ข้ามไปเนื้อหา

รายพระนามพระมหากษัตริย์ล้านนา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กษัตริย์และเจ้าผู้ครอง
แห่งล้านนา
ราชาธิปไตยในอดีต
ตราแผ่นดินล้านนา
พระเจ้าติโลกราช
ครองราชย์ยาวนานที่สุด

ปฐมกษัตริย์ พญามังราย
องค์สุดท้าย โป่มะยุง่วน
สถานพำนัก เวียงแก้ว
ผู้แต่งตั้ง กษัตริย์พม่า (พ.ศ. 2101–2139 / 2158–2171 / 2174–2270 / 2306–2317)
กษัตริย์อยุธยา (พ.ศ. 2139–2158)
เริ่มระบอบ พ.ศ. 1839
สิ้นสุดระบอบ พ.ศ. 2317

รายพระนามพระมหากษัตริย์และเจ้าผู้ครองล้านนา (พ.ศ. 1839 – 2317) ตั้งแต่พญามังรายสถาปนาราชวงศ์มังราย อาณาจักรล้านนา จนถึงการปกครองของพม่าครั้งที่ 4 (พ.ศ. 2306 – 2317) ก่อนจะตกเป็นประเทศราชของกรุงธนบุรี โดยเรียงตามพระนาม/ชื่อที่ปรากฎในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่

ราชวงศ์มังราย (พ.ศ. 1839 –2101)

[แก้]
พระบรมรูป รายพระนาม ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
พญามังราย[1][2]
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨾᩢ᩠ᨦᩁᩣ᩠ᨿ)
พ.ศ. 1839 - 1854 15 ปี พระราชโอรสในพญาลาวเมง กษัตริย์แห่งหิรัญนครเงินยาง[3][4]
พญาไชยสงคราม
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨩᩱ᩠ᨿᩈᩫ᩠ᨦᨣᩕᩣ᩠ᨾ)
พ.ศ. 1854 - 1868 14 ปี พระราชโอรสในพญามังราย[1][2][5]
พญาแสนพู
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᩈᩯ᩠ᨶᨻᩪ)
พ.ศ. 1868 - 1877 9 ปี พระราชโอรสในพญาไชยสงคราม[1][2][5]
พญาคำฟู
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨤᩣᩴᨼᩪ)
พ.ศ. 1877 - 1879 2 ปี พระราชโอรสในพญาแสนพู[1][5]
พญาผายู
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨹᩣᨿᩪ)
พ.ศ. 1879 - 1898 19 ปี พระราชโอรสในพญาคำฟู[1][5]
พญากือนา
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩨᨶᩣ)
พ.ศ. 1898 - 1928 30 ปี พระราชโอรสในพญาผายู[1][5]
พญาแสนเมืองมา
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᩈᩯ᩠ᨶᨾᩮᩬᩥᨦᨾᩣ)
พ.ศ. 1929 - 1945 16 ปี พระราชโอรสในพญากือนา[1][5]
พญาสามฝั่งแกน
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᩈᩣ᩠ᨾᨺᩢ᩠᩵ᨦᨠᩯ᩠ᨶ)
พ.ศ. 1945 - 1984 30 ปี พระราชโอรสในพญาแสนเมืองมา[1][5]
พระเป็นเจ้าติโลกราช[6]
(ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨲᩥᩃᩰᨠᩁᩣᨩ)[6]
พ.ศ. 1984 - 2030 46 ปี พระราชโอรสในพญาสามฝั่งแกน[1][5]
พญายอดเชียงราย[7]
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨿᩬᨯᨩ᩠ᨿᨦᩁᩣ᩠ᨿ)[7]
พ.ศ. 2030 - 2038 8 ปี พระโอรสในท้าวบุญเรือง; พระราชนัดดาพระเป็นเจ้าติโลกราช[1][5]
พญาแก้วภูตาธิปติราช[7]
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩯ᩠᩶ᩅᨽᩪᨲᩣᨵᩥᨷᨲᩥᩁᩣᨩ)[7]
พ.ศ. 2038 - 2068 30 ปี (พระเมืองแก้ว); พระราชโอรสในพญายอดเชียงราย[1][5]
พญาเกษเชฏฐราช[8]
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩮ᩠ᩇᨩᩮᨭᩛᩁᩣᨩ)[8]
พ.ศ. 2068 - 2081 13 ปี (พระเมืองเกษเกล้า); พระราชโอรสในพญาแก้ว[1]
ท้าวซาย[8]
(ᨴ᩶ᩣ᩠ᩅᨪᩣ᩠ᨿ)[8]
พ.ศ. 2081 - 2086 5 ปี (ท้าวซายคำ); พระราชโอรสในพญาเกษเชษฐราชกับพระนางจิรประภาเทวี[1]
พญาเกษเชฏฐราช[8]
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨠᩮ᩠ᩇᨩᩮᨭᩛᩁᩣᨩ)[8]
พ.ศ. 2086 - 2088 2 ปี (พระเมืองเกษเกล้า); พระราชโอรสในพญาแก้ว[1]
พระเป็นเจ้ามหาจิรประภาเทวี[9]
(ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩉᩣᨧᩥᩁᨷᨽᩣᨴᩮᩅᩦ)[9]
พ.ศ. 2088 - 2089 1 ปี พระมเหสีในพญาเกษเชษฐราช[1]; มีข้อสันนิฐานว่าพระนางอาจมีเชื้อสายไทใหญ่[10] หรือเชื้อพระวงศ์อยุธยา[11]
พระเป็นเจ้าอุปโยวราช[12]
(ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᩏᨷ᩠ᨷᨿᩮᩣᩅᩁᩣᨩ)[12]
พ.ศ. 2089 - 2090 1 ปี (สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช); พระราชโอรสในพระเจ้าโพธิสาลราชกับพระนางยอดคำทิพย์[1][13]; มาจากราชวงศ์ล้านช้างหลวงพระบาง[14]
ว่างกษัตริย์ พ.ศ. 2090 - 2094 (4 ปี)
พระเป็นเจ้าแม่กุ[15]
(ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩯ᩵ᨠᩩ)
พ.ศ. 2094 - 2101 7 ปี (พระเมกุฏิสุทธิวงศ์); เจ้าฟ้าเมืองนาย เชื้อสายของขุนเครือ พระราชโอรสพญามังราย[1][16]

เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2101 – 2139)

[แก้]

พระเจ้าบุเรงนองยกกองทัพจะมาตีเชียงใหม่ พระเมกุฏิสุทธิวงศ์ทรงยอมสวามิภักดิ์ โดยยึดใช้ระยะเวลาเพียง 3 วันในการยึดเมืองเชียงใหม่แต่พระเจ้าบุเรงนองก็ทรงให้พระเมกุฏิสุทธิวงศ์ให้ครองเชียงใหม่ต่อไปจนสิ้นสุดพระนางวิสุทธิเทวี พระเจ้าบุเรงนองจึงส่งพระราชโอรสนรธาเมงสอมาครองเชียงใหม่ทำให้ราชวงศ์มังรายสิ้นสุดลง

ราชวงศ์มังราย (พ.ศ. 2101-2121)

[แก้]
พระบรมรูป รายพระนาม ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
พระเป็นเจ้าแม่กุ[15]
(ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩯ᩵ᨠᩩ)
พ.ศ. 2101 - 2107 6 ปี ทรงสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าบุเรงนอง[1][16]
สมเด็จเจ้าราชวิศุทธ[17]
(ᩈᩫ᩠ᨾᩈᩮ᩠ᨫᨧᩮᩢ᩶ᩣᩁᩣᨩᩅᩥᩆᩩᨴ᩠ᨵ)
พ.ศ. 2107 - 2121 14 ปี (พระนางวิสุทธิเทวี); พระราชมารดาในพระเมกุฏิสุทธิวงศ์[1][18]

ราชวงศ์ตองอู (พ.ศ. 2121-2139)

[แก้]

พระเจ้าบุเรงนองส่งพระราชโอรสชื่อนรธาเมงสอมาครองเชียงใหม่[1] เป็นการเริ่มต้นราชวงศ์ตองอูเชียงใหม่

พระบรมรูป รายพระนาม ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
เจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[15]
(ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨼ᩶ᩣᩈᩣᩅᨲ᩠ᨳᩦᨶᩁᨳᩣᨾᩢ᩠ᨦᨣᩬ᩠ᨿ)
พ.ศ. 2121 - 2139 18 ปี (นรธาเมงสอ); พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนองกับพระนางราชเทวีแห่งหงสาวดี[1][18]

