ดเวย์น จอห์นสัน
ดเวย์น จอห์นสัน | |
|---|---|
| เกิด | ดเวย์น ดักลาส จอห์นสัน 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1972 เฮย์วาร์ด, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา |
| ชื่ออื่น | ดเวย์น "เดอะร็อก" จอห์นสัน |
| พลเมือง |
|
| การศึกษา | มหาวิทยาลัยไมแอมี (BGS) |
| อาชีพ |
|
| ปีปฏิบัติงาน | 1996–ปัจจุบัน |
| ผลงาน | ผลงานการแสดง |
| คู่สมรส |
|
| บุตร | 3, including ซีโมน |
| บุพการี |
|
| ญาติ | ครอบครัวอานัวอี |
| ชื่อบนสังเวียน |
|
| ส่วนสูง | 6 ฟุต 5 นิ้ว (196 เซนติเมตร)[2] |
| น้ำหนัก | 260 ปอนด์ (118 กิโลกรัม)[2] |
| มาจาก | ไมแอมี, ฟลอริดา[2] |
| ฝึกหัดโดย |
|
| เปิดตัว | 10 มีนาคม 1996[3] |
| ลายมือชื่อ | |
ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson)[5][4] มีชื่อจริงว่า ดเวย์น ดักลาส จอห์นสัน (Dwayne Douglas Johnson)[6] เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1972[7] เป็นนักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงลูกครึ่งแคนาดา-อเมริกัน และมีเชื้อสายซามัว เป็นนักมวยปล้ำของดับเบิลยูดับเบิลยูอี[8][9] ในชื่อที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เดอะร็อก (The Rock)[10] ซึ่งบางครั้งก็เรียกกันว่า ดเวย์น "เดอะร็อก" จอห์นสัน (Dwayne "The Rock" Johnson) หรือฉายาคือหินเดินได้[1] และเขาเคยรับบทเป็นลุค ฮ็อบส์ (Luke Hobbs) จากภาพยนตร์ชุดเรื่องเร็ว..แรงทะลุนรก
ประวัติ
[แก้]ก่อนเข้าวงการมวยปล้ำและการศึกษา
[แก้]จอห์นสันเป็นนักฟุตบอลประจำวิทยาลัย และในปี 1991 เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของแชมป์ทีมฟุตบอลของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไมอามีทีมไมอามีเฮอร์ริเคน จอห์นสันจบคณะบริหารธุรกิจบัณฑิต หลังจากนั้นเขาก็เล่นในทีมแคลกะรี สแตมป์พีเดอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน แคนนาเดียน ฟุตบอล ลีก[11][12][13] แต่ก็เล่นได้เพียง 2 เดือนในฤดูกาลนั้น เขาก็ได้ถูกชักจูงให้มาเป็นนักมวยปล้ำเหมือนกับตาของเขา ปีเตอร์ มายเวีย และพ่อของเขา ร็อกกี จอห์นสัน
ในวงการมวยปล้ำและนักแสดง
[แก้]
จอห์นสันได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีและมีชื่อเสียงโด่งดังมากเมื่อเขาได้มาเป็นนักมวยปล้ำในWWE (หรือ WWF ในสมัยนั้น) ตั้งแต่ปี 1996-2004 และเขาเป็นคนแรกที่เป็นนักมวยปล้ำรุ่นที่ 3 ในประวัติศาสตร์วงการมวยปล้ำ เขาได้รับการผลักดันอย่างรวดเร็วใน WWE และเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ให้กับ WWE ในตอนแรกเขาใช้ชื่อในการปล้ำว่า "ร็อกกี มายเวีย" แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น The jabroni beating, lalala pie eating, trail blazing, eye brow raising, the people's champ "เดอะร็อก" และเขาเคยได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มเนชั่นออฟโดมิเนชั่นอีกด้วย อีก 2 ปีต่อมาหลังจากที่เขาปล้ำใน WWE ร็อกก็สามารถคว้าแชมป์ WWEมาครองได้ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดในขณะนั้นด้วยอายุเพียง 26 ปี ทำลายสถิติของบ็อบ แบ็กลันด์ (อายุ 27 ปี) โดยต่อมาถูกทำลายสถิติโดยบร็อก เลสเนอร์ (อายุ 25 ปี) และเขาได้กลายเป็นนักมวยปล้ำขวัญใจแฟนๆ
นอกจากการปล้ำของเขาแล้ว ร็อกมีคำพูดวลีติดปากมากมายที่รวมไปถึงคำด่าเด็ดๆที่เอกลักษณ์ประจำตัวจนกลายเป็นเทรนคำพูด ได้แก่ Finally...The Rock...has come back to (ชื่อเมืองในเวลานั้น), You will go one on one with The Great One!, Who in the blue hell are you?, It doesn't matter what you think, lay the smackdown on your candy ass,Who is this roody-poo?, know your role and shut your mouth, Just Bring It (พร้อมท่ากวักมือ) ปัจจุบันตั้งแต่ 2011 เทรนคำพูดของ เดอะ ร็อก คือ Boots To Asses และ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือคำพูดปิดท้ายประจำตัวตลอดกาลอย่าง If you smell what The Rock is cooking! จนทำให้ เดอะ ร็อก ได้รับสมญานามว่า "The People's Champ" มีเอกลักษณ์คือการเลิกคิ้วข้างขวาข้างเดียว "The People's Eyebrow" และในปี 2001 จอห์นสันก็เริ่มไปแสดงภาพยนตร์และกลับมาปล้ำใน WWE เป็นครั้งคราวจนถึง แมตช์สุดท้ายใน Pay Per View ศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 ในปี 2004[14] หลังจากนั้นบทบาทในวงการมวยปล้ำก็หมดลงไป แต่ก็ยังมีเทปสัมภาษณ์โผล่มาเซอร์ไพร์แฟนๆเป็นครั้งคราวในรายการของ WWE ก่อนจะหันมาเอาดีด้านการเป็นนักแสดงในฮอลลีวูด
ในอาชีพมวยปล้ำเขาเคยเป็นแชมป์โลกถึง 10 สมัย ซึ่งเขาคว้าแชมป์โลกของ WWE มาได้ 8 สมัย (สมัยที่ 7 เป็นแชมป์โลกอันดิสพิวเด็ด) และแชมป์โลก WCW 2 สมัย รวมไปถึงแชมป์อื่นๆ ได้แก่ แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล 2 สมัย, แชมป์โลกแท็กทีมของ WWE 5 สมัย นอกจากนี้เขาได้เป็นแชมป์ทริปเปิลคราวน์ WWE คนที่ 6 และเป็นผู้ชนะรอยัลรัมเบิล ปี 2000 อีกด้วย
และเมื่อจอห์นสันได้มาแสดงภาพยนตร์เขาก็ได้รับบทบาทสำคัญในปี 2001 ในเรื่อง The Mummy Returns โดยรับบทเป็น ราชาแมงป่อง และในบทบาทเดียวกัน ในเรื่อง The Scorpion King ในปี 2002 ซึ่งเขาได้รับรายได้สูงสุดสำหรับนักแสดงที่ได้รับบทตัวเอกของเรื่องเป็นครั้งแรก เป็นเงิน 5.5 ล้านดอลลาร์ ต่อมา จอห์นสัน ก็มีผลงานแสดงอื่นๆในปีต่อๆไป ได้แก่ The Rundown, Doom, Be Cool, Walking Tall, Gridiron Gang, The Game Plan, Get Smart, Race to Witch Mountain, พากย์เสียงแอนิเมชัน Planet 51, Tooth Fairy, Why Did I Get Married Too?, The Other Guys, Faster, Fast Five, Journey 2: The Mysterious Island, G.I. Joe: Retaliation และ Fast & Furious 6,7,8.:Fast and Furious Presents Hobbs and Shaw
การกลับมาใน WWE
[แก้]
