ข้ามไปเนื้อหา

ไมก์ ไทสัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไมก์ ไทสัน
ไทสันในปี 2023
เกิดไมเคิล จีราร์ด ไทสัน
(1966-06-30) 30 มิถุนายน ค.ศ. 1966 (58 ปี)
บรุกลิน, นครนิวยอร์ก, สหรัฐ
คู่สมรส
  • Robin Givens
    (สมรส 1988; หย่า 1989)
  • Monica Turner
    (สมรส 1997; หย่า 2003)
  • Lakiha Spicer
    (สมรส 2009)
บุตร7
อาชีพนักมวย
สถิติ
น้ำหนักเฮฟวีเวท
ส่วนสูง5 ฟุต 10 นิ้ว (178 เซนติเมตร)[1][2][nb 1]
ช่วงชก71 นิ้ว (180 เซนติเมตร)[3]
รูปแบบการชกOrthodox
สถิติขึ้นชก
ชกทั้งหมด58
ชนะ50
ชนะน็อก44
แพ้6
ไม่มีการตัดสิน2
เว็บไซต์miketyson.com

ไมก์ ไทสัน (Mike Tyson) เป็นอดีตนักมวยชาวอเมริกัน แชมป์โลกเฮฟวีเวท 3 สถาบันคนแรกของโลก เจ้าของสถิติเป็นแชมป์โลกเฮฟวีเวทที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 20 ปี 4 เดือนกับ 22 วัน

ประวัติ

[แก้]

วัยเด็ก

[แก้]

ไมก์ ไทสัน มีชื่อจริงว่า ไมเคิล จีราร์ด ไทสัน (Michael Gerard Tyson) เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2509 ที่ย่านบราวน์ส์วิลล์สลัมในบรุกลิน นครนิวยอร์ก

คุณภาพชีวิตของไทสันในวัยเด็กถือว่าเลวร้ายมาก ไทสันเป็นเด็กที่มีนิสัยเกเรมาก ชอบมีเรื่องชกต่อยกับเด็กคนอื่นละแวกบ้านและก่ออาชญากรรมทั่วไป จนกระทั่ง คัส ดี'อมาโต เทรนเนอร์มวยเชื้อสายอิตาเลียน ได้มาพบเข้าและฝึกสอนไทสันให้รู้จักกับมวยสากลอย่างแท้จริง ที่ชกบนเวทีและมีกติกาที่ชัดเจน ซึ่งไทสันได้รักและนับถือ ดี'อมาโตเสมือนกับพ่อของตนเองคนหนึ่งทีเดียว

แชมเปียนโลก

[แก้]

ไทสันชนะการชกมวยระดับมืออาชีพ 19 ครั้งแรก ด้วยการน็อกเอาท์ โดยจำนวนนั้นเป็นการน็อกคู่ต่อสู้ในยกแรกถึง 12 ครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2529 ไมก์ ไทสัน ทำสถิติชนะรวด 26 ครั้ง ชนะน็อกถึง 24 ครั้ง ขึ้นชิงแชมป์โลกกับ เทรเวอร์ เบอร์บิก แชมป์โลกของสภามวยโลก (WBC) รุ่นเฮฟวีเวท ขึ้นสังเวียนมวยที่โรงแรมเวสท์เกตลาสเวกัส ในวินเชสเตอร์ รัฐเนวาดา สำหรับเบอร์บิคแล้ว เขาเพิ่งได้แชมป์โลกเมื่อ 8 เดือนก่อนหน้านั้น ด้วยการชนะคะแนน พิงก์ลอน โธมัส แบบฉิวเฉียด ผลการชกไทสันเอาชนะทีเคโอ​เบอร์บิกได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ยกที่ 2 เท่านั้น และตลอดการชกเบอร์บิกเป็นฝ่ายถูกไทสันไล่ถลุงเพียงข้างเดียว ยิ่งโดยเฉพาะยกที่ 2 เบอร์บิกถูกไทสันชกล้มไปถึง 2 ครั้ง

ไมก์ ไทสัน จึงกลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวีเวทคนใหม่ล่าสุด พร้อมกับทำสถิติเป็นแชมป์โลกเฮฟวีเวทที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี 4 เดือน (ซึ่งยังเป็นสถิติมาจนทุกวันนี้) ทำลายสถิติเดิมของ ฟลอยด์ แพ็ตเตอร์สัน ที่เคยทำไว้ในวัย 21 ปี 10 เดือน และที่น่าเหลือเชื่อคือทั้งคู่มีเทรนเนอร์คนเดียวกัน คือ คัส ดี'อมาโต

