ชูวงศ์ ฉายะจินดา
มีข้อสงสัยว่าบทความนี้อาจละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ระบุไม่ได้ชัดเจนเพราะขาดแหล่งที่มา หรืออ้างถึงสิ่งพิมพ์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หากแสดงได้ว่าบทความนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แทนป้ายนี้ด้วย {{ละเมิดลิขสิทธิ์}} หากคุณมั่นใจว่าบทความนี้ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แสดงหลักฐานในหน้าอภิปราย โปรดอย่านำป้ายนี้ออกก่อนมีข้อสรุป |
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ชูวงศ์ ฉายะจินดา | |
---|---|
![]() | |
เกิด | ชูวงศ์ ฉายะจินดา 25 ธันวาคม พ.ศ. 2473 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
อาชีพ | นักเขียน |
ช่วงปีที่ทำงาน | พ.ศ. 2500 - ปัจจุบัน |
ชูวงศ์ ฉายะจินดา เป็นทั้งชื่อ-นามสกุลจริง และเป็นนามปากกาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ใช้ในการเขียนนวนิยายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีนามปากกาอื่น ๆ อีก คือ เทิดพงษ์ ใช้เมื่อเขียนเรื่องสั้นในช่วงแรก ๆ และนวนิยายเรื่องแรก คือ ตำรับรัก กล้วยไม้ ณ วังไพร, แก้วเจียระไน, กรทอง และ ทวิชา ทั้ง 4 นามปากกาใช้ในการเขียนนวนิยายลงตีพิมพ์ในหน้านิตยสารต่าง ๆ เขาได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2559
ประวัติและการศึกษา
[แก้]ชูวงศ์ ฉายะจินดา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พุทธศักราช 2473 เป็นบุตรคนสุดท้องในพี่น้องร่วมมารดาทั้งหมดห้าคนของพระชาญบรรณกิจ (ถวิล ฉายะจินดา) อดีตรองอธิบดีกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลังและนางช่วง ชาญบรรณากิจ ชูวงศ์ ฉายะจินดา หยุดเขียนนวนิยายไปยาวนาน นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2521 เมื่อเดินทางย้ายไปพำนักอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ทิ้งผลงานให้ผู้อ่านตามรอยไว้เกือบ 70 เล่ม จนกระทั่งปีพุทธศักราช 2540 จึงกลับเข้าสู่วงวรรณกรรมอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเวลาที่ห่างหายไปจากงานเขียนเป็นเวลา 20 ปี ปัจจุบัน ชูวงศ์ ฉายะจินดา อาศัยอยู่ ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียมากว่า 40 ปี ชูวงศ์ สมรสกับปรานอม ฉายะจินดา มีบุตรชายหนึ่งคน คือ นายโชติรส ฉายะจินดา (เสียชีวิตแล้ว)
ชูวงศ์ ฉายะจินดา ได้รับการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนเล็ก ๆ ใกล้บ้านชื่อ ‘โรงเรียนสนิทราษฏร์บริบูรณ์’ จากนั้นเข้ารับการศึกษาต่อที่โรงเรียนราชินี ถนนมหาราช จนเมื่อศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น บิดาคือพระชาญบรรณกิจ จึงได้อพยพครอบครัวไปหลบภัยที่ตำบลวัดแจ้งร้อน จึงได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวิสุทธิ์กษัตริย์ พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ชั่วคราวในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา
ต่อมาเมื่อโรงเรียนราชินีอพยพไปเปิดสอนที่ตำบลผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชูวงศ์ ฉายะจินดา จึงกลับไปเรียนต่อที่โรงเรียนราชินีตามเดิม ปีพุทธศักราช 2488 สงครามมหาเอเชียบูรพาสงบลง โรงเรียนราชินีจึงย้ายกลับกรุงเทมหานคร ชูวงศ์ ฉายะจินดา เรียนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์ (เตรียมอักษรศาสตร์) ปีที่ 2 เมื่อปีพุทธศักราช 2490 ร่วมรุ่นกับเดียวกับ สุกัญญา ชลศึกษ์ (กฤษณา อโศกสิน) และปราศรัย รัชไชยบุญ (นิดา)
