รายพระนามพระมหากษัตริย์ล้านนา
กษัตริย์และเจ้าผู้ครอง แห่งล้านนา | |
---|---|
ราชาธิปไตยในอดีต | |
![]() | |
ตราแผ่นดินล้านนา | |
![]() | |
พระเจ้าติโลกราช ครองราชย์ยาวนานที่สุด | |
| |
ปฐมกษัตริย์ | พญามังราย |
องค์สุดท้าย | โป่มะยุง่วน |
สถานพำนัก | เวียงแก้ว |
ผู้แต่งตั้ง | กษัตริย์พม่า (พ.ศ. 2101–2139 / 2158–2171 / 2174–2270 / 2306–2317) กษัตริย์อยุธยา (พ.ศ. 2139–2158) |
เริ่มระบอบ | พ.ศ. 1839 |
สิ้นสุดระบอบ | พ.ศ. 2317 |
รายพระนามพระมหากษัตริย์และเจ้าผู้ครองล้านนา (พ.ศ. 1839 – 2317) ตั้งแต่พญามังรายสถาปนาราชวงศ์มังราย อาณาจักรล้านนา จนถึงการปกครองของพม่าครั้งที่ 4 (พ.ศ. 2306 – 2317) ก่อนจะตกเป็นประเทศราชของกรุงธนบุรี โดยเรียงตามพระนาม/ชื่อที่ปรากฎในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่
ราชวงศ์มังราย (พ.ศ. 1839 –2101)
[แก้]พระบรมรูป | รายพระนาม | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
พญามังราย[1][2] (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨾᩢ᩠ᨦᩁᩣ᩠ᨿ) |
พ.ศ. 1839 - 1854 | 15 ปี | พระราชโอรสในพญาลาวเมง กษัตริย์แห่งหิรัญนครเงินยาง[3][4] |
![]() |
พญาไชยสงคราม (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨩᩱ᩠ᨿᩈᩫ᩠ᨦᨣᩕᩣ᩠ᨾ) |
พ.ศ. 1854 - 1868 | 14 ปี | พระราชโอรสในพญามังราย[1][2][5] |
![]() |
พญาแสนพู (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᩈᩯ᩠ᨶᨻᩪ) |
พ.ศ. 1868 - 1877 | 9 ปี | พระราชโอรสในพญาไชยสงคราม[1][2][5] |
![]() |
พญาคำฟู (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨤᩣᩴᨼᩪ) |
พ.ศ. 1877 - 1879 | 2 ปี | พระราชโอรสในพญาแสนพู[1][5] |
![]() |
พญาผายู (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨹᩣᨿᩪ) |
พ.ศ. 1879 - 1898 | 19 ปี | พระราชโอรสในพญาคำฟู[1][5] |
![]() |
พญากือนา (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩨᨶᩣ) |
พ.ศ. 1898 - 1928 | 30 ปี | พระราชโอรสในพญาผายู[1][5] |
![]() |
พญาแสนเมืองมา (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᩈᩯ᩠ᨶᨾᩮᩬᩥᨦᨾᩣ) |
พ.ศ. 1929 - 1945 | 16 ปี | พระราชโอรสในพญากือนา[1][5] |
![]() |
พญาสามฝั่งแกน (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᩈᩣ᩠ᨾᨺᩢ᩠᩵ᨦᨠᩯ᩠ᨶ) |
พ.ศ. 1945 - 1984 | 30 ปี | พระราชโอรสในพญาแสนเมืองมา[1][5] |
![]() |
พระเป็นเจ้าติโลกราช[6] (ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨲᩥᩃᩰᨠᩁᩣᨩ)[6] |
พ.ศ. 1984 - 2030 | 46 ปี | พระราชโอรสในพญาสามฝั่งแกน[1][5] |
![]() |
พญายอดเชียงราย[7] (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨿᩬᨯᨩ᩠ᨿᨦᩁᩣ᩠ᨿ)[7] |
พ.ศ. 2030 - 2038 | 8 ปี | พระโอรสในท้าวบุญเรือง; พระราชนัดดาพระเป็นเจ้าติโลกราช[1][5] |
![]() |
พญาแก้วภูตาธิปติราช[7] (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩯ᩠᩶ᩅᨽᩪᨲᩣᨵᩥᨷᨲᩥᩁᩣᨩ)[7] |
