ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไทยลีก"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
ลบโดย ไมเคิล แจ๊คสัน |
|||
{{ความหมายอื่น||ลีกระดับอื่น ๆ|ไทยลีก (แก้ความกำกวม)}} |
|||
{{Infobox football league |
|||
| name = ไทยลีก (Thai League) |
|||
| image = Thai League Logo.svg |
|||
| pixels = 250px |
|||
| country = {{THA}} |
|||
| confed = [[สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย|เอเอฟซี]] |
|||
| founded = 2539 |
|||
| teams = 16 |
|||
| promotion = |
|||
| relegation = [[ไทยลีก 2]] |
|||
| levels = 1 |
|||
| domest_cup = [[ไทยเอฟเอคัพ]]<br/>[[ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ|แชมเปียนส์คัพ]] |
|||
| league_cup = [[ไทยลีกคัพ]] |
|||
| confed_cup = [[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก]]<br/>[[แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ]] |
|||
| champions = [[สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด|เชียงราย ยูไนเต็ด]] (1 สมัย) |
|||
| season = [[ไทยลีก ฤดูกาล 2562|2562]] |
|||
| most successful club = [[สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด|บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด]] (7 สมัย) |
|||
| tv = [[ทรูวิชันส์]] |
|||
| website = [http://www.thaileague.co.th/ Thai League (T1)] |
|||
| current = [[ไทยลีก ฤดูกาล 2563|ฤดูกาล 2563]] |
|||
}} |
|||
'''ไทยลีก''' ({{lang-en|Thai League}}; ชื่อย่อ T1) เป็นระบบการแข่งขันฟุตบอลลีกในระดับสูงสุดของประเทศไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2539 ภายใต้การบริหารของ [[ไทยลีก (บริษัท)|บริษัท ไทยลีก จำกัด]] มีสโมสรฟุตบอลที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 16 สโมสร ดำเนินการแข่งขัน ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงตุลาคมของทุกปี โดยแต่ละสโมสรจะแข่งขันแบบพบกันหมด สองนัดเหย้าเยือนรวม 34 นัดต่อสโมสรต่อฤดูกาล รวมทั้งหมด 306 นัดต่อฤดูกาล |
|||
โดยนับตั้งแต่จัดตั้งลีกขึ้นมา มีทั้งหมด 41 สโมสรที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน และมี 10 สโมสรที่ได้แชมป์ไทยลีก คือ [[สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด|บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด]] (7) (โดยนับรวมสมัยลงแข่งขันในนามสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ บุรีรัมย์ พีอีเอ), [[สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด|เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด]] (4), [[สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร|โปลิศ เทโร]], [[สโมสรฟุตบอลแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล|สโมสรทหารอากาศ]] และ [[สโมสรฟุตบอลธนาคารกรุงไทย|ธนาคารกรุงไทย]] (2), [[สโมสรฟุตบอลธนาคารกรุงเทพ|ธนาคารกรุงเทพ]], [[สโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ด|มหาวิทยาลัยกรุงเทพ]], [[สโมสรฟุตบอลบีบีซียู|สินธนา]], [[สโมสรฟุตบอลชลบุรี|ชลบุรี เอฟซี]], [[สโมสรฟุตบอลยาสูบ|พนักงานยาสูบ]] และ [[สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด|เชียงราย ยูไนเต็ด]] (1) |
|||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:15, 6 มกราคม 2563
ลบโดย ไมเคิล แจ๊คสัน
ประวัติ
