ข้ามไปเนื้อหา

ภาษากฺ๋อง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาษากฺ๋อง
พาซ๋า กฺ๋อง
ออกเสียง/pʰasǎ gɔ̌ŋ/
[pʰaː³³ˈsaː²⁴¹ ˈɡɔŋː²⁴¹]
ประเทศที่มีการพูดไทย
ภูมิภาคจังหวัดสุพรรณบุรี, จังหวัดอุทัยธานี
ชาติพันธุ์500 คน (2543?)[1]
จำนวนผู้พูด80 คน  (2543, เดวิด แบรดลีย์)[2]
ตระกูลภาษา
จีน-ทิเบต
ระบบการเขียนอักษรไทย
สถานภาพทางการ
ภาษาชนกลุ่มน้อยที่รับรองใน ไทย
รหัสภาษา
ISO 639-3ugo

ภาษากฺ๋อง (กฺ๋อง: พาซ๋า กฺ๋อง) เป็นภาษาใกล้สูญภาษาหนึ่งในกลุ่มภาษาทิเบต-พม่าของตระกูลภาษาจีน-ทิเบต เป็นภาษาที่แสดงลักษณะของภาษาในกลุ่มทิเบต-พม่าอย่างเด่นชัด[3] กล่าวคือ มีหน่วยเสียงวรรณยุกต์ มีพยัญชนะท้ายน้อย ความสั้น-ยาวของเสียงสระไม่ส่งผลต่อความหมายของคำ และมีการเรียงประโยคแบบประธาน-กรรม-กริยา

ผู้พูดภาษากฺ๋องเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กฺ๋อง จากการสำรวจของนักภาษาศาสตร์เดวิด แบรดลีย์ พบผู้พูดภาษานี้ในประเทศไทยราว 80 คนใน พ.ศ. 2543 อาศัยอยู่ในหมู่ที่ 4 บ้านวังควาย ตำบลวังยาว และหมู่ที่ 10 บ้านกกเชียง ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และหมู่ที่ 3 บ้านละว้า ตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ไม่พบผู้พูดในประเทศพม่า ปัจจุบันเริ่มมีผู้พูดภาษากฺ๋องน้อยลง โดยเด็ก ๆ ชาวกฺ๋องหันไปพูดภาษาไทยและภาษาลาว (ลาวครั่ง)

สัทวิทยา

[แก้]

พยัญชนะ

[แก้]
หน่วยเสียงพยัญชนะภาษากฺ๋องถิ่นกกเชียง จังหวัดสุพรรณบุรี[4]
ลักษณะการออกเสียง ตำแหน่งเกิดเสียง
ริมฝีปาก ปุ่มเหงือก เพดานแข็ง เพดานอ่อน เส้นเสียง
เสียงนาสิก m n ɲ ŋ
เสียงหยุด ก้อง b d ɡ
ไม่ก้อง ไม่พ่นลม p t c k ʔ
พ่นลม
เสียงเสียดแทรก f s x h
เสียงข้างลิ้น l
เสียงเปิด w j
  • หน่วยเสียงที่เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้นและพยัญชนะท้ายมี 3 หน่วยเสียง ได้แก่ /ŋ/, /k/ และ /ʔ/
  • หน่วยเสียงพยัญชนะควบมี 4 หน่วยเสียง ได้แก่ /pʰl/, /kl/, /kʰl/ และ /bl/ เกิดในตำแหน่งต้นพยางค์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้พูดรุ่นใหม่ไม่นิยมออกเสียง /pʰl/ และ /bl/ เป็นพยัญชนะควบ โดยจะออกเสียงเฉพาะพยัญชนะตัวแรก
  • หน่วยเสียง /ŋ/ เมื่ออยู่ในตำแหน่งท้ายพยางค์และปรากฏหน้าการหยุด ออกเสียงเป็น [ŋː][5]
  • หน่วยเสียง /c/ ออกเสียงเป็น [t͡ɕ][6]
  • หน่วยเสียง /pʰ/ มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ [pʰ] และ [f] ซึ่งมีการแปรอิสระ เช่น [e~fe] 'ไม้ (ไผ่)' ส่วนหน่วยเสียง /cʰ/ มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ [t͡ɕʰ] และ [s] ซึ่งมีการแปรอิสระเช่นกัน เช่น [t͡ɕʰǒŋ~sǒŋ] 'กิ้งก่า' ทั้งนี้ ผู้พูดรุ่นใหม่นิยมออกเสียง /pʰ/ และ /cʰ/ เป็น [f] และ [s] ตามลำดับ แต่ยังไม่เป็นทั้งระบบ
  • หน่วยเสียง /x/ พบเฉพาะในกลุ่มผู้พูดสูงอายุ โดยพบตัวอย่างเพียงสองคำ คือ /xǎʔ/ 'เข็ม' และ /xǎŋ/ 'ต่อ'[5]