เชียงใหม่ในฐานะประเทศราชของอยุธยา (พ.ศ. 2139 – 2158)

[แก้]

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ยกทัพมาตีแคว้นล้านนาเมื่อ พ.ศ. 2127 นรธาเมงสอต่อสู้มิได้ จึงทรงยอมสวามิภักดิ์เป็นประเทศราชในปี พ.ศ. 2139[19]

ราชวงศ์ตองอู (พ.ศ. 2139-2158)

[แก้]
พระบรมรูป รายพระนาม ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
เจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[15]
(ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨼ᩶ᩣᩈᩣᩅᨲ᩠ᨳᩦᨶᩁᨳᩣᨾᩢ᩠ᨦᨣᩬ᩠ᨿ)
พ.ศ. 2139 - 2150 11 ปี (นรธาเมงสอ); พระโอรสในพระเจ้าบุเรงนองกับพระนางราชเทวีแห่งหงสาวดี[1][18]
เจ้าสะโทกอย
(ᨧᩮᩢ᩶ᩣᩈᨴᩰᨠᩬ᩠ᨿ)
พ.ศ. 2150 - 2151 1 ปี พระโอรสในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[1][18]
พระชัยทิพ
(မင်းရဲဒေဘ္ဘ)
พ.ศ. 2151 - 2156 5 ปี พระโอรสในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย; พระเชษฐาในเจ้าสะโทกอย[1]
เจ้าสะโทกอย
(ᨧᩮᩢ᩶ᩣᩈᨴᩰᨠᩬ᩠ᨿ)
พ.ศ. 2156 - 2158 2 ปี พระโอรสในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย; พระอนุชาในพระชัยทิพ[1][18]

เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2158 – 2171)

[แก้]

พระเจ้าอะเนาะเพะลูนแห่งกรุงหงสาวดีจึงยกทัพมายึดเมืองเชียงใหม่[20] พระช้อยทรงถูกจับและพิราลัย[21] เมืองเชียงใหม่จึงกลับมาเป็นเมืองขึ้นของพม่าอีกครั้งแล้วตั้งเจ้าพลศึกซ้ายไชยสงครามซึ่งเคยเป็นเจ้าเมืองน่านขึ้นเป็นพระเจ้าศรีสองเมืองมารับตำแหน่งเป็นพระเจ้าเชียงใหม่

พระบรมรูป รายพระนาม ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
พญาศรีสองเมือง
(ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨻᩫ᩠ᩃᩈᩮᩥᩢ᩠ᨠᨪ᩶ᩣ᩠ᨿᨩᩱ᩠ᨿᩈᩫ᩠ᨦᨣᩕᩣ᩠ᨾ)
พ.ศ. 2158 - 2171 13 ปี (เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงคราม); พระโอรสบุญธรรมในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[1]

แคว้นเชียงใหม่อิสระชั่วคราว (พ.ศ. 2171 - 2174)

[แก้]

พ.ศ. 2171 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนถูกลอบปลงพระชนม์และเกิดสงครามแย่งชิงบัลลังก์ขึ้น เจ้าศรีสองเมืองทรงคิดนำล้านนากลับมามีเอกราชอีกครั้งโดยประกาศเอกราชจากพม่า[22]

พระบรมรูป รายพระนาม ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
พญาศรีสองเมือง
(ᨧᩮᩢ᩶ᩣᨻᩫ᩠ᩃᩈᩮᩥᩢ᩠ᨠᨪ᩶ᩣ᩠ᨿᨩᩱ᩠ᨿᩈᩫ᩠ᨦᨣᩕᩣ᩠ᨾ)
พ.ศ. 2171 - 2174 3 ปี (เจ้าพลศึกซ้ายไชยสงคราม); พระโอรสบุญธรรมในเจ้าฟ้าสาวัตถีนรถามังคอย[1]

เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2174 – 2270)

[แก้]