หลังจากนั้นทั่วทั้งโลกได้รู้จักกับ ไมก์ ไทสัน นักมวยผู้มีภาพของความป่าเถื่อน รุนแรง กักขฬระ ผ่านการโปรโมตของ ดอน คิง โปรโมเตอร์อันดับหนึ่งของโลก นับได้ว่าไทสันกลายเป็นนักมวยอันดับหนึ่งของโลกและเป็นนักมวยคู่บารมีของดอน คิง อย่างแท้จริง การชกทุกครั้งของไมก์ ไทสัน สามารถทำเงินให้กับดอน คิง ได้มหาศาล ไทสันผ่านการชกป้องกันตำแหน่งอีกหลายต่อหลายครั้ง จนกลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวีเวท 3 สถาบันคนแรกของโลก รวมทั้งการเอาชนะน็อก ไมเคิล สปิงก์ส์ อดีตนักมวยสากลสมัครเล่นเหรียญทองรุ่นเฮฟวีเวทโอลิมปิคที่มอนทรีออล ที่หันมาชกมวยสากลอาชีพและทำสถิติไม่เคยแพ้ใคร และเมื่อถูกประกบคู่กับไทสัน สปิงก์ส์ถูกมองว่าอาจเป็นคนแรกที่ยัดเยียดความปราชัยให้แก่ไมก์ ไทสัน ได้ แต่ผลการชกจริง ๆ ปรากฏว่า สปิงก์ส์ เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น อย่างที่เรียกว่า "นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ"

แต่การป้องกันตำแหน่งที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กับ เจมส์ "บัตเตอร์" ดักลาส นักมวยโนเนม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2533 ไทสันพลาดท่าแพ้น็อกแก่ดักลาสอย่างไม่มีใครคาดคิดในยกที่ 10 แม้จะมีเสียงครหาว่ากรรมการบนเวทีนับเร็วกว่ากรรมการที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ตาม

ชีวิตตกต่ำ

[แก้]

หลังจากนั้น ชีวิตของไทสันก็ตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อถูกกล่าวหาจาก เดสิรี วอชิงตัน (Desiree Washington) นางงามผิวดำสหรัฐอเมริกาว่า ไทสันข่มขืนเธอ ไทสันปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง คดีนี้ถูกนำขึ้นสู่ศาล วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถูกตัดสินโทษจำคุก 6 ปี แต่เนื่องจากประพฤติตัวดี ไทสันจึงปล่อยตัวเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2538 หลังใช้ชีวิตในเรือนจำได้ 3 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น ไทสันหันไปนับถือศาสนาอิสลามพร้อมกับใช้ชื่อใหม่ว่า “มาลิค อับดุล ลาซิช” (Malik Abdul Aziz) หรือ "ไทสัน อาลี" (Tyson Ali) ซึ่งไทสันอ้างว่าศาสนาอิสลามได้ทำให้จิตใจเขาบริสุทธิ์ขึ้นเหมือนดั่งเช่นกรณีหนีทหารของ มูฮัมหมัด อาลี ในอดีต

หลังจากออกจากคุกมา ไทสันขึ้นชกอุ่นเครื่องอีกไม่กี่ครั้ง ก็ได้ชิงแชมป์โลกของ WBC และเป็นฝ่ายชนะทีเคโอ​ แฟรงค์ บรูโน นักมวยชาวอังกฤษ ไปเพียงยกที่ 3 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2539 และคว้าแชมป์ของ WBA ด้วยการเอาชนะทีเคโอยกแรก บรูซ เซลดอน ในเดือนกันยายน ปีเดียวกัน จากนั้นไทสันถูกประกับให้พบกับ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ อดีตแชมป์โลก 3 สถาบันผู้เอาชนะเจมส์ "บัสเตอร์" ดักลาส ได้ ก่อนการหลายฝ่ายคาดว่าไทสันที่กำลังเหี้ยมหาญจะเอาชนะน็อกโฮลีฟิลด์ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่การชกกลายเป็นว่า ไทสันไม่สามารถอะไรโฮลีฟิลด์ได้เลย จนกระทั่งเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอ​ไปในยกที่ 11 ซึ่งถือเป็นความปราชัยในชีวิตการชกมวยเป็นครั้งที่ 2 ของไทสัน ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน

จากนั้นทั้งคู่ได้มีโอกาสล้างตากันอีกครั้ง ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2540 ซึ่งการชกในครั้งนี้ ไทสันได้สร้างปรากฏการณ์ให้โลกตื่นตะลึงอีกครั้ง ด้วยการกัดเข้าที่ใบหูของโฮลีฟิลด์ในยกที่ 3 ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคลุกวงในอยู่กัน โดยใบหูของโฮลีฟิลถึงกับเลือดออก จึงต้องยุติการชกไป และไทสันก็ถูกตัดสินให้แพ้ดีคิว (Disqualification)​ ถูกปรับเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมโดนยึดใบอนุญาตชกมวยด้วย แต่สำหรับค่าตัวของทั้งคู่ในขณะนั้นถือว่าเป็นค่าตัวที่สูงสุดในวงการกีฬาโลกเลยทีเดียว โดยไทสันได้ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโฮลีฟิลด์ได้ถึง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปี พ.ศ. 2542 ไทสันถูกจับอีกครั้ง เมื่อไปชกต่อยกับเด็กวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ 2 คน หลังเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนน คราวนี้ไทสันติดคุกอยู่นาน 9 เดือน

เมื่อออกจากคุกมา ไมก์ ไทสัน ชกทำฟอร์มอยู่หลายครั้ง ก่อนจะขึ้นชกกับ เลนน็อกซ์ ลูอิส แชมป์โลกชาวอังกฤษผู้ที่มีฟอร์มการชกอยู่ในระดับสุดยอดในเวลานั้น ผลการชกไทสันเป็นฝ่ายแพ้น็อกไปอย่างบอบช้ำในยกที่ 8 เมื่อปี พ.ศ. 2545

ล้มละลาย

[แก้]

1 ปี ถัดมา ไทสัน มีปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนถูกฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย จากเดิมที่เคยมีเงินทองจากการชกมวยมากมายถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีคฤหาสน์หลังใหญ่ มีเสือโคร่งเบงกอลเผือกเป็นสัตว์เลี้ยง กลายเป็นบุคคลที่มีแต่หนี้สิน ทั้งนี้เป็นเพราะไทสันเป็นคนที่ใช้จ่ายเงินไม่เป็น อีกทั้งยังมีแต่พฤติกรรมที่ทะเลาะวิวาทกับผู้คนเรื่อยไป ประกอบกับได้เปลี่ยนผู้จัดการจาก ดอน คิง ในช่วงที่ตกต่ำเป็น แซลลี่ ฟิงเกอร์ ทำให้ไม่ได้รับค่าตัวมากมายเช่นเดิม

ในช่วงที่ชีวิตตกต่ำสุดขีด ในปี พ.ศ. 2548 ถึงกับมีข่าวลือว่าไทสันได้รับการชักชวนจากเจนนา เจมสัน ให้ร่วมกันแสดงหนังโป๊ ว่ากันว่า ไทสันมีศักยภาพที่น่าจะไปได้ดีในอาชีพนี้ เนื่องจากมีการอ้างถึงรายงานทางการแพทย์ในระหว่างถูกจองจำว่า ขนาดองคชาตของไทสันนั้นยาวถึง 14 นิ้ว อย่างไรก็ตาม โฆษกประจำตัวของเจนนา เจมสัน และตัวไทสันเอง ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้

แม้จะมีชีวิตที่ย่ำแย่ แต่ไทสันก็ยังมีข่าวคราวอาชญากรรมอยู่เรื่อย ๆ ในปลายปี พ.ศ. 2547 ไทสันก็ถูกตำรวจจับอีกครั้งในข้อหาว่ามียาเสพย์ติดประเภทโคเคนไว้ในครอบครอง

ไมก์ ไทสัน ชกมวยครั้งสุดท้ายเพื่อหาทางปลดหนี้ แพ้อาร์ทีดี เควิน แม็กไบรด์ นักมวยผิวขาวชาวไอริช ในยกที่ 6 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และไม่ได้กลับขึ้นชกมวยเป็นเวลาหลายปี