สระ

[แก้]

สระเดี่ยว

[แก้]
หน่วยเสียงสระเดี่ยวภาษากฺ๋องถิ่นกกเชียง จังหวัดสุพรรณบุรี[7]
ระดับลิ้น ตำแหน่งลิ้น
หน้า กลาง หลัง
สูง     i    ɨ                ʉu
กึ่งสูง ʊ
กลาง     e          øəo
กึ่งต่ำ ʌ
ต่ำ     ɛ             œaɔ
  • ความสั้นยาวของเสียงสระไม่ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนแปลง แต่เสียงสระในพยางค์เปิดมักยาวกว่าเสียงสระในพยางค์ปิด และเสียงสระที่มี /ŋ/ เป็นพยัญชนะท้าย (ยกเว้น /e/) อาจออกเสียงยาวหรือสั้นก็ได้ในคำบางคำ[8]
  • หน่วยเสียง /e/ มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ [e] และ [ɪ] โดยหน่วยเสียงย่อย [e] ปรากฏในพยางค์ที่มีพยัญชนะท้าย เช่น [kěŋ] 'ตัวเอง' ส่วนหน่วยเสียงย่อย [ɪ] ปรากฏในพยางค์ที่ไม่มีพยัญชนะท้าย เช่น [t͡ɕɪ] 'ม้าม'[7]

สระประสม

[แก้]

ภาษากฺ๋องถิ่นกกเชียงมีหน่วยเสียงสระประสม 3 หน่วยเสียง ได้แก่ /ia/, /ɨa/ และ /uɔ/[7] หน่วยเสียง /ia/ และ /ɨa/ ออกเสียงเป็น [iɑː] และ [ɨɑː] ตามลำดับ[9]

วรรณยุกต์

[แก้]

ภาษากฺ๋องถิ่นกกเชียงมีหน่วยเสียงวรรณยุกต์ 4 หน่วยเสียง[10] ได้แก่

  • หน่วยเสียงกลางระดับ (mid tone)
  • หน่วยเสียงวรรณยุกต์ต่ำ-ตก (low-falling tone) ซึ่งอาจเปลี่ยนเสียงเป็นวรรณยุกต์กลาง-ตก-ขึ้นหรือวรรณยุกต์สูง-ตกในประโยคปฏิเสธ
  • หน่วยเสียงวรรณยุกต์สูง-ตก (high-falling tone)
  • หน่วยเสียงวรรณยุกต์กลาง-ตก-ขึ้น (mid falling-rising tone) มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ เสียงต่ำ-ขึ้น ปรากฏเมื่อพยัญชนะท้ายเป็นเสียงหยุด และเสียงกลาง-ตก-ขึ้น ปรากฏเมื่อพยัญชนะท้ายเป็นเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงหยุด

ระบบการเขียน

[แก้]

ตัวเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทยตามที่คณะกรรมการจัดทำระบบเขียนภาษาท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยอักษรไทย สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ได้กำหนดไว้ มีดังนี้

