อดัม โคปแลนด์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เอดจ์ (นักมวยปล้ำ))
อดัม โคปแลนด์
เกิดAdam Joseph Copeland
(1973-10-30) 30 ตุลาคม ค.ศ. 1973 (50 ปี)
Orangeville, Ontario, Canada
ศิษย์เก่าHumber College
อาชีพProfessional wrestler, actor
ปีปฏิบัติงาน1992–2011, 2020–present (wrestler)
2000–present (actor)
คู่สมรส
  • Alannah Morley (สมรส 2001; หย่า 2004)
  • Lisa Ortiz (สมรส 2004; หย่า 2005)
  • Beth Phoenix (สมรส 2016)
บุตร2
ที่พักAsheville, North Carolina, United States
ชื่อบนสังเวียนAdam Copeland[1]
Adam Impact[2]
Conquistador Uno[3]
Damian Striker[4]
Edge[5]
Sexton Hardcastle[6]
ส่วนสูง6 ft 5 in (1.96 m)[5]
น้ำหนัก241 lb (109 kg)[5]
มาจากToronto, Ontario, Canada[5]
ฝึกหัดโดยRon Hutchison[5]
Sweet Daddy Siki[5]
เปิดตัวJuly 1, 1992[7]

อดัม โจเซฟ โคปแลนด์ (Adam Joseph Copeland)[8][9] เกิด 30 ตุลาคม ค.ศ. 1973[10] เป็นนักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงชาวแคนาดาที่เซ็นสัญญากับWWEภายใต้ชื่อ เอดจ์ (Edge) เจ้าของฉายาว่า "เรต-อาร์ ซูเปอร์สตาร์"[5] เป็นครึ่งหนึ่งของแท็กทีมคู่กับคริสเตียน ที่มีชื่อว่าเอดจ์และคริสเตียน โดยในชีวิตจริงพวกเขาเป็นเพื่อนกันและในบทเขารับบทเป็นพี่ชายของคริสเตียน เขาสร้างสถิติไว้คือเป็นแชมป์แท็กทีม WWEมากที่สุดถึง 13 สมัย และได้แชมป์โลก 11 ครั้งได้แก่ แชมป์ WWE 4 สมัย และแชมป์โลกเฮฟวี่เวท 7 สมัย และได้ครองแชมป์เส้นเล็กได้แก่ แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล, แชมป์ยูเอส ผู้ชนะมันนีอินเดอะแบงก์ 2005, รอยัลรัมเบิล 2010, คิงออฟเดอะริง 2001, แชมป์แกรนด์สแลมคนที่7, แชมป์ทริปเปิลคราวน์คนที่14 และได้เข้าสู่หอเกียรติยศดับเบิลยูดับเบิลยูอีประจำปี 2012[11]

ประวัติมวยปล้ำอาชีพ[แก้]

ช่วงแรกใน WWE[แก้]

เอดจ์กับกระเป๋า Money In The Bank

เอดจ์เป็นนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งใน WWE ในช่วงแรกเขาเป็นนักมวยปล้ำระดับกลางที่มีผลงานเด่นๆ จากการเป็นแชมป์แท็กทีมหลายสมัยคู่กับคริสเตียน หลังจากที่แยกกับคริสเตียนออกมาฉายเดี่ยวก็สามารถคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลได้หลายสมัย จนถึงช่วงปลายปี 2004 เอดจ์เริ่มได้รับการผลักดันไปสู่การเป็นนักมวยปล้ำระดับสูง โดยเขาได้หักหลังคริส เบนวา คู่แท็กทีมตอนนั้นของเขา และได้กลายไปเป็นฝ่ายอธรรม เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การชิงแชมป์โลกต่อไป[2][4]

ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21 เอดจ์ได้เป็นผู้ชนะแมตช์ไต่บันไดคว้ากระเป๋าสัญญา Money In The Bank ทำให้เอดจ์นั้นได้มีสิทธิ์ชิงแชมป์โลกที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ ภายในระยะเวลา 1 ปีเต็ม แต่เอดจ์นั้นก็ยังไม่ยอมเปิดกระเป๋าเพื่อขอท้าชิงแชมป์ซะที เพราะเขากลัวว่าอาจจะไม่ชนะและต้องเสียสิทธิ์ไปฟรีๆ เอดจ์จึงเข้าปล้ำใน Gold Rush Tournament เพื่อไปชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับบาทิสตา ซึ่งเอดจ์ก็ได้เอาชนะนักมวยปล้ำหลายคนจนไปได้ไปชิงถึงรอบสุดท้ายกับเคน ผลปรากฏว่าลิตาที่เป็นแฟนของเคนในตอนนั้น ได้หักหลังเคนโดยส่งกระเป๋าให้เอดจ์ไปตีเคน จนสามารถเอาชนะเคนไปได้ และได้ไปชิงแชมป์กับบาทิสตา ทำให้ลิตากลายเป็นแฟนกับเอดจ์ นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา[12] แต่เอดจ์ก็ไม่สามารถเอาชนะบาทิสตาได้ ส่วนแมต ฮาร์ดีที่เป็นแฟนของลิตาอยู่ก่อนหน้านั้น ก็ได้กลับมาทำร้ายเอดจ์ที่แย่งแฟนของเขาไป ทำให้2คนนี้ต้องมาเจอกัน ในซัมเมอร์สแลม 2005 ผลปรากฏว่าเอดจ์เป็นฝ่ายชนะ[13] แต่แมตก็สามารถเอาคืนเอดจ์ได้ในอันฟอร์กิฟเว่น 2005[14] สุดท้าย2คนนี้ต้องมาเจอกันในรอว์โฮมคัมมิ่ง ในการไต่บันไดชิงกระเป๋า Money In The Bank และใครแพ้ต้องออกจากรอว์ ผลปรากฏว่าลิตาก็ได้ช่วยเอดจ์จนเอาชนะแมตไปได้[15] ทำให้แมตต้องย้ายไปอยู่สแมคดาวน์แทน[16]

คว้าแชมป์โลก[แก้]

ในตอนครองแชมป์โลกแท็กทีมร่วมกับแรนดี ออร์ตันในนามเรด-อาร์เคโอ

ในนิวเยียส์เรโวลูชัน (2006) จอห์น ซีนาได้ป้องกันแชมป์ WWE ในกรงเหล็กที่มีชื่อว่าอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ กับ เคน, ชอว์น ไมเคิลส์, เคิร์ต แองเกิล, คาร์ลีโต และคริส มาสเตอส์ โดยซีนาป้องกันแชมป์ WWE เอาไว้ได้ แต่เอดจ์ได้ออกมาใช้สิทธิ์ Money In The Bank ในจังหวะที่ซีนาเหนื่อยและสภาพไม่พร้อมปล้ำ ทำให้ เอดจ์ สามารถคว้าแชมป์ WWE มาได้เป็นสมัยแรก[17] หลังจากนั้น เอดจ์และซีนาก็กลายเป็นคู่ปรับกันเป็นเวลานานพอสมควร ผลัดกันแพ้-ชนะเรื่อยมา แต่ส่วนใหญ่ ซีนาจะชนะมากกว่า จนกระทั่งเอดจ์ต้องเสียแชมป์ WWE คืนให้กับซีนา ในอันฟอร์กิฟเว่น 2006[18] จากนั้นเอดจ์ก็หันไปเปิดศึกกับดี-เจเนอเรชันเอ็กซ์ (ทริปเปิลเอช และชอว์น ไมเคิลส์)[19][20] โดยมีแรนดี ออร์ตันเป็นเพื่อนร่วมทีมในนามเรด-อาร์เคโอ และสามารถคว้าแชมป์แท็กทีมคู่กัน ซึ่งเป็นแชมป์แท็กทีมสมัยที่11 ของเอดจ์อีกด้วย[21][22]

ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 23 เอดจ์ได้ปล้ำ Money In The Bank อีกครั้ง แต่คราวนี้เอดจ์ไม่สามารถคว้ากระเป๋ามาได้ อย่างไรก็ตามเอดจ์ก็ไปท้ามิสเตอร์เคนเนดีที่เป็นผู้ชนะ เจอกันในรอว์ และเอดจ์ก็สามารถคว้ากระเป๋ามาได้อีกครั้ง[23][24] และนำสิทธิ์ไปชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับดิอันเดอร์เทเกอร์ในวันต่อมา ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกับซีนา เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้เอดจ์สามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่3 ได้สำเร็จ[25] และย้ายมาปล้ำในสแมคดาวน์ แต่เอดจ์ก็ครองแชมป์ได้เพียง 2 เดือนกว่าก็ต้องสละแชมป์ไปเพราะอาการบาดเจ็บ เอดจ์ ต้องพักการปล้ำไปเป็นเวลา 4 เดือน[26] หลังจากนั้นเอดจ์ก็กลับมาคว้าแชมป์คืนได้อีกครั้งจาก บาทิสตา ในศึก อาร์มาเกดดอน จากการช่วยเหลือของเคิร์ต ฮอว์กินส์และแซก ไรเดอร์ ลูกน้องของเอดจ์ที่วิกกี เกร์เรโร แฟนของเขาส่งมา[27][28]

เอดจ์กับแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาพร้อมฮอว์กินส์และไรเดอร์

ในรอยัลรัมเบิล (2008) เอดจ์ ต้องป้องกันแชมป์กับอดีตเพื่อนรักเรย์ มิสเตริโอ ซึ่งเป็นผู้ชนะจากแมตซ์ Beat the clock Challenge แต่เอดจ์ก็ยังสามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้จากการช่วยเหลือของวิกกี ส่งผลให้เรย์ต้องพักการปล้ำไปหลายเดือนเลยทีเดียว[29] อย่างไรก็ตาม ดิอันเดอร์เทเกอร์ ซึ่งเป็นผู้ชนะจากแมตซ์กรงเหล็ก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ จากการหาผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ในเรสเซิลเมเนีย ก็ได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกกับ เอดจ์ และในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 24 เอดจ์ก็แพ้ให้กับอันเดอร์เทเกอร์ ด้วยท่า เฮล เกท คว้าแชมป์ไปได้พร้อมกับสถิติ 16-0[30] แต่อีกเดือนถัดมา วิกกีก็สั่งปลดอันเดอร์เทเกอร์ ออกจากตำแหน่งแชมป์ โดยอ้างว่า อันเดอร์เทเกอร์ ใช้ท่า Hell's Gate ในการต่อสู้กับ เดอะเกรทคาลี ซึ่งเป็นท่าที่อันตราย ทำให้ตำแหน่งแชมป์ว่าง[31] เอดจ์และอันเดอร์เทเกอร์ ต้องไปเจอกันในวันไนท์สแตนด์ (2008) ในแมตช์ TLC Match และ เอดจ์ ก็ได้แชมป์อีกครั้งจากการช่วยเหลือของฮอว์กินส์และไรเดอร์ ส่งผลให้ อันเดอร์เทเกอร์ ถูกไล่ออก[32][33] แต่อีกสามอาทิตย์ต่อมา เอดจ์ได้ไปที่ฝั่งรอว์ และบาทิสตาได้ออกมาทำร้ายเอดจ์ จากความแค้นที่เอดจ์ใช้กลโกงเอาชนะบาทิสตา ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2008) ทำให้ซีเอ็ม พังก์ผู้ถือสัญญา Money In The Bank ได้ออกมาชิงแชมป์โลกกับเอดจ์ ในสภาพที่ลุกไม่ไหว เอาชนะและคว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ[34] เอดจ์จึงหันไปชิงแชมป์ WWE กับทริปเปิลเอช แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้ ในขณะเดียวกัน วิกกีก็รู้ว่าเอดจ์เป็นชู้กับอลิเซีย ฟอกซ์ จึงเรียกตัวอันเดอร์เทเกอร์กลับมาเจอกับเอดจ์ในซัมเมอร์สแลม (2008) รูปแบบ Hell In A Cell สุดท้ายเอดจ์ก็แพ้และต้องพักการปล้ำไปอีกครั้ง[35]

ในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2008) เอดจ์กลับมาพร้อมกับได้เข้าชิงแชมป์กับทริปเปิลเอชแทนเจฟฟ์ ฮาร์ดีที่ถูกทำร้ายไปก่อนหน้านั้น และเอดจ์ก็ใช้กลโกงเอาชนะทริปเปิลเอชคว้าแชมป์ WWE มาครองได้อีกครั้ง[36] แต่อีก 3 อาทิตย์ต่อมาเอดจ์ก็เสียแชมป์ให้กับเจฟฟ์ในอาร์มาเกดดอน (2008)[37] เอดจ์ได้ชิงแชมป์กับเจฟฟ์ ฮาร์ดีอีกครั้งในรอยัลรัมเบิล (2009) คราวนี้แมต ฮาร์ดีพี่ชายของเจฟฟ์ได้หักหลังโดยการเอาเก้าอี้ตีใส่เจฟฟ์ ทำให้เอดจ์คว้าแชมป์มาได้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 7[38] ในโนเวย์เอาท์ (2009) เอดจ์ต้องป้องกันแชมป์ในกรงเหล็กอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ ผลปรากฏว่าเอดจ์โดนเจฟฟ์จับกดนับ 3 แพ้และเสียแชมป์ไปง่ายๆ[39] หลังจากนั้นในคืนเดียวกัน เอดจ์จึงตามไปทำร้ายโคฟี คิงส์ตัน เพื่อเสียบตัวเข้าไปชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทของรอว์แทน และเอดจ์ก็สามารถเอาชนะคว้าแชมป์จากจอห์น ซีนาได้สำเร็จ[40] หลังจากนั้น เอดจ์ก็เสียแชมป์ให้ซีนาแบบ 3 เส้า ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 โดยมีบิ๊กโชว์ร่วมปล้ำด้วย[41] ต่อมาในเดอะแบช (2009) เอดจ์ ก็สามารถคว้าแชมป์แทคทีมยูนิฟายด์ ร่วมกับคริส เจอริโค มาได้[42] แต่ครองแชมป์ได้เดือนเดียว เอดจ์ก็มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าต้องพักการปล้ำไป ส่วนเจอริโคก็พูดจาถากถางเอดจ์ว่าเป็นจุดอ่อนของทีม และเจอริโคก็เอาบิ๊กโชว์มาเป็นคู่แท็กทีมแทน และเอดจ์บอกกับเจอริโคว่าถ้าเขาหายเมื่อไหร่เขาจะกลับมาแก้แค้น[43][44]

ช่วงปลายกับ WWE รอบแรก[แก้]