เมื่อปี พ.ศ. 2539 สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีความคิดในการที่จะปรับปรุงระบบการแข่งขันฟุตบอลในประเทศ จากวัตถุประสงค์เพื่อความเป็นเลิศ มาเป็นรูปแบบอาชีพ โดยเริ่มก่อตั้งฟุตบอลลีกสูงสุดขึ้น โดยเดิมที การแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรระดับสูงสุดของประเทศคือ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. (ถ้วยใหญ่) ซึ่งจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2459 จนถึงปี พ.ศ. 2538 (ในฐานะการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรระดับสูงสุดของประเทศ) โดยมีสโมสรฟุตบอลเข้าร่วมแข่งขันใน ฤดูกาลแรก ทั้งหมด 18 สโมสร ก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้างเป็น 10 สโมสร จนถึง ฤดูกาล 2547/48
การรวบรวมลีก
ในปี พ.ศ. 2549 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ เริ่มมีการให้ สิทธิสโมสรที่จบตำแหน่งชนะเลิศและรองชนะเลิศใน โปรวินเชียลลีก เข้าร่วมการแข่งขันได้ ซึ่งทำให้มีการเพิ่มจำนวนสโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็น 12 สโมสร ตั้งแต่ ฤดูกาล 2549 จนกระทั่งในปีถัดมา (พ.ศ. 2550) จึงมีการควบรวม โปรวินเชียลลีก โดยได้มีการจัดทำ บันทึกช่วยจำ การจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ระหว่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ[1] ซึ่งเป็นเอกสารข้อตกลงในการรวมลีกทั้งสองเข้าเป็นลีกเดียว โดยให้สิทธิสโมสรที่จบตำแหน่งชนะเลิศและรองชนะเลิศในการแข่งขัน โปรลีก ฤดูกาล 2549 เข้าแข่งขันใน ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ด้วย ซึ่งทำให้มีการเพิ่มจำนวนสโมสรที่เข้าแข่งขันเป็น 16 สโมสร พร้อมทั้งเพิ่มเงื่อนไขให้สโมสรซึ่งอยู่ใน 3 อันดับสุดท้ายเมื่อจบฤดูกาล ต้องตกชั้นไปสู่ ไทยลีกดิวิชั่น 1 โดยให้สิทธิสโมสรชนะเลิศ รองชนะเลิศ และ อันดับที่ 3 ของ ไทยลีกดิวิชั่น 1 เลื่อนชั้นมาแข่งขันเป็นการทดแทน โดยสโมสรแรกที่มาจาก โปรวินเชียลลีก แล้วสามารถชนะเลิศการแข่งขันได้คือ ชลบุรี เอฟซี ใน ฤดูกาล 2550
การปรับโครงสร้างลีกสู่ลีกอาชีพ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ออกระเบียบว่าด้วยความเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นผลให้สมาคมฯ ต้องดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อบริหารลีกและจัดการแข่งขันแทนที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยได้มีการจัดตั้ง บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ขึ้น โดยมี วิชิต แย้มบุญเรือง อดีตนัก ฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นประธานกรรมการคนแรก และออกระเบียบให้ผู้บริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพ ต้องจัดตั้งในรูปนิติบุคคล (บริษัท) เพื่อดำเนินการบริหารสโมสร ส่งผลให้มีการแข่งขันเชิงรูปแบบ การบริหารจัดการให้เป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น รวมทั้งแพร่หลายออกไปยังส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ จากเดิมที่สโมสรฟุตบอลต่างๆ จะกระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น จึงกลับมาเป็นที่นิยมของแฟนฟุตบอลไทยอีกครั้ง โดยใน ฤดูกาล 2554 สมาคมฯ ประกาศเพิ่มจำนวนสโมสรที่จะทำการแข่งขัน เป็น 18 สโมสร[2]
กรณีพิพาทของลีก