พระเจ้าตาลูนขึ้นครองบัลลังก์อาณาจักรพม่าในปีถัดมาพม่าบุกตีนครเชียงใหม่อีกเจ้าศรีสองเมืองถูกจับกุมไปไว้ที่กรุงหงสาวดี[23] แล้วตั้งเจ้าฟ้าหลวงทิพเนตรขึ้นครองเชียงใหม่[1][24] อย่างไรก็ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ในส่วนนี้ขัดแย้งกับหลักฐานอื่นจากพม่า[25] อยุธยา[26] และตำนานพื้นเมืองเชียงแสน[27] ทำให้เกิดข้อโต้แย้งว่าตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ผูกดังกล่าวอาจมีการแปลผิดเพี้ยนจากตำนานพื้นเมืองเชียงแสนหรือจากเอกสารฉบับอื่น[28]

พระบรมรูป รายพระนาม/ชื่อ ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
พญาทิพเนตร
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨴᩥᨻᩛᨶᩮᨲᩕ᩼)
พ.ศ. 2174 - 2198 24 ปี ทรงเคยเป็นเจ้าเมืองฝางมาก่อน[29]; ขัดแย้งกับพื้นเมืองเชียงแสน
พระแสนเมือง
(ᨻᩕᩈᩯ᩠ᨶᨾᩮᩬᩥᨦ)
พ.ศ. 2198 - 2202 4 ปี พระโอรสในเจ้าฟ้าหลวงทิพเนตร[29]; ขัดแย้งกับพื้นเมืองเชียงแสน
พญาเจ้าเมืองแพร่[15]
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨧᩮᩢ᩶ᩣᨾᩮᩬᩥᨦᨻᩯᩖ᩵)
พ.ศ. 2202 - 2215 13 ปี ทรงเคยเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่มาก่อน; มีข้อโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้าปเย ซึ่งทรงเคยเป็นเจ้าเมืองแปรมาก่อน[28][30]
พญาเจ้าอิงเซะมัง[15]
(ᨻᩕ᩠ᨿᩣᨧᩮᩢ᩶ᩣᩋᩥ᩠ᨦᨪᩮᩬᩡᨾᩴ)[31]
พ.ศ. 2215 - 2218 3 ปี พระราชโอรสในพระเจ้าอังวะ; มีข้อโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้านะราวะระ ซึ่งทรงเป็นพระมหาอุปราชาพม่าในขณะนั้น[28][30]
พระเจ้าเจพูตราย[15]
(ᨻᩕᨸᩮ᩠ᨶᨧᩮᩢ᩶ᩣᨧᩮᨻᩪᨲᩕᩣ᩠ᨿ)[32]
พ.ศ. 2218 - 2250 32 ปี พระโอรสเจ้าเจกุตรา; มีข้อโต้แย้งว่าบันทึกผิดเพี้ยนมาจากพระเจ้ามังกะยอดินซึ่งทรงเป็นพระโอรสของเจ้าชายแห่งซีบุดะรา[28][30]
มังแรนะร่า
(ᨾᩢ᩠ᨦᩁᩯᨶᩁ᩵ᩣ)
พ.ศ. 2250 - 2270 20 ปี อาจเป็นบุคคลเดียวกับมีนเยนอระทา[30]

แคว้นเชียงใหม่ในฐานะหัวเมืองอิสระ (พ.ศ. 2270 – 2306)

[แก้]

เทพสิงห์รวบรวมสมัครพรรคพวก ยกเข้าไปปล้นเมืองเชียงใหม่ในเวลากลางคืน และจับฆ่างานโยเจ้าเมืองเชียงใหม่แล้วปราบดาภิเษกครองเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2270