พ.ศ. 2038 - 2068 | 30 ปี | (พระเมืองแก้ว); พระราชโอรสในพญายอดเชียงราย[1][5] |
![]() |
พญาเกษเชฏฐราช[8] (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩮ᩠ᩇᨩᩮᨭᩛᩁᩣᨩ)[8] |
พ.ศ. 2068 - 2081 | 13 ปี | (พระเมืองเกษเกล้า); พระราชโอรสในพญาแก้ว[1] |
![]() |
ท้าวซาย[8] (ᨴ᩶ᩣ᩠ᩅᨪᩣ᩠ᨿ)[8] |
พ.ศ. 2081 - 2086 | 5 ปี | (ท้าวซายคำ); พระราชโอรสในพญาเกษเชษฐราชกับพระนางจิรประภาเทวี[1] |
![]() |
พญาเกษเชฏฐราช[8] (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩮ᩠ᩇᨩᩮᨭᩛᩁᩣᨩ)[8] |
พ.ศ. 2086 - 2088 | 2 ปี | (พระเมืองเกษเกล้า); พระราชโอรสในพญาแก้ว[1] |
![]() |
พระเป็นเจ้ามหาจิรประภาเทวี[9] (ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩉᩣᨧᩥᩁᨷᨽᩣᨴᩮᩅᩦ)[9] |
พ.ศ. 2088 - 2089 | 1 ปี | พระมเหสีในพญาเกษเชษฐราช[1]; มีข้อสันนิฐานว่าพระนางอาจมีเชื้อสายไทใหญ่[10] หรือเชื้อพระวงศ์อยุธยา[11] |
พระเป็นเจ้าอุปโยวราช[12] (ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᩏᨷ᩠ᨷᨿᩮᩣᩅᩁᩣᨩ)[12] |
พ.ศ. 2089 - 2090 | 1 ปี | (สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช); พระราชโอรสในพระเจ้าโพธิสาลราชกับพระนางยอดคำทิพย์[1][13]; มาจากราชวงศ์ล้านช้างหลวงพระบาง[14] | |
ว่างกษัตริย์ พ.ศ. 2090 - 2094 (4 ปี) | ||||
![]() |
พระเป็นเจ้าแม่กุ[15] (ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩯ᩵ᨠᩩ) |
พ.ศ. 2094 - 2101 | 7 ปี | (พระเมกุฏิสุทธิวงศ์); เจ้าฟ้าเมืองนาย เชื้อสายของขุนเครือ พระราชโอรสพญามังราย[1][16] |
เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2101 – 2139)
[แก้]พระเจ้าบุเรงนองยกกองทัพจะมาตีเชียงใหม่ พระเมกุฏิสุทธิวงศ์ทรงยอมสวามิภักดิ์ โดยยึดใช้ระยะเวลาเพียง 3 วันในการยึดเมืองเชียงใหม่แต่พระเจ้าบุเรงนองก็ทรงให้พระเมกุฏิสุทธิวงศ์ให้ครองเชียงใหม่ต่อไปจนสิ้นสุดพระนางวิสุทธิเทวี พระเจ้าบุเรงนองจึงส่งพระราชโอรสนรธาเมงสอมาครองเชียงใหม่ทำให้ราชวงศ์มังรายสิ้นสุดลง
ราชวงศ์มังราย (พ.ศ. 2101-2121)
[แก้]พระบรมรูป | รายพระนาม | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
พระเป็นเจ้าแม่กุ[15] (ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩯ᩵ᨠᩩ) |
พ.ศ. 2101 - 2107 | 6 ปี | ทรงสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าบุเรงนอง[1][16] |
![]() |
สมเด็จเจ้าราชวิศุทธ[17] (ᩈᩫ᩠ᨾᩈᩮ᩠ᨫᨧᩮᩢ᩶ᩣᩁᩣᨩᩅᩥᩆᩩᨴ᩠ᨵ) |
พ.ศ. 2107 - 2121 | 14 ปี | (พระนางวิสุทธิเทวี); พระราชมารดาในพระเมกุฏิสุทธิวงศ์[1][18] |
ราชวงศ์ตองอู (พ.ศ. 2121-2139)
[แก้]พระเจ้าบุเรงนองส่งพระราชโอรสชื่อนรธาเมงสอมาครองเชียงใหม่[1] เป็นการเริ่มต้นราชวงศ์ตองอูเชียงใหม่
พระบรมรูป | รายพระนาม | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
เจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[15] (ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨼ᩶ᩣᩈᩣᩅᨲ᩠ᨳᩦᨶᩁᨳᩣᨾᩢ᩠ᨦᨣᩬ᩠ᨿ) |