ต่อมาได้มีกรณีข้อพิพาทในเรื่องสิทธิการบริหารสโมสรและสิทธิการแข่งขัน ระหว่าง อีสาน ยูไนเต็ด และ ศรีสะเกษ เอฟซี โดยทาง อีสาน ยูไนเต็ด ได้ยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครอง เพื่อขอให้พิจารณาว่า ศรีสะเกษ เอฟซี มีสิทธิทำการแข่งขันในฤดูกาล ฤดูกาล 2556 หรือไม่ ซึ่งศาลปกครองมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว เป็นผลให้ บจก.ไทยพรีเมียร์ลีก ต้องลงมติให้พักการแข่งขันของ สโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ ตามคำสั่งคุ้มครองฯของศาล โดยเมื่อศาลปกครองวินิจฉัยให้สโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ มีสิทธิทำการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกได้ต่อไป สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จึงประชุมร่วมกับ บจก.ไทยพรีเมียร์ลีก สโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ และสโมสรสมาชิกทั้งหมด โดยที่ประชุมลงมติให้ ฤดูกาล 2557 เพิ่มสมาชิกเป็น 20 สโมสร และกำหนดสโมสรที่จะต้องตกชั้นลงไปแข่งขันไทยลีกดิวิชั่น 1 ต้องมีถึง 5 สโมสรคือ อันดับที่ 16-20 (ขณะเดียวกัน ทั้งสองฤดูกาลดังกล่าว ยังคงให้สโมสรชนะเลิศ, รองชนะเลิศ และอันดับที่ 3 ของไทยลีกดิวิชัน 1 ขึ้นมาแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีกตามเดิม) เพื่อทำให้สโมสรสมาชิก คงเหลือเพียง 18 ทีมเท่าเดิม[3] ส่วนฤดูกาล 2556 ให้สโมสรอันดับที่ 17 ต้องตกชั้นลงไปแข่งขันในไทยลีกดิวิชัน 1 เพียงทีมเดียว[4]
การเปลื่ยนแปลงบริหาร
ภายหลังจากการเลือกตั้งนายก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่ง พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งได้รับเลือกจากสโมสรสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคม คนใหม่ได้ประกาศว่าได้ทำการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน บจก.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยใช้ชื่อว่า บริษัท พรีเมียร์ลีกไทยแลนด์ จำกัด (PLT)[5] และได้มีการจัดหาตัวแทนบริหารสิทธิประโยชน์ของลีก แทนที่ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ที่ได้มีการยกเลิกสัญญาไป
การปรับโครงสร้างระบบลีก
ต่อมา ได้มีการจัดตั้ง บริษัท ไทยลีก จำกัด ขึ้นมาแทน บจก.พรีเมียร์ลีกไทยแลนด์ ตามคำแนะนำของ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย และ สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ โดยได้โอนหุ้นจำนวน 99.98% ที่ทางนายกสมาคมฯ ถือไว้ ให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย[6] ต่อมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีนโยบายในการพัฒนาศักยภาพสโมสรฟุตบอลลีกอาชีพอย่างยั่งยืน และยกระดับลีกภายในประเทศ ให้ก้าวไปสู่ลีกชั้นนำของอาเซียนและเอเชีย เริ่มจากการตั้งและปรับเปลี่ยนชื่อลีกแต่ละระดับให้อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน เน้นความเรียบง่าย กระชับ น่าจดจำและร่วมสมัยที่สุด[7]
การแข่งขันฟุตบอลลีกภายในประเทศไทยภายใต้การจัดของ บริษัท ไทยลีก จำกัด ตั้งแต่ฤดูกาล 2560 จะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ โดยมีชื่อเรียกหลักอย่างเป็นทางการประกอบด้วย
- ไทยลีก (Thai League) ชื่อย่อ T1 เป็นการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ระดับสูงสุดของประเทศไทย โดยฤดูกาล 2560 สโมสรที่จบอันดับที่ 1-15 ของ ฤดูกาล 2559 และ สโมสรอันดับ 1-3 จาก ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2559 รวมเป็น 18 สโมสร และตั้งแต่ฤดูกาล 2562 เป็นต้นมา ได้มีการปรับลดจำนวนสโมสรที่ทำการแข่งขันเป็น 16 สโมสร เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดตารางแข่งขันให้ ฟุตบอลทีมชาติไทย ได้มีเวลาเตรียมทีมแข่งขันรายการต่างๆ และสามารถมีช่วงเวลาหยุดพักแข่งขันตามหลักสากล
- ไทยลีก 2 (Thai league 2) ชื่อย่อ T2 เป็นการแข่งขันฟุตบอลอาชีพระดับที่สองรองจาก ไทยลีก โดย ฤดูกาล 2560 สโมสรที่จบอันดับ 16-18 จาก ไทยลีก ฤดูกาล 2559, สโมสรที่จบอันดับ 4-15 จาก ฤดูกาล 2559 และ 3 สโมสรที่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้น จาก ลีกภูมิภาค ฤดูกาล 2559 รวมเป็น 18 สโมสร