ในรอว์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011 เดอะ ร็อกได้กลับมาที่ WWE เพื่อเป็นพิธีกรรับเชิญในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 พร้อมกับเพลงเปิดตัวใหม่ แล้วได้บอกกับแฟนๆ ว่าทำไมเขาถึงกลับมายืนอยู่บนเวทีนี้ เขากลับมาไม่ได้มาเพราะว่าต้องการเงิน ไม่ได้มาเพื่อโปรโมตหนัง แต่กลับมาในสังเวียนนี้เพื่อแฟนๆ หลังจากที่วินซ์ แม็กแมนได้ประกาศว่าจะมีพิธีกรรับเชิญมาเปิดตัวในสัปดาห์ถัดไป (ตอนของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011)[15][16] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 ร็อกได้มาก่อกวนการปล้ำของจอห์น ซีนา ในการชิงแชมป์ WWE กับเดอะมิซ โดยร็อกจับซีนาใส่ Rock Bottom จนเป็นฝ่ายแพ้ให้กับมิซ แต่ว่าหลังจากจบแมตช์ ร็อกได้เล่นงานมิซด้วย People's Elbow เป็นการปิดท้ายรายการอีกด้วย[17] ในรอว์ 8 เมษายน คืนถัดมาหลังจบ เรสเซิลเมเนีย ซีนาเรียกร็อกออกมาที่เวที และท้าเจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28 ร็อกรับข้อเสนอของซีนา โดยที่ขวัญใจทั้ง 2 ยุคมาเจอกัน ทั้งคู่ก็จับมือรับข้อเสนอไปด้วยดี[18] ในรอว์ 24 ตุลาคม ในตอนแรกซีนาต้องจับคู่กับแซค ไรเดอร์เจอกับเดอะมิซและอาร์-ทรูธ ระหว่างสัมภาษณ์แซคก็ถูกมิซและทรูธลอบทำร้าย ทำให้เป็น 2 รุม 1 ผลปรากฏว่าซีนาชนะฟาล์ว หลังแมตช์มิซและทรูธได้รุมทำร้ายต่อจนผู้จัดการทั่วไปชั่วคราว จอห์น โลรีนายติสได้ออกมาห้าม และสั่งให้ซีนาเลือกนักมวยปล้ำ 1 คน เพื่อจะจับคู่เจอกับมิซและทรูธ โดยซีนาได้เลือกร็อกมาเป็นคู่แท็กทีมในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2011) เป็นการกลับมาปล้ำที่ WWE ในรอบ 7 ปี โดยคู่กับซีนาเอาชนะมิซและทรูธไปได้ แต่ว่าหลังจากจบแมตช์ ร็อกได้จับซีนาใส่ Rock Bottom เป็นการปิดท้ายรายการอีกด้วย[19]

ในรอว์ 20 กุมภาพันธ์ 2012 ซีนาออกมาพูดถึงร็อกว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้ แต่สัปดาห์หน้าเขาจะมา เพื่อมาคุยกับชั้น เมื่อก่อนชั้นก็เคยชอบเค้านะ แต่ตอนนี้น่ะเอียนแล้ว ก็ยินดีกับมันด้วยละกันกับการที่แสดงหนังอันดับหนึ่งของบ๊อกซ์ออฟฟิซ สัปดาห์หน้ามันก็คงมารอว์ ทำท่ายักคิ้วให้คนดูดีใจ จากนั้นก็กลับไปฮอลลีวู้ดเหมือนเดิม สิ่งที่ชั้นภาคภูมิใจก็คือ ชั้นอยู่กับ WWE มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา และไม่เคยจากไปไหน แล้วที่ร็อกมันกลับมาคราวก่อนน่ะนะ มันก็แค่มาโปรโมต Fast Five กับทวิตเตอร์ของมันเท่านั้น ชั้นคนนี้คือคนที่อยู่กับ WWE ตลอด ชั้นขึ้นปล้ำในเรสเซิลเมเนีย อย่างภาคภูมิใจในฐานะนักมวยปล้ำ พาดหัวข่าวหลังจากคืนนั้นจะต้องเป็น จอห์น ซีนา เอาชนะ เดอะ ร็อก ในบ้านเกิดของเขา ไมอามี ฟลอริดา เอาไว้เจอกันในเรสเซิลเมเนีย ก็แล้วกัน ต่อมาในรอว์ 27 กุมภาพันธ์ ร็อกออกมาทักทายแฟนๆ ในสนาม และพูดถึงซีนาว่าชั้นไม่คิดว่านายเป็นคนเลวหรอกนะ แต่นายแค่เป็นคนกระจอกๆ เท่านั้นเอง ซีนา สัปดาห์ก่อนนายพูดจาพาดพิงถึงชั้น นายบอกว่านายจะต่อสู้ในฐานะตัวแทนนักมวยปล้ำทุกคน แต่ชั้นจะสู้เพื่อแฟนๆ ทุกคน แฟนๆ ที่เบื่อหน่ายแกที่ทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ ทุกค่ำคืน ซีนาออกมาตอบโต้ และบอกว่าเขาไม่ชอบ ดเวย์น จอห์นสัน จะจัดการกับมันในเรสเซิลเมเนีย ก่อนจะเดินจากไป เดอะ ร็อก ก็บอกว่าถึงแกจะปากเสียแล้วรีบเดินหนีไป แต่ว่าความจริงแล้ว เดอะ ร็อก กับ ดเวย์น จอห์นสัน มันก็คนเดียวกัน และมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะว่าในเรสเซิลเมเนีย ชั้นจะเตะก้นแก If You Smell What the Rock is Cooking?[20] ต่อมาในรอว์ 12 มีนาคม ซีนาออกมาในมาดของ Dr.Thugonomic ใส่หมวกกลับหัว, โซ่ห้อยคอ, เสื้อบาสเก็ตบอล และใช้เพลงเปิดตัวแบบเก่าของตัวเองด้วย ซีนาเริ่มพูดด้วยสำเนียงเด็กแร็ปด่าใส่ร็อกว่าเป็นพวกทรยศเหมือนกับ ลีบอร์น เจมส์ (นักบาสเก็ตบอลที่ย้ายหนีไปจากคลีฟแลนด์) สัปดาห์ก่อน เดอะร็อก หรือไอ้ ดเวย์น จอห์นสัน มันโกรธว่ะ มันบอกให้ชั้นหุบปาก แต่หลังจากวันที่ 1 เมษายน มันจะต้องไปศัลยกรรมใบหน้าเหมือนกับที่มันเคยทำศัลยกรรมนมมาแล้ว Team Bring It เหรอ พวกมันไม่น่ากลัวหรอก เพราะร็อกมันเป็น Tooth Fairy ชั้นจะกระทืบแกในเรสเซิลเมเนีย และเอาถั่วยัดใส่หน้าแก คืนเดียวกัน ร็อกออกมาพร้อมกับกีตาร์โปร่งเพื่อจัด Rock Concert ทักทายแฟนๆ ชาวคลีฟแลนด์ แล้วร็อกก็เริ่มเล่นกีตาร์และร้องเพลงที่แต่งเอง เป็นเพลงด่าซีนา หลังร้องเสร็จแล้ว ร็อกก็ประกาศจะกระทืบซีนาในเรสเซิลเมเนีย ต่อด้วยเปิดเพลง We Will Rock You ฉบับดัดแปลงด่าซีนามาร้องกับแฟนๆในสนามเป็นการปิดรายการ[21] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28 ร็อก เอาชนะซีนาไปได้ในแมตช์ที่ขวัญใจทั้ง 2 ยุคมาเจอกัน[22] ในรอว์ 2 เมษายน คืนหลังจบเรสเซิลเมเนีย ร็อกได้มาพูดถึงชัยชนะของเขา และยังขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่เชียร์เขา หลังจากนั้นก็บอกว่าเขาอยากจะเป็นแชมป์ WWE ซักวันหนึ่ง[23]

ในรอว์ ตอนที่ 1000 (23 กรกฎาคม 2012) ร็อกได้ออกมาแจก Rock Bottom ใส่แดเนียล ไบรอัน และยังประกาศด้วยว่าเขาจะท้าชิงแชมป์ WWE ในรอยัลรัมเบิล (2013) คืนเดียวกันซีเอ็ม พังก์มีคิวป้องกันแชมป์ WWE กับจอห์น ซีนา ผลปรากฏว่าบิ๊กโชว์มาก่อกวน ทำให้กรรมการปรับซีนาชนะฟาวล์ หลังแมตช์บิ๊กโชว์กระทืบซีนาไม่ยั้ง แต่พังก์ก็ยืนดูเฉยๆ ไม่ยอมช่วย ร็อกออกมาช่วยซีนาและจะใช้ People's Elbow ใส่บิ๊กโชว์ แต่พังก์ขึ้นมาโคลทส์ไลน์ใส่ร็อกและจับใส่ GTS แล้วก็เดินจากไปท่ามกลางเสียงโห่ของคนดู[24] หลังจบรอว์ก็มีเหตุการณ์แถมท้าย บิ๊กโชว์ลุกขึ้นมาอัดซีนาอีกรอบ และร็อกก็ Rock Bottom ใส่บิ๊กโชว์ ก่อนที่ซีนาจะซ้ำด้วย Attitude Adjustment หลังจากนั้นซีนาก็ถอดปลอกแขนมาให้ร็อก แต่ร็อกบอกว่านายคงจะเอาที่คาดหัวมาใส่เป็นปลอกแขนแน่นอน เพราะคงไม่มีใครแขนใหญ่ขนาดนี้ ซีนาและคนดูก็หัวเราะกันสนุกสนาน จากนั้นร็อกก็ใช้ People's Elbow ใส่บิ๊กโชว์ แล้วร็อกกับซีนาได้จับมือกันก่อนที่ซีนาเดินกลับไป

ในรอว์ 7 มกราคม 2013 ซีเอ็ม พังก์ออกมาโม้ ก่อนที่ร็อกจะตามออกมาขัดจังหวะ ร็อกบอกว่าแกเป็นแชมป์มา 414 วันเหรอ เอาเวลาไปจำตัวเลขอื่นดีกว่าคือ 20 คือในอีก 20 วันเวลาของแกก็จะหมดลงแล้วในรอยัลรัมเบิล แกทำเป็นมาสัญญากับแฟนๆ อย่างงั้นอย่างงี้แต่ไม่เคยทำได้สักอย่าง รวมทั้งไอศครีมบาร์ด้วย มีแต่ไอศครีมในรูตูดแกน่ะสิ แกอ้างว่าเป็น Voice of the Voiceless แต่ความเป็นจริงคือแฟนๆ ทุกคนมีเสียงที่จะตะโกนได้ทุกอย่างที่ต้องการอยู่แล้ว แต่พวกเขาจะไม่ตะโกนคำว่า Respect หรือ Best in the World แต่ต่อไปนี้พวกเขาจะตะโกนคำว่า Cookie Puss ใส่แกแทน ร็อกยังล้อเลียนพังก์ว่าเป็น Straight Edge ของปลอม เพราะหน้าตาเหมือนคนจรจัดขี้ยามากกว่า ร็อกบอกว่าแกเป็นแชมป์ WWE แต่ก็กลายเป็นคนงี่เง่าที่สุดของโลกด้วยเช่นกัน และแกไม่มีทางที่จะหยุดเดอะร็อกจากการเป็นแชมป์ได้ ร็อกบอกว่าคราวก่อนแกมา GTS ใส่ร็อก และร็อกจะเอาคืนในอีก 20 วันข้างหน้าในรอยัลรัมเบิล ร็อกบอกว่าจะเพิ่มรอยสักรูปเท้าให้แก จะได้เป็นเครื่องเตือนใจว่าแกโดนเท้าประทับเข้าไปหนักขนาดไหน ว่าแล้วก็จับใส่ Rock Bottom ปิดท้ายรายการ[25] ในสแมคดาวน์ 11 มกราคม ร็อกได้กลับมาที่สแมคดาวน์ครั้งแรกในรอบ 10 ปี แต่แดเมียน แซนดาวและโคดี โรดส์ออกมาก่อกวน ร็อกก็จัดการ Rock Bottom ใส่แซนดาว และ People's Elbow ใส่โคดี[26] ในรอว์ 14 มกราคม ร็อกออกมาจัดคอนเสิร์ตด่าวิกกี เกร์เรโร พังก์ออกมาหาเรื่อง และจะวิ่งมาอัดร็อก ก็เลยตีกันมั่วไปหมด กรรมการต้องออกมาช่วยห้ามหลายคน[27]
