชาติพันธุ์ | ชาวกะซอง |
จำนวนผู้พูด | 50 คน (2551)[1] |
ตระกูลภาษา | |
ระบบการเขียน | อักษรไทย |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาชนกลุ่มน้อยที่รับรองใน | ไทย |
รหัสภาษา | |
ISO 639-3 | ไม่มี (mis ) |
ภาษากะซอง (กะซอง: ปะซากะซ่อง) เดิมรู้จักกันในชื่อ "ภาษาชองจังหวัดตราด" เป็นภาษาใกล้สูญภาษาหนึ่งในกลุ่มภาษาปอร์ของตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ปัจจุบันมีผู้พูดส่วนใหญ่อยู่ในตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่[2] จังหวัดตราด ประเทศไทย ที่ผ่านมาภาษากะซองได้รับการจัดให้เป็นภาษาย่อยของภาษาชองกลางโดยประเมินจากความคล้ายคลึงกันของคำศัพท์ที่ได้รับการรวบรวมไว้ไม่มากนัก[3] อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาเพิ่มเติมและจากการตรวจสอบคำศัพท์ที่รวบรวมได้มากขึ้นบ่งชี้ว่าภาษากะซองเป็นภาษาต่างหากที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับภาษาชองและภาษาซำเร[2][4] ภาษากะซองอยู่ในภาวะวิกฤตใกล้สูญ เนื่องจากไม่เหลือผู้รู้ภาษานี้เพียงภาษาเดียวและผู้รู้ภาษานี้ทุกคนใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก
จากวงศัพท์ที่มีการตรวจสอบ พบว่าร้อยละ 55.38 ของภาษานี้ประกอบด้วยคำยืมจากภาษาไทย[5] คำยืมเหล่านี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ คำยืมจากภาษาไทยโดยตรงและคำยืมที่มาจากการประสมคำภาษาไทยกับคำที่มีอยู่แล้วในภาษากะซอง[6] อัตราร้อยละที่สูงเช่นนี้บ่งบอกถึงเส้นทางสู่การสูญหายของภาษา โดยที่ภาษาไทยเข้ามาแทนที่ภาษานี้
เมื่อมากกว่า 50 ปีที่แล้ว[เมื่อไร?] ชาวกะซองทั้งหมดถูกห้ามไม่ให้พูดภาษากะซองทั้งในครอบครัวและกับผู้อื่น เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชื่อว่าการพูดภาษากะซองเป็นอุปสรรคต่อการพูดภาษาไทย[7] ชาวกะซองค่อย ๆ เลิกสื่อสารกันเป็นภาษากะซองและหันมาสอนภาษาไทยแก่ลูกหลานแทน[7] จนกระทั่งไม่นานมานี้ได้มีความพยายามอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาและภูมิปัญญากะซองผ่านระบบตัวเขียนอักษรไทยที่ชาวกะซองสร้างขึ้นโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล ภาษาและกลุ่มชนกะซองเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ภาษาจำนวนมากของประเทศไทย[8]
การจำแนก
[แก้]กะซอง (หรือ กะซ่อง /kasɔ̤̀ːŋ/ ในภาษากะซอง) เป็นทั้งชื่อเรียกภาษาและกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นฐานอยู่ในอำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด สันนิษฐานกันว่าคำนี้มีความหมายดั้งเดิมว่า "คน"[9] ภาษากะซองเป็นภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติกที่จัดอยู่ในกลุ่มย่อยปอร์ร่วมกับภาษาชองในจังหวัดจันทบุรี แต่เดิมคนภายนอกรู้จักภาษานี้ในชื่อ "ภาษาชองจังหวัดตราด" เนื่องจากชื่อและตัวภาษาทั้งสองมีความคล้ายคลึงกัน และชาวกะซองหลายคนก็แปลคำว่า กะซ่อง เป็น ชอง เมื่อพูดภาษาไทย[4] แต่จากการตรวจสอบเปรียบเทียบวงศัพท์ภาษากะซองกับวงศัพท์ภาษาชองพบว่าภาษาทั้งสองมีความแตกต่างกันมากพอที่จะถือว่าเป็นคนละภาษา[10]
สัทวิทยา
[แก้]พยัญชนะ
[แก้]ลักษณะการออกเสียง | ตำแหน่งเกิดเสียง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ริมฝีปาก | ปุ่มเหงือก | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | เส้นเสียง | ||||
เสียงนาสิก | m | n | ɲ | ŋ | ||||
เสียงหยุด | ก้อง | b | d | |||||
ไม่ก้อง | ไม่พ่นลม | p | t | c | k | ʔ | ||