- ไทยลีก 3 (Thai league 3) ชื่อย่อ T3 เป็นฟุตบอลลีกอาชีพระดับ 3 ซึ่งจะเริ่มแข่งขันใน ฤดูกาล 2560 เป็นฤดูกาลแรก โดยนำสโมสรที่จบอันดับ 1-4 จาก 8 โซนของ ลีกภูมิภาค ฤดูกาล 2559 และไม่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นใน รอบแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2559 รวมเป็น 32 สโมสร แล้วแบ่งเป็น 2 โซนๆ ละ 16 สโมสร
- ไทยลีก 4 (Thai league 4) ชื่อย่อ T4 เป็นฟุตบอลลีกอาชีพระดับ 4 โดยสโมสรที่เข้าแข่งขันมาจากสโมสรใน ลีกภูมิภาค ฤดูกาล 2559 ที่ไม่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปเล่น ไทยลีก 3 รวมกับ ทีมสำรอง ของสโมสรใน ไทยลีก
- ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก (Thailand Amateur League) ลีกสมัครเล่น
-
จอห์นนีวอล์กเกอร์ ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก
(2539 - 2540) -
คาลเท็กซ์ พรีเมียร์ลีก
(2541 – 2543) -
จีเอสเอ็ม ไทยลีก
(2544 – 2547) -
ไทยลีก
(2547 – 2548) -
ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก
(2549 – 2551) -
ไทยพรีเมียร์ลีก
(2552) -
สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก
(2553) -
สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก
(2554 – 2555) -
โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก
(2556 - 2557) -
โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก
(2558) -
โตโยต้า ไทยลีก
(2559) -
โตโยต้า ไทยลีก
(2560 - )
รูปแบบการแข่งขัน
ไทยลีก มีสโมสรฟุตบอลเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งหมด 16 สโมสร ตามปกติจะดำเนินการจัดแข่งขัน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงตุลาคมของทุกปี โดยแต่ละสโมสรจะแข่งขันแบบพบกันหมด สองนัดเหย้าเยือนรวม 30 นัดต่อสโมสรต่อฤดูกาล ซึ่งในแต่ละนัด ผู้ชนะจะได้ 3 คะแนน เสมอได้ 1 คะแนน แพ้ไม่ได้คะแนน ทั้งนี้เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล สโมสรที่ได้คะแนนรวมสูงสุด จะได้รับตำแหน่งชนะเลิศ และได้สิทธิไปแข่งขันรายการ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ ส่วนสโมสรที่ได้รองชนะเลิศจะได้ไปแข่งในรายการเดียวกัน แต่จะแข่งขันใน รอบคัดเลือก รอบสอง (กรณีสโมสรที่ชนะเลิศหรือรองชนะเลิศไทยลีก และสโมสรที่ชนะเลิศ ไทย เอฟเอคัพ ในฤดูกาลเดียวกัน เป็นสโมสรเดียวกัน สิทธิแข่งขันจะตกเป็นของสโมสรที่ได้คะแนนอันดับที่ 3 ของลีกแทน) ส่วนสโมสรที่ได้คะแนนรองลงมา จะเรียงอันดับลดหลั่นกันตามคะแนนรวมที่ได้ โดยสโมสรที่จบฤดูกาลในสามอันดับสุดท้าย จะตกชั้นสู่ไทยลีก 2 และ ทีมที่อันดับสูงที่สุดสองทีมในไทยลีก 2 จะเลื่อนชั้นไป พร้อมกับอีกหนึ่งทีมที่มาจากการชนะเลิศในการแข่งขันเพลย์ออฟระหว่างอันดับที่ 3, 4, 5 และ 6
ในกรณีที่มีสโมสรมากกว่า 1 ทีมขึ้นไป ได้คะแนนรวมเท่ากันเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ให้ใช้เกณฑ์พิจารณาเรียงลำดับดังนี้
- พิจารณาจากผลการแข่งขันของทีมที่มีคะแนนเท่ากันที่เคยแข่งกันมาในฤดูกาลที่เพิ่งจบการแข่งขัน (Head To Head)
- พิจารณาจากจำนวนครั้งที่ชนะ (Number of Wins) ของแต่ละทีมที่คะแนนเท่ากัน
- พิจารณาจากผลต่างของประตูได้ และประตูเสีย (Goals Difference)
- พิจารณาเฉพาะประตูได้ (Goals For)
- แข่งขันกันใหม่ 1 นัด เพื่อหาทีมชนะ หากผลการแข่งขันเสมอกันในเวลาปกติให้ตัดสินด้วยการเตะลูกโทษ ณ จุดเตะโทษ