ในรอว์ 21 มกราคม ร็อกได้ออกมาไล่พอล เฮย์แมนให้ลงไปจากเวทีและท้าทายพังก์ ให้มาพบเขาแบบตัวต่อตัวอย่างลูกผู้ชาย แต่ว่าพังก์ไม่ไปตามคำท้า เขากลับนั่งดูร็อกอยู่ห่างๆ บนที่นั่งชั้นเฟิร์สทคาสส์ ไม่ทันที่ร็อกกำลังจะกลับ ไฟในสนานก็ดับสนิท เมื่อไฟกลับมาแล้ว แต่ก็โดนเดอะชีลด์ (ดีน แอมโบรส, เซท โรลลินส์ และ โรแมน เรนส์) รุมกระทืบและก็โดน Triple Powerbomb ทำให้ร็อกถึงกับปากแตก แล้วพังก์ก็บอกว่าการเป็นแชมป์มหาชนนั้นไม่เพียงพอที่จะเอาชนะนักมวยปล้ำที่ดีที่สุดในโลกได้ จากนั้นวินซ์ แม็กแมนได้มาบอกกับพังก์ว่าถ้าเดอะชีลด์มาก่อกวนร็อกในการชิงแชมป์ WWE เขาจะปลดแชมป์จากพังก์ทันที[28] ในรอยัลรัมเบิล แมตช์ชิงแชมป์ WWE ช่วงท้ายแมตช์ ร็อกกำลังได้เปรียบอยู่ดีๆ ไฟในสนามก็ดับ และกลุ่มเดอะชีลด์ก็ออกมาโจมตีร็อก แล้วจับพาวเวอร์บอมบ์ใส่โต๊ะผู้บรรยาย ไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง พังก์ลากร็อกขึ้นเวทีมากดนับ 3 ชนะ พังก์กำลังฉลองอยู่ วินซ์ก็ออกมาและบอกว่าเคยบอกเอาไว้แล้วว่าถ้าเดอะชีลด์มาก่อกวนจะสั่งปลดแชมป์ทันที วินซ์กำลังจะสั่งปลดแชมป์ แต่ร็อกห้ามเอาไว้ และบอกว่าขอให้เริ่มปล้ำกันใหม่อีกครั้งดีกว่า คราวนี้ร็อกเป็นฝ่ายใช้ท่า People's Elbow และกดนับ 3 คว้าแชมป์ WWE สมัยที่ 8 ไปครอง เป็นการคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในรอบ 10 ปีได้สำเร็จ ซึ่งในคืนเดียวกันซีนาก็ได้เป็นผู้ชนะรอยัลรัมเบิล[29] ในรอว์ 28 มกราคม ร็อกออกมาประกาศว่าต่อไปนี้จะไม่มีไอ้คนจรจัดรอยสักเต็มตัว พังก์ออกมาโม้เกี่ยวกับการเป็นแชมป์อีกต่อไปแล้ว แล้วก็ไม่ต้องมาทนรำคาญกับผู้จัดการหัวล้านของมันด้วย พังก์ออกมาประกาศใช้สิทธิ์รีแมตช์ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2013) ในรอว์ 11 กุมภาพันธ์ ร็อกออกมาพูดกับแฟนๆ แต่โดนพังก์ขัดจังหวะ พังก์ขึ้นเวทีไปแลกหมัดกับร็อก และเป็นร็อกที่จับ Spinebuster ได้ ร็อกจะปิดฉากด้วย People's Elbow แต่โดนเฮย์แมนดึงขาจนหน้าทิ่มพื้นซะก่อน พังก์จัดการ GTS ใส่ร็อก และพังก์ก็เอาเข็มขัดแชมป์ของร็อก เดินกลับบ้านไปเลย บอกว่าเขาสมควรเป็นแชมป์มากกว่า ในสแมคดาวน์ 15 กุมภาพันธ์ ร็อกออกมาพูดถึงการที่พังก์ขโมยเข็มขัดแชมป์ของเขาไป และในแชมเบอร์ เขาจะกระทืบพังก์จนไม่กล้าแตะต้องเข็มขัดนั้นอีกตลอดกาล พังก์โผล่มาทางจอยักษ์พร้อมกับเข็มขัดแชมป์เพื่อล้อเลียนร็อก และบอกให้ร็อกโกรธมากๆเลย จะได้ถูกจับแพ้ฟาวล์ในแมตช์ชิงแชมป์ ซึ่งถ้าร็อกถูกจับแพ้ฟาวล์ จะเสียแชมป์ทันที ในแชมเบอร์ ร็อกก็สามารถเอาชนะพังก์ได้เป็นครั้งที่ 2 ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้สำเร็จ[30]

ในรอว์ 18 กุมภาพันธ์ ร็อกออกมาพูดถึงเข็มขัดแชมป์ WWE เส้นปัจจุบัน บอกว่าแชมป์ WWE มันไม่ควรจะดูเหมือนของเล่นแบบนี้ และที่สำคัญมันไม่ควรจะหมุนได้ด้วย ร็อกสั่งให้เด็กยกของเอาเข็มขัดเส้นนี้ไปเก็บเข้ากรุ จากนั้นก็เปิดตัวเข็มขัดเส้นใหม่ ซีนาออกมายืนจ้องหน้าร็อกท่ามกลางเสียงโห่ของคนดู จากนั้นพังก์เอาเข็มขัดเส้นเก่ามาฟาดใส่กลางหลังซีนาจนล้มกลิ้ง จากนั้นก็โยนเข็มขัดเก่าทิ้งไว้ข้างๆตัวซีนา ก่อนจะยืนชี้หน้าร็อกแล้วเดินกลับไป[31] ในรอว์ 25 กุมภาพันธ์ ได้มีแมตช์ระหว่างซีนากับพังก์ เพื่อหาผู้ท้าชิงอันดับ 1 ชิงแชมป์ WWE กับร็อกในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 สุดท้ายซีนาก็เป็นฝ่ายชนะได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ชิงแชมป์ WWE ในรอว์ 25 มีนาคม มีการจัดดีเบตระหว่างร็อกกับซีนา แต่ซีนาเถียงสู้ร็อกไม่ได้เลยทำเป็นฮัดฮัดถอดเสื้อแล้วเดินเข้าไปหาร็อก ซีนาทำท่า You Can't See Me ใส่ร็อก เลยโดนร็อกผลักซะ ซีนาจับร็อกแบกจะใช้ Attitude Adjustment แต่ร็อกดิ้นหลุดแล้วจับ Rock Bottom ในรอว์ 1 เมษายน ร็อกออกมาประกาศว่าซีนาคิดจะแก้มือจากปีที่แล้ว คิดจะเอาเข็มขัดเส้นนี้ แต่จะบอกให้ว่าเวลานั้นของแกน่ะมันไม่มีวันมาถึงหรอก If you smell..... what the rock is cooking!? ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 ร็อกแพ้ให้กับซีนาเสียแชมป์ WWE หลังแมตช์ร็อกก็จับมือแสดงความยินดีกับซีนา[32] โดยในระหว่างการปล้ำนั้นร็อกได้มีอาการไส้เลื่อนจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และการผ่าตัดของร็อกก็เป็นไปด้วยดี โดยร็อกเผยว่าแพทย์ได้ผ่าตัดซ่อมแซมให้เขาเรียบร้อยแล้ว[33] ร็อกได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่าแมตช์กับซีนาในเรสเซิลเมเนีย 29 อาจจะเป็นแมตช์สุดท้ายของเขาแล้ว[34]

ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30 ร็อกได้ปรากฏตัวและบอกว่าในที่สุดเขาก็ได้กลับมาเยือนนิวออร์ลีนส์อีกครั้ง และก็กลับมาที่ซูเปอร์โดมด้วย ร็อกบอกว่า สโตน โคลด์ กับฮัลค์ โฮแกน เป็นสองตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน WWE และเขาก็เคยเจอกับทั้งคู่มาแล้วในเรสเซิลเมเนีย ตอนนี้เรามารวมกันเกือบครบแล้ว ขาดแต่พระเอกยุคปัจจุบันซึ่งมันคงไม่กล้าออกมาหรอกนอกจากโฮแกนจะเชิญมันออกมา จากนั้นทั้ง 3 พระเอกก็พูดประโยคฮิตของตัวเอง โดยร็อกบอกว่า If you smell what the rock is cooking!?, สโตน โคลด์ บอก and that's the bottom line cause Stone Cold said so! และโฮแกน ปิดท้ายว่า Watcha gonna do brothers when Hulk Hogan, Stone Cold Steve Austin, The Rock, and Superdome run wild on you!? สโตน โคลด์เอาเบียร์มาเลี้ยงทุกคนและก็แยกย้ายกันกลับ[35]
ในรอว์ 6 ตุลาคม 2014 รูเซฟกับลานาออกมาที่เวทีแล้วก็ด่าอเมริกาด่าบิ๊กโชว์ ก่อนที่รูเซฟจะท้าให้บิ๊กโชว์ออกมาเจอกันเดี๋ยวนี้เลย บิ๊กโชว์ไม่ออกมาแต่เป็นร็อกที่ออกมาแทน ร็อกมาด่ารูเซฟฉอดๆๆว่าที่คนเขาโห่พวกแกน่ะไม่ใช่เพราะพวกแกชอบรัสเซีย แต่เขาโห่เพราะพวกแกมันเป็นคนงี่เง่าระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ร็อกต่อยรูเซฟรัวจนตกเวทีไป และรูเซฟกับลานาก็ต้องถอยกลับหลังฉากไปก่อน ในสแมคดาวน์ 10 ตุลาคม ร็อกมาทักทายทริปเปิลเอชและสเตฟานี แม็กแมน ตอนแรกก็คุยกันดีๆ แต่แป๊บเดียวก็ทะเลาะกันเพราะร็อกบอกว่าถ้าเจอกันอีกครั้งในเรสเซิลเมเนียล่ะก็แกโดนเตะก้นแน่ ทริปเปิลเอชก็บอกว่าเคยเจอกันมาแล้วนี่ในเรสเซิลเมเนียและแกก็แพ้ด้วย ทริปเปิลเอชบอกให้เลือกเลยว่าอยากเจอกันเมื่อไหร่ เรสเซิลเมเนียไหน สนามไหน แต่สเตฟานีก็มาห้ามไว้แล้วก็ชวนทั้งสองคนไปหาอะไรกินกันดีกว่า