พระบรมรูป รายพระนาม ช่วงเวลาครองราชย์ ระยะเวลา หมายเหตุ
เทพสิงห์
(ᨴᩮᨻᩛ᩼ᩈᩥᨦ᩠ᩉ᩼)
พ.ศ. 2270 - 2270 1 เดือน สามัญชนปราบดาภิเษก[1]
เจ้าองค์คำ
(ᨧᩮᩢ᩶ᩣᩋᩫᨦ᩠ᨣ᩼ᨤᩴᩣ)
พ.ศ. 2270 - 2302 32 ปี พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง[33]; ได้ครองเชียงใหม่หลังร่วมมือกับพม่าขับไล่เทพสิงห์ออกไป[1]
องค์จันทร์
(ᩋᩫᨦ᩠ᨣ᩼ᨧᩢᨶ᩠ᨴᩕ᩼)
พ.ศ. 2302 - 2304 2 ปี พระโอรสในเจ้าองค์คำ; ได้ครองเชียงใหม่หลังจากที่พระบิดาสิ้นพระชนม์และทรงประกาศไม่ขึ้นกับหลวงพระบาง[1]
เจ้าขี้หุด
()
พ.ศ. 2304 - 2306 2 ปี เป็นพระภิกษุวัดดวงดี ลาสิกขาบทออกมาเป็นเจ้าเมืองแทนเจ้าปัด หลังจากเจ้าปัดยึดอำนาจองค์จันทร์แต่ไม่สามารถปกครองได้[1]

เจ้าเมืองเชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่าครั้งที่ 4 (พ.ศ. 2306 – 2317)

[แก้]

ในปีพ.ศ. 2306 กองทัพพม่ายกมา 9 ทัพมีโป่อภัยคามินีเป็นแม่ทัพยกมาตีเมืองเชียงใหม่ ลำพูน พม่ากวาดต้อนเครือญาติวงศ์เจ้าองค์คำ และชาวเมืองเชียงใหม่ส่งไปเมืองอังวะเป็นอันมาก[1] และโป่อภัยคามินีก็ยกเข้าตั้งรักษาเมืองเชียงใหม่ไว้

รูป ชื่อ ช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง ระยะเวลา หมายเหตุ
โป่อภัยคามินี
(အဘယဂါမဏိ)
พ.ศ. 2306 - 2311 5 ปี
โป่มะยุง่วน
(ဗိုလ်မြို့ဝန်)
พ.ศ. 2311 2317 5 ปี

ล้านนาในฐานะประเทศราชของสยาม (พ.ศ. 2317-2475)

[แก้]

พระยาวิเชียรปราการ (บุญมา) และพระเจ้ากาวิละได้กอบกู้เอกราชของล้านนา และนำล้านนาเข้าสวามิภักดิ์กับสยามตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นต้นมา ส่งผลให้ล้านนา 57 หัวเมืองมีฐานะเป็นประเทศราชของสยาม ภายหลังสยามได้แบ่งการปกครองของล้านนาออกเป็นหัวเมืองต่าง ๆ โดยแต่งตั้งพระเจ้าประเทศราชหรือพระยาประเทศราชให้ครองหัวเมืองนั้น ๆ มีหัวเมืองสำคัญเรียกว่านครประเทศราชได้แก่ นครเชียงใหม่ นครลำปาง นครลำพูน นครแพร่ และนครน่าน