เกียรติประวัติ

[แก้]
  • แชมป์โลก WBC​ รุ่นเฮฟวีเวท
    • ชิง , 22 พฤศจิกายน​ 2529 ชนะทีเคโอ เทรเวอร์ เบอร์บิก ( สหรัฐ)​ ยก 2 ที่ โรงแรมเวสท์เกตลาสเวกัส, วินเชสเตอร์, สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 1 และชิงแชมป์โลก WBA รุ่นเดียวกัน , 7 มีนาคม 2530 ชนะคะแนน เจมส์ สมิธ ( สหรัฐ)​ ที่ โรงแรมเวสท์เกตลาสเวกัส, วินเชสเตอร์, สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 2 , 30 พฤษภาคม 2530 ชนะทีเคโอ พิงกี โธมัส ( สหรัฐ) ยก 6 ที่ โรงแรมเวสท์เกตลาสเวกัส, วินเชสเตอร์, สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 3 และชิงแชมป์​โลก IBF รุ่นเดียวกัน , 1 สิงหาคม 2530 ชนะคะแนน โทนี ทักเกอร์ ( สหรัฐ) ที่ โรงแรมเวสท์เกตลาสเวกัส, วินเชสเตอร์, สหรัฐ​
    • ป้องกันครั้งที่ 4 , 16 ตุลาคม 2530 ชนะทีเคโอ ไทเรล บิกส์ ( สหรัฐ) ยก 7 ที่ บอร์ดวอล์กฮอล, แอตแลนติก,​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 5 , 22 มกราคม 2531 ชนะทีเคโอ​ แลร์รี โฮล์มส์ ( สหรัฐ) ยก 4 ที่ บอร์ดวอล์กฮอล, แอตแลนติก,​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 6 , 21 มีนาคม 2531 ชนะทีเคโอ โทนี ทับส์ ( สหรัฐ) ยก 2​ ที่ โตเกียวโดม, โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น
    • ป้องกันครั้งที่ 7 และชิงแชมป์เดอะริงรุ่นเดียวกัน , 27 มิถุนายน 2531 ชนะน็อก ไมเคิล สปิงก์ส ( สหรัฐ) ยก 1 ที่ บอร์ดวอล์กฮอล, แอตแลนติก,​ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 8 , 25 กุมภาพันธ์​ 2532 ชนะทีเคโอ แฟรงค์ บรูโน​ ( สหราชอาณาจักร) ยก 5 ที่ โรงแรมเวสท์เกตลาสเวกัส, วินเชสเตอร์, สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 9 , 21 กรกฎาคม 2532 ชนะทีเคโอ คาร์ล วิลเลียมส์ ( สหรัฐ) ยก 1 ที่ บอร์ดวอล์กฮอล, แอตแลนติก,​ สหรัฐ
    • เสียแชมป์ , 11 กุมภาพันธ์​ 2533 แพ้น็อก เจมส์ ดักลาส ( สหรัฐ)​ ยก 10 ที่ โตเกียวโดม, โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น​
  • แชมป์โลก WBC​ รุ่นเฮฟวีเวท (สมัยที่ 2)​
    • ชิง , 16 มีนาคม 2539 ชนะทีเคโอ​ แฟรงค์ บรูโน ( สหราชอาณาจักร)​ ยก 3 ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส, แพราไดซ์, สหรัฐ
  • แชมป์โลก WBA​ รุ่นเฮฟวีเวท (สมัยที่ 2)​
    • ชิง , 7 กันยายน 2539 ชนะทีเคโอ บรูซ เซลดอน ( สหรัฐ)​ ยก 1 ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส, แพราไดซ์, สหรัฐ
    • เสียแชมป์ , 9 พฤศจิกายน​ 2539 แพ้ทีเคโอ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ( สหรัฐ) ยก 11 ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส, แพราไดซ์, สหรัฐ
  • เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ
    • ชิงแชมป์โลก​ WBA​ รุ่นเฮฟวีเวท , 28 มิถุนายน 2540 แพ้ดีคิว อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ ( สหรัฐ) ยก 3 ที่ เอ็มจีเอ็มแกรนด์ลาสเวกัส, แพราไดซ์, สหรัฐ
    • ชิงแชมป์โลก WBC​ IBF​ IBO และเดอะริง รุ่นเฮฟวีเวท , 8 มิถุนายน 2545 แพ้น็อก เลนนอกซ์ ลูอิส ( สหราชอาณาจักร) ยก 8 ที่ เมมฟิส พีรามิด, เมมฟิส, สหรัฐ