จากนั้นเข้าศึกษาที่ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิต รางวัลเหรียญเงินในวิชาสันสกฤต เมื่อปีพุทธศักราช 2494 ปีพุทธศักราช 2500 ได้รับทุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย ภายใต้แผนการโคลัมโบ ไปศึกษาต่อที่ UNIVERSITY OF MELBOURNE ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในสาขาวิชาวาทศิลป์ (RHETORIC)
การทำงาน
[แก้]ปีพุทธศักราช 2495 เข้ารับราชการครูวิชาภาษาไทย ที่โรงเรียนศิริศาสตร์ สี่พระยา (โรงเรียนศิริทรัพย์ในปัจจุบัน) เป็นเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากสุขภาพไม่ดี จึงลาออก
ต่อมาเข้ารับราชการครูที่โรงเรียนราชินี สอนอยู่ได้ไม่นานก็ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบจึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพครูที่รักเข้ารับราชการที่กรมชลประทาน ในแผนกสารบรรณ นาน 3 ปี และเริ่มเขียนเรื่องสั้นส่งให้กับนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’
ปีพุทธศักราช 2500 ได้เข้ากลับรับราชการครูซึ่งเป็นอาชีพที่ตนเองรักอีกครั้งที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ และเริ่มเขียนนวนิยายขนาดยาวเรื่องแรก คือ ‘ตำรับรัก’ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’
ปีพุทธศักราช 2503 ได้เข้ารับราชกาที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ในตำแหน่งอาจารย์ภาควิชาภาษาไทย ที่นี่งานเขียนของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา ได้ปรากฏสู่สายตาผู้อ่านซึ่งเป็นเพื่อนอาจารย์และนักเรียนด้วยกัน โดยตีพิมพ์เรื่องสั้นในหนังสือที่ระลึกของโรงเรียนพร้อม ๆ กับเขียนนวนิยายลงตีพิมพ์ในนิตยสารหลายฉบับ
ต่อมาได้ลาออกจากราชการมาประกอบอาชีพนักเขียนเพียงอย่างเดียว ได้เริ่มเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และได้ทำงานอื่น ๆ เสริม เช่น บริหารโรงเรียนสอนตัดผมและตัดเสื้อดาวรุ่ง เป็นต้น
งานเขียน
[แก้]จากการที่ ชูวงศ์ ฉายะจินดา ได้เข้าศึกษาที่ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการฝึกฝนด้านภาษาและการเขียนภาษาไทย ประกอบกับอุปนิสัยรักการอ่านและการขีดเขียน ทำให้ ชูวงศ์ ฉายะจินดา สนใจในการประพันธ์ งานประพันธ์ของนักเขียนที่มีส่วนช่วยผลักดันด้วยคือ ‘ดอกไม้สด’ (หม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์)
เมื่อเรียนชั้นมัธยมบริบูรณ์ (เตรียมอักษรศาสตร์) ปีที่ 1 ที่โรงเรียนราชินี เพื่อน ๆ ร่วมชั้นได้จัดทำหนังสือวารสารรายสะดวกขึ้นหนึ่งเล่มมี ประภาศรี นาคะนาท (ภา พรสวรรค์) นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นน้องสาวของ ประหยัด ศ. นาคะนาท เป็นหัวหน้าจัดทำ ในหนังสือเล่มนั้นมีเรื่องสั้นพร้อมรูปประกอบเรื่องหนึ่งชื่อ ‘กลางละอองทอง’ แต่งโดย ประภาศรี นาคะนาท ทำให้ ชูวงศ์ ฉายะจินดา อ่านอย่างประทับใจจนใฝ่ฝันจะเขียนเช่นนั้นบ้าง
ต่อมาเมื่อเข้าศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กุลทรัพย์ รุ่งฤดี (คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นได้ริเริ่มจัดทำวารสารอีก ชูวงศ์ ฉายะจินดา จึงรับหน้าที่เขียนคอลัมน์แบบเสื้อ