เอดจ์หายเจ็บกลับมาอีกครั้งในรอยัลรัมเบิล (2010) ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ เอดจ์ได้กลายมาเป็นขวัญใจของแฟนๆ มวยปล้ำ ซึ่งเขาได้เข้าร่วมแมตช์รอยัลรัมเบิล โดยออกมาเป็นคนที่29 และเหวี่ยงจอห์น ซีนาออกไปเป็นคนสุดท้าย ทำให้เอดจ์ได้เป็นผู้ชนะ ประจำปี 2010 และได้ขอท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับเจ้าของตำแหน่งอย่างคริส เจอริโค เป็นการล้างแค้น ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์กลับมาได้[45] จากนั้นในสแมคดาวน์ เอดจ์ก็ได้ออกมาทำร้ายเจอริโค ทำให้เจอริโคเสียแชมป์ให้กับแจ็ก สแวกเกอร์ จากการใช้สิทธิ์ Money In The Bank ต่อมาเอดจ์ได้ย้ายมาอยู่รอว์ และกลับมาเป็นฝ่ายอธรรมอีกครั้ง เนื่องจากนักมวยปล้ำฝ่ายอธรรมมีไม่พอ โดย เอดจ์ มาลอบทำร้าย แรนดี ออร์ตัน จนทั้งคู่ได้กลายมาเป็นคู่แค้นกัน[46] และต่อมาเอดจ์ถูกกลุ่มเดอะเน็กซัสลอบทำร้ายทำให้เอดจ์แค้นมากถึงกับยอมจับมือกับจอห์น ซีนา เพื่อปราบกลุ่มเดอะเน็กซัส ในซัมเมอร์สแลม (2010) เอดจ์ได้ร่วมทีม WWE นำโดยซีนา ปะทะกลุ่มเดอะเน็กซัส แต่สมาชิกอย่างเกรทคาลีได้ถูกเน็กซัสลอบทำร้ายจนบาดเจ็บ ซีนาก็ได้เลือกแดเนียล ไบรอัน อดีตสมาชิกกลุ่มเน็กซัส มาร่วมแทน และเอาชนะกลุ่มเน็กซัสได้สำเร็จ

เอดจ์ได้ย้ายกลับมาที่ สแมคดาวน์ อีกครั้ง และแมตช์แรก เอดจ์ ก็สามารถเอาชนะแจ็ก สแวกเกอร์ ได้สำเร็จ และได้กลับมาเป็นขวัญใจของแฟนๆ มวยปล้ำอีกครั้ง ต่อมา เอดจ์ ได้เอาชนะดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ และได้เข้าไปเป็นสมาชิกคนที่ 5 ของทีมฝั่งสแมคดาวน์ ไปเจอกับทีมฝั่งรอว์ ในแบรกกิ้ง ไรท์ส (2010) และเอดจ์ นำทีมฝั่งสแมคดาวน์ เอาชนะทีมฝั่งรอว์ได้สำเร็จ ต่อมา เอดจ์ สามารถเอาชนะอัลเบร์โต เดล รีโอ และเรย์ มิสเตริโอ ทำให้ได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 เจอกับ เคน ในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2010) สุดท้ายจบด้วยผลเสมอ ทำให้เอดจ์ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาได้ ในศึก ทีแอลซี: เทเบิล แลดเดอร์ แอนด์ แชร์ (2010) เอดจ์ ได้เอาชนะ เคน, เรย์ มิสเตริโอ และ อัลเบร์โต เดล รีโอ ในรูปแบบการปล้ำ 4 เส้า TLC Match ทำให้ เอดจ์ คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 10 มาได้สำเร็จ[47]

ในรอยัลรัมเบิล (2011) เอดจ์ต้องป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ โดยถ้าเอดจ์ใช้ท่าสเปียร์ ซิกก์เลอร์ก็จะเป็นแชมป์ทันที สุดท้ายเอดจ์ได้ใช้ท่าคิลสวิตช์ ท่าไม้ตายของคริสเตียน ป้องกันแชมป์ไว้ได้สำเร็จ ในสแมคดาวน์ เอดจ์ ต้องป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับ ซิกก์เลอร์ อีกครั้ง โดยมี วิกกี เป็นกรรมการพิเศษ สุดท้าย เอดจ์ เป็นฝ่ายชนะและป้องกันแชมป์ไว้ได้อีกครั้ง ในสแมคดาวน์ ตอนของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ (ฉลองตอนที่ 600 ของ สแมคดาวน์) เอดจ์ หลังจากการปล้ำแทคทีม 12 คน และทีม เอดจ์ ก็เป็นผ่ายชนะ แต่ วิกกี ได้มาบอกว่า เอดจ์ นั้นโดนไล่ออก และได้มีการมอบเข็มขัดแชมป์ให้กับ ซิกก์เลอร์ แต่ไม่นาน ทีโอดอร์ ลอง ก็กลับมาพร้อมกับบอกว่า เขาจะจ้าง เอดจ์ กลับมาอีกครั้ง แล้วก็มีแมตช์ระหว่าง เอดจ์ กับ ซิกก์เลอร์ และ เอดจ์ เป็นฝ่ายชนะจนคว้าแชมป์สมัยที่ 11 มาได้ และเมื่อจบแมตช์ ทีโอดอร์ ลองก็ไล่ซิกก์เลอร์ออก ทำให้ซิกก์เลอร์ไม่ได้เข้าร่วมแมตช์อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ และในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2011) เอดจ์สามารถป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับนักมวยปล้ำถึง 5 คนไว้ได้สำเร็จ หลังแมตช์เดล รีโอได้ออกมาลอบทำร้ายเอดจ์ แต่คริสเตียนออกมาช่วยเอดจ์ไว้ได้ทัน ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 เอดจ์สามารถป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับเดล รีโอได้สำเร็จ[48]

รีไทร์รอบแรก[แก้]

ในรอว์ วันที่ 11 เมษายน 2011 เอดจ์ได้ประกาศว่าเขาจะเลิกปล้ำ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บคอที่เขาทนเจ็บมาตลอด 8 ปี จนล่าสุดถึงกับมีอาการชาและใกล้จะหมดความรู้สึกบริเวณแขนแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นผลกระทบจากเส้นประสาทที่ต่อเนื่องมาจากบริเวณคอที่บาดเจ็บ และเคยผ่าตัดใส่แผ่นเหล็กเข้าไปตั้งแต่ 8 ปีก่อนนั่นเอง ทั้งนี้ เอดจ์ยังบอกอีกว่าถ้าหมอตรวจพบช้ากว่านี้เขาอาจจะต้องนั่งรถเข็นไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ ณ เวลานี้ นี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องประกาศเลิกปล้ำในทันทีโดยไม่มีการปล้ำแมตช์อำลาส่งท้ายใดๆ เอดจ์มีอาการสูญเสียความรู้สึกและไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อแขนและมือของเขาได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอดจ์มีปัญหาเช่นนี้ โดยผลการสแกน MRI ที่เมืองแอตแลนตาก่อนได้ถูกส่งไปให้ ดร. โจเซฟ แมรูน ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นประสาทและศาสตราจารย์ศัลยแพทย์แห่งสถาบัน เภสัชกรรมพิตส์เบิร์กทำการตรวจสอบอย่างละเอียด และได้พบว่า เอดจ์ ไม่สามารถจะรักษาให้หายขาดเพื่อกลับมาปล้ำได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเลิกปล้ำ ในปี 2003 เอดจ์เคยได้รับการผ่าตัดฝังแผ่นเหล็กระหว่างกระดูกสันหลังข้อที่ C5, C6 และ C7 มาแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงสามารถกลับมาปล้ำได้อีกครั้ง แต่ยิ่งปล้ำมากครั้งเข้าก็ยิ่งทำให้กระดูกสันหลังของ เอดจ์ มีอาการแย่ลงเรื่อยๆ และอาการล่าสุดถ้าหากยังปล้ำต่อไปเขาอาจจะถึงขั้นเป็นอัมพาตหรือแม้แต่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงแน่นอน ไม่ใช่บทบาทหรือเนื้อเรื่องแต่อย่างใด เพราะเอดจ์เองก็เพิ่งจะทราบจากแพทย์เมื่อไม่กี่วันเท่านั้นว่าเขาจำเป็นจะต้องเลิกปล้ำแล้ว โดยเขาเริ่มมีอาการปวดทรมาณมาตั้งแต่ช่วงก่อนศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 แล้ว แต่ก็ยังฝืนทนปล้ำจนผ่านพ้นศึกใหญ่มาได้ โดยที่เขาเองในขณะนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นจะเป็นแมตช์สุดท้ายของเขาแล้ว หลังจากป้องกันแชมป์โลกเอาไว้ได้ในการพบกับอัลเบร์โต เดล รีโอ ในศึก เรสเซิลเมเนีย ไม่ถึงสัปดาห์ เอดจ์แชมป์โลกคนปัจจุบันก็ต้องจำใจเลิกปล้ำจากการแข่งขันบนสังเวียนเนื่องจากปัญหา บาดเจ็บ บทสรุปสุดท้ายอันไม่พึงปรารถนาก็ทำให้เขาต้องยุติบทบาท 13 ปีและ 11 สมัยแห่งแชมป์โลกลงไป หลังจบศึกรอว์ ก็ไม่มีดาร์คแมตช์ แต่อย่างใด แต่เป็นแรนดี ออร์ตัน กับจอห์น ซีนา ออกมากล่าวยกย่องเอดจ์ บนเวที แฟนๆ ในสนามก็พากันตะโกนชื่อเอดจ์ ไม่หยุด ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับไป[49][50][51] ต่อมาในศึก สแมคดาวน์ วันที่ 15 เมษายน เอดจ์ได้ประกาศขอสละตำแหน่งแชมป์โลกเฮฟวี่เวท[52]