ในรอยัลรัมเบิล (2015) ร็อกได้วิ่งออกมาช่วยโรแมน เรนส์ไล่อัดบิ๊กโชว์กับเคน เรนส์ลุกมา Superman Punch ใส่โชว์แต่คนดูโห่ ร็อกจัดการ Rock Bottom ใส่โชว์ หลังแมตช์ร็อกขึ้นไปชูมือให้เรนส์ แต่คนดูโห่กระจาย จากนั้นทริปเปิลเอชกับสเตฟานีก็ออกมาทำหน้าไม่พอใจที่เรนส์ชนะร็อกชูมือเรนส์อีกครั้ง คนดูก็โห่เหมือนเดิม ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31 ทริปเปิลเอชกับสเตฟานี แม็กแมน ออกมาที่เวทีเพื่อแหย่คนดูเล่น แต่ร็อกออกมาขัดจังหวะ ทำให้สเตฟานีจัดการตบหน้าร็อก และก็ท้าให้ร็อกต่อยผู้หญิงเลย ถ้าไม่กล้าก็เดินกลับไปซะ ร็อกไปพา Ronda Rousey ที่นั่งดูอยู่ข้างเวทีขึ้นไปหาสเตฟานี และก็จัดการต่อยทริปเปิลเอชร่วงไป แถม รอนดายังจับทริปเปิลเอชทุ่มอีก สเตฟานีเข้าไปเอาเรื่อง รอนดาเลยโดนจับบิดแขนร้องลั่น ก่อนจะหนีลงเวทีไป

ในรอว์ (25 มกราคม 2016) ร็อกได้ออกมาที่เวทีเพื่อทักทายแฟนๆ ชาวไมอามี่ แต่พวกเดอะนิวเดย์ออกมาหาเรื่อง ดิอูโซส์เลยออกมาช่วยและก็จับบิ๊กอีไปให้ใส่ Rock Bottom โคฟีก็โดนอูโซส์จับ Samoan Drop ไป และสุดท้ายเซเวียร์พยายามขอโทษและจะวิ่งหนี แต่โดนอูโซส์ถีบหน้าเข้าไป แล้วร็อกก็ซ้ำด้วย People's Elbow
ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 32 ร็อกออกมาทักทายแฟนๆ ในสนามและพูดเรื่องสถิติผู้ชมเรสเซิลเมเนียปีนี้ที่ทำสถิติใหม่มีคนดูกว่า 101,000 คน เดอะไวแอ็ตต์แฟมิลีออกมาก่อกวน และเบรย์ ไวแอ็ตต์ก็พูดจาไม่รู้เรื่อง ทำให้โดนร็อกด่าเช็ดเรียงตัว แล้วก็ท้าให้ใครก็ได้คนนึงมาเจอกันตัวต่อตัวเดี๋ยวนี้เลย เบรย์ให้อีริก โรแวนมาเจอกับร็อก แมตช์เริ่มปุ๊บ ร็อกก็จัดการ Rock Bottom ทันที ทำให้ชนะไปด้วยสถิติใหม่ของเรสเซิลเมเนีย คือ 6 วินาที หลังแมตช์พวกไวแอ็ตต์จะรุมร็อกแต่ซีนาออกมาช่วย ทั้งสองคนก็ช่วยกันปราบกลุ่มไวแอ็ตต์ ก่อนที่จะกอดกันเล็กน้อย
วันที่ 3 สิงหาคม 2019 ร็อกได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาได้รีไทร์จากวงการมวยปล้ำแล้ว[36] ใน SmackDown ตอนแรกที่ฉายทางช่อง FOX (4 ตุลาคม 2019) ร็อกได้ปรากฏตัวในรอบเกือบ 4 ปีโดยร่วมมือกับเบกกี ลินช์จัดการกับคิง คอร์บินก่อนจะฉลองกันบนเวที[37][38]

วันที่ 15 กันยายน 2023 ใน SmackDown ร็อกได้เซอร์ไพรส์ปรากฎตัวโดยกระทืบออสติน เธียรีเป็นการปรากฎตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019[39]
วันที่ 1 มกราคม 2024 ในศึกรอว์เดย์วัน เดอะร็อกได้เซอร์ไพรส์ปรากฎตัวอีกครั้งโดยออกมากระทืบอดีตแชมป์ WWE อย่าง จินเดอร์ มาฮาล เป็นการปรากฎตัวในรอว์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016[40] ก่อนจะประกาศเปรยๆ ท้าญาติของเขาที่เป็นเจ้าของแชมป์อันดิสพิวเต็ดยูนิเวอร์แซล WWE อย่าง โรแมน เรนส์[41][42] วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2024 ร็อกปรากฎตัวที่ SmackDown ซึ่งเขาเผชิญหน้ากับโรแมน เรนส์ วันต่อมาหน้า Twitter ของ WWE ประกาศว่าร็อกจะอยู่ที่งานแถลงข่าวเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 40 เพื่อเผชิญหน้ากับเรนส์อีกครั้ง[43] ในระหว่างงานสื่อเรสเซิลเมเนีย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เดอะร็อกเข้าข้างเรนส์และตบหน้าผู้ชนะรอยัลรัมเบิล โคดี โรดส์ หลังจากที่โคดีประกาศว่าเขาเลือกเรนส์ จึงทำให้ร็อกกลายเป็นอธรรมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2003 หลังเวทีขณะที่ทริปเปิลเอชกำลังถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ร็อกและเรนส์ก็ปรากฏตัวขึ้นและบอกให้เขาแก้ไขเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะทำเอง[44] ในสแมคดาวน์ 16 กุมภาพันธ์ ร็อกได้ออกมาในกิมมิคอธรรมอย่างฮอลลีวูดร็อกและประกาศเข้าร่วมกลุ่มเดอะบลัดไลน์อย่างเป็นทางการ[45] ในสแมคดาวน์ 1 มีนาคม ร็อกและเรนส์ได้ประกาศท้าโคดีและเซธ รอลลินส์เจอกันแบบแท็กทีมในคู่เอกเรสเซิลเมเนีย 40 คืนแรกโดยสัปดาห์ถัดมาฝั่งโคดีได้รับคำท้า ในเรสเซิลเมเนีย 40 ร็อกและเรนส์สามารถเอาชนะรอลลินส์และโคดีได้สำเร็จ[46] ทำให้แมตช์ชิงแชมป์ของเรนส์และโคดีคืนที่ 2 เป็นกติกาบลัดไลน์รูลส์ ในแมตช์คืนที่ 2 ร็อกได้ออกมาช่วยเรนส์เล่นงานโคดีก่อนจะโดนดิอันเดอร์เทเกอร์จับใส่โชคสแลม ทำให้โคดีกระชากแชมป์จากเรนส์ได้[47] คืนถัดมาในรอว์หลังเรสเซิลเมเนีย ร็อกขัดจังหวะการฉลองแชมป์ของโคดีโดยบอกว่าแม้ว่าเขาจะต้องหายไปสักระยะ แต่เมื่อเขากลับมา เขาจะท้าสู้กับโคดี[48]
หกเดือนต่อมา ในแมตช์คู่เอกของ Bad Blood วันที่ 5 ตุลาคม Cody Rhodes และ Roman Reigns จับคู่กันเพื่อต่อสู้กับสมาชิกของกลุ่ม The Bloodline คือ Solo Sikoa และ Jacob Fatu ซึ่ง Reigns เคยถูกขับออกจากกลุ่มมาก่อน ทั้งคู่สามารถเอาชนะ Sikoa และ Fatu ได้ด้วยความช่วยเหลือจาก Jimmy Uso ที่กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง หลังจบแมตช์ The Rock ได้กลับมาและยืนอยู่บนทางเดินเข้าสังเวียน เขานับนิ้วเงียบๆ ถึงสาม ก่อนทำท่าปาดคอใส่ Reigns, Rhodes, และ Uso แล้วเดินจากไป[49] เดอะร็อกกลับมาอีกครั้งในการฉายรอบปฐมทัศน์ของรอว์ทาง Netflix วันที่ 6 มกราคม 2025 โดยขอบคุณโคดีสำหรับการทำงานทั้งหมดของเขาในฐานะตัวแทนของบริษัทและกอดเขา ต่อมาในคืนนั้น เดอะร็อกออกมาแสดงความยินดีกับโรมัน เรนส์หลังจากที่เขาเอาชนะโซโล ซิโกอาเพื่อทวงตำแหน่งอูลา ฟาลาและตำแหน่งหัวหน้าเผ่าคืนมา[50] คืนต่อมาใน New Year’s Evil เดอะร็อกได้ปรากฏตัวในแบรนด์ NXT เป็นครั้งแรก[51][52] เขาได้ขอคำแนะนำจากลูกสาวของเขา Ava ซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของ NXT และได้พูดคุยกับ Ethan Page ในโปรโมที่ปิดท้ายรายการทีวี เดอะร็อกได้กล่าวตอบโต้เสียงวิจารณ์ต่อการกระทำของเขาในคืนก่อนหน้านั้นที่รายการรอว์[53][54] ในตอนของ SmackDown วันที่ 21 กุมภาพันธ์ เดอะร็อกได้ปรากฏตัวเพื่อประกาศว่า WrestleMania 42 จะจัดขึ้นที่เมือง นิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ SmackDown บันทึกเทปอยู่ในขณะนั้น เดอะร็อกยังได้เรียกโคดี โรดส์ออกมา พร้อมเสนอว่าจะช่วยยกระดับให้โคดีกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ แลกกับความภักดีของเขา และพูดเป็นนัยลึกลับว่า “เขาต้องการวิญญาณของโคดี”[55] วันที่ 1 มีนาคม ในรายการ Elimination Chamber: Toronto โคดีได้ปฏิเสธข้อเสนอ ซึ่งเดอะร็อกตอบโต้ด้วยการส่งสัญญาณให้จอห์น ซีนา ผู้ชนะจากแมตช์ Elimination Chamber เข้ามาทำร้ายโคดีจนเขาถูกอัดยับและเลือดอาบ[56]
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]ในปี 2009 จอห์นสันได้รับสัญชาติแคนาดาโดยสืบเนื่องจากการเกิดและสัญชาติของบิดา[57] ในปี 2017 เขาได้ปกปิดรอยสักรูป “หัววัวบราห์ม่า” ขนาดเล็กที่แขนขวาด้วยรอยสักใหม่ขนาดใหญ่กว่าซึ่งเป็นรอยสักครึ่งแขนรูปหัววัวกะโหลก[58]