พ.ศ. 2121 - 2139 | 18 ปี | (นรธาเมงสอ); พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนองกับพระนางราชเทวีแห่งหงสาวดี[1][18] |
เชียงใหม่ในฐานะประเทศราชของอยุธยา (พ.ศ. 2139 – 2158)
[แก้]สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ยกทัพมาตีแคว้นล้านนาเมื่อ พ.ศ. 2127 นรธาเมงสอต่อสู้มิได้ จึงทรงยอมสวามิภักดิ์เป็นประเทศราชในปี พ.ศ. 2139[19]
ราชวงศ์ตองอู (พ.ศ. 2139-2158)
[แก้]พระบรมรูป | รายพระนาม | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
เจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[15] (ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨼ᩶ᩣᩈᩣᩅᨲ᩠ᨳᩦᨶᩁᨳᩣᨾᩢ᩠ᨦᨣᩬ᩠ᨿ) |
พ.ศ. 2139 - 2150 | 11 ปี | (นรธาเมงสอ); พระโอรสในพระเจ้าบุเรงนองกับพระนางราชเทวีแห่งหงสาวดี[1][18] |
![]() |
เจ้าสะโทกอย (ᨧᩮᩢ᩶ᩣᩈᨴᩰᨠᩬ᩠ᨿ) |
พ.ศ. 2150 - 2151 | 1 ปี | พระโอรสในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[1][18] |
![]() |
พระชัยทิพ (မင်းရဲဒေဘ္ဘ) |
พ.ศ. 2151 - 2156 | 5 ปี | พระโอรสในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย; พระเชษฐาในเจ้าสะโทกอย[1] |
![]() |
เจ้าสะโทกอย (ᨧᩮᩢ᩶ᩣᩈᨴᩰᨠᩬ᩠ᨿ) |
พ.ศ. 2156 - 2158 | 2 ปี | พระโอรสในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย; พระอนุชาในพระชัยทิพ[1][18] |
เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2158 – 2171)
[แก้]พระเจ้าอะเนาะเพะลูนแห่งกรุงหงสาวดีจึงยกทัพมายึดเมืองเชียงใหม่[20] พระช้อยทรงถูกจับและพิราลัย[21] เมืองเชียงใหม่จึงกลับมาเป็นเมืองขึ้นของพม่าอีกครั้งแล้วตั้งเจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามซึ่งเคยเป็นเจ้าเมืองน่านขึ้นเป็นพระเจ้าศรีสองเมืองมารับตำแหน่งเป็นพระเจ้าเชียงใหม่
พระบรมรูป | รายพระนาม | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
พญาศรีสองเมือง (ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨻᩫ᩠ᩃᩈᩮᩥᩢ᩠ᨠᨪ᩶ᩣ᩠ᨿᨩᩱ᩠ᨿᩈᩫ᩠ᨦᨣᩕᩣ᩠ᨾ) |
พ.ศ. 2158 - 2171 | 13 ปี | (เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงคราม); พระโอรสบุญธรรมในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[1] |
แคว้นเชียงใหม่อิสระชั่วคราว (พ.ศ. 2171 - 2174)
[แก้]พ.ศ. 2171 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนถูกลอบปลงพระชนม์และเกิดสงครามแย่งชิงบัลลังก์ขึ้น เจ้าศรีสองเมืองทรงคิดนำล้านนากลับมามีเอกราชอีกครั้งโดยประกาศเอกราชจากพม่า[22]
พระบรมรูป | รายพระนาม | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
พญาศรีสองเมือง (ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨻᩫ᩠ᩃᩈᩮᩥᩢ᩠ᨠᨪ᩶ᩣ᩠ᨿᨩᩱ᩠ᨿᩈᩫ᩠ᨦᨣᩕᩣ᩠ᨾ) |
พ.ศ. 2171 - 2174 | 3 ปี | (เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงคราม); พระโอรสบุญธรรมในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[1] |
เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2174 – 2270)