ปีพุทธศักราช 2495 เมื่อเข้ารับราชการครูที่โรงเรียนศิริศาสตร์ ทางโรงเรียนจัดทำหนังสือที่ระลึกแจกในงานประจำปี ให้ครูทุกคนเขียนเรื่องมาลง ชูวงศ์ ฉายะจินดา จึงเขียนเรื่องแบบจดหมายเทศนาโวหารพ่อสั่งสอนลูกชาย ถือได้ว่าเป็นงานเขียนชิ้นแรก ต่อมาได้เขียนเรื่องทำนองนี้อีกลงในหนังสือที่ระลึกโรงเรียนราชินี
ปีพุทธศักราช 2500 ขณะเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ ได้เขียนเรื่องสั้นส่งไปให้นิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ได้ลงพิมพ์ในเวลาต่อมา เรื่องสั้นนั้นชื่อเรื่อง ‘หนึ่งในห้าร้อยจำพวก’ และเริ่มเขียนนวนิยายขนาดยาวเรื่องแรกคือ ‘ตำรับรัก’ ขนาด 55 ตอน โดยใช้นามปากกาว่า ‘เทิดพงษ์’
นับแต่นั้นมา ชูวงศ์ ฉายะจินดา ก็ได้กลายเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวจนถึงปัจจุบันมีผลงานนวนิยาย เรื่องยาว เรื่องสั้น นับร้อยเรื่อง โดยมีหลักในการเขียนหนังสือว่า เขียนเพื่อเสริมพุทธวัจนะ ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ และในฐานะนักเขียน อยากจะทำงานที่สามารถสร้างความกลมเกลียวให้แก่คนในชาติได้อย่างจริงจัง หวังว่าตัวหนังสือที่ตัวอักษรจะช่วยสร้างความเห็นอกเห็นใจระหว่างคนในสังคม มิใช่ใจแคบคิดถึงแต่ตัวเอง
งานเขียนของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา จำนวนมากได้ถูกสร้างเป็นละครวิทยุ ละคร และภาพยนตร์
ผลงานเรื่องสั้น
[แก้]ตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น ชูวงศ์ ฉายะจินดา สนใจวิชาเกี่ยวกับภาษาไทย โดยเฉพาะวิชาการเขียนเป็นพิเศษ ในช่วงแรกเริ่มจากการหัดเขียนเรียงความ ต่อมาจึงฝึกเขียนเรื่องสั้นไว้อ่านกันเองเฉพาะกลุ่ม เรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขียนและได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ คือ ‘หนึ่งในห้าร้อยจำพวก’
จากนั้นจึงมีเรื่องสั้นตามมาอีกว่า 58 เรื่อง ซึ่งเรื่องสั้นทุกเรื่องได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ในระหว่างปีพุทธศักราช 2495 - 2500
ปีพุทธศักราช 2545 ได้เขียนเรื่องสั้นชื่อ ‘เหตุเกิดเมื่อวันแม่’ ตีพิมพ์ลงในหนังสือรวมเรื่องสั้นนักเขียนนวนิยายปากกาทอง ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ‘เพชรสีน้ำเงิน’ ชุด 1
ปีพุทธศักราช 2550 ได้เขียนเรื่องสั้นชื่อ กรรมใดใครก่อ, ป้าเกลือปากพระร่วง, มือที่สาม เจ้าขุนทองน้องเบิร์ท, คู่กัด, รักโกลาหลคนโลกาภิวัฒน์, อันความกรุณาปราณี, ติดอ่าง-ตกทอง และ เสน่าปลายจวัก
งานแปล
[แก้]นอกจากเขียนเรื่องของเธอแล้ว ชูวงศ์ ฉายะจินดา ยังชอบอ่านวรรณกรรมต่างประเทศ เธอจึงได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านวรรณกรรมของ O. HENRY เรื่อง THE DIAMOND OF KALI เธอจึงแปลและเรียบเรียงขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ‘เพชรของเจ้าแม่กาลี’
WILLIAM HOPE HODGESON เรื่อง THE VOKE IN THE NIGHT แปลและเรียบเรียงขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ‘เห็ดมฤตยู’
ผลงานสารคดีเชิงท่องเที่ยว
[แก้]ชูวงศ์ ฉายะจินดา มักจะเดินทางท่องเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง จึงเกิดแรงบันดาลใจให้เขียนสารคดีเชิงท่องเที่ยวบอกเล่าเรื่องราวออกมาเป็นตัวอักษรในสิ่งที่พบเห็นระหว่างเดินทาง ได้แก่
ฉันรักสแกนดิเนเวีย เป็นสารคดีเชิงท่องเที่ยวเรื่องแรกเมื่อได้รับเชิญเป็นตัวแทนนักเขียนสตรีไปร่วมศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ได้แก่ เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์