ในรอว์ วันที่ 9 มกราคม 2012 WWE ได้บรรจุชื่อของ เอดจ์ เข้าสู่ หอเกียรติยศ WWE ประจำปี 2012 โดย คริสเตียน เพื่อนรักของเขาจะเป็นคนมอบรางวัลให้[53] ในรอว์ วันที่ 23 เมษายน 2012 เอดจ์ออกมาคุยกับจอห์น ซีนา บอกว่า ฉันไม่ได้มาเพื่อพูดกับ จอห์น ซีนา คนนี้ ฉันไม่รู้จัก จอห์น ซีนา คนนี้ รู้จักแต่ จอห์น ซีนา ที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลของฉัน คนที่พ่อของมันเคยถูกฉันตบหน้า แล้วมันก็มาเอาคืนด้วยการอัดฉันตกบันไดทะลุโต๊ะในแมตช์ TLC นายอย่าลืมว่า บร็อก เลสเนอร์ มันไม่ได้มาเพื่อแฟนๆ หรอก มันมาเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าของมันเท่านั้น มันออกไปจากสมาคมเมื่อ 8 ปีก่อนในขณะที่เราสองคนช่วยกันประคองสมาคมมา นายเป็นตัวแทนของบรรดานักมวยปล้ำที่ทุ่มเทเพื่อสมาคมมาตลอด ถ้านายแพ้ เลสเนอร์ มันก็เท่ากับเป็นการตบหน้าคนอย่าง ชอว์น ไมเคิลส์, ดิอันเดอร์เทเกอร์ และตบหน้าชั้นด้วย ฉันไม่ได้ขอให้แกเอาชนะเลสเนอร์ แต่ชั้นขอสั่งให้แกทำ หลังจากนั้นเอดจ์ก็ได้หมดสัญญากับ WWE ไปแล้วในวันที่ 30 เมษายน ซึ่งเอดจ์ก็ได้ไปร่วมศึกรอว์ วันที่ 23 เมษายน เนื่องจากเขาเดินทางมาเจรจากับทีมงาน WWE แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการต่อสัญญาแต่อย่างใด[54]

ในสแมคดาวน์ วันที่ 21 กันยายน 2012 เอดจ์ออกมาเปิดรายการโดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ เอดจ์บอกว่าเขามีหลายเหตุผลที่ต้องมาในวันนี้ หนึ่งในนั้นคือเขาคิดถึงแฟนๆ มาก เอดจ์พูดถึงเหตุการที่ แดเนียล ไบรอัน กับเคน ข่มกันไปข่มกันมาด้วยเข็มขัดแชมป์แทคทีม เอดจ์งง ว่าทำไมปีศาจอย่างเคน ถึงมาเป็นแชมป์แทคทีมกับไอ้หน้าแพะนั่นได้ ไบรอันออกมาขัดจังหวะ บอกว่า เอดจ์พูดผิดแล้ว พวกเราไม่ได้เป็นแชมป์แทคทีม แต่ชั้นคนนี้ต่างหากคือแชมป์แทคทีม ไบรอันไล่ให้ เอดจ์กลับไปแสดงหนัง หรือไม่ก็กลับไปบ้านพักคนชราซะเถอะ เคนออกมาอีกคน แล้วก็มาเบ่งทับไบรอัน ว่าเขาต่างหากคือแชมป์แทคทีม เอดจ์พยายามยั่วเคน ด้วยเรื่องเก่าๆ ที่เขาขโมยลิตาไปจากเคน แถมยังลักพาตัวพ่อของเคน อีกจำได้มั้ย เคนจำได้ และบอกว่าอยากจะเคลียร์ปัญหาซะเดี๋ยวนี้เลย เอดจ์ถอดเสื้อแจ๊คเก็ต เตรียมสู้ แต่เคนกางแขนให้ เอดจ์มากอดกัน แล้วเคนกับเอดจ์ก็กอดกัน ก่อนจะชวนไบรอันมากอดด้วย แดเมียน แซนดาวทนไม่ไหว ออกมาช่วยเหลือแฟนๆ ให้พ้นจากเรื่องไร้สาระพวกนี้ เอดจ์เลยท้าให้แซนดาวขึ้นมาเจอกับไบรอันหรือไม่ก็เคน และผู้จัดการทั่วไปของสแมคดาวน์ บูเกอร์ ที ก็สั่งให้แซนดาวเจอกับเคน และเป็นแซนดาวที่เอาชนะไปได้[55]

ในรอว์ 9 กันยายน 2013 เอดจ์ออกมาจัดรายการ Cutting Edge โดยได้รับเสียงเชียร์กระหึ่ม และแขกรับเชิญคือ แดเนียล ไบรอัน ไบรอันออกมาพูดถึงเรื่องที่ ทริปเปิล เอชพยายามจะบังคับให้เขาถอนตัวจากการชิงแชมป์ WWE กับแรนดี ออร์ตัน ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2013) แต่ไบรอันบอกว่า เขาจะชนะออร์ตันให้ได้ ออร์ตันออกมาขัดจังหวะพร้อมกับทริปเปิล เอช อีกคน เอจด์บอกว่า ทริปเปิล เอชคือคนที่คอยขัดขวางเขากับคริส เจอริโค มาตลอดเพราะคิดว่าพวกเขาไม่ดีพอจะเป็นแชมป์ และตอนนี้ก็มาขัดขวางไบรอันอีก ทริปเปิล เอชยอมรับว่าเขาเคยดูคนผิดไปบ้างจริงๆ อย่างเจอริโค ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดผิด ส่วนไบรอันนั้นต้องให้เวลาพิสูจน์ว่าเขาคิดผิดหรือไม่ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เขาดูไม่ผิดว่าจะเป็นได้แค่คนล้มเหลวนั่นคือเอดจ์ ทริปเปิล เอชบอก เวลาที่เขาว่าใครว่าไม่ดีพอน่ะ สิ่งที่ควรทำก็มีแค่พิสูจน์ตัวเองให้ได้ ซึ่งเจอริโคก็ทำแบบนั้น เอดจ์บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยการแต่งงานเพื่อประสบความสำเร็จ และก็ได้แหวนฮอลออฟเฟมมาแล้วด้วย ทริปเปิล เอชบอกว่านายด่าคนได้เก่งดี เพราะนายรู้ว่านายบาดเจ็บและไม่มีใครกล้าทำร้ายนาย แต่ถ้าชั้นอยากจะทำให้นายเจ็บน่ะชั้นไปทำร้ายคนที่นายรักดีกว่า เดอะชีลด์ลากคริสเตียนที่ถูกซ้อมสะบักสะบอมออกมา ทำให้เอดจ์ต้องรีบมาดูอาการคริสเตียน ในสแมคดาวน์ 13 กันยายน 2013 เอดจ์ออกมาจัดรายการ Cutting Edge และบอกว่าเขาไม่ลืมว่า ทริปเปิล เอช และเดอะชีลด์ ทำอะไรไว้กับคริสเตียน เพื่อนรักของเขา และหวังว่าคริสเตียนจะกลับมากระทืบพวกมันเร็วๆ เอดจ์เชิญแขกผู้ร่วมรายการออกมาคือ แรนดี ออร์ตัน กับ แดเนียล ไบรอัน ออร์ตันพยายามพูดถึงเรื่องการเป็นหน้าเป็นตาของสมาคมและสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสมาคม แต่ไบรอันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น เขาไม่เคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นหน้าเป็นตาของสมาคม แต่เขาฝันอยากจะเป็นแชมป์โลกมาตั้งแต่เด็ก จากนั้นทั้งคู่ก็สู้กัน แต่ไบรอันสวนกลับด้วย Yes Lock จนกรรมการต้องมาช่วยกันห้าม ในรอว์ส่งท้ายปี 29 ธันวาคม 2014 เอดจ์ได้กลับมาพร้อมกับคริสเตียนโดยทั้งคู่มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรับเชิญ ในช่วงท้ายรายการเอดจ์และคริสเตียนออกมาจัดรายการ Cutting Edge Peep Show เป็นครั้งแรก โดยแขกรับเชิญคือเซท โรลลินส์แต่ถูกรอลลินส์กำลังจะทำร้ายที่คอจนซีนาต้องออกมาช่วย[56]