[แก้]พระเจ้าตาลูนขึ้นครองบัลลังก์อาณาจักรพม่าในปีถัดมาพม่าบุกตีนครเชียงใหม่อีกเจ้าศรีสองเมืองถูกจับกุมไปไว้ที่กรุงหงสาวดี[23] แล้วตั้งเจ้าฟ้าหลวงทิพเนตรขึ้นครองเชียงใหม่[1][24] อย่างไรก็ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ในส่วนนี้ขัดแย้งกับหลักฐานอื่นจากพม่า[25] อยุธยา[26] และตำนานพื้นเมืองเชียงแสน[27] ทำให้เกิดข้อโต้แย้งว่าตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ผูกดังกล่าวอาจมีการแปลผิดเพี้ยนจากตำนานพื้นเมืองเชียงแสนหรือจากเอกสารฉบับอื่น[28]
พระบรมรูป | รายพระนาม/ชื่อ | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
พญาทิพเนตร (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨴᩥᨻᩛᨶᩮᨲᩕ᩼) |
พ.ศ. 2174 - 2198 | 24 ปี | ทรงเคยเป็นเจ้าเมืองฝางมาก่อน[29]; ขัดแย้งกับพื้นเมืองเชียงแสน |
![]() |
พระแสนเมือง (ᨻᩕᩈᩯ᩠ᨶᨾᩮᩬᩥᨦ) |
พ.ศ. 2198 - 2202 | 4 ปี | พระโอรสในเจ้าฟ้าหลวงทิพเนตร[29]; ขัดแย้งกับพื้นเมืองเชียงแสน |
![]() |
พญาเจ้าเมืองแพร่[15] (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩮᩬᩥᨦᨻᩯᩖ᩵) |
พ.ศ. 2202 - 2215 | 13 ปี | ทรงเคยเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่มาก่อน; มีข้อโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้าปเย ซึ่งทรงเคยเป็นเจ้าเมืองแปรมาก่อน[28][30] |
![]() |
พญาเจ้าอิงเซะมัง[15] (ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨧᩮᩢ᩶ᩣᩋᩥ᩠ᨦᨪᩮᩬᩡᨾᩴ)[31] |
พ.ศ. 2215 - 2218 | 3 ปี | พระราชโอรสในพระเจ้าอังวะ; มีข้อโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้านะราวะระ ซึ่งทรงเป็นพระมหาอุปราชาพม่าในขณะนั้น[28][30] |
![]() |
พระเจ้าเจพูตราย[15] (ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨧᩮᨻᩪᨲᩕᩣ᩠ᨿ)[32] |
พ.ศ. 2218 - 2250 | 32 ปี | พระโอรสเจ้าเจกุตรา; มีข้อโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้ามังกะยอดินซึ่งทรงเป็นพระโอรสของเจ้าชายแห่งซีบุดะรา[28][30] |
![]() |
มังแรนะร่า (ᨾᩢ᩠ᨦᩁᩯᨶᩁ᩵ᩣ) |
พ.ศ. 2250 - 2270 | 20 ปี | อาจเป็นบุคคลเดียวกับมีนเยนอระทา[30] |
แคว้นเชียงใหม่ในฐานะหัวเมืองอิสระ (พ.ศ. 2270 – 2306)
[แก้]เทพสิงห์รวบรวมสมัครพรรคพวก ยกเข้าไปปล้นเมืองเชียงใหม่ในเวลากลางคืน และจับฆ่างานโยเจ้าเมืองเชียงใหม่แล้วปราบดาภิเษกครองเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2270
พระบรมรูป | รายพระนาม | ช่วงเวลาครองราชย์ | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
เทพสิงห์ (ᨴᩮᨻᩛ᩼ᩈᩥᨦ᩠ᩉ᩼) |
พ.ศ. 2270 - 2270 | 1 เดือน | สามัญชนปราบดาภิเษก[1] |
![]() |
เจ้าองค์คำ (ᨧᩮᩢ᩶ᩣᩋᩫᨦ᩠ᨣ᩼ᨤᩴᩣ) |
พ.ศ. 2270 - 2302 | 32 ปี | พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง[33]; ได้ครองเชียงใหม่หลังร่วมมือกับพม่าขับไล่เทพสิงห์ออกไป[1] |
![]() |
องค์จันทร์ (ᩋᩫᨦ᩠ᨣ᩼ᨧᩢᨶ᩠ᨴᩕ᩼) |