ลาก่อนเมลเบิร์น เป็นสารคดีเชิงท่องเที่ยวเมื่อครั้งเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตนักศึกษาและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
ดินแดนแห่งความสงบยามเช้า เมื่อครั้งได้รับเชิญเป็นตัวแทนนักเขียนสตรีไปร่วมศึกษาดูงานที่ประเทศเกาหลี ร่วมกับเพื่อนนักเขียน คือ สุภัทร สวัสดิรักษ์, อมราวดี (ลัดดา ถนัดหัตถกรรม), สุภาว์ เทวกุลฯ และสุวรรณี สุคนธา
ตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ประมาณปีพุทธศักราช 2513 ได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2515 จากคณะกรรมการหนังสือแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศเกาหลี โดยสถานเอกอัครราชทูตยกย่องให้เป็นวรรณกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย - เกาหลี พร้อมจัดซื้อหนังสือจำนวนหนึ่งมอบแก่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเกาหลีที่สอนภาษาไทย
โรมันรัญจวน เป็นสารคดีเชิงท่องเที่ยว โดยเขียนร่วมกับเพื่อนนักเขียน คือ สุภัทร สวัสดิรักษ์ , อมราวดี (ลัดดา ถนัดหัตถกรรม), สุภาว์ เทวกุลฯ, ทมยันตี, เพ็ญแข วงศ์สง่า, บุษปะเกศ, ‘เศก ดุสิต’, ถาวร สุวรรณ และณรงค์ จันทร์เรือง ตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ประมาณปีพุทธศักราช 2514 - 2515
ผลงานนวนิยาย
[แก้]ชูวงศ์ ฉายะจินดา เริ่มเขียนนวนิยายเมื่ออายุประมาณ 30 เมื่อนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ได้เปิดสนามให้นักเขียนใหม่ได้ประลองฝีมือโดยได้รับการสนับสนุนจาก หม่อมหลวงจิตติ นพวงศ์ บรรณาธิการนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’
นวนิยายเรื่องแรกซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจจากการอ่านงานประพันธ์ของ ‘ดอกไม้สด’ คือ ‘ตำรับรัก’ (LOVE LESSON) ขนาดยาว 55 ตอน เมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2500 ทำให้ชื่อของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา เป็นที่รู้จักของนักอ่านโดยทั่วไป
เรื่องต่อมา คือ ‘ม่านบังใจ’ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ เมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2502 - 2504
จากเวทีนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ชูวงศ์ ฉายะจินดา ก้าวไปสู่นิตยสารอื่น ๆ อีก
สกุลไทย รายสัปดาห์ เช่น กำแพงเงินตรา (ระหว่างปีพุทธศักราช 2511 - 2512) , จันทร์ไร้แสง (ระหว่างปีพุทธศักราช 2512 - 2513) , พระเอกในความมืด (ระหว่างปีพุทธศักราช 2516 - 2517) , ชีวิตผวา (ระหว่างปีพุทธศักราช 2520 - 2521) เป็นต้น
เดลิเมล์วันจันทร์ เช่น จำเลยรัก (ระหว่างปีพุทธศักราช 2504 - 2405) , ผู้หญิงมือสอง ,ไพรพิศวาส (ระหว่างปีพุทธศักราช 2501 - 2502) สุดสายป่าน (ระหว่างปีพุทธศักราช 2501 - 2502) หลังจากได้รับการตอบรับอย่างสูงจากผู้อ่านเรื่อง ‘ม่านบังใจ’ จนทำให้มีภาคสมบูรณ์ของเรื่องคือ ‘หัวใจรัก’ (ระหว่างปีพุทธศักราช 2504 - 2505) เป็นต้น
สตรีสาร ได้แก่ เสี้ยนชีวิต (ในปีพุทธศักราช 2514)
แม่ศรีเรือน ได้แก่ ในมือมาร (ในปีพุทธศักราช 2504) , อสรพิษดำ (แรงอาถรรพ์) (ในปีพุทธศักราช 2516) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเขียนให้กับนิตยสารอื่น ๆ เช่น ลลนา , ขวัญดาว , ศรีสยาม เป็นต้น