- ในกรณีที่พิจารณาตามเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นตามลำดับแล้วและได้เกณฑ์ตัดสินตามข้อหนึ่งข้อใดแล้วให้ยุติการพิจารณาข้อต่อไป
ในการจัดอันดับระหว่างการแข่งขัน เพื่อแสดงลำดับในตารางคะแนนระหว่างฤดูกาล ให้ใช้เกณฑ์พิจารณาดังต่อไปนี้
- พิจารณาจากคะแนนรวมสูงสุด
- ถ้าคะแนนรวมเท่ากันให้พิจารณาจากผลต่างของประตูได้ ประตูเสีย
- ถ้ายังเท่ากันอีกให้ดูเฉพาะประตูได้
- ถ้ายังเท่ากันอีกให้ทำการจับฉลาก
ผู้สนับสนุนหลัก
รายชื่อผู้สนับสนุนหลักแข่งขันในฤดูกาลต่างๆ
- 2539-2540: จอห์นนีวอล์กเกอร์ (จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก)
- 2541-2543: คาลเท็กซ์ (คาลเท็กซ์ พรีเมียร์ลีก)
- 2544-2547: จีเอสเอ็ม (จีเอสเอ็ม ไทยลีก)
- 2547-2552: ไม่มีผู้สนับสนุน (ไทยลีก (2547-2548)), (ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก (2549-2551)), (ไทยพรีเมียร์ลีก (2552))
- 2553-2555: สปอนเซอร์ (สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก)
- 2556-ปัจจุบัน: โตโยต้า (โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก (จนถึง 2559) แล้วเปลี่ยนเป็น โตโยต้า ไทยลีก)
สโมสรที่เข้าร่วมไทยลีก (ฤดูกาล 2563)
สโมสร | ที่ตั้ง | สนามเหย้า | ความจุ |
---|---|---|---|
การท่าเรือ | กรุงเทพมหานคร (คลองเตย) | แพตสเตเดียม | 8,000 |
ชลบุรี | ชลบุรี | ชลบุรีสเตเดียม | 8,600 |
ตราด | ตราด | สนามกีฬากลางจังหวัดตราด | 5,000 |
ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด | ปทุมธานี (คลองหลวง) | สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต | 19,375 |
นครราชสีมา มาสด้า | นครราชสีมา | สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 | 25,000 |
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด | ปทุมธานี (ธัญบุรี) | ลีโอสเตเดียม | 9,000 |
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด | บุรีรัมย์ | ช้างอารีนา | 32,600 |
โปลิศ เทโร | กรุงเทพมหานคร (หลักสี่) | สนามบุณยะจินดา | 3,500 |
พีที ประจวบ | ประจวบคีรีขันธ์ | สามอ่าวสเตเดียม | 5,000 |
ระยอง | ระยอง | ระยองสเตเดียม | 7,500 |
ราชบุรี มิตรผล | ราชบุรี | มิตรผลสเตเดียม | 10,000 |
สมุทรปราการ ซิตี้ | สมุทรปราการ (บางพลี) | สนามกีฬาการกีฬาแห่งประเทศไทย บางพลี | 5,100 |
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด | เชียงราย | สิงห์ สเตเดียม | 13,000 |
สุโขทัย | สุโขทัย | ทะเลหลวงสเตเดียม | 8,000 |
สุพรรณบุรี | สุพรรณบุรี | สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี | 15,279 |
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด | นนทบุรี (ปากเกร็ด) | เอสซีจีสเตเดียม | 13,000 |
ทำเนียบสโมสรชนะเลิศ
จำนวนครั้งที่ชนะเลิศ
สโมสร | ครั้ง | ปีที่ได้ |
---|---|---|
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด | 2551, 2554, 2556, 2557, 2558, 2560, 2561 | |
เมืองทอง ยูไนเต็ด | 2552, 2553, 2555, 2559 | |
ทหารอากาศ | 2540, 2542 | |
บีอีซี เทโร ศาสน | 2543, 2544/45 | |
ธนาคารกรุงไทย | 2545/46, 2546/47 | |
ธนาคารกรุงเทพ | 2539 | |
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ | 2549 | |
สินธนา | 2541 | |
ชลบุรี | 2550 | |
พนักงานยาสูบ | 2547/48 | |
เชียงราย ยูไนเต็ด | 2562 |
ผู้ลงเล่นสูงสุด
อันดับ | ผู้เล่น | ตำแหน่ง | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|---|
1 | รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค | MF | 376 | 43 |
2 | สินทวีชัย หทัยรัตนกุล | GK | 351 | 1 |
