จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ประติมากรรม รูปองค์พระมาลัย ศิลปะต้นรัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พระมาลัยคำหลวง รู้จักกันในท้องถิ่นว่า พระมาลัยกลอนสวด[1] เป็นวรรณคดี ศาสนาพุทธ ที่เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ ทรงพระนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. 2280 ทำนองเช่นเดียวกับกาพย์มหาชาติ กล่าว คือ แต่งด้วยร่ายสุภาพ บางแห่งมีลักษณะคล้ายกาพย์ยานี ปนอยู่บ้าง แต่เดิมนั้นพระมาลัยคำหลวงใช้สวดในงานมงคลสมรส ต่อมาเปลี่ยนไปใช้สวดเฉพาะงานศพหรือสวดหน้าศพ
ในเรื่องราวหลายแบบ พระมาลัยเป็นพระภิกษุที่สั่งสมบุญ มากจนได้อภิญญา ท่านใช้พลังนี้เดินทางไปยังนรก ชั้นต่าง ๆ โดยพบกับผู้ได้รับการลงโทษ และกำลังอ้อนวอนให้ญาติที่กำลังมีชีวิตทำบุญให้ตนด้วย เมื่อท่านได้พบกับพระอินทร์ ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และพบพระศรีอริยเมตไตรย ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ผู้สั่งสอนให้ท่านทำบุญมากขึ้น[2] ส่วนใดก็ตามที่ไม่มีในนี้ เป็นส่วนที่ถูกปรับแต่งและพัฒนาให้ผู้ฟังได้รับความบันเทิง[3]
พระมาลัยดูผู้ทำผิดประเวณีได้รับเคราห์กรรมในนรก ภาพในวัดมาจีรัม ประเทศมาเลเซีย พระมาลัยดูผู้ทำผิดประเวณีได้รับเคราห์กรรมในนรก ภาพในวัดมาจีรัม ประเทศมาเลเซีย
พระมาลัยสั่งสอนผู้ตายในนรก ภาพในวัดมาจีรัม ประเทศมาเลเซีย พระมาลัยสั่งสอนผู้ตายในนรก ภาพในวัดมาจีรัม ประเทศมาเลเซีย
รูปปั้นพระมาลัยแบบกรุงเทพในคริสต์ศตวรษที่ 18 รูปปั้นพระมาลัยแบบกรุงเทพในคริสต์ศตวรษที่ 18
เอกสารตัวเขียนเกี่ยวกับพระมาลัยที่เก่าแก่ที่สุดถูกบันทึกใน จ.ศ. 878[4] (ค.ศ. 1516) ซึ่งเขียนด้วยภาษาบาลี และภาษาไทยถิ่นเหนือ อย่างไรก็ตาม เอกสารตัวเขียนที่รอดส่วนใหญ่อยู่ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19[5] มีความเป็นไปได้ว่าเนื้อเรื่องเดิมมาจากประเทศศรีลังกา แต่ถูกบันทึกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย [6] ในตอนแรก เรื่องราวของพระมาลัยมักถูกอ่านในงานศพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความบันเทิง โดยพระภิกษุหลายรูปจะใส่ตอนจบหักมุมเพื่อสร้างความบันเทิงแก่ผู้ฟัง ต่อมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้นมา การแสดงแบบนี้ถือว่าไม่เหมาะสม และพระภิกษุถูกห้ามไม่ให้อ่านเรื่องพระมาลัยในงานศพ แต่มีการหลบเลี่ยงการห้ามโดยการให้อดีตพระภิกษุครองผ้าไตรไปอ่านเรื่องนี้[3]
พระมาลัยเป็นที่นิยมในเอกสารตัวเขียนสีวิจิตรการอย่างมากในประเทศไทยช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เนื้อเรื่องมักเขียนด้วยอักษรเขมร แบบภาษาไทยลงในสมุดข่อย ส่วนใหญ่เขียนด้วยภาษาพูดและมีลูกเล่น[2] เอกสารพระมาลัยส่วนใหญ่มี 7 หัวเรื่อง โดยปกติจะเป็นคู่: เทวดาหรือเทวะ; พระสงฆ์เข้าฆราวาส; ฉากในนรก; ฉากการหยิบดอกบัว; พระมาลัยกับพระอินทร์ที่สถูปสวรรค์; เทวดาล่องลอยในอากาศ และฉากที่ตัดกันของคนชั่วที่ทะเลาะวิวาทกับคนดีนั่งสมาธิ[6] หนังสือนี้เคยเป็นคู่มือการสวดสำหรับพระภิกษุและสามเณร เพราะการผลิตและสนับสนุนมันมีผลบุญมาก ทำให้มีการผลิตขึ้นไว้ตกแต่งในงานศพของผู้เสียชีวิตอย่างหรูหรา[5]
↑ Brereton, Bonnie Pacala (1995). Thai tellings of Phra Malai : texts and rituals concerning a popular Buddhist saint . Arizona State University, Program for Southeast Asian Studies. ISBN 9781881044079 .
↑ 2.0 2.1 Heijdra, Martin, "The Legend of Phra Malai" , Princeton University Graphic Arts Collection
↑ 3.0 3.1 Williams, Paul, and Ladwig, Patrice, Buddhist Funeral Cultures of Southeast Asia and China pp. 83-4
↑ Brereton, Bonnie Pacala (1993). "Some Comments on a Northern Phra Malai Text Dated C.S. 878 (AD. 1516)" . Academia.edu . Journal of the Siam Society, Vol. 81.1. p. 141-5. สืบค้นเมื่อ 14 December 2020 . {{cite web }}
: CS1 maint: date and year (ลิงก์ )
↑ 5.0 5.1 Igunma, Jana, "A Thai Book of Merit: Phra Malai's Journeys to Heaven and Hell , British Library Asian and African Studies Blog
↑ 6.0 6.1 Ginsburg, Henry, "Thai Art and Culture: Historic Manuscripts from Western Collections" , pp. 92-111