มีผลงานเป็นที่นิยมแพร่หลายมากมาย เช่น ‘จำเลยรัก’ ที่โด่งดัง (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 2 ครั้ง ละคร 5 ครั้ง) , ‘สุดสายป่าน’ (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ละคร 3 ครั้ง) , ‘ตำรับรัก’ (ถูกสร้างเป็นละคร 4 ครั้ง) , ‘พระเอกในความมืด’ (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) , ‘เงาอโศก’ (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) , ‘ฝันเฟื่อง’ (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) , 'กำแพงเงินตรา' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง) , ‘เงาใจ’ (ถูกสร้างเป็นละคร 2 ครั้ง) , 'พระจันทร์แดง' (ถูกสร้างเป็นภาพ 1 ครั้ง ละคร 3 ครั้ง) , 'เจ้าสาวเรือพ่วง' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ละคร 3 ครั้ง) , 'พรหมพยศ' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ละคร 2 ครั้ง) , 'พริกกับเกลือ' (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) , 'เกิดเป็นหงส์' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ละคร 1 ครั้ง) , 'ไพรรัก' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง) , 'พิษผยอง' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง) , 'รักระแวง' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง) , 'บุหงาหน้าฝน' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ละคร 1 ครั้ง) , 'ตามรักตามล่า' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ละคร 1 ครั้ง) , 'ฝนตกแดดออก' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง) , 'ดอนโขมด' (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง)
จากนั้นมาชื่อของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา โด่งดังก้องฟ้าในยุควรรณกรรม ‘พาฝัน’ มีผู้อ่านติดนวนิยายของเธอมากมายในฐานะ ‘ราชินีนวนิยายพาฝัน’ ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ชูวงศ์ ฉายะจินดา หยุดเขียนนวนิยายไปยาวนาน นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2521 เมื่อเดินทางไปพำนัก ณ นครเมลเบริร์น ประเทศออสเตรเลีย ทิ้งผลงานให้ผู้อ่านตามรอยไว้เกือบ 70 เล่ม ซึ่งนับเวลาเธอหายไปจากงานเขียนเป็นเวลา 20 ปี จนกระทั่งปีพุทธศักราช 2540 เธอได้กลับเข้าสู่วงวรรณกรรมอีกครั้งตามคำชักชวนของสุภัทร สวัสดิ์รักษ์ อดีตบรรณาธิการอาวุโสนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ เริ่มเขียนนวนิยายดังนี้
- เกษรหน่ายแมลง ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2541 - 2542
- ฆาตกรกามเทพ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2543
- พี. อาร์. หมายเลขหนึ่ง ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2543
- ก็ว่าจะไม่รัก พิมพ์ร่วมเล่มโดยสำนักพิมพ์ดับเบิ้ลนายน์ ในปีพุทธศักราช 2544
- ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเธอ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2544 - 2545
- ปล. ด้วยรักและเข้าใจ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘ชีวิตจริง’ ระหว่างปีพุทธศักราช 2544 - 2545
- สวรรค์ชั้นนี้มีแต่รัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘เรื่องผู้หญิง’ ระหว่างปีพุทธศักราช 2544 - 2545
- ชีวิตนี้มีไว้ให้เธอ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2545 - 2546
