เตียวจูล่ง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก จื่อหลง)
เตียวจูล่ง (เจ้า ยฺหวิน)
趙雲
ภาพวาดของเตียวจูล่งสมัยราชวงศ์ชิง
ขุนพลพิทักษ์ทัพ (鎮軍將軍)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 227 (227) – ค.ศ. 229 (229)
กษัตริย์เล่าเสี้ยน
หัวหน้ารัฐบาลจูกัดเหลียง
ขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันออก (鎮東將軍)
ดำรงตำแหน่ง
ป. ต้นทศวรรษ 220 – ค.ศ. 227 (227)
กษัตริย์เล่าเสี้ยน
หัวหน้ารัฐบาลจูกัดเหลียง
ขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南將軍)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 223 (223) – ป. ต้นทศวรรษ 220
กษัตริย์เล่าเสี้ยน
หัวหน้ารัฐบาลจูกัดเหลียง
ขุนพลช่วยเหลือทัพ (翊軍將軍)
(ภายใต้เล่าปี่)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 214 (214) – ป. ต้นทศวรรษ 220
กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้
เจ้าเมืองฮุยเอี๋ยง (桂陽太守)
(ภายใต้เล่าปี่)
ดำรงตำแหน่ง
ป. ค.ศ. 209 (209) – ค.ศ. 214 (214)
กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้
ก่อนหน้าเตียวหอม
ขุนพลรอง (偏將軍)
(ภายใต้เล่าปี่)
ดำรงตำแหน่ง
ป. ค.ศ. 209 (209) – ค.ศ. 214 (214)
กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้
ขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將軍)
(ภายใต้เล่าปี่)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 208 (208) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดไม่ทราบ
อำเภอเจินติ้ง มณฑลเหอเป่ย์
เสียชีวิต229[1]
บุตร
  • เตียวหอง
  • เตียวกอง
อาชีพขุนพล
ชื่อรองจูล่ง/จื่อหลง (子龍)
สมัญญานามชุ่นผิงโหฺว
(順平侯)
บรรดาศักด์หย่งชางถิงโหฺว (永昌亭侯)

เตียวจูล่ง[a] (เสียชีวิต ค.ศ. 229)[1] มีชื่อสกุลและชื่อตัวในภาษาจีนกลางว่า เจ้า ยฺหวิน[b] (จีนตัวย่อ: 赵云; จีนตัวเต็ม: 趙雲; พินอิน: Zhào Yún; การออกเสียง) ชื่อรอง จูล่ง หรือภาษาจีนกลางว่า จื่อหลง (จีนตัวย่อ: 子龙; จีนตัวเต็ม: 子龍; พินอิน: Zǐlóng) เป็นขุนพลที่มีชีวิตในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและต้นยุคสามก๊กของจีน เดิมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกองซุนจ้านขุนศึกภาคเหนือ ภายหลังไปรับใช้เล่าปี่ที่เป็นขุนศึกอีกคนหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ติดตามเล่าปี่ร่วมรบในการศึกโดยมาก ตั้งแต่ยุทธการที่เตียงปัน (ค.ศ. 208) ถึงยุทธการที่ฮันต๋ง (ค.ศ. 217-219) เตียวจูล่งรับราชการต่อมาในรัฐจ๊กก๊กซึ่งก่อตั้งโดยเล่าปี่ในปี ค.ศ. 221 ในยุคสามก๊ก และเข้าร่วมในการบุกขึ้นเหนือครั้งแรก จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 229 ในขณะที่ข้อเท็จจริงหลายอย่างเกี่ยวกับชีวประวัติของเตียวจูล่งยังไม่ชัดเจนเนื่องจากมีข้อมูลจำกัดในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แง่มุมและการกระทำบางอย่างในประวัติของเตียวจูล่งก็ได้รับการเสริมแต่งเกินจริงในคติชนพื้นบ้านและนวนิยาย ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 เรื่องสามก๊ก เตียวจูล่งได้รับการยกย่องให้เป็นสมาชิกของห้าทหารเสือของเล่าปี่

แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของชีวประวัติเตียวจูล่ง[แก้]

ชีวประวัติหลักของเตียวจูล่งอยู่ในจดหมายเหตุสามก๊ก (ซานกั๋วจื้อ) เขียนโดยตันซิ่วในศตวรรษที่ 3 โดยมีข้อความยาวเพียง 346 อักษรจีน ในศตวรรษที่ 5 เผย์ ซงจือเพิ่มอรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้าน (趙雲別傳; ชีวประวัติอย่างไม่เป็นทางการของเจ้า ยฺหวิน) ให้กับบทชีวประวัติเตียวจูล่งในจดหมายเหตุสามก๊ก ซึ่งให้ภาพชีวประวัติของเตียวจูล่งที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์

การรับราชการช่วงต้นกับกองซุนจ้าน[แก้]

เตียวจูล่งแสดงวีรกรรมต่อหน้ากองซุนจ้าน ภาพวาดจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์สามก๊กฉบับตีพิมพ์ในสมัยราชวงศ์ชิง

เตียวจูล่งเป็นชาวอำเภอจีนเต๋ง (真定 เจินติ้ง) เมืองเสียงสัน (常山 ฉางชาน)[3] ในเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านบรรยายลักษณะภายนอกของเตียวจูล่งว่าสูง 8 ฉื่อ (ประมาณ 184 เซนติเมตร) มีรูปลักษณ์ที่สง่างามและน่าประทับใจ[4]

หลังจากที่ได้รับการแนะนำจากเจ้าเมืองเสียงสันให้เข้ารับราชการ เตียวจูล่งจึงนำอาสาสมัครกลุ่มเล็ก ๆ ไปเข้าร่วมกับกองซุนจ้าน ขุนศึกในมณฑลอิวจิ๋ว[5] เวลานั้น ขุนศึกอ้วนเสี้ยวมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นหลังได้รับการแต่งตั้งให้ให้เป็นเจ้ามณฑลกิจิ๋ว กองซุนจ้านจึงกังวลว่าราษฎรจำนวนมากในมณฑลอิวจิ๋วจะเลือกรับใช้อ้วนเสี้ยวแทนที่จะเป็นตน[6]

เมื่อเตียวจูล่งมาพบกองซุนจ้านพร้อมกับกลุ่มอาสาสมัคร กองซุนจ้านถามอย่างดูถูกว่า "ข้าได้ยินมาว่าทุกคนในมณฑลบ้านเกิดของท่าน[c]ต้องการรับใช้ตระกูลอ้วน เหตุใดมีเฉพาะพวกท่านที่มีใจผันแปรไป สับสนจนคิดผิดหรือ"[7] เตียวจูล่งตอบว่า "แผ่นดินกำลังโกลาหล ใครถูกใครผิดไม่ชัดแจ้ง ผู้คนตกอยู่ในอันตราย เหล่าคนที่อยู่ในมณฑลบ้านเกิดของข้าหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงตัดสินใจจะติดตามนายผู้ปกครองด้วยคุณธรรม ข้าจึงเลือกเข้ามาร่วมกับท่านขุนพลแทนที่จะเป็นท่านอ้วน" กองซุนจ้านจึงยอมรับเตียวจูล่ง ภายหลังเตียวจูล่งจึงได้ร่วมในฝ่ายกองซุนจ้านในยุทธการกับทัพอริหลายครั้ง[8]

พบกับเล่าปี่[แก้]

ราวต้นทศวรรษ 190 เตียวจูล่งพบกับเล่าปี่ซึ่