กลับมาปล้ำ[แก้]

วันที่ 26 มกราคม 2020 เอดจ์ได้มาแบบเซอร์ไพรส์โดยขึ้นปล้ำแมตช์แรกหลังจากรีไทร์เป็นเวลา 9 ปีโดยการเข้าร่วมรอยัลรัมเบิลเป็นลำดับที่ 21 ก่อนจะถูกกำจัดออกโดยโรแมน เรนส์[57][58] คืนต่อมาในรอว์เอดจ์ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับการรีเทิร์นกลับมาปล้ำก่อนจะถูกทำร้ายโดยแรนดี ออร์ตัน ก่อนจะกลับมาล้างแค้นในรอว์มีนาคม[59] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 36เอาชนะออร์ตันไปได้ในกติกา Last Man Standing match[60][61] ก่อนจะแพ้ออร์ตันใน Greatest Wrestling Match Ever ที่ศึก Backlash 2020[62] ในปี 2021 เอดจ์ได้ประกาศจะเข้าร่วมแมตช์รอยัลรัมเบิล 30 คนโดยขึ้นเป็นลำดับแรกและได้เป็นผู้ชนะแมตช์รอยัลรัมเบิลครั้งที่ 2 ทำให้ได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกเส้นไหนก็ได้ที่เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 37 นอกจากนี้ยังเป็นคนที่สามที่ขึ้นมาเป็นลำดับแรกและชนะรอยัลรัมเบิลต่อจากชอว์น ไมเคิลส์ (1995) และคริส เบนวา (2004)[63] โดยเอดจ์เลือกท้าชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซล WWEกับโรแมน เรนส์[64] ก่อนจะมีแดเนียล ไบรอันร่วมปล้ำเป็นสามเส้า[65] แต่เอดจ์ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้[66] ในมันนีอินเดอะแบงก์เอดจ์ได้ท้าชิงแชมป์กับเรนส์อีกครั้งแบบตัวต่อตัวแต่ถูกเซท รอลลินส์ขึ้นมาก่อกวนระหว่างปล้ำทำให้แพ้ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้[67] เอดจ์จึงหันมาเปิดศึกกับรอลลินส์และคว้าชัยไปได้ในซัมเมอร์สแลม[68][69] แต่ก็แพ้คืนให้ในสแมคดาวน์ MSG จนเสมอ 1-1 ทำให้มีนัดตัดสินใน Crown Jewel ที่ซาอุดิอาระเบียในรูปแบบกติกานรกในกรงเหล็ก Hell in a Cell ซึ่งเอดจ์สามารถเอาชนะไปได้เป็นการจบเรื่องราวทั้งคู่[70] ใน Day 1 เอดจ์สามารถเอาชนะเดอะมิซไปได้เป็นแมตช์แรกในปี 2022 โดยการช่วยเหลือจากเบท ฟีนิกซ์ภรรยาของเขา[71]

เอดจ์ได้เป็นอธรรมครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010 โดยเปิดศึกกับเอเจ สไตส์และเอาชนะไปได้ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 38โดยการช่วยเหลือจากแดเมียน พรีสต์[72][73] และได้ก่อตั้งกลุ่ม Judgment Day[74] ใน Backlash เอดจ์กับเอเจได้รีแมตช์อีกครั้งโดยพรีสต์ถูกแบนข้างเวที แต่เอดจ์ก็เอาชนะไปได้โดยการช่วยเหลือจากรีอา รีพลีย์สมาชิกใหม่ของกลุ่ม[75] ไม่นานก็ถูกเตะออกจากกลุ่มโดยฟิน บาเลอร์เข้ามาเป็นสมาชิกแทนเอดจ์ ทำให้เอดจ์กลับมาเป็นธรรมะอีกครั้ง[76][77][78] และท้าเจอบาเลอร์ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ 2022 กติกา I Quit โดยเอดจ์เป็นฝ่ายยอมแพ้เพราะเบท ฟีนิกซ์ถูกเล่นงานโดยรีอา รีพลีย์[79] หลังจากหายไป 3 เดือนในรอยัลรัมเบิล 2023 เอดจ์ได้กลับมาเข้าร่วมแมตช์ 30 คนโดยมาเพื่อจัดการเหวี่ยงบาเลอร์ลงจากเวทีตกรอบ[80] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ 2023 เอดจ์จับคู่กับเบทเอาชนะบาเลอร์กับรีพลีย์ไปได้แบบแท็กทีมผสม[81] ก่อนที่บาเลอร์จะขอท้าเจออีกครั้งในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 39 กติกานรกในกรงเฮลอินเอเซลและเอดจ์เป็นฝ่ายสามารถเอาชนะไปได้เป็นการยุติเรื่องราวที่ยาวนานหลายเดือนกับกลุ่ม Judgment Day[82] ในสแมคดาวน์ 18 สิงหาคม 2023 เอดจ์ได้ปล้ำแมตช์สุดท้ายกับ WWE โดยเอาชนะเชมัสไปได้ในการเจอกันตัวต่อตัวครั้งแรกที่บ้านเกิดโทรอนโท, แคนาดาและได้หมดสัญญาลงในวันที่ 30 กันยายน 2023[83][84]

เปิดตัวกับ AEW[แก้]

วันที่ 1 ตุลาคม 2023 หลังจากที่หมดสัญญากับ WWE เขาได้เซ็นสัญญากับ All Elite Wrestling (AEW) โดยใช้ชื่อจริงของเขา อดัม โคปแลนด์ และเปิดตัวในศึก WrestleDream[85]

เหตุการณ์เกี่ยวกับมันนีอินเดอะแบงก์[แก้]