- เหมือนเราจะรักกันไม่ได้ (TRAGEDY MOST LIKELY) ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2546 - 2547
- เสี่ยงลวง เสี่ยงรัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2547 - 2548
- สร้อยเสน่ห์ เล่ห์พิศวาส ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘พลอยแกมเพชร’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2546 - 2547
- ดอกรักกลางพงหนาม ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘ที. วี อินไซด์’ ระหว่างปีพุทธศักราช 2546 - 2547
- บุพเพสลับรัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2547 - 2549
- ปีกเปล่า ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2549
- เล่ห์มยุรา ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2549 - 2550
- ลมหวนในสวนรัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2550
- ผีเสื้อสลับราย ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2550 - 2551
- เหมือนจะรู้อยู่ในเล่ห์เสน่หา เขียนขึ้นในปีพุทธศักราช 2550
- ดั่งด้ายสร้างสม ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2551 - 2552
- เพียงมีรักในใจเธอ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2551 - 2553
- เรือนลำภู ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2552 - 2553
- หนึ่งรักนิรันดร ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2553 - 2555
- ร่วมผลงานนวนิยายเรื่องสั้นประมาณ 58 เรื่อง เรื่องแปลประมาณ 2 เรื่อง สารคดีประมาณ 4 เรื่อง นวนิยายประมาณ 91 เรื่อง
ชูวงศ์ ฉายะจินดา กล่าวว่า การที่กลับมาเขียนนวนิยายอีกครั้ง ด้วยเหตุผลเดียวคือ เกิดมาเป็นคนไทย นับถือศาสนาพุทธและอายุสูงปูนนี้ จึงขเอฝากข้อคิดบางประการเพื่อให้คนรุ่นใหม่ในสังคมจะได้ไม่ลืมหลักธรรมเก่า ๆ โดยใช้นวนิยายที่ให้ทั้งความบันเทิงและข้อคิดเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดประสบการณ์และบอกเล่าเรื่องราวต่า ๆ ผ่านมุมมองของผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาคนหนึ่ง
รายชื่อผลงานนวนิยาย
[แก้]นามปากกา ชูวงศ์ ฉายะจินดา
[แก้]- กรวดต่างสี
- กามเทพหลงทาง
- กำแพงเงินตรา
- ก็ว่าจะไม่รัก
- เกสรหน่ายแมลง
- เกิดเป็นหงส์ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 2555)
- เกียรติศักดิ์รักของข้า
- ขายสดหรือผ่อน
- ฆาตกรกามเทพ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 2545)
- เงาใจ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 7 2544 และ ช่องวัน 2558)
- เงาอโศก (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 3 ครั้ง ช่อง 7 2542 , ช่อง 5 2551 , ช่องวัน 2559)
- จำเลยรัก (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 7 2540 และ ช่อง 3 2550)
- จำแลงรัก (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่องวัน 2566 )
- เจ้าสาว
- เจ้าสาวเรือพ่วง
- ชีวิตนี้มีไว้ให้เธอ
- ชีวิตผวา
- ซากุระสีชมพู
- ดอกรักกลางพงนาม
- ดอกรักริมทาง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 5 2553)
- ดาวประดับใจ
- ดั่งด้ายสร้างสม
- ตามรักตามล่า (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 2542)
- ตำรับรัก (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 7 2532 และ ช่อง 3 2542)
- เถาวัลย์พันรัก