จอห์นสันเป็นผู้สนับสนุนทีมรักบี้ลีกทีมชาติโซมา และได้ประกาศสนับสนุนทีมต่อสาธารณะในศึก Rugby League World Cup ปี 2021 เมื่อทีมสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรก[59][60]
จอห์นสันเคยประสบภาวะซึมเศร้าหลายครั้ง ตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เขาได้พูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความสำคัญของการขอความช่วยเหลือและการเปิดใจเรื่องสุขภาพจิต รวมถึงเป็นกระบอกเสียงรณรงค์ให้มีการตระหนักรู้และสนับสนุนด้านนี้มากขึ้น[61]
ความสัมพันธ์
[แก้]จอห์นสันพบกับ แดนนี่ การ์เซีย (Dany Garcia) ครั้งแรกขณะทั้งคู่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยไมอามีในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1997 การ์เซียเป็นนักธุรกิจ นักเพาะกายอาชีพในสหพันธ์ International Fitness and Bodybuilding Federation (IFBB) และเป็นโปรดิวเซอร์[62] พวกเขามีลูกด้วยกันหนึ่งคน คือ ไซมอน (Simone) ลูกสาว เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2001 ที่เมืองเดวี รัฐฟลอริดา[62][63]
ในปี 2003 จอห์นสันได้สักรอยสักบางส่วนของลวดลาย Peʻa แบบซามัว บริเวณด้านซ้ายของลำตัว[64] ต่อมาในเดือนสิงหาคม ปี 2004 เพื่อเป็นเกียรติในฐานะผู้ให้การสนับสนุนชาวซามัว และในฐานะผู้สืบเชื้อสายจากหัวหน้าตระกูลซามัว จอห์นสันได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ขุนนาง “เซอิอูลี (Seiuli)” ซึ่งหมายถึง “บุตรแห่งมาลิเอตัว (Alo o Malietoa)” จาก มาลิเอตัว ทานูมาฟิลี ที่ 2 (Malietoa Tanumafili II) ระหว่างการเยือนซามัว[65]
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2007 จอห์นสันและการ์เซียประกาศแยกทางกันโดยสมัครใจ[62] และหย่าขาดกันในเดือนพฤษภาคม 2008[66]
ในปี 2007 จอห์นสันเริ่มออกเดตกับ ลอเรน แฮเชียน (Lauren Hashian) บุตรสาวของ ซิบ แฮเชียน (Sib Hashian) มือกลองวงร็อกชื่อดัง Boston[67] ทั้งคู่พบกันในปี 2006 ระหว่างที่จอห์นสันถ่ายทำภาพยนตร์ The Game Plan[68] ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2019 ที่ฮาวาย[69][70][71] พวกเขามีลูกสาวสองคนชื่อ แจสมิน (Jasmine) และ เทียนา (Tiana)[72][73][74] ปัจจุบันครอบครัวอาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิส พร้อมทั้งมีฟาร์มในรัฐเวอร์จิเนีย[75] และบ้านอีกหลังที่ Southwest Ranches รัฐฟลอริดา[76][77] แจสมินและเทียนาได้ร่วมพากย์เสียงในภาพยนตร์เรื่อง Moana 2 ของจอห์นสันในปี 2024 ด้วย[78]
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 WWE ประกาศว่า ลูกสาวของจอห์นสัน ไซมอน ได้เริ่มฝึกที่ศูนย์ฝึก WWE Performance Center[79] ทำให้เธอกลายเป็นนักมวยปล้ำรุ่นที่สี่คนแรกในประวัติศาสตร์ WWE[80] เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม จอห์นสันประกาศว่าเธอได้เซ็นสัญญาเป็นนักมวยปล้ำกับ WWE[81] และในเดือนพฤษภาคม 2022 เธอเปิดเผยชื่อในวงการมวยปล้ำว่า “เอวา เรน (Ava Raine)” ปัจจุบันเธอได้ขึ้นปล้ำในรายการ NXT [82]
ผลงานแชมป์และรางวัลความสำเร็จต่างๆ
[แก้]- Pro Wrestling Illustrated
- Match of the Year (1999) vs. Mankind in an "I Quit" match at Royal Rumble[83][84]
- Match of the Year (2002) vs. Hollywood Hulk Hogan at WrestleMania X8[83][84]
- Most Popular Wrestler of the Year (1999, 2000)[83]
- Wrestler of the Year (2000)[83]
- Ranked No. 2 of the top 500 singles wrestlers in the PWI 500 in 2000[85]
- Sports Illustrated
- Ranked No. 3 of the 20 Greatest WWE Wrestlers Of All Time [86]
- United States Wrestling Association
- Wrestling Observer Newsletter
- Best Box Office Draw (2000, 2011, 2012)[88][89][90]
- Best Gimmick (1999)[88]
- Best on Interviews (1999, 2000)[88]
- Most Charismatic (1999–2002, 2011, 2012, 2024)[88][89][90][91]
- Most Improved (1998)[88]
- Wrestling Observer Newsletter Hall of Fame (Class of 2007)[92]
- WWE/World Wrestling Entertainment/Federation
- WWE Championship[a] (8 times)[93][94]
- WCW Championship[b] (2 times)[95][96]
- WWF Intercontinental Championship (2 times)[97]
- WWF Tag Team Championship (5 times) – with Mankind (3), The Undertaker (1), and Chris Jericho (1)[98]
- Royal Rumble (2000)[2]
- Sixth Triple Crown Champion[99]
- Deadly Games WWF Championship Tournament (1998)[100]
- Slammy Award (10 times)
- Best Actor (2014)[101]
- Game Changer of the Year (2011) – with John Cena[102]
- Guess Who's Back or: Return of the Year (2011)[103]
- LOL! Moment of the Year (2012, 2013) – insulting John Cena using the history of Boston, Massachusetts, Rock Concert on the 20th anniversary episode of Raw[104][105]
- Match of the Year (2013) – vs. John Cena for the WWE Championship at WrestleMania 29[105]
- New Sensation (1997)[106]
- "Tell Me You Didn't Just Say That" Insult of the Year (2014) – insulting Rusev and Lana[101]
- "This is Awesome" Moment of the Year (2015) – with Ronda Rousey[107]
- Trash Talker of the Year (2024)
รางวัลและเกียรตินิยมต่างๆ
[แก้]สถิติมวยปล้ำ
[แก้]
- ได้แชมป์โลกทั้งหมด 10 สมัย
- แชมป์ WWE 8 สมัย
- แชมป์โลก WCW 2 สมัย
- เจอกับสโตน โคลด์ สตีฟ ออสติน คู่ปรับตลอดกาล ในเรสเซิลเมเนียทั้งหมด 3 ครั้ง โดยร็อกชนะแค่ครั้งเดียวคือเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 19
- จับคู่กับแมนไคนด์ในนามร็อคแอนด์ซ็อคคอนเนคชั่นและทั้งคู่ได้แชมป์โลกแท็กทีม 3 สมัย
- เป็นผู้ที่ทำให้WWEเอาชนะทีมดิแอลไลแอนซ์ ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2001) และทำให้ทีมWWEไม่ต้องออกจากวงการมวยปล้ำ[131]
- ทีมWWE นำโดย เดอะ ร็อก, คริส เจอริโค, ดิอันเดอร์เทเกอร์, เคน และ บิ๊กโชว์
- ทีมดิแอลไลแอนซ์ นำโดย สโตน โคลด์, เคิร์ต แองเกิล, ร็อบ แวน แดม, บูเกอร์ ที และ เชน แม็กแมน
- ปล้ำไอควิต แมทช์มาแล้ว 2 ครั้ง และยังไม่เคยแพ้ใคร
- ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ทำให้ WWE มีทุกวันนี้ ร่วมกับ ฮัลค์ โฮแกน, เบรต ฮาร์ต, สตีฟ ออสติน, ดิอันเดอร์เทเกอร์, ทริปเปิลเอช และชอว์น ไมเคิลส์
ผลงานการแสดง
[แก้]ภาพยนตร์
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- 1 2 3 Milner, John. "The Rock". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-18. สืบค้นเมื่อ April 13, 2008.