พยัญชนะ
อักษรไทยเสียงตัวอย่างคำความหมาย
/k/ตะกร้า
วุ๋หนู
กฺ/ɡ/กฺองม้า
/kʰ/ค๋นกยูง
/x/ฆ๋เข็ม
/ŋ/ห้า
ดุ๋ทุลำห้วย
/c/จี๋เก้ง
/cʰ/ช๋กิ้งก่า
/s/ซีล้าง
/ɲ/เบ็ดตกปลา
/d/ดืเสือ
/t/ต๋องข้อง
/tʰ/ท๋องตุ่น
/n/นั๋ตั๊กแตน
/b/บ๋ครก
/p/าเท้งรองเท้า
/pʰ/พูหม้อ
/f/ฟ๋เกวียน
/m/มึ๋วัว
/j/ยึ๋บ้าน
/l/ล๋าะนิ้ว
/w/วั๋หมี
/ʔ/ (เมื่อเป็นพยัญชนะต้น)อ๋กวาง
ไม่มีรูป/ʔ/ (เมื่อเป็นพยัญชนะท้าย)เค๋าะนก
/h/ฮิ๋ทองคำ
  • พยัญชนะไม่เปลี่ยนรูปเมื่อผันวรรณยุกต์
สระ
อักษรไทยเสียงตัวอย่างคำความหมาย
–ะ/a/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/)ฆ๋เข็ม
–ั/a/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /k/, /ŋ/)วั๋หมี
–า/a/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)อ๋กวาง
–ิ/i/ (เมื่อมีพยัญชนะท้าย)นิแทรก
–ี/i/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)จี๋เก้ง
–ึ/ɨ/มึ๋วัว
–ือํ/ʉ/คือํหมา
–ุ/u/ (เมื่อมีพยัญชนะท้าย)วุ๋หนู
–ู/u/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)ลาบู้ผีเสื้อ
เ–ะ/e/ (เมื่อมีพยัญชนะท้าย)มา
กาเว็เที่ยว
ก๋กขวัญ
เ–/e/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)ม้าม
เํ–/ø/เํยงเสื้อ
แ–ะ/ɛ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้าย)ม๋แม่
แล็ท๋หอยขม
อาค่งอะไร
แ–/ɛ/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)สิบ
แํ–ะ/แํ–/œ/แํฮ๋รัก
เ–อะ/เ–ิ/ə/ (เมื่อมีพยัญชนะท้าย)เซิ่สีดำ
เ–อ/ə/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)เพื่อน
เํ–ิ/ʌ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /k/, /ŋ/)เํดิ๋สะอึก
โ–ะ/o/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/)ว๋ไก่
โ–ะ (ลดรูป)/o/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /k/, /ŋ/)บ๋กครก
โ–/o/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)คน
โ–ะํ/ʊ/พ๋ะํหมู
เ–าะ/ɔ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/)ล๋นิ้ว
–อ/ɔ/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย
หรือเมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /k/, /ŋ/)
ม่ทา, เมา
กฺ่แสบ
เ–ีย/ia/ลี่ยอร่อย
เ–ือ/ɨa/เคื๋อตัวต่อ
–ัว/uɔ/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)ซัวกิน
–ว–/uɔ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้าย)คูดหมวก
  • เสียงสระที่ไม่มีพยัญชนะท้ายมักจะยาวกว่าเสียงสระที่มีพยัญชนะท้าย
    จึงใช้รูปสระยาวแทนเสียงสระประเภทแรก เช่น พี, จี๋,
    และใช้รูปสระสั้นแทนเสียงสระประเภทหลัง เช่น วั๋, นิ, ฆ๋
    ยกเว้นเสียงสระ /ɔ/ หากไม่มีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/ ให้ใช้รูปสระ –อ
    เสมอ เช่น , พาล, ต๋
วรรณยุกต์
อักษรไทยเสียงตัวอย่างคำความหมาย
ไม่มีรูปหน่วยเสียงกลางระดับอองเทียน
พีดากระต่าย
–่หน่วยเสียงต่ำ-ตกบ่ตี
งุ่นั่ง
–้หน่วยเสียงสูง-ตกกฺ้องสูง
คูเอ้าะแกง
–๋หน่วยเสียงกลาง-ตก-ขึ้นอิ๋ไม้
ยึ๋บ้าน

ไวยากรณ์

[แก้]

โครงสร้างประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา คำขยายอยู่หน้ากริยา แต่อยู่หลังคำนาม คำบุพบทอยู่หลังคำนาม

อ้างอิง

[แก้]
  1. Gordon, Raymond G.; Barbara F. Grimes, บ.ก. (2005). Ethnologue: Languages of the World (15th ed.). Dallas, Texas: SIL International.
  2. ภาษากฺ๋อง ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
  3. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 1.
  4. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 24.
  5. 1 2 Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 201.
  6. Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 199.
  7. 1 2 3 สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 27.
  8. Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 202.
  9. Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 205.
  10. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 29.
  • Daniel Nettle and Suzanne Romaine. (2000). Vanishing Voices: The Extinction of the World's Languages. Oxford: Oxford University Press, p. 10.
  • Thawornpat, Mayuree. (2006). Gong: An endangered language of Thailand. Doctoral dissertation, Mahidol University.
  • มยุรี ถาวรพัฒน์. (2540). สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย : ก๊อง (อุก๊อง). กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล.

อ่านเพิ่ม

[แก้]
  • Bradley, David. (1993). Body Parts Questionnaire (Ugong). (unpublished ms. contributed to STEDT).
  • Bradley, David (1989). "The disappearance of the Ugong in Thailand". Investigating Obsolescence. pp. 33–40. doi:10.1017/CBO9780511620997.006. ISBN 9780521324052.
  • Bradley, David (1989). Dying to be Thai: Ugong in western Thailand. La Trobe Working Papers in Linguistics 2:19-28
  • Kerr, A. F. G. (1927). "Two 'Lawā' vocabularies: the Lawā of the Baw Lūang plateau; Lawā of Kanburi Province." Journal of the Siam Society 21: 53-63.
  • Rujjanavet, Pusit. (1986). The Phonology of Ugong in Uthaithani Province. M.A. Thesis in Linguistics, Faculty of Graduate Studies, Mahidol University.
  • Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 197–216.