  • ปี 2006 ในนิวเยีนร์เรฟโวลูชั่น เอดจ์ได้ใช้กระเป๋าเอกสารสิทธิ์ชิงแชมป์ WWE กับ จอห์น ซีนา ทำให้ซีนาเสียแชมป์ทันที
  • ปี 2006 ในECW วันไนท์สแตนท์ เอดจ์ได้มาช่วย ร็อบ แวน แดม ในการชิงแชมป์ WWE ทำให้ซีนาเสียแชมป์
  • ปี 2007 ในสแมคดาวน์ เอดจ์ได้ปล้ำชิงกระเป๋าเอกสารสิทธิ์ จาก มิสเตอร์เคนเนดี แล้วเอาไปท้าชิงแชมป์โลกจาก ดิอันเดอร์เทเกอร์
  • ปี 2008 ในรอว์ ระหว่างที่ เอดจ์ประกาศชัยชนะอยู่นั้น ก็ถูกบาติสตา ลอบทำร้าย จนไม่สามารถลุกขึ้นได้ แล้ว ซีเอ็ม พังก์ ผู้ถือเอกสารสิทธิ์นั้นก็มาขอท้าชิงแชมป์ และคว้าแชมป์ไปได้
  • ปี 2009 ในเอกซ์ตรีมรูลส์ หลังจากที่เอดจ์ แพ้ให้กับ เจฟฟ์ ฮาร์ดี ซีเอ็ม พังก์ ก็ได้ใช้เอกสารสิทธิ์ในการสู้กับเจฟฟ์ทันที
  • ปี 2010 ในสแมคดาวน์ (หลังจากเรสเซิลเมเนีย) เอดจ์ได้ลอบทำร้ายคริส เจริโค เปิดโอกาสให้แจ็ก สแวกเกอร์เข้ามาเอากระเป๋าตีหัวเอดจ์ แล้วชิงแชมป์โลกจากเจริโค ในสภาพที่ไม่พร้อมปล้ำ

ผลงานแสดง[แก้]

ภาพยนตร์[แก้]

Year Title Role Notes
1999 Beyond the Mat Himself Uncredited
2000 Highlander: Endgame Road Bandit
2012 Bending the Rules Nick Blades
2015 Dumb Luck Cameron Short
2016 Interrogation Lucas Nolan

โทรทัศน์[แก้]

Year Title Role Notes
2002 Weakest Link Himself
2003 TV total Himself
2006 Mind of Mencia Himself
2007 Deal or No Deal Himself
2007 MADtv Himself
2011 Sanctuary Thelo 2 episodes
2011
2014
George Stroumboulopoulos Tonight Himself 2 episodes[86][87]
2011–2015 Haven Dwight Hendrickson Seasons 2–5
Nominated – Golden Maple Award for Best Actor in a TV series broadcasted in the U.S. (2015)
[88]
2015 The Flash Al Rothstein / Atom Smasher
2016 Private Eyes Ben Fisk 1 episode
2016 Bookaboo Himself

ดับเบิลยูดับเบิลยูอี เน็ตเวิร์ค[แก้]

Year Title Role Notes
2015 Stone Cold Podcast Himself
2016–present The Edge and Christian Show Co-host

รางวัลและการเสนอชื่อ[แก้]

Year Award Category Work Result
2015 Golden Maple Awards Best Actor in a TV series broadcasted in the U.S[89] Haven เสนอชื่อเข้าชิง

ผลงานแชมป์ความสำเร็จ[แก้]

แมตช์ที่มีการเดิมพัน[แก้]

Winner (wager) Loser (wager) Location Event Date Notes
Edge (hair) Kurt Angle (hair) Nashville, Tennessee Judgment Day 19 พฤษภาคม 2002 [8]