- 1 2 3 4 "Dwayne "The Rock" Johnson". WWE. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 11, 2016. สืบค้นเมื่อ March 9, 2012.
- 1 2 "The Rock". Cagematch. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 26, 2024. สืบค้นเมื่อ January 26, 2024.
- 1 2 Dworkis, Michael. "Dr. Tom Prichard: The Doctor of Talent". MichaelDworkis.com. สืบค้นเมื่อ September 25, 2012.
- ↑ "The Rock Profile". Online World of Wrestling. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-04. สืบค้นเมื่อ April 13, 2008.
- ↑ "Dwayne "The Rock" Johnson Biography". Notable Biographies. สืบค้นเมื่อ April 13, 2008.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Dwayne Johnson Biography (1972–)". Film Reference. สืบค้นเมื่อ April 13, 2008.
- ↑ Justin Bank. "The Rock returns to WWE's 'Monday Night Raw,' with an assist from social media". The Washington Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-18. สืบค้นเมื่อ 2012-05-03.
- ↑ "More on The Rock's Return to RAW Tonight". RingSideNews. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-20. สืบค้นเมื่อ 2012-05-03.
- ↑ "The Rock Profile". Online World of Wrestling. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-04. สืบค้นเมื่อ March 20, 2008.
- ↑ Baines, Tim. "Sticking to the Gameplan". The Calgary Sun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-12. สืบค้นเมื่อ September 27, 2007.
- ↑ Beamish, Mike. "CFL taken aback by Dwayne (The Rock) Johnson's takedown". Vancouver Sun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2013-11-23.
- ↑ Courtesy of University of Miami. "The Rock - 1993 - Rare Pics of Dwayne "The Rock" Johnson - Photos". Sports Illustrated. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-02-26. สืบค้นเมื่อ 2013-11-23.
- ↑ "WrestleMania XX official results". WWE. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-23. สืบค้นเมื่อ March 21, 2008.
- ↑ "John Cena's Fruity Pebbles, Cookie Puss and Other Unflattering WWE Nicknames".
- ↑ Bishop, Matt (February 15, 2011). "Raw: Finally, The Rock has returned to WWE". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ February 15, 2011.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Bishop, Matt (April 3, 2011). "The Rock costs Cena retained the championship at WrestleMania XXVII". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-19. สืบค้นเมื่อ April 4, 2011.
- ↑ Caldwell, James (April 4, 2011). "Caldwell's WWE Raw results 4/4: Ongoing "virtual time" coverage of live Raw – The Rock & Austin live, fall-out from WrestleMania 27, Sin Cara debut". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ April 8, 2011.
- ↑ Martin, Adam. "WWE Survivor Series: The Rock and John Cena vs. The Miz and R-Truth". Wrestleview. สืบค้นเมื่อ 14 April 2012.
- ↑ Caldwell, James. "Caldwell's WWE Raw Results 2/27: Ongoing "virtual-time" coverage of live Raw - The Rock returns to Raw, WM28 hype". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 14 April 2012.
- ↑ Caldwell, James. "Caldwell's WWE Raw Results 3/12: Complete "virtual-time" coverage of live Raw - Rock Concert vs. Cena Rap, Taker returns". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 14 April 2012.
- ↑ Caldwell, James. "Caldwell's WWE WrestleMania 28 PPV Report 4/1: Ongoing "virtual time" coverage of live PPV - Rock-Cena, Taker-Hunter, Punk-Jericho". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 2 April 2012.
- ↑ Caldwell, James. "Caldwell's WWE Raw Results 4/2: Ongoing "virtual-time" coverage of live Raw - WM28 fall-out, how will Cena respond to Rock loss?, two big title matches". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 14 April 2012.
- ↑ Caldwell, James. "CALDWELL'S WWE RAW RESULTS 7/23: Complete "virtual-time" coverage of live Raw #999 - WWE recognizes 1,000 episodes, WWE Title match, Lesnar, Rock, DX, wedding". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 29 July 2012.
- ↑ Caldwell, James. "CALDWELL'S WWE RAW RESULTS 1/7: Complete "virtual-time" coverage of live Raw - WWE Title match, The Rock returns, Cena vs. Ziggler (updated w/Box Score)". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 13 January 2013.
- ↑ Caldwell, James. "CALDWELL'S WWE SMACKDOWN RESULTS 1/11: Complete "virtual-time" coverage of The Rock's big return, new World Champ crowned (updated w/Box Score)". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 13 January 2013.
- ↑ "PARKS'S WWE RAW REPORT 1/14: Complete "virtual time" coverage of the 20th Anniversary of Raw, including Rock Concert, Divas Title Match".
- ↑ "WWE videos". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-25. สืบค้นเมื่อ 2014-07-13.
- ↑ Caldwell, James. "CALDWELL'S WWE ROYAL RUMBLE PPV RESULTS 1/27: Complete "virtual-time" coverage of Punk vs. Rock, 30-man Rumble". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 18 February 2013.
- ↑ Caldwell, James. "WWE NEWS: Chamber PPV results & notes - WM29 main event set, World Title match set, Shield big win, more". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 18 February 2013.
- ↑ "Rock unveiled the new WWE Title". สืบค้นเมื่อ 18 February 2013.
- ↑ "CALDWELL'S WWE WRESTLEMANIA 29 PPV RESULTS: Complete "virtual-time" coverage of live PPV from MetLife Stadium - Rock-Cena II, Taker-Punk, Lesnar-Hunter, more".
- ↑ "WWE NEWS: New update on Rock's WrestleMania injury". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 3 August 2013.
- ↑ Landrum (Jr.), Jonathan. "The Rock says he's open to a return to wrestling". The Province. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-23. สืบค้นเมื่อ 3 August 2013.
- ↑ http://www.wwe.com/shows/wrestlemania/30/hulk-hogan-stone-cold-steve-austin-the-rock-26221918
- ↑ Ellis, Philip (August 3, 2019). "The Rock Just Announced His Official Retirement From Wrestling". Men's Health. สืบค้นเมื่อ September 1, 2019.
- ↑ Pedersen, Erik; Pedersen, Erik (September 30, 2019). "Dwayne "The Rock" Johnson Rolls Back To WWE For Fox's 'SmackDown!' Debut". Deadline Hollywood (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ October 2, 2019.
- ↑ Powell, Jason. "10/04 WWE Friday Night Smackdown results: Powell's review of The Rock's return, Kofi Kingston vs. Brock Lesnar for the WWE Championship, Kevin Owens vs. Shane McMahon in a career vs. career ladder match, Becky Lynch and Charlotte Flair vs. Sasha Banks and Bayley". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ October 4, 2019.
- ↑ Mahjouri, Shakiel (September 16, 2023). "The Rock surprises with return to WWE SmackDown in segments with John Cena, Pat McAfee". CBSSports.com. สืบค้นเมื่อ September 16, 2023.
- ↑ Powell, Jason (January 1, 2024). "WWE Raw results (1/1): Powell's live review of Day 1 with Seth Rollins vs. Drew McIntyre for the World Heavyweight Championship, Rhea Ripley vs. Ivy Nile for the Women's World Championship, Becky Lynch vs. Nia Jax". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ January 1, 2024.
- ↑ Thompson, Andrew (January 1, 2024). "Dwayne 'The Rock' Johnson appears on Day 1 WWE Raw, asks crowd if he should sit at the 'head of the table'". POST Wrestling. สืบค้นเมื่อ February 5, 2024.
- ↑ Boone, Matt (2024-01-02). "Dwayne "The Rock" Johnson Makes Surprise Return At WWE Raw: Day 1". Wrestling Headlines (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2024-01-02.
- ↑ Barrasso, Justin (2024-02-02). "The Rock Returning for WrestleMania". Sports Illustrated Wrestling News, Analysis and More (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-02-03. สืบค้นเมื่อ 2024-02-03.
- ↑ Powell, Jason (February 8, 2024). "WrestleMania XL Kickoff press conference live coverage: Cody Rhodes announces his decision, The Rock, Roman Reigns, Seth Rollins, Rhea Ripley, Bianca Belair, and Triple H appear". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ February 8, 2024.
- ↑ "FULL SEGMENT — Rock and Reigns lay the SmackDown on the WWE Universe: SmackDown, Feb. 16, 2024". WWE YouTube. February 16, 2024. สืบค้นเมื่อ February 16, 2024.
- ↑ "411MANIA". Slimmer’s WWE WrestleMania 40 Night One Review (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2024-04-07.