3 | ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน | GK | 335 | 0 |
4 | ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ | DF | 333 | 19 |
5 | พิชิตพงษ์ เฉยฉิว | MF | 322 | 62 |
6 | นริศ ทวีกุล | GK | 313 | 1 |
7 | พิภพ อ่อนโม้ | FW | 265 | 88 |
8 | อภิเชษฐ์ พุฒตาล | DF | 261 | 7 |
9 | กิตติศักดิ์ ระวังป่า | GK | 254 | 0 |
10 | เจษฎา จิตสวัสดิ์ | DF | 253 | 4 |
ตัวหนา หมายถึง นักเตะที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่
ผู้ทำประตูสูงสุด
อันดับ | ผู้เล่น | ปี | ประตู | ลงเล่น |
---|---|---|---|---|
1 | คลีตัน ซิลวา | 2010–2014, 2015–2017, 2018– | 141 | 179 |
2 | ธีรศิลป์ แดงดา | 2009–2014, 2015– | 115 | 248 |
เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส | 2014–2016, 2017– | 115 | 155 | |
4 | ดราแกน บอสโควิช | 2013– | 109 | 134 |
5 | พิภพ อ่อนโม้ | 2006–2018 | 108 | 404 |
6 | จีโอกู ลูอิส ซังตู | 2015–2018 | 101 | 104 |
ศรายุทธ ชัยคำดี | 2001–2004, 2007–2012, 2013–2014 | 101 | 233 | |
8 | มารีโอ ยูโรฟสกี | 2012– | 88 | 178 |
9 | โคเน โมฮาเหม็ด | 2003–2007, 2009, 2010–2014 | 87 | 177 |
10 | อานนท์ สังข์สระน้อย | 2006–2016 | 79 | 177 |
11 | ธีรเทพ วิโนทัย | 2006–2008, 2009–2014, 2016– | 67 | 240 |
ผู้เล่นที่ยังลงเล่นอยู่ (ตัวหนา)
สถิติผู้เล่น
- ผู้เล่นอายุน้อยที่สุด : ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) — 15 ปี 8 เดือน 22 วัน (25 เมษายน 2561, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-1 นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ไทยลีก 2561)
- ผู้เล่นอายุมากที่สุด : สมชาย ทรัพย์เพิ่ม (ทีโอที เอสซี) — 51 ปี 7 เดือน 25 วัน (3 พฤศจิกายน 2556, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-1 ทีโอที เอสซี, ไทยพรีเมียร์ลีก 2556)
- ผู้เล่นที่ยิงประตูอายุน้อยที่สุด : ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) — 15 ปี 9 เดือน 25 วัน (26 พฤษภาคม 2561, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 5-0 แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล, ไทยลีก 2561)
- ผู้เล่นที่ยิงประตูอายุมากที่สุด : เทิดศักดิ์ ใจมั่น (ชลบุรี เอฟซี) — 40 ปี 8 เดือน 24 วัน (2 มิถุนายน 2557 ทีโอที เอสซี 1-1 ชลบุรี เอฟซี, ไทยพรีเมียร์ลีก 2557)
- ยิงประตูได้ติดต่อกันเยอะที่สุด: 10 เกม — ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต๋ด) (24 กันยายน 2560 — 2 มีนาคม 2561, ไทยลีก 2560, ไทยลีก 2561)
- ไม่เสียประตูติดต่อกันเยอะที่สุด : 6 เกม —
- ยิงประตูเยอะที่สุดต่อฤดูกาล : 38 ประตู — ดราแกน บอสโควิช (แบงค็อก ยูไนเต็ด, ไทยลีก 2560)
- แอสซิสต์เยอะที่สุดต่อฤดูกาล : 19 แอสซิสต์ — ธีราทร บุญมาทัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ไทยพรีเมียร์ลีก 2558)
- ได้แชมป์ไทยลีกเยอะที่สุด : 7 ครั้ง — จักรพันธ์ แก้วพรม
- เล่นไทยลีกมากที่สุด : 19 ฤดูกาล — อำนาจ แก้วเขียว (2540-2557)
เครือข่ายถ่ายทอดโทรทัศน์
- ครั้งที่ 1-6 : ช่อง 7 สี
- ครั้งที่ 7-12 : ทรูวิชันส์ / ไทยทีวีสีช่อง 3
- ครั้งที่ 13-14 : ดีทีวี / สยามกีฬาทีวี / เอ็นบีที / ทีสปอร์ต (มูลค่าลิขสิทธิ์ ปีละ 40 ล้านบาท)
- ครั้งที่ 15-17 : ทรูวิชันส์ (ทรูสปอร์ต) / สยามสปอร์ตแชนเนล (สยามกีฬาทีวี) / สทท. (มูลค่าลิขสิทธิ์ ปีละ 200 ล้านบาท)