พ.ศ. 2302 - 2304 | 2 ปี | พระโอรสในเจ้าองค์คำ; ได้ครองเชียงใหม่หลังจากที่พระบิดาสิ้นพระชนม์และทรงประกาศไม่ขึ้นกับหลวงพระบาง[1] |
![]() |
เจ้าขี้หุด ( ![]() |
พ.ศ. 2304 - 2306 | 2 ปี | เป็นพระภิกษุวัดดวงดี ลาสิกขาบทออกมาเป็นเจ้าเมืองแทนเจ้าปัด หลังจากเจ้าปัดยึดอำนาจองค์จันทร์แต่ไม่สามารถปกครองได้[1] |
เจ้าเมืองเชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 4 (พ.ศ. 2306 – 2317)
[แก้]ในปีพ.ศ. 2306 กองทัพพม่ายกมา 9 ทัพมีโป่อภัยคามินีเป็นแม่ทัพยกมาตีเมืองเชียงใหม่ ลำพูน พม่ากวาดต้อนเครือญาติวงศ์เจ้าองค์คำ และชาวเมืองเชียงใหม่ส่งไปเมืองอังวะเป็นอันมาก[1] และโป่อภัยคามินีก็ยกเข้าตั้งรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้
รูป | ชื่อ | ช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
![]() |
โป่อภัยคามินี (အဘယဂါမဏိ) |
พ.ศ. 2306 - 2311 | 5 ปี | |
![]() |
โป่มะยุง่วน (ဗိုလ်မြို့ဝန်) |
พ.ศ. 2311 2317 | 5 ปี |
ล้านนาในฐานะประเทศราชของสยาม (พ.ศ. 2317-2475)
[แก้]พระยาวิเชียรปราการ (บุญมา) และพระเจ้ากาวิละได้กอบกู้เอกราชของล้านนา และนำล้านนาเข้าสวามิภักดิ์กับสยามตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นต้นมา ส่งผลให้ล้านนา 57 หัวเมืองมีฐานะเป็นประเทศราชของสยาม ภายหลังสยามได้แบ่งการปกครองของล้านนาออกเป็นหัวเมืองต่าง ๆ โดยแต่งตั้งพระเจ้าประเทศราชหรือพระยาประเทศราชให้ครองหัวเมืองนั้น ๆ มีหัวเมืองสำคัญเรียกว่านครประเทศราชได้แก่ นครเชียงใหม่ นครลำปาง นครลำพูน นครแพร่ และนครน่าน
- เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
- เจ้าผู้ครองนครลำปาง
- เจ้าผู้ครองนครลำพูน
- เจ้าผู้ครองนครแพร่
- เจ้าผู้ครองนครน่าน
การปกครองหัวเมืองล้านนาโดยสยามมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล หัวเมืองล้านนาได้กลายสภาพเป็นมณฑลพายัพ จวบจนกระทั่งภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 จึงยกเลิกระบอบประเทศราชรวมถึงระบบมณฑลเทศาภิบาล ส่งผลให้หัวเมืองล้านนาต่าง ๆ มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งเช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศสยาม มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครองสูงสุดในจังหวัดและจัดการปกครองขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 1.17 1.18 1.19 1.20 1.21 1.22 1.23 1.24 1.25 1.26 1.27 1.28 1.29 1.30 1.31 1.32 Penth, Hans (1995). The Chiang Mai Chronicle.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 (1370). Wat Phra Yuen Inscription.
- ↑ Falkus, Malcolm; Wyatt, David K. "Thailand: A Short History". The Economic History Review. 39 (2): 328. doi:10.2307/2596187. ISSN 0013-0117.
- ↑ Penth, Hans (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ (ใบลาน).
- ↑ 5.00 5.01 5.02 5.03 5.04 5.05 5.06 5.07 5.08 5.09 Ratanapannya Thera. (1788). Jinakalamali.