- ↑ Rathi, Ishaan (2024-04-08). "Cody Rhodes Wins Undisputed WWE Championship In Match Filled with Surprises at WrestleMania 40 Sunday". Ringside News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
- ↑ "FULL SEGMENT: Cody Rhodes and The Rock's story has just begun: Raw highlights April 8, 2024". WWE YouTube. April 8, 2024. สืบค้นเมื่อ April 8, 2024.
- ↑ Powell, Jason (October 5, 2024). "WWE Bad Blood results: Powell's review of Roman Reigns and Cody Rhodes vs. Solo Sikoa and Jacob Fatu, CM Punk vs. Drew McIntyre in a Hell in a Cell match". Pro Wrestling Dot Net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2024. สืบค้นเมื่อ October 5, 2024.
- ↑ Powell, Jason (January 6, 2025). "WWE Raw results (1/6): Powell's live review of the Netflix premiere with CM Punk vs. Seth Rollins, Solo Sikoa vs. Roman Reigns in a Tribal Combat match, The Rock, John Cena, Logan Paul". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ January 6, 2025.
- ↑ McPherson, Chris (2025-01-09). "Dwayne Johnson's Special Appearance on WWE NXT Earns Biggest Ratings in Five Years". Collider (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-01-10.
- ↑ Otterson, Joe (2025-01-08). "NXT's 'New Year's Evil' Draws Show's Biggest Viewership in Five Years". Variety (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-01-10.
- ↑ Mueller, Doc-Chris. "WWE NXT New Year's Evil 2025 Results: Winners, Live Grades, Reaction and Highlights". Bleacher Report (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-01-10.
- ↑ "The Rock Addresses Criticism Of His Raw On Netflix Promo During NXT Appearance". Wrestling On Fannation (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2025-01-08. สืบค้นเมื่อ 2025-01-10.
- ↑ "WWE SmackDown live results: The Rock returns". F4W/WON (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2025-02-22. สืบค้นเมื่อ 2025-02-22.
- ↑ Powell, Jason (March 1, 2025). "WWE Elimination Chamber results: Powell's live review of Cody Rhodes responding to The Rock's offer, two Elimination Chamber matches, Kevin Owens vs. Sami Zayn in an unsanctioned match". Pro Wrestling Dot Net. สืบค้นเมื่อ March 1, 2025.
- ↑ Gill, Meagan (June 13, 2017). "Proud of Canadian roots: Dwayne "The Rock" Johnson holds dual-citizenship". 604 now. สืบค้นเมื่อ July 12, 2019.
- ↑ "@therock on Instagram: "After approximately 30 hours of tattooing (4 sessions) with my good bud and iconic artist @nikkohurtado, the story of my skull is complete.…"". Instagram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2021. สืบค้นเมื่อ June 20, 2018.
- ↑ Proszenko, Adrian (November 18, 2022). "'Make history': The Rock urges Samoa to take World Cup fight to Kangaroos". The Sydney Morning Herald. สืบค้นเมื่อ November 5, 2023.
- ↑ "'This is a big deal': The Rock, NFL star QB deliver epic speeches to Samoa ahead of World Cup final". Fox Sports. November 19, 2022. สืบค้นเมื่อ November 5, 2023.
- ↑ Valdez, Jonah (May 15, 2023). "Dwayne Johnson opens up about his experience with depression". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ May 22, 2024.
- 1 2 3 Jordan, Julie (June 1, 2007). "Dwayne 'The Rock' Johnson & Wife Split Up". People. สืบค้นเมื่อ June 4, 2007.
- ↑ FitzPatrick, Hayley (August 14, 2019). "Dwayne Johnson's heartfelt post to his daughter on her 18th birthday will make you want to call your dad". ABC News. สืบค้นเมื่อ February 12, 2020.
- ↑ "Tahiti Tatou". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 10, 2004. สืบค้นเมื่อ December 7, 2007.
- ↑ "The Rock's Royal Homecoming". Pacific Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2007. สืบค้นเมื่อ May 13, 2008.
- ↑ Finn, Natalie (May 30, 2008). "The Rock's Divorce Solidifies". สืบค้นเมื่อ September 23, 2020.
- ↑ Hurtado, Alexandra (April 19, 2021). "Meet the Woman Who Got a Rock from Dwayne Johnson, Lauren Hashian". Parade: Entertainment, Recipes, Health, Life, Holidays. สืบค้นเมื่อ January 25, 2023.
- ↑ Brow, Jason (September 17, 2015). "Lauren Hashian: 5 Things To Know About The Rock's Pregnant Girlfriend". Hollywood Life. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 12, 2015. สืบค้นเมื่อ October 13, 2015.
- ↑
- "@therock on Instagram: "We do. August 18th, 2019. Hawaii. Pōmaikaʻi (blessed) @laurenhashianofficial @hhgarcia41"". Instagram. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2021.
- ↑ Jones, Rich (August 19, 2019). "Dwayne "The Rock" Johnson announces marriage to Lauren Hashian". Mirror. สืบค้นเมื่อ August 19, 2019.
- ↑ "Dwayne The Rock Johnson Marries Longtime Partner Laura Hashian in Secret Hawaiian Wedding, See Pics". News18. August 19, 2019. สืบค้นเมื่อ August 19, 2019.
- ↑ Dwayne Johnson's 3 Kids: All About Simone, Jasmine and Tiana, 2023, สืบค้นเมื่อ December 26, 2023
- ↑ Zauzmer, Emily (December 17, 2018). "Dwayne 'The Rock' Johnson's Daughter Jasmine Turns 3 — See Her Parents' Birthday Tributes". People. สืบค้นเมื่อ August 19, 2019.
- ↑ "Dwayne Johnson's Daughter Tiana Turns 2! 'Sweetest Baby Girl in the Whole World,' Lauren Hashian Says". People.
- ↑ "One good thing Virginia has going for it this week? The Rock". The Washington Post. February 7, 2019. สืบค้นเมื่อ May 1, 2019.
- ↑ Wolton, Rebbekka (October 10, 2018). "Taking a look inside The Rock's luxurious $5 million mansion". Sports Retriever. สืบค้นเมื่อ April 25, 2019.
- ↑ "The Rock Moves into Southwest Ranches, Orders Big Addition". Curbed Miami. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- ↑ "Dwayne Johnson's reaction over his daughters' work in 'Moana 2' comes to light". Geo News. November 22, 2024. สืบค้นเมื่อ November 22, 2024.
- ↑ "Simone Johnson begins training at WWE Performance Center". WWE. สืบค้นเมื่อ February 12, 2020.
- ↑ "WWE: The Rock's daughter steps into the ring". BBC News. February 12, 2020. สืบค้นเมื่อ February 12, 2020.
- ↑ "WATCH: The Rock on his daughter, Simone Johnson, joining WWE". Wrestling News. May 16, 2020.
- ↑ Callas, Brad (May 30, 2022). "Dwayne 'The Rock' Johnson's Daughter Simone Responds to Backlash Over Her WWE Name". Complex.
- 1 2 3 4 "PWI Awards". Pro Wrestling Illustrated. Kappa Publishing Group. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 21, 2016. สืบค้นเมื่อ December 4, 2016.
- 1 2 "Pro Wrestling Illustrated Award Winners – Match of the Year". Wrestling Information Archive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 15, 2008. สืบค้นเมื่อ May 12, 2008.
- ↑ "Pro Wrestling Illustrated (PWI) 500 for 2000". Internet Wrestling Database. สืบค้นเมื่อ December 4, 2016.
- ↑ Pullar III, Sid (September 30, 2024). "20 Greatest WWE Wrestlers Of All Time". Sports Illustrated. สืบค้นเมื่อ November 26, 2024.
- ↑ "USWA World Tag Team Title History". Solie's Title Histories. สืบค้นเมื่อ March 21, 2008.
- 1 2 3 4 5 Meltzer, Dave (January 26, 2011). "Biggest issue of the year: The 2011 Wrestling Observer Newsletter Awards Issue". Wrestling Observer Newsletter. Campbell, CA: 1–40. ISSN 1083-9593.
- 1 2 Meltzer, Dave (January 30, 2012). "Jan 30 Wrestling Observer Newsletter: Gigantic year-end awards issue, best and worst in all categories plus UFC on FX 1, death of Savannah Jack, ratings, tons and tons of news". Wrestling Observer Newsletter. Campbell, CA. ISSN 1083-9593.
- 1 2 Meltzer, Dave (January 23, 2013). "The 2012 Wrestling Observer Newsletter Annual Awards Issue". Wrestling Observer Newsletter. Campbell, California. ISSN 1083-9593. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2020. สืบค้นเมื่อ January 24, 2013.
- ↑ Meltzer, Dave (February 14, 2025). "February 17, 2025 Observer Newsletter: The 2024 Awards issue". Wrestling Observer Newsletter. สืบค้นเมื่อ February 14, 2025.
- ↑ "Wrestling Observer Hall of Fame". Pro Wrestling Illustrated. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 12, 2015. สืบค้นเมื่อ February 2, 2010.
- ↑ "History of WWE World Heavyweight Championship". WWE. November 15, 1998.
- ↑ "Rock's eight WWE Championship Reign". WWE. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 31, 2013. สืบค้นเมื่อ January 27, 2013.
- ↑ "Rock's first WCW Championship Reign". WWE. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 24, 2012. สืบค้นเมื่อ August 19, 2001.
- ↑ "Rock's second WCW Championship Reign". WWE. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 24, 2012. สืบค้นเมื่อ November 5, 2001.
- ↑ "WWE Intercontinental Championship official title history". WWE. สืบค้นเมื่อ March 21, 2008.
- ↑ "World Tag Team Championship official title history". WWE. สืบค้นเมื่อ March 21, 2008.
- ↑ "WWE's Triple Crown Champions". WWE. สืบค้นเมื่อ May 8, 2019.