- ครั้งที่ 18-20 : ทรูวิชันส์ (ทรูสปอร์ต) / ทรูโฟร์ยู ช่องโทรทัศน์ระบบดิจิทัลของทรูวิชันส์ (มูลค่าลิขสิทธิ์ ปีละ 600 ล้านบาท) ในครั้งที่ 19 ฤดูกาล 2558 มีการแบ่งขายสิทธิการถ่ายทอดสดให้แก่ ททบ.5 และช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี เป็นบางส่วน
- ครั้งที่ 21-24 : ทรูโฟร์ยู / ทรูวิชันส์ (ทรูสปอร์ต / ทรูสปาร์กจัมพ์) (มูลค่าลิขสิทธิ์ ปีละ 1,050 ล้านบาท)
รางวัล
เงินรางวัล
- ชนะเลิศ: 10,000,000 บาท
- รองชนะเลิศ: 2,000,000 บาท
- อันดับสาม: 1,500,000 บาท
- อันดับสี่: 800,000 บาท
โดยทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล สำหรับสโมสรฟุตบอลซึ่งได้คะแนนรวมในอันดับต่างๆ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
นอกจากนี้ ยังมีเงินบำรุงสโมสรที่เข้าร่วมแข่งขัน สโมสรละ 1,000,000 บาท โล่พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท สำหรับผู้จัดการทีม/หัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม และผู้ทำประตูสูงสุด, โล่พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท สำหรับสโมสรที่มีมารยาทยอดเยี่ยม, นักฟุตบอลเยาวชนผู้มีผลงานโดดเด่น และผู้เล่นยอดเยี่ยมตำแหน่งต่างๆ คือผู้รักษาประตู, กองหลัง, กองกลาง และกองหน้า[8]
ถ้วยรางวัล
- 2554 – 2558 ในปี 2010 ทาง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ได้จัดทำถ้วยไทยพรีเมียร์ลีกขึ้นใหม่ โดยถ้วยนั้นออกแบบโดย กลูครีเอทีฟ จากประเทศอังกฤษ และผลิตที่เมือง เชฟฟีลด์ ตัวถ้วยมีความสูง 75 เซนติเมตร หนักมากกว่า 30 กิโลกรัม
- 2559 (ถ้วยพระราชทานประเภท ก) หลังจากที่ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ชนะการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 สมาคมฯได้อัญเชิญ ถ้วยพระราชทานประเภท ก เป็นถ้วยรางวัลชนะเลิศสำหรับแชมป์ไทยลีก[9] หลังจากที่ถ้วยนี้ได้ใช้เป็นถ้วยชนะเลิศ ตั้งแต่ปี 2459 ถึง 2538
- 2559 (เฉพาะกิจ) สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดทำถ้วยแชมป์ไทยลีก และดิวิชั่น 1 ขึ้นมาใหม่แบบเฉพาะกิจ เพื่อมอบให้กับ เอสซีจี เมืองทองฯ แชมป์ไทยลีก 2016 และไทยฮอนด้า แชมป์ดิวิชั่น 1 2016 ในวันที่ 17 และ 18 ก.พ. ตามลำดับ ท่ามกลางความสงสัยของคนวงการฟุตบอล ว่าเหตุใดถึงทำถ้วยใบใหม่ขึ้นมา และเหตุใดถึงไม่ใช้ถ้วยใบเก่า พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการสมาคมฯ และโฆษกสมาคมฯ กล่าวว่าสาเหตุที่ไม่สามารถนำถ้วยแชมป์ใบเก่ามามอบให้กับ เมืองทองฯ ได้ เนื่องจากเป็นถ้วยของ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก หรือบริษัทเดิมที่จัดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ทว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทเป็น บ.ไทยลีก จำกัด ดังนั้นจึงต้องทำถ้วยใบใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นสมบัติของ บ.ไทยลีก
- 2560 – ปัจจุบัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2560 ณ ห้องประชุม 127 สนามราชมังคลากีฬาสถาน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัท ไทยลีก จำกัด ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวการเปิดตัวถ้วยรางวัลสำหรับฟุตบอลลีกอาชีพ 4 รายการ ถ้วยรางวัลทั้งหมดถูกออกแบบ โดย จอห์น นิกซ์, ปีเตอร์ วิลสัน และ คิม เซาแธม ชาวสหราชอาณาจักรที่ผลงานระดับโลก อาทิ ออกแบบรางวัลนักเตะชายและหญิงยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า, โทรฟี่ฟุตบอลหญิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ฯ ซึ่งถ้วยรางวัลของฟุตบอลลีกอาชีพ และฟุตบอลถ้วยของไทยใบใหม่นี้ถือเป็นผลงานที่หล่อขึ้นมาใหม่ชิ้นต่อชิ้นของพวกเขา นอกจากนี้ยังสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยการใช้ลวดลายกนก โดยถ้วยรางวัลฟุตบอลลีกอาชีพทั้ง 4 ระดับนั้น จะมีลวดลายที่คล้ายคลึงกัน ต่างเพียงวัสดุที่ใช้ ทั้งนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บ.ไทยลีก จำกัด จะจัดพิธีการมอบถ้วยรางวัลที่ออกแบบใหม่ให้กับทีมแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก, เอ็ม-150 แชมเปียนชิพ, ยูโร่เค้ก ลีก โปร และ ยูโร่เค้ก ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2017 นี้เป็นต้นไป[10]