- ↑ 6.0 6.1 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 31. ISBN 9747047691.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 36. ISBN 9747047691.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 8.5 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 36. ISBN 9747047691.
- ↑ 9.0 9.1 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 37. ISBN 9747047691.
- ↑ พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. "ลูกเขาเมียใครที่เชียงใหม่ สุโขทัย และอยุธยา" ในฟื้นฝอยหาตะเข็บ, หน้า 228
- ↑ เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. "ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ : ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย" หน้า ๑๔๓-๑๘๓
- ↑ 12.0 12.1 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 38. ISBN 9747047691.
- ↑ "พงศาวดารล้านช้าง". ประชุมพงศาวดารเล่ม 44. พระนคร : ครุสภา, 2512, หน้า 161-164
- ↑ ลำดับกษัตริย์ลาว, หน้า 103
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 15.5 15.6 ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี (PDF). เชียงใหม่: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฏเชียงใหม่. 2538. ISBN 974-8150-62-3.
- ↑ 16.0 16.1 Forbes, Andrew (2012-02-26). "Ancient Chiang Mai: King Mae Ku: From Lan Na Monarch to Burmese Nat". CPA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-26. สืบค้นเมื่อ 2020-05-17.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:10
- ↑ 18.0 18.1 18.2 18.3 18.4 Hmannan Yazawin. (1832).
- ↑ สิงฆะ วรรณสัย, ปริวรรต,โคลงเรื่อง มังทรารบเชียงใหม่, หน้า 14
- ↑ พระราชพงศาวดารพม่า, page 224
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา, page 280
- ↑ ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 10 เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครน่านให้แสนหลวงราชสมภารแต่งไว้สำหรับบ้านเมือง. Phra Nakhon province: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร. 1918. pp. 100–101.
- ↑ ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 10 เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครน่านให้แสนหลวงราชสมภารแต่งไว้สำหรับบ้านเมือง. Phra Nakhon province: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร. 1918. pp. 100–101.
- ↑ ประชากิจกรจักร, พระยา (1973). พงศาวดารโยนก (7th ed.). กรุงเทพฯ: บุรินทร์การพิมพ์. pp. 408–410. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
- ↑ U Kala (2016). The Great Chronicle, 1597-1711. แปลโดย Tun Aung Chain. Yangon: MKS Publishing. pp. 157, 181, 193, 201–202, 205, 217. ISBN 9789997102201.
- ↑ Department of Fine Arts, บ.ก. (9 March 1937), "พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)" [Phraratchaphongsawadan Chabap Phan Channumat (Choem)], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ [Collection of Historical Archives] (PDF), Phra Nakhon province: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, สืบค้นเมื่อ 2024-05-01
- ↑ อ๋องสกุล, สรัสวดี (2003). เอียวศรีวงศ์ (บ.ก.). พื้นเมืองเชียงแสน (นิธิ ed.). Bangkok: อมรินทร์. pp. 121–122. ISBN 9742726612.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 28.3 สุขคตะ, เพ็ญสุภา (2023-07-16). "ตระหนัก 'ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่' (จบ) ความคลาดเคลื่อนที่ควรแก้ไข ทุกฝ่ายร่วมชำระใหม่แบบขยายความ - มติชนสุดสัปดาห์". สืบค้นเมื่อ 2025-03-27.
- ↑ 29.0 29.1 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2003). เอียวศรีวงศ์ (บ.ก.). พื้นเมืองเชียงแสน (นิธิ ed.). Bangkok: อมรินทร์. pp. 121–122. ISBN 9742726612.
- ↑ 30.0 30.1 30.2 30.3 Kirigaya, Ken (29 November 2014). "Some annotations to the Chiang Mai chronicle: The era of Burmese rule in Lan Na" (PDF). Journal of the Siam Society. 102: 275. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-02-10. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01 – โดยทาง The Siam Society under Royal Patronage.
- ↑ เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 42. ISBN 9747047691.
- ↑ เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 42. ISBN 9747047691.
- ↑ Stuart-Fox, Martin. History Dictionary of Laos (3rd ed.). Scarecrow Press, Inc. p. 239. ISBN 978-0-8108-5624-0.