สโมสรฟุตบอลราชวิถี
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลราชวิถี | ||
---|---|---|---|
ฉายา | ทหารเสือราชินี, ชาววัง | ||
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2511 | ||
ยุบ | 2558 | ||
สนาม | สนาม ม.มหิดล ศาลายา (ความจุ:1,500 ที่นั่ง) | ||
เจ้าของ | สมาคมกีฬาสโมสรฟุตบอลราชวิถี | ||
ประธาน | ภากร กสิโสภา | ||
ผู้จัดการ | ว่าง | ||
ผู้ฝึกสอน | ว่าง | ||
ลีก | ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 | ||
ฤดูกาลสุดท้าย 2557 | อันดับ 14 (โซนกรุงเทพและภาคกลาง) ยุบทีม | ||
|
สโมสรฟุตบอลราชวิถี เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย เคยลงแข่งขันในลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยพี่น้อง สำเริง ไชยยงค์ และ เสนอ ไชยยงค์
ในอดีตยุคก่อนจะเกิดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก สโมสรฟุตบอลราชวิถีจัดเป็นสโมสรที่โด่งดังและประสบความสำเร็จสโมสรหนึ่ง โดยสร้างผลงานคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ประเภท ก ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลในระดับสูงที่สุดของประเทศไทยในขณะนั้นได้ถึง 4 สมัย รวมถึงสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลควีนส์คัพ ได้ 1 สมัย
หลังจากที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ก่อตั้งระบบฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยอย่างไทยลีกขึ้น สโมสรฟุตบอลราชวิถีได้ลงแข่งขันในไทยลีกฤดูกาลแรก (ฤดูกาล 2539) ซึ่งนับเป็นการลงเล่นในลีกสูงสุดฤดูกาลแรกและฤดูกาลเดียวของสโมสร ก่อนจะตกชั้นเมื่อจบฤดูกาล
ตั้งแต่พ.ศ. 2540 ถึง 2551 สโมสรลงเล่นในระดับไทยลีก ดิวิชัน 1 โดยมีผลงานที่ตกต่ำลงและไม่สามารถกลับขึ้นไปเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกได้ โดยในการแข่งขันดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2551สโมสรตกชั้นไปสู่ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2เมื่อจบฤดูกาล
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 สโมสรลงแข่งขันในลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 กลุ่มกรุงเทพและปริมณฑล และประสบปัญหาด้านการเงินและงบประมาณ ทำให้ต้องพักทีมไปในฤดูกาล 2555 ก่อนจะกลับมาส่งทีมแข่งขันอีกครั้งในฤดูกาล 2556 และ 2557 โดยในการแข่งขันฤดูกาล 2557 สโมสรมีผลงานที่ย่ำแย่โดยจบอันดับสุดท้ายในตารางคะแนนกลุ่มกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้ต้องพักทีมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2558
ประวัติสโมสร
[แก้]ก่อนปี พ.ศ. 2511 สองพี่น้องตระกูลไชยยงค์ซึ่งเคยเป็นผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอลธนาคารกรุงเทพ มาก่อนและได้ลาออกในปี พ.ศ. 2508 ได้รวบรวมเด็กๆ และเยาวชน ที่มีความสนใจในเกมลูกหนัง นำมาฝึกสอนทักษะสูกหนัง บริเวณสนามอัฒจันทร์ ศาลต้นโพธิ์ สนามกีฬาแห่งชาติหรือสนามศุภชลาศัย จากจุดเริ่มต้นที่มีเยาวชนเพียงน้อยนิด 10 กว่าคน จนกระทั่งมีจำนวนกว่า 100 ชีวิตในเวลาไม่นาน เมื่อมีเยาวชนและผู้ปกครองนำเยาวชนมาเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้นักเตะที่ได้ฝึกสอนอยู่มีโอกาสได้ลงสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการและเป็นการพัฒนาฝีมือในขั้นสูง
ในปี พ.ศ. 2511 สำเริง ไชยยงค์ จึงได้ยื่นจดทะเบียนก่อตั้งสโมสรฟุตบอลต่อกรมตำรวจ ในขณะนั้น (ปัจจุบันคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) โดยใช้ชื่อทีมว่า "สโมสรฟุตบอลราชวิถี" และเป็นชื่อทีมที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ทีมสโมสรฟุตบอลราชวิถี ถือเป็นสโมสรแรกๆ ของทีมฟุตบอลในเมืองไทยที่มีระบบการเล่นฟุตบอลแบบ "โททัลฟุตบอล" อันสวยงามและเร้าใจ
ทีมราชวิถีประสบความสำเร็จกับการสร้างนักเตะระดับเยาวชนเป็นอย่างมาก โดยสามารถคว้าแชมป์ลูกหนังระดับเยาวชนชิงชนะเลิสแห่งประเทศไทย ถึง 6 ปีซ้อน สำหรับทีมในระดับชุดใหญ่ก็มีผลงานไม่น้อยหน้ากว่าทีมเยาวชน โดยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมณ์ สามารถความแชมป์ฟุตบอลฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค. (ถ้วย ค.) ได้ในปี พ.ศ. 2515 โดยในปี พ.ศ. 2514 ทีมราชวิถีสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยใหญ่หรือฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. (ถ้วย ก.) ซึ่งถือว่าเป็นถ้วยฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศ ได้เป็นครั้งแรก และทีมราชวิถี ยังสามารถกลับมาความแชมป์ถ้วย ก. ได้ อีก 3 ครั้งในปี ปี พ.ศ. 2516 (คว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรฟุตบอลราชประชา) ปี พ.ศ. 2518 และ ปี พ.ศ 2520 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองในปีท้ายๆ ของทีมราชวิถีรวมแล้วทีมราชวิถี คว้าแชมป์ระดับสูงสุดของประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง
นอกจากนี้สโมสรฟุตบอลราชวิถียังเป็นสมาชิกภาคีควีนส์คัพ ซึ่งเป็นฟุตบอลถ้วยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นเป็นรายการฟุตบอลที่มีถ้วยรางวัลใหญ่ที่สุดในโลก โดยถ้วยรางวัลนี้ได้รับพระราชทานมาจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โดยทีมราชวิถี สามารถคว้ามแชมป์มาได้หนึ่งครั้งในปี พ.ศ. 2516
ในปี พ.ศ. 2538 ทีมราชวิถี เริ่มกลับเข้าสู่ความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อสามารถชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. (ถ้วย ข.) และได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. (ถ้วย ก.)ในปี พ.ศ. 2539 แต่เนื่องจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันฟุตบอลในประเทศไทยใหม่ในปี พ.ศ. 2539 โดยจัดการแข่งขันในระบบลีกใช้ชื่อการแข่งขันว่า ไทยลีก โดยให้ทีมที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. (ถ้วย ก.) ในปี พ.ศ. 2539 เข้าร่วมการแข่งขันไทยลีก และจัดให้ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. (ถ้วย ก.) เป็นการแข่งขันฟุตบอลนัดก่อนเปิดฤดูกาลของฟุตบอลไทยลีกแทนคล้ายกับฟุตบอลคอมมูนิตี้ ชิลด์ ของประเทศอังกฤษ ปีแรกที่ทีมราชวิถีเข้าแข่งขันในระบบลีก เนื่องจากเป็นทีมน้องใหม่ของการแข่งขันระดับลีกทำให้ทนต่อแรงเสียดทานของทีมอื่นๆไม่ไหว เมื่อลงแข่งขันจึงแพ้มากกว่าชนะเมื่อจบฤดูกาล ทำอันดับได้ที่ 16 จาก 18 สโมสร ทำให้ต้องตกชั้นลงไปเล่นในระดับ ไทยลีก ดิวิชั่น 1
ในปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา สโมสรฟุตบอลราชวิถี อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงการบริหารทีมภายใต้การนำของประธานสโมสร พล.ต. หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ที่ต้องการเห็นสโมสรกลับไปโลดแล่นในระดับไทยลีกอีกครั้ง แต่เนื่องจาก ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้ทีมเผชิญกับวิกฤตหลายๆด้าน จึงยังไม่สามารถส่งทีมไปถึงเป้าหมายได้ แต่ด้วยความรักในทีมสโมสรราชวิถี พล.ต. หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ก็ยังสู้ฝ่าฟันอุปสรรคเรื่อยมา และก็ยังสามารถนำทัพเข้าสู้ศึกในลีกต่างๆอย่างไม่ท้อถอย แต่อย่างไรก็ดี สโมสรราชวิถีภายใต้การนำของ พล.ต. หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล มีปัญหาไม่จ่ายเงินเดือนนักฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง นักฟุตบอลที่ไม่ได้รับค่าจ้างจึงขาดแรงจูงใจ ทำให้ผลงานในสนามย่ำแย่ลงอย่างหนัก
ในปี พ.ศ. 2556 พล.ต. หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ประธานสโมสร ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธาน สโมสรฟุตบอลราชวิถี ด้วยเพราะมีภารกิจที่สำคัญมากมายรออยู่เบื้องหน้า โดยขอมอบให้หน้าที่นี้ นาย ภากร กสิโสภา อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรี ร่วมกับผู้จัดการทีมฟุตบอลราชวิถี ดำเนินการนำทัพทีมสโมสรราชวิถี สู้ศึกในลีกต่อไป
ผู้เล่นฤดูกาลสุดท้าย
[แก้]ผู้เล่นชุดสู้ศึกไทยลีกดิวิชัน 2 โซนกรุงเทพและปริมณฑล ฤดูกาล 2557 หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
อดีตผู้เล่นที่โดดเด่น
[แก้]- นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์
- อารมณ์ จันทร์กระจ่าง
- ภาณุวัฒน์ ร่วมฤดีกูล
- สิทธิพร ผ่องศรี
- อำนาจ เฉลิมชวลิต
- จุฑา ติงศภัทิย์
- ทรงไทย สหวัชรินทร์
- เอกชัย สนธิขัณธ์
- วีระยุทธ สวัสดี
- ปรีชา กิจบุญ
- แก้ว โตอดิเทพ
- สุรินทร์ เข็มเงิน
- เชิดศักดิ์ ชัยบุตร
- โรจนะ สมุลไพร
- ไพบูลย์ ขันธรักษา
- เทพพิทักษ์ จันทร์สุเทพ
ผลงาน
[แก้]- ควีนส์คัพ - ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2516
- ไทยเอฟเอคัพ - ชนะเลิศ 2 ครั้ง - 2517, 2518
- ถ้วย ก - ชนะเลิศ 4 ครั้ง - 2514, 2516, 2518, 2520
- ถ้วย ข - ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2538
- ถ้วย ค - ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2515