ผู้ทำประตูสูงสุดของฤดูกาล
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ผู้จัดการทีม/หัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม
ลีกเยาวชน
ลีกเยาวชนก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยความร่วมมือของการกีฬาแห่งประเทศไทย ใช้ชื่อการแข่งขันว่า ไทยแลนด์ยูธลีก มีรูปแบบการแข่งขันคล้ายกับ ไทยลีก 4 และมีการแข่งขันทั้งหมด 4 รุ่นได้แก่ รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี, 15 ปี, 17 ปี และ 19 ปี
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ http://web.archive.org/web/20070202012321if_/http://www.fat.or.th:80/Download/SATMemo.doc บันทึกช่วยจำ การจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ระหว่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัปภ์ - เว็บไซต์เก่า ส.ฟ.ท.
- ↑ "แถลงแล้ว ไทยลีก-ด.1 เพิ่ม 18 ทีม เพลย์อ๊อฟเริ่มหวด ธ.ค." SMM Sport. SMM Sport. 9 พฤศจิกายน 2553. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2560.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ทีพีแอลได้ข้อสรุปไทยลีกตกชั้น5ทีม". สยามกีฬารายวัน. 31 January 2014. สืบค้นเมื่อ 10 September 2014.
- ↑ "ไทยลีกเพิ่ม 20 ทีมถาวร "กูปรี" รอด! ร่วงทีมเดียว". ผู้จัดการออนไลน์. 30 August 2016. สืบค้นเมื่อ 10 September 2016.
- ↑ "โฉมใหม่! ส.บอลตั้งบริษัทพรีเมียร์ลีกไทยแลนด์ (PLT)"". โกล ไทยแลนด์. 15 กุมภาพันธ์ 2559. สืบค้นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2561.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ตั้งบริษัทไทยลีกใหม่! 'บิ๊กอ๊อด' โอนหุ้น 99.98% เข้าสมาคมฟุตบอลฯ". ไทยรัฐ. 20 กันยายน 2559. สืบค้นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2561.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สรุปการแถลงข่าว "FA THAILAND ROADMAP 2017-2019"". สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ. 15 ธันวาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ประกาศรางวัล และโล่ห์เกีรยติยศ ฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก และลีกดิวิชั่น 1
- ↑ https://sports.kachon.com/18954 อัญเชิญถ้วย ก มอบแชมป์ไทยลีก
- ↑ http://www.goal.com/th/ข่าว/official-จากชางระดบโลก-สบอลเปดตว-5-ถวยแชมปไทยลกเอฟเอ-คพ/syw96erimw051a2aih1lqwd11 ส.บอล ทำการเปิดตัวถ้วยชนะเลิศไทยลีก ทั้ง 4 ดิวิชั่น และถ้วยช้าง เอฟเอ คัพ ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ซีซั่น ฝีมือจากช่างระดับโลก
- ↑ สมาคมฯ จัดงานประกาศเกียรติคุณ "FA Thailand Awards 2019 "
- ↑ สมาคมฯ จัดงานประกาศเกียรติคุณ "FA Thailand Awards 2018 "
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- Thai League ทางเฟซบุ๊ก
- Premier League Thailand ทางเฟซบุ๊ก
- Thailand Youth League ทางเฟซบุ๊ก
- ฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ Thailand Youth League ผู้ติดตาม ทางเฟซบุ๊ก
- ข่าวไทยลีก Sport TrueID