พ่นลม | pʰ | tʰ | cʰ | kʰ | ||||
เสียงเสียดแทรก | (f) | s | h | |||||
เสียงรัว | r | |||||||
เสียงข้างลิ้น | l | |||||||
เสียงกึ่งสระ | w | j |
- หน่วยเสียงที่อยู่ในวงเล็บคือหน่วยเสียงที่ปรากฏในคำยืมจากภาษาไทย
- หน่วยเสียงที่เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้นและพยัญชนะท้ายมี 12 หน่วยเสียง ได้แก่ /m/, /n/, /ɲ/, /ŋ/, /p/, /t/, /c/, /k/, /h/, /l/, /w/ และ /j/[12]
- หน่วยเสียงพยัญชนะต้นควบมี 12 หน่วยเสียง ได้แก่ /pr/, /pl/, /pʰr/, /pʰl/, /tr/, /cr/, /kr/, /kl/, /kw/, /kʰr/, /kʰl/ และ /sr/[13]
- หน่วยเสียง /c/ เมื่ออยู่ในตำแหน่งต้นพยางค์ออกเสียงเป็น [t͡ɕ] และเมื่ออยู่ในตำแหน่งท้ายพยางค์ออกเสียงเป็น [c][14]
- หน่วยเสียง /cʰ/ ออกเสียงเป็น [t͡ɕʰ][15]
- หน่วยเสียง /w/ และ /j/ เมื่ออยู่ในตำแหน่งท้ายพยางค์ออกเสียงเป็น [u] และ [i] ตามลำดับ[16]
สระ
[แก้]สระเดี่ยว
[แก้]ระดับลิ้น | ตำแหน่งลิ้น | ||
---|---|---|---|
หน้า | กลาง | หลัง | |
สูง | i, iː | ɯ, ɯː | u, uː |
กลาง | e, eː | əː | o, oː |
ต่ำ | æ, æː | a, aː | ɔ, ɔː |
สระประสม
[แก้]ภาษากะซองถิ่นคลองแสงมีหน่วยเสียงสระประสม 1 หน่วยเสียง ได้แก่ /uə/ ซึ่งออกเสียงเป็น [uːə][18] นอกจากนี้ยังปรากฏหน่วยเสียง /iə/ [iːə] และ /ɯə/ [ɯːə] ในคำยืมจากภาษาไทยอีกด้วย
ลักษณะน้ำเสียง
[แก้]ภาษากะซองในปัจจุบันจัดว่ามีลักษณะน้ำเสียงแบบผสมผสาน กล่าวคือ ใช้ลักษณะน้ำเสียงร่วมกับระดับเสียงในการจำแนกคำ จึงแตกต่างไปจากภาษาชองและภาษาซำเร[19] ลักษณะน้ำเสียงแบบผสมผสานของภาษากะซองมี 4 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะน้ำเสียงปกติ ระดับเสียงกลาง [V̄] หรือสูง [V́], ลักษณะน้ำเสียงปกติ ระดับเสียงกึ่งสูง–สูง–ตก [V̂], ลักษณะน้ำเสียงพ่นลม ระดับเสียงกลาง–กึ่งสูง–ตก [V̤̂] และลักษณะน้ำเสียงพ่นลม ระดับเสียงกึ่งต่ำ [V̤̀] ลักษณะน้ำเสียงเหล่านี้อยู่ระหว่างการพัฒนาไปเป็นเสียงวรรณยุกต์เนื่องจากอิทธิพลของภาษาไทย[19]
ระบบการเขียน
[แก้]ใน พ.ศ. 2544 ชุมชนชาวกะซองที่จังหวัดตราดได้พยายามฟื้นฟูภาษาและภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเองผ่านการทำโครงการวิจัยเพื่อท้องถิ่นโดยมีหน่วยงานวิชาการคอยช่วยเหลือด้านกระบวนการวิจัย[20] โครงการวิจัยแรกซึ่งดำเนินอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2552–2554 คือ "แนวทางการพลิกฟื้นภาษากะซองเพื่อสืบทอดให้คนรุ่นหลังอย่างยั่งยืน บ้านคลองแสง ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด" ทำให้เกิดผลงานสำคัญคือระบบเขียนภาษากะซองอักษรไทยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบันทึกภาษาและภูมิปัญญาท้องถิ่นรวมทั้งการจัดทำคู่มือการสอนภาษาต่อไป ระบบเขียนภาษากะซองอักษรไทยที่ชุมชนชาวกะซองที่บ้านคลองแสงได้กำหนดไว้มีดังนี้[21]
|
|
|
สถานการณ์ในปัจจุบัน
[แก้]ชาวกะซองส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหมู่ที่ 3 บ้านคลองแสง และส่วนน้อยอาศัยอยู่ในหมู่ที่ 1 บ้านด่านชุมพล และหมู่ที่ 6 บ้านปะเดา ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด[22] พวกเขาสร้างครัวเรือนอยู่กระจัดกระจายปะปนกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ โดยประกอบอาชีพเกษตรกรรมรวมทั้งเก็บของป่าในฤดูแล้ง ชาวกะซองมีการแต่งงานกับคนนอกกลุ่มจึงเกิดการผสมผสานระหว่างเชื้อสายและวัฒนธรรมตามแบบไทย[22]