- ↑ "WWF Deadly Game Tournament Brackets". Pro Wrestling History. สืบค้นเมื่อ April 20, 2007.
- 1 2 Laboon, Jeff (December 8, 2014). "2014 Slammy Award winners". WWE. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- ↑ "2011 Slammy Award Winners". WWE. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- ↑ "WWE.com Exclusive Slammy Awards 2011". WWE. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- ↑ "2012 WWE Slammy Awards and WWE.com Slammy Awards winners". WWE. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- 1 2 "2013 Slammy Award winners". WWE. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- ↑ "And the winner is..." WWE. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- ↑ "2015 Slammy Award winners". WWE. December 16, 2015. สืบค้นเมื่อ June 23, 2018.
- ↑ "Dwayne Johnson To Receive "Cinemacon® Action Star of the Year Award" | CinemaCon". cinemacon.com. สืบค้นเมื่อ January 22, 2017.
- ↑ "Hollywood Walk of Fame". ABC News. สืบค้นเมื่อ June 30, 2016.
- ↑ "2013 Kids' Choice Awards: And the winners are..." Entertainment Weekly. March 23, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2020. สืบค้นเมื่อ January 22, 2017.
- ↑ "Kids' Choice Awards: The Winners List". The Hollywood Reporter. March 11, 2017. สืบค้นเมื่อ April 19, 2019.
- ↑ "2018 Kids' Choice Awards: Complete List of Winners". E! Online. March 25, 2018. สืบค้นเมื่อ April 19, 2019.
- ↑ Grein, Paul (June 21, 2025). "Sabrina Carpenter, SZA, Ariana Grande Win Multiple Awards at 2025 Kids' Choice Awards (Full Winners List)". Billboard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2025. สืบค้นเมื่อ June 23, 2025.
- ↑ "The Rock Receives Mr. Olympia ICON Award, Makes Announcement on Production Deal for 2017 Event". 411Mania. September 18, 2016. สืบค้นเมื่อ January 22, 2017.
- ↑ "Dwayne Johnson Will Receive MTV's Generation Award". Deadline. June 13, 2019. สืบค้นเมื่อ June 19, 2019.
- ↑ "Muscle & Fitness names The Rock as their 'Man of the Century'". WWE.com. December 3, 2015. สืบค้นเมื่อ July 14, 2019.
- ↑ "NAACP Image Awards 2017 Winners: The Complete List". E! News. February 12, 2017. สืบค้นเมื่อ March 10, 2017.
- ↑ "Dwayne Johnson". Sports Illustrated. October 3, 2014. สืบค้นเมื่อ October 3, 2014.
- ↑ "Dwayne 'The Rock' Johnson Is This Year's Sexiest Man Alive!". People. November 15, 2016. สืบค้นเมื่อ January 22, 2017.
- ↑ "People's Choice Awards 2016: Full List of Winners". People's Choice. January 7, 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 7, 2016. สืบค้นเมื่อ January 22, 2017.
- ↑ "People's Choice Awards 2017: Full List of Winners". People's Choice. January 19, 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 20, 2017. สืบค้นเมื่อ January 19, 2017.
- ↑ Williams, Janice (March 5, 2018). "The Rock Proudly Accepts 2018 Razzie Award for So-Bad-It's-Good 'Baywatch' Movie". Newsweek. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 21, 2018. สืบค้นเมื่อ March 5, 2018.
- ↑ "Dwayne Johnson – The Shorty Awards". shortyawards.com. สืบค้นเมื่อ April 19, 2019.
- ↑ Madarang, Charisma (2023-08-28). "Streamy Awards 2023: The Complete Winners List". Rolling Stone (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-08-11.
- ↑ "2001 Teen Choice Awards". Hollywood.com. October 26, 2001. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 26, 2015. สืบค้นเมื่อ January 22, 2017.
- ↑ "Teen Choice Awards 2017 Winners: The Complete List". E! Online. August 14, 2017. สืบค้นเมื่อ April 19, 2019.
- ↑ "Who won the Teen Choice Awards? See the full winners' list". USA Today. สืบค้นเมื่อ April 19, 2019.
- ↑ "Leonardo DiCaprio, The Rock, Nick Minaj land on TIME 100 list". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ September 7, 2025.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อusatoday.com - ↑ "People unfollow 'The Rock' after he posts support of US military". americanmilitarynews.com. March 19, 2019. สืบค้นเมื่อ March 21, 2019.
- ↑ "The Rock, Chris Jericho, Big Show, Kane & Undertaker def. Stone Cold Steve Austin, Kurt Angle, Shane McMahon, Booker T & Rob Van Dam; Sole Survivor: The Rock". WWE. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-24. สืบค้นเมื่อ March 21, 2008.
- ↑ Birch, Nathan (November 8, 2016). "Cooking Up Beefs: The Raucous Real-Life Feuds Of Dwayne 'The Rock' Johnson". Uproxx. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2018. สืบค้นเมื่อ March 31, 2018.
- ↑ "To Be or Not To Be DTV: The films of WWE Studios". screenanarchy.com. September 8, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 18, 2017. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ Ebert, Roger. "Be Cool". www.rogerebert.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ Coleman, Jonny (February 13, 2018). "This Maligned 2006 Movie About Dystopian L.A. Is Too Real at This Point". Los Angeles Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 9, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ Stern, Macklin. "How Dwayne Johnson's Forgotten Football Career Prepared Him for Superstardom". bleacherreport.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 30, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ "Reno 911! Is Getting a Movie Sequel". movieweb.com. December 21, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ Fleming, Michael (August 28, 2007). "The Rock set for 'Witch Mountain'". Variety. สืบค้นเมื่อ February 26, 2020.
- ↑ "NASA Recruits 'Planet 51' Actor Dwayne Johnson to Spread Message". space.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- 1 2 Guerrasio, Jason (August 14, 2019). "All 40 Dwayne 'The Rock' Johnson movies, ranked from worst to best". Business Insider. สืบค้นเมื่อ February 26, 2020.
- 1 2 3 "Dwayne 'The Rock' Johnson's Movies, Ranked From Worst to Best (Photos)". thewrap.com. April 13, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 14, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ "Fast 9: Dwayne Johnson may not return". denofgeek.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ "Journey 2: The Mysterious Island". rogerebert.com. February 8, 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 11, 2012. สืบค้นเมื่อ February 26, 2020.
- ↑ McNary, Dave (มีนาคม 22, 2011). "Dwayne Johnson to star in 'Snitch'". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ มีนาคม 26, 2011. สืบค้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 26, 2020.
- ↑ David Chen (April 26, 2013). "Four Differences Between 'Pain and Gain' and Real Life, and What They Say About Michael Bay". Slash Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 17, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ "'Fast Five' Will Transition Franchise From Street Racing To Future Full Of Heist Action". Deadline Hollywood. April 25, 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 30, 2011. สืบค้นเมื่อ March 7, 2011.
- ↑ Dawn, Randee (March 25, 2015). "Dwayne Johnson on late 'Furious 7' co-star Paul Walker: 'I miss him, I love him'". TODAY. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 17, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ "Jumanji: Welcome to the Jungle (2017)" (ภาษาอังกฤษ). Rotten Tomatoes. สืบค้นเมื่อ 5 January 2020.
- ↑ "Dwayne Johnson on his sizzle power in 'Jumanji': 'God delivered, I signed for it'". usatoday.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2018. สืบค้นเมื่อ May 30, 2018.
- ↑ Fleming, Mike Jr. (June 23, 2015). "Dwayne Johnson And 'San Andreas' Team Tackle 'Rampage;' Action Film Based On 80s Midway Arcade Game". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 24, 2015. สืบค้นเมื่อ June 24, 2015.
- ↑ Carson, Rene (May 24, 2018). "Universal releases second trailer for Dwayne Johnson action thriller Skyscraper". Film Fetish. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2018. สืบค้นเมื่อ May 24, 2018.
- ↑ "Fighting with My Family (2019)". IMDb. สืบค้นเมื่อ March 28, 2020.
- ↑ Fiduccia, Christopher (May 18, 2019). "Dwayne Johnson Confirms Hobbs & Shaw Production Has Fully Wrapped". Screen Rant. สืบค้นเมื่อ June 30, 2019.
- ↑ Fleming, Mike Jr. (February 6, 2018). "Scott Rosenberg & Jeff Pinkner To Write 'Jumanji: Welcome To The Jungle' Sequel". Deadline Hollywood. Penske Business Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 7, 2018. สืบค้นเมื่อ February 6, 2018.
- ↑ Free Guy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน), สืบค้นเมื่อ 2021-06-26
- ↑ Gonzalez, Umberto (May 12, 2023). "'Fast X' Shocker: Dwayne Johnson Returns to 'Fast & Furious' Franchise (Exclusive)". TheWrap. สืบค้นเมื่อ May 13, 2023.
- ↑ "Dwayne Johnson Returns as Hobbs in Fast X" (ภาษาอังกฤษ). 2023-05-12. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 12, 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-12.
- ↑ "Dwayne Johnson Returns as Hobbs in Fast X" (ภาษาอังกฤษ). 2023-05-12. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 12, 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-12.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2515
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- นักแสดงภาพยนตร์ชายชาวอเมริกัน
- นักแสดงภาพยนตร์ชายชาวแคนาดา
- นักมวยปล้ำอาชีพชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
- นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกันเชื้อสายซามัว
- นักฟุตบอลชาวอเมริกัน
- ตระกูลอานัวอี
- ชาวอเมริกันเชื้อสายแคนาดา
- ชาวอเมริกันเชื้อสายซามัว
- ชาวอเมริกันเชื้อสายไอริช
- ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา
- บุคคลจากรัฐฟลอริดา
- บุคคลจากรัฐแคลิฟอร์เนีย