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

ไมก์ ไทสัน มีฉายาเป็นภาษาอังกฤษว่า "Iron" สำหรับฉายาภาษาไทยแฟนมวยชาวไทยเรียกว่า "มฤตยูดำ" หรือ "ไอ้หัวบาก" และในช่วงที่กัดหูโฮลีฟิลด์ได้อีกฉายานึงว่า "จอมกัด" ทุกครั้งที่ขึ้นชก ไทสันจะสวมกางเกงมวยสีดำล้วน สวมรองเท้าสีดำที่หุ้มเพียงข้อเท้าโดยไม่สวมถุงเท้าจนเป็นเอกลักษณ์ ไทสันนั้นมีส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 10 นิ้ว (178 เซนติเมตร) ถือว่าตัวเล็กมากสำหรับรุ่นเฮฟวี่เวท แต่มีการโยกหัวเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างว่องไว และมีพลังกำปั้นที่หนักมาก ในปี พ.ศ. 2549 มีการจัดอันดับให้ ไมก์ ไทสัน เป็นนักมวยที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาลของโลกในอันดับที่ 10 ด้วย ส่วนตัวนั้นไทสันชื่นชอบการเลี้ยงนกพิราบ โดยเลี้ยงเป็นฝูงใหญ่มาตั้งแต่เด็ก และถึงขนาดเคยเปิดห้องพักในโรงแรมห้าดาวให้แก่นกพิราบของตนมาแล้ว

ไทสัน แต่งงานมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งในปี พ.ศ. 2531 กับ โรบิน กิฟเว่นส์ ในช่วงที่ยังเป็นแชมป์โลก 3 สถาบันอยู่ ก่อนจะหย่าร้างกันในปีถัดมา ไทสันแต่งงานอีกครั้งกับ โมนิกา เทอร์เนอร์ ในปี พ.ศ. 2540 และอยู่กินมามาถึงปี พ.ศ. 2546 ไทสันแต่งงานเป็นครั้งที่ 3 กับ ลาคิชา สไปเซอร์ ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2552[4]

ภาพยนตร์

[แก้]

ฮอลลีวูดเคยสร้างภาพยนตร์ทางทีวีเกี่ยวกับชีวประวัติของไทสันในปี พ.ศ. 2538 ในชื่อเรื่อง "Tyson" แสดงเป็นไทสันโดย ไมเคิล ไจ ไวท์ (Michael Jai White) นักแสดงหนุ่มผู้มาจากบรุกลินเช่นเดียวกัน

และในเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2552 ได้มีผู้สร้างภาพยนตร์ สร้างภาพยนตร์แนวสารคดีเกี่ยวกับชีวประวัติของไทสัน เปิดฉายในรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

ไมก์ ไทสัน ร่วมแสดง ในภาพยนตร์เรื่อง ยิปมัน 3 (2558)

วิดีโอเกม

[แก้]

ในช่วงที่ไมก์ ไทสัน กำลังโด่งดังมีชื่อเสียงก่อนที่จะแพ้น็อกเสียแชมป์โลกครั้งแรกนั้น ทางนินเทนโดได้ผลิตวิดีโอเกมชื่อ พันช์-เอาท์ !! (Punch-Out!!) ออกมาจัดจำหน่าย โดยเป็นเรื่องราวของนักมวยคนหนึ่งที่ชกไต่อันดับไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นสุดท้ายต้องพบกับบอสใหญ่ในเกมคือ ไมก์ ไทสัน นั่นเอง

นอกจากนี้แล้ว ไมก์ ไทสัน ยังเป็นต้นแบบของตัวละครตัวหนึ่งในเกม สตรีตไฟเตอร์ (Street Fighter) คือ เอ็ม.ไบสัน หรือ บัลร็อค (ชื่อที่ถูกเปลี่ยนแปลงภายหลัง) ซึ่งเป็นนักมวยข้างถนนในลาสเวกัส และเป็น 1 ใน 4 บอสใหญ่แห่งองค์กรชาโดลู

อ้างอิง

[แก้]
  1. Lewis, Darren (November 15, 2005). "Mike Tyson Exclusive: No More Mr Bad Ass". The Daily Mirror. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2014. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
  2. J, Jenna (August 22, 2013). "Mike Tyson: 'I always thought of myself as a big guy, as a giant, I never thought I was five foot ten'". Doghouse Boxing. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 26, 2013. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
  3. HBO Sports tale of the tape prior to the Lennox Lewis fight.
  4. "ไทสัน" วิวาห์หน 3 หลังเสียลูกสาวเพียง 2 สัปดาห์[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "nb" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="nb"/> ที่สอดคล้องกัน