- ทัณฑ์กามเทพ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 2544)
- เทพบุตรในฝัน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 3 2547)
- น้ำตาลใกล้มด
- เนื้อทองของพี่
- ในมือมาร
- บุพเพสลักรัก
- บุหงาหน้าฝน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 5 2554 และ ช่องวัน 2562 )
- บุหลันอาเพศ (ดอนโขมด)
- บัวกลางบึง
- ปล ด้วยรักและเข้าใจ
- ปีกเปล่า
- เปรี้ยวหวานมันเค็ม
- ผีเสื้อสลับลาย
- ผู้ชายในอดีต
- ฝนชาฟ้าสาง
- ฝันขม
- ฝันเฟื่อง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 5 2548 และ ช่องวัน 2557)
- พรหมพยศ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 3 ครั้ง ช่อง 3 2526, ช่อง 9 2536 และ ช่อง 7 ปี 2568)
- พริกกับเกลือ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 3 ครั้ง ช่อง 3 2543 ช่อง 7 2555 และ 2564)
- พระจันทร์แดง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 3 ปี 2545 และ ช่องวัน 2564)
- พระเอกในความมืด
- พิษผยอง
- พีอาร์หมายเลขหนึ่ง
- พ่อม่ายเมียเผลอ
- เพชรร้าว
- เพียงมีรักในใจเทอ
- ไพรพิศวาส
- ฟ้าพยับ
- ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเธอ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 7 2550 และ 2563)
- ไฟปรารภนา
- มณีมรณะ (โป่งมฤตยู) (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่องวัน 2566 )
- มรดกมืด
- มาลัยร้อยชีวิต
- ม่านบังใจ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 7 2543 และ 2563)
- แม่จอมขวัญ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 ปี 2568)
- รักบังใบ
- รักระแวง
- รักลอยลม
- รักเล่ห์
- รักแสลง
- ราคีหัวใจ
- แรงอาถรรพ์ (อสรพิษดำ)
- ริษยาอาฆาต
- ลมหวนในสวนรัก
- เล่ห์นารี
- เล่ห์มยุรา (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 ปี 2568)
- วิมานทราย
- สร้อยเสน่ห์ เล่ห์พิศวาส
- สวรรค์กลางดง
- สวรรค์ชั้นนี้มีแต่รัก
- เสี่ยงลวง เสี่ยงรัก (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 2551)
- เสี้ยนชีวิต
- สุดปลายสายรุ้ง
- สุดสายป่าน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ช่อง 7 2538 และ ช่อง 5 2556)
- โสมส่องแสง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 3 2537)
- หนึ่งรักนิรันดร
- หยดหนึ่งของความรัก
- เหมือนจะรู้อยู่ในเล่ห์เสน่หา (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่องวัน 2559)
- เหมือนเราจะรักกันไม่ได้ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง 7 2549)
- หัวใจรัก
นามปากกา ทวิชา
[แก้]- ธนบุรีศรีมหาสมุทร
- ทับทิมเพชรรัตน์
- บุหลันดั้นเมฆ
- เพชรจักรวาล
- หทัยนาง
เรื่องสั้น และ สารคดี
[แก้]- คนพิการใจ
- ฉันรักสแกนดิเนเวีย
- รักที่หลงทาง
- สองนาง
- เรื่องของกุญชลี
- ระแวงรัก
- เพชรสีน้ำเงิน (เขียนร่วมกับ กฤษณา อโศกสิน, ชมัยภร แสงกระจ่าง, ว.วินิจฉัยกุล, นราวดี, กิ่งฉัตร, ปิยะพร ศักดิ์เกษม, นายา และ ประภัสสร เสวิกุล )
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2560 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)[1]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๖๐ เก็บถาวร 2017-10-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๔๘ ข หน้า ๑๔๘, ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