การปกครองหัวเมืองล้านนาโดยสยามมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล หัวเมืองล้านนาได้กลายสภาพเป็นมณฑลพายัพ จวบจนกระทั่งภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 จึงยกเลิกระบอบประเทศราชรวมถึงระบบมณฑลเทศาภิบาล ส่งผลให้หัวเมืองล้านนาต่าง ๆ มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งเช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศสยาม มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครองสูงสุดในจังหวัดและจัดการปกครองขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 1.17 1.18 1.19 1.20 1.21 1.22 1.23 1.24 1.25 1.26 1.27 1.28 1.29 1.30 1.31 1.32 Penth, Hans (1995). The Chiang Mai Chronicle.
  2. 2.0 2.1 2.2 (1370). Wat Phra Yuen Inscription.
  3. Falkus, Malcolm; Wyatt, David K. "Thailand: A Short History". The Economic History Review. 39 (2): 328. doi:10.2307/2596187. ISSN 0013-0117.
  4. Penth, Hans (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ (ใบลาน).
  5. 5.00 5.01 5.02 5.03 5.04 5.05 5.06 5.07 5.08 5.09 Ratanapannya Thera. (1788). Jinakalamali.
  6. 6.0 6.1 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 31. ISBN 9747047691.
  7. 7.0 7.1 7.2 7.3 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 36. ISBN 9747047691.
  8. 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 8.5 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 36. ISBN 9747047691.
  9. 9.0 9.1 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 37. ISBN 9747047691.
  10. พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. "ลูกเขาเมียใครที่เชียงใหม่ สุโขทัย และอยุธยา" ในฟื้นฝอยหาตะเข็บ, หน้า 228
  11. เฉลิมวุฒิ ต๊ะคำมี. "ข้อคิดใหม่และข้อสังเกตบางประการ : ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นปกครองของล้านนาและสุโขทัย" หน้า ๑๔๓-๑๘๓
  12. 12.0 12.1 เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 38. ISBN 9747047691.
  13. "พงศาวดารล้านช้าง". ประชุมพงศาวดารเล่ม 44. พระนคร : ครุสภา, 2512, หน้า 161-164
  14. ลำดับกษัตริย์ลาว, หน้า 103
  15. 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 15.5 15.6 ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี (PDF). เชียงใหม่: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฏเชียงใหม่. 2538. ISBN 974-8150-62-3.
  16. 16.0 16.1 Forbes, Andrew (2012-02-26). "Ancient Chiang Mai: King Mae Ku: From Lan Na Monarch to Burmese Nat". CPA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-26. สืบค้นเมื่อ 2020-05-17.
  17. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ :10
  18. 18.0 18.1 18.2 18.3 18.4 Hmannan Yazawin. (1832).
  19. สิงฆะ วรรณสัย, ปริวรรต,โคลงเรื่อง มังทรารบเชียงใหม่, หน้า 14
  20. พระราชพงศาวดารพม่า, page 224
  21. สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา, page 280
  22. ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 10 เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครน่านให้แสนหลวงราชสมภารแต่งไว้สำหรับบ้านเมือง. Phra Nakhon province: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร. 1918. pp. 100–101.
  23. ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 10 เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช พระเจ้านครน่านให้แสนหลวงราชสมภารแต่งไว้สำหรับบ้านเมือง. Phra Nakhon province: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร. 1918. pp. 100–101.
  24. ประชากิจกรจักร, พระยา (1973). พงศาวดารโยนก (7th ed.). กรุงเทพฯ: บุรินทร์การพิมพ์. pp. 408–410. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01.
  25. U Kala (2016). The Great Chronicle, 1597-1711. แปลโดย Tun Aung Chain. Yangon: MKS Publishing. pp. 157, 181, 193, 201–202, 205, 217. ISBN 9789997102201.
  26. Department of Fine Arts, บ.ก. (9 March 1937), "พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)" [Phraratchaphongsawadan Chabap Phan Channumat (Choem)], ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ [Collection of Historical Archives] (PDF), Phra Nakhon province: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, สืบค้นเมื่อ 2024-05-01
  27. อ๋องสกุล, สรัสวดี (2003). เอียวศรีวงศ์ (บ.ก.). พื้นเมืองเชียงแสน (นิธิ ed.). Bangkok: อมรินทร์. pp. 121–122. ISBN 9742726612.
  28. 28.0 28.1 28.2 28.3 สุขคตะ, เพ็ญสุภา (2023-07-16). "ตระหนัก 'ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่' (จบ) ความคลาดเคลื่อนที่ควรแก้ไข ทุกฝ่ายร่วมชำระใหม่แบบขยายความ - มติชนสุดสัปดาห์". สืบค้นเมื่อ 2025-03-27.
  29. 29.0 29.1 อ๋องสกุล, สรัสวดี (2003). เอียวศรีวงศ์ (บ.ก.). พื้นเมืองเชียงแสน (นิธิ ed.). Bangkok: อมรินทร์. pp. 121–122. ISBN 9742726612.
  30. 30.0 30.1 30.2 30.3 Kirigaya, Ken (29 November 2014). "Some annotations to the Chiang Mai chronicle: The era of Burmese rule in Lan Na" (PDF). Journal of the Siam Society. 102: 275. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-02-10. สืบค้นเมื่อ 2024-05-01 – โดยทาง The Siam Society under Royal Patronage.
  31. เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 42. ISBN 9747047691.
  32. เพนธ์, ฮันส์ (1996). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับใบลาน. กรุงเทพฯ: Silkworm Books. p. 42. ISBN 9747047691.
  33. Stuart-Fox, Martin. History Dictionary of Laos (3rd ed.). Scarecrow Press, Inc. p. 239. ISBN 978-0-8108-5624-0.