หมายเหตุ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Edge Cagematch Profile".
  2. 2.0 2.1 "Edge bio". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ February 1, 2009.
  3. "World Wrestling Federation Entertainment Drops The "F" To Emphasize the "E" for Entertainment". World Wrestling Entertainment. พฤษภาคม 6, 2002. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 19, 2009. สืบค้นเมื่อ July 13, 2008.
  4. 4.0 4.1 "Full Match Friday: Meng vs Damon Striker". prorasslin.com. April 15, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 26, 2012. สืบค้นเมื่อ July 13, 2011.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 5.7 5.8 "Edge's WWE Profile". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2010-10-05.
  6. Copeland, Adam (November 2004). Adam Copeland on Edge. WWE Books. p. 74. ISBN 0-7434-8347-2.
  7. Kidd, Kenneth (April 17, 2011). "Orangeville pro wrestler retires before he's forced to". Toronto Star. สืบค้นเมื่อ January 14, 2019 – โดยทาง PressReader.
  8. 8.0 8.1 Copeland, Adam (November 2004). Adam Copeland on Edge. WWE Books. p. 204. ISBN 0-7434-8347-2.
  9. Brodi, Caroline (April 16, 2009). "Grappling with the world-beaters". Aberdeen Press & Journal. One showdown guaranteed to have the crowds on their feet is the billed world heavyweight championship bout between Edge, real name Adam Joseph Copeland, and titleholder John Cena
  10. Copeland, Adam (November 2004). Adam Copeland on Edge. WWE Books. p. 16. ISBN 0-7434-8347-2. I was born weighing 10 pounds 12 ounces at 7:05 A.M. on October 30, 1973, at the Orangeville Hospital.
  11. Murphy, Ryan (2012-01-09). "WWE "Edge":". Wwe.com. สืบค้นเมื่อ 2012-01-09.
  12. Clark, Jeff (2007-09-07). "The Luchagors Drop a Powerbomb". Stomp and Stammer. สืบค้นเมื่อ 2007-10-02.
  13. "All-Time SummerSlam Results". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2009-12-09.
  14. Sokol, Chris (2005-09-19). "Unforgiven marred by unfortunate ending". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-18. สืบค้นเมื่อ 2009-01-21.
  15. "RAW is coming home to USA". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-02-08. สืบค้นเมื่อ January 8, 2016.
  16. Golden, Hunter (2005-10-03). "Raw Results-10/3/05-Dallas, TX -(Homecoming to USA Network)". WrestleView. สืบค้นเมื่อ 2009-09-23.
  17. Sokol, Chris (2006-01-09). "Edge surprise champ after Revolution". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-01-11. สืบค้นเมื่อ 2009-02-13.
  18. Dee, Louie (2006-09-17). "The Champ is back". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-05-02.
  19. Zeigler, Zack (2006-09-25). "SmackDown beatdown". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2007-12-26.
  20. Golden, Hunter (2006-10-09). "Raw Results – 10/9/06 – Columbia, SC ('Raw Family Reunion' Results)". WrestleView. สืบค้นเมื่อ 2009-09-24.
  21. Zeigler, Zack (2006-11-13). "Rated-RKO Champions". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-01-06.
  22. "History of the World Tag Team Championship — Edge & Randy Orton". World Wrestling Entertainment. 2006-11-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-16. สืบค้นเมื่อ 2008-01-06.
  23. Mooneyham, Mike (2007-12-02). "'Mr. Kennedy' endures pitfalls". The Post and Courier. สืบค้นเมื่อ 2009-09-24.
  24. DiFino, Lennie. "Gold digging". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-07-09.
  25. Lennon, Patrick (2007-05-11). "WWE hits the buffers". Daily Star.
  26. Waldman, Jon (2007-07-21). "Smackdown: A champion is crowned". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 2009-02-26.[ลิงก์เสีย]
  27. Kapur, Bob (2007-12-17). "Edge brings in the clones to win at Armageddon". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-29. สืบค้นเมื่อ 2008-05-02.
  28. Dee, Louie (2007-12-17). "A Major revelation". World Wrestling Entertainment. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-06. สืบค้นเมื่อ 2007-12-17.
  29. Dee, Louie (2008-01-18). "Champions, contenders and carnage". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-01-24.
  30. Fishman, Scott (2008-03-31). "A final bow for Flair". The Miami Herald.
  31. Dee, Louis (2008-05-02). "Title turmoil". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-05-03.
  32. Kapur, Bob (2008-05-18). "Judgment Day spoils streak of good shows". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-19. สืบค้นเมื่อ 2008-06-16.
  33. Mackinder, Matt (2008-05-30). "One Night Stand WWE's best this year". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-19. สืบค้นเมื่อ 2009-03-28.
  34. Sitterson, Aubrey (2008-07-01). "A Draft Disaster". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-07-01.
  35. DiFino, Lennie (2008-08-25). "SmackDown: A woman's scorn, a Deadman reborn". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2008-08-08.
  36. Plummer, Dale; Nick Tylwalk (2008-11-24). "Two new world champs at dull Survivor Series". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-19. สืบค้นเมื่อ 2009-10-23.
  37. Watson, Dustin. "The Wrestling Genius: Brotherly history". Observer-Dispatch.
  38. DiFino, Lennie (2009-01-25). "Hardy's twisted fate brings gold to Edge". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2009-01-26.
  39. Passero, Mitch (2009-02-15). "Regaining the throne". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2009-02-28.
  40. Tello, Craig (2009-02-15). "Shameless in Seattle". World Wrestling Entertainment. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-28. สืบค้นเมื่อ 2009-02-28.
  41. Fishman, Scott (2009-04-06). "HBK, Taker strike gold at WWE WrestleMania's silver anniversary". The Miami Herald.
  42. Adkins, Greg (2009-07-28). "Uninvited guests". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2009-08-10.
  43. Aldren, Mike (2009-06-04). "Edge in serious injury blow". The Sun. สืบค้นเมื่อ 2009-07-06.
  44. Styles, Joey. "Edge to face surgery". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2009-07-07.
  45. Adkins, Greg (2010-02-22). "Taking the bull by the horns". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2010-03-29.
  46. Plummer, Dale (2010-04-26). "Raw: Feeling a draft". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-25. สืบค้นเมื่อ 2010-05-03.
  47. Sokol, Bryan (2010-12-20). "TLC delivers highs, lows and a new champ". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-19. สืบค้นเมื่อ 2010-12-20.
  48. Bishop, Matt (2011-04-03). "The Rock costs Cena as The Miz retains at WrestleMania XXVII". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-19. สืบค้นเมื่อ 2011-04-04.
  49. "Injury forces Edge to retire". WWE Inside. World Wrestling Entertainment. 2011-04-11. สืบค้นเมื่อ 2011-04-12.
  50. Plummer, Dale (2011-04-11). "RAW: Edge calls it a career". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-14. สืบค้นเมื่อ 2011-04-12.
  51. Meltzer, Dave (2011-04-11). "Major star announces retirement; Extreme Rules main event". Wrestling Observer Newsletter. สืบค้นเมื่อ 2011-04-12.
  52. "CUPACH'S WWE SMACKDOWN REPORT 4/15: Look-back to last week's Smackdown - Edge's farewell, battle royal".
  53. "Edge". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2012-01-09.
  54. Tom Herrera (23.4.2012). "Raw Results". WWE. สืบค้นเมื่อ 24 April 2012. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  55. Cupach, Michael. "CUPACH'S WWE SMACKDOWN REPORT 9/21: Alt. perspective review of Edge returning, Tag Champs dominating, Mike's Reax". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 30 September 2012.
  56. Keller, Wade. "Keller's WWE Raw report 12/29: Lesnar and Heyman show up, Ziggler vs. Rusev in a champion vs. champion match, Edge & Christian host, Bryan's big announcement". PWTorch.com. สืบค้นเมื่อ 31 December 2014.
  57. "Edge shakes up the WWE Universe with shocking Royal Rumble return". wwe.com. January 27, 2020. สืบค้นเมื่อ January 27, 2020.
  58. Powell, Jason. "WWE Royal Rumble results: Powell's live review of the Royal Rumble matches, "The Fiend" Bray Wyatt vs. Daniel Bryan in a strap match for the WWE Universal Championship, Becky Lynch vs. Asuka for the Raw Women's Championship". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ January 26, 2020.
  59. Powell, Jason (January 27, 2020). "01/27 WWE Raw Results: Powell's review of Edge's return, Royal Rumble winners Drew McIntyre and Charlotte Flair, Seth Rollins and Buddy Murphy vs. Samoa Joe and Kevin Owens for the Raw Tag Titles, Liv Morgan vs. Lana". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ January 28, 2020.
  60. Benigno, Anthony (April 5, 2020). "Edge def. Randy Orton (Last Man Standing Match)". WWE. สืบค้นเมื่อ April 5, 2020.
  61. Powell, Jason (April 5, 2020). "WrestleMania 36 results: Powell's live review of Night Two featuring Brock Lesnar vs. Drew McIntyre for the WWE Championship, John Cena vs. "The Fiend" Bray Wyatt in a Firefly Funhouse match, Edge vs. Randy Orton in a Last Man Standing match, Rhea Ripley vs. Charlotte Flair for the NXT Women's Championship". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ April 5, 2020.
  62. Powell, Jason (May 18, 2020). "5/18 WWE Raw Results: Powell's live review of WWE Champion Drew McIntyre vs. King Corbin in a non-title match, Alexa Bliss and Nikki Cross vs. The IIconics for the WWE Women's Tag Titles, Edge's response to Randy Orton, the axe-tossing contest between the Street Profits and Viking Raiders". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ May 18, 2020.