ในปัจจุบันมีผู้พูดภาษากะซองที่ยังสื่อสารได้ดีไม่เกิน 10 คน และล้วนเป็นผู้สูงอายุ ในขณะที่ชาวกะซองในวัยกลางคนจนถึงวัยเยาว์สื่อสารกันผ่านภาษาไทยเป็นหลัก แม้จะเข้าใจภาษาของบรรพชนอยู่บ้างแต่ก็ไม่สามารถสื่อสารเป็นประโยคยาว ๆ ได้[20] จึงถือว่าภาษากะซองเป็นภาษาที่อยู่ในภาวะวิกฤตใกล้สูญ ชาวกะซองเองก็ตระหนักดีถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีแนวคิดที่จะอนุรักษ์ภาษาไว้ให้ได้นานที่สุดผ่านการเพิ่มจำนวนปราชญ์พื้นบ้านและผู้พูดภาษากะซองทั้งผู้ใหญ่และเยาวชน โดยมีการรณรงค์ให้ไปเรียนภาษากับครูภูมิปัญญาในวันหยุด ฝึกทักษะการฟังและการพูดอย่างเข้มข้นกับผู้สูงอายุที่ยังสามารถสื่อสารภาษากะซองได้ดี และพัฒนาไปสู่การใช้ภาษากะซองในชีวิตประจำวัน[20]
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศขึ้นทะเบียนภาษากะซองเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติไทย สาขาภาษา เมื่อ พ.ศ. 2557[23]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "UNESCO Atlas of the World's Languages in Danger". unesco.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-08-08.
- ↑ 2.0 2.1 Sunee, Kamnuansin (2003). "Syntactic Characteristics of Kasong: An Endangered Language of Thailand" (PDF). Mon-Khmer Studies. 33: 167–182. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-12-21.
- ↑ Sidwell, Paul (2009). Classifying the Austroasiatic Languages: History and State of the Art (ภาษาอังกฤษ). Muenchen: Lincom Europa. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-24.
- ↑ 4.0 4.1 Thongkham 2003, p. 1
- ↑ Thongkham 2003, p. 102
- ↑ Thongkham 2003, p. 105
- ↑ 7.0 7.1 Thongkham 2003, p. 113
- ↑ Joll, Chris. "Language Loyalty and Loss in Malay South Thailand – From Ethno-Religious Rebellion to Ethno-Linguistic Angst?" (Draft) (ภาษาอังกฤษ) – โดยทาง ResearchGate.
- ↑ ณัฐมน โรจนกุล และรณกร รักษ์วงศ์ 2558, p. 67
- ↑ Thongkham 2003, p. 2
- ↑ Thongkham 2003, p. 69
- ↑ Thongkham 2003, p. 60
- ↑ Thongkham 2003, p. 61
- ↑ Thongkham 2003, p. 73
- ↑ Thongkham 2003, p. 74
- ↑ Thongkham 2003, p. 81–82
- ↑ Thongkham 2003, p. 70
- ↑ Thongkham 2003, p. 87
- ↑ 19.0 19.1 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม 2559, p. 4
- ↑ 20.0 20.1 20.2 ณัฐมน โรจนกุล และรณกร รักษ์วงศ์ 2558, p. 70
- ↑ สันติ เกตุถึก และคณะ 2554, p. 46–48
- ↑ 22.0 22.1 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม 2559, p. 5
- ↑ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม 2559, p. 7
บรรณานุกรม
[แก้]- กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (2559). ภาษา: มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมวัฒนธรรม.
- ณัฐมน โรจนกุล และรณกร รักษ์วงศ์ (2558). "ภาษากะซอง: เสียงของคนกลุ่มสุดท้ายแห่งดินแดนตะวันออก". วัฒนธรรม. 54 (3): 66–73.
- สันติ เกตุถึก และคณะ (2554). โครงการวิจัย "แนวทางการพลิกฟื้นภาษากะซองเพื่อสืบทอดให้คนรุ่นหลังอย่างยั่งยืน บ้านคลองแสง ต.ด่านชุมชน อ.บ่อไร่ จ.ตราด". กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
- Thongkham, Noppawan (2003). The phonology of Kasong at Khlong Saeng Village, Danchumphon Sub-district, Bo Rai District, Trat Province (M.A. thesis). Mahidol University.