  63. Powell, Jason (February 1, 2021). "2/1 WWE Raw Results: Powell's live review of the night after the Royal Rumble with Edge vs. Randy Orton, Bobby Lashley vs. Riddle for the U.S. Championship, Cedric Alexander and Shelton Benjamin vs. Lince Dorado and Gran Metalik for the Raw Tag Titles, Bad Bunny on Miz TV". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ February 1, 2021.
  64. Powell, Jason (February 21, 2021). "WWE Elimination Chamber results: Powell's live review of Drew McIntyre vs. Sheamus vs. Randy Orton vs. Kofi Kingston vs. AJ Styles vs. Jeff Hardy in an Elimination Chamber match for the WWE Championship, Roman Reigns faces an Elimination Chamber match winner for the WWE Universal Championship". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ February 21, 2021.
  65. Keller, Wade (March 26, 2021). "3/26 WWE SMACKDOWN TV RESULTS: Keller's report on Fastlane fallout including Edge's actions to break up Bryan's apparent tapout win over Reigns". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ March 27, 2021.
  66. Garretson, Jordan (April 11, 2021). "Universal Champion Roman Reigns def. Daniel Bryan and Edge". WWE. สืบค้นเมื่อ April 11, 2021.
  67. "411Mania".
  68. Chik, Jon (August 6, 2021). "Edge vs. Seth Rollins". WWE. สืบค้นเมื่อ August 7, 2021.
  69. "Edge def. Seth Rollins". WWE. August 21, 2021. สืบค้นเมื่อ August 21, 2021.
  70. Powell, Jason (October 21, 2021). "WWE Crown Jewel results: Powell's live review of Roman Reigns vs. Brock Lesnar for the WWE Universal Championship, Becky Lynch vs. Sasha Banks vs. Bianca Belair for the Smackdown Women's Championship, Big E vs. Drew McIntyre for the WWE Championship, Edge vs. Seth Rollins in a Hell in a Cell match, Goldberg vs. Bobby Lashley in a No Holds Barred match". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ October 21, 2021.
  71. Powell, Jason (January 1, 2022). "WWE Day 1 results: Powell's review of Big E vs. Brock Lesnar vs. Bobby Lashley vs. Kevin Owens vs. Seth Rollins for the WWE Championship, Becky Lynch vs. Liv Morgan for the Raw Women's Championship, The Usos vs. Kofi Kingston and King Woods for the Smackdown Tag Titles, Edge vs. The Miz". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ January 6, 2022.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  72. Powell, Jason (February 21, 2022). "2/21 WWE Raw Results: Powell's live review of the milestone episode featuring new WWE Champion Brock Lesnar, Randy Orton and Riddle vs. Seth Rollins and Kevin Owens, and Miz TV on the Elimination Chamber fallout edition". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ February 28, 2022.
  73. Powell, Jason (February 28, 2022). "2/28 WWE Raw Results: Powell's live review of Damian Priest vs. Finn Balor for the U.S. Championship, Edge addressing his WrestleMania future, Raw Tag Champions Alpha Academy vs. Seth Rollins and Kevin Owens in a non-title match, RK-Bro vs. The Street Profits". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ February 28, 2022.
  74. Powell, Jason (April 18, 2022). "4/18 WWE Raw results: Powell's live review of Cody Rhodes vs. an opponent of Seth Rollins' choosing, Finn Balor vs. Theory for the U.S. Title, Sasha Banks and Naomi vs. Rhea Ripley and Liv Morgan for the WWE Women's Tag Titles, RK-Bro vs. The Street Profits in a non-title match, commitment ceremonies, lie detector test". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ April 25, 2022.
  75. Powell, Jason (May 8, 2022). "WWE WrestleMania Backlash results: Powell's live review of Roman Reigns and The Usos vs. Drew McIntyre and RK-Bro, Charlotte Flair vs. Ronda Rousey in an I Quit match for the Smackdown Women's Title, Cody Rhodes vs. Seth Rollins, Edge vs. AJ Styles, Bobby Lashley vs. Omos, Happy Corbin vs. Madcap Moss". Pro Wreslting Dot Net. สืบค้นเมื่อ May 8, 2022.
  76. Brookhouse, Brent (June 6, 2022). "WWE Raw results: Live recap, grades as an injured Cody Rhodes addresses his future". CBS Sports. สืบค้นเมื่อ 7 June 2022.
  77. "Superestrella de WWE Raw pasará a ser babyface tras el último episodio de la marca roja". June 7, 2022.
  78. "Detalles de la traición de Judgement Day a Edge en WWE RAW". June 8, 2022.
  79. Powell, Jason (October 8, 2022). "WWE Extreme Rules results: Powell's review of Matt Riddle vs. Seth Rollins in a Fight Pit match with Daniel Cormier as special referee, Bianca Belair vs. Bayley in a ladder match for the Raw Women's Title, Liv Morgan vs. Ronda Rousey in an Extreme Rules match for the Smackdown Women's Title, Drew McIntyre vs. Karrion Kross in a strap match". Pro Wrestling Dot Net (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ October 8, 2022.
  80. Powell, Jason (January 28, 2023). "WWE Royal Rumble results: Powell's live review of the Royal Rumble matches, Roman Reigns vs. Kevin Owens for the Undisputed WWE Universal Championship, Bianca Belair vs. Alexa Bliss for the Raw Women's Championship, Bray Wyatt vs. LA Knight in a Pitch Black match". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ January 28, 2023.
  81. Powell, Jason (February 18, 2023). "WWE Elimination Chamber results: Powell's live review of Roman Reigns vs. Sami Zayn for the Undisputed WWE Universal Championship, Brock Lesnar vs. Bobby Lashley, two Elimination Chamber matches, Edge and Beth Phoenix vs. Rhea Ripley and Finn Balor". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ February 19, 2023.
  82. Powell, Jason (2023-04-02). "WrestleMania 39 results: Powell's live review of night two with Roman Reigns vs. Cody Rhodes for the Undisputed WWE Universal Championship, Bianca Belair vs. Asuka for the Raw Women's Title, Gunther vs. Drew McIntyre vs. Sheamus for the Intercontinental Title, Edge vs. Finn Balor in Hell in a Cell, Brock Lesnar vs. Omos". Pro Wrestling Dot Net (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  83. Nemer, Roy (August 18, 2023). "WWE SmackDown Results - 8/18/23 (Edge's 25 years, Women's Tag Team Match)".
  84. Harris, Jeffrey (October 1, 2023). "Update on Edge Free Agency Status, His Entrance Music & Ring Name". 411Mania. สืบค้นเมื่อ October 2, 2023.
  85. Powell, Jason (October 1, 2023). "AEW WrestleDream results: Powell's live review of Darby Allin vs. Christian Cage in a best of three falls match for the TNT Title, Bryan Danielson vs. Zack Sabre Jr., Swerve Strickland vs. Hangman Page". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ October 1, 2023.
  86. "Edge on Stroumboulopulos Tonight".
  87. "Adam Copeland (a.k.a. Edge) On Keeping it real after wrestling".
  88. Levine, Sydney. "Golden Maple Awards'15 Winners Include Brandon Jay McLaren and Amanda Crew | IndieWire". www.indiewire.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-15. สืบค้นเมื่อ November 12, 2016.
  89. Levine, Sydney. "Golden Maple Awards'15 Winners Include Brandon Jay McLaren and Amanda Crew | IndieWire". www.indiewire.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-15. สืบค้นเมื่อ November 11, 2016.
  90. "AEW TNT Championship Title History". All Elite Wrestling. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2023. สืบค้นเมื่อ December 31, 2023.
  91. Eck, Kevin (January 11, 2010). "Best of the Decade awards". The Baltimore Sun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-04. สืบค้นเมื่อ December 20, 2020.
  92. "2021 Class". Canadian Pro-Wrestling Hall of Fame. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2023. สืบค้นเมื่อ November 29, 2023.
  93. Philip Kreikenbohm. "CWA". cagematch.net.
  94. Oliver, Greg (April 18, 2013). "Jake The Snake turns CAC banquet into a sobering experience". Slam Wrestling. สืบค้นเมื่อ September 27, 2020.
  95. 95.0 95.1 Brookhouse, Brent (January 2, 2021). "2020 CBS Sports Wrestling Awards: Drew McIntyre stands out as Wrestler of the Year". CBSSports.com. สืบค้นเมื่อ January 2, 2021.
  96. "ICW Street Fight Tag Team Title". ProWrestlingHistory.com. สืบค้นเมื่อ September 2, 2009.
  97. "MWCW Tag Team Title". ProWrestlingHistory.com. สืบค้นเมื่อ September 2, 2009.
  98. Caldwell, Adam (January 22, 2012). "News: Edge to join second Hall of Fame". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ January 23, 2012.
  99. 99.0 99.1 99.2 99.3 99.4 99.5 99.6 "PWI Awards". Pro Wrestling Illustrated. Kappa Publishing Group. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 2, 2018. สืบค้นเมื่อ June 5, 2018.
  100. Grifol, Ignacio (January 14, 2022). "Pro Wrestling Illustrated anuncia los ganadores de sus PWI Awards 2021". Solowrestling.com. สืบค้นเมื่อ 15 January 2022.
  101. "Pro Wrestling Illustrated (PWI) 500 for 2007". Internet Wrestling Database. สืบค้นเมื่อ November 16, 2016.
  102. 102.0 102.1 "TPW". Cagematch.
  103. 103.0 103.1 103.2 103.3 Meltzer, Dave (January 26, 2011). "Biggest issue of the year: The 2011 Wrestling Observer Newsletter Awards Issue". Wrestling Observer Newsletter. Campbell, CA: 1–40. ISSN 1083-9593.
  104. 104.0 104.1 104.2 104.3 104.4 104.5 104.6 104.7 "Edge's Title History". World Wrestling Entertainment. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 10, 2010. สืบค้นเมื่อ December 14, 2009.
  105. "WWE United States Championship". สืบค้นเมื่อ May 25, 2020.
  106. "Edge wins 30-Man Royal Rumble Match". WWE.
  107. 107.0 107.1 "The new Grand Slam winners: The 10 Superstars who have won every active championship". WWE. สืบค้นเมื่อ March 12, 2018.
  108. "2008 Slammy Award Winners". World Wrestling Entertainment. December 8, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 29, 2011. สืบค้นเมื่อ February 5, 2009.
  109. "2010 Slammy Award Winners". World Wrestling Entertainment. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 17, 2010. สืบค้นเมื่อ December 13, 2010.

แหล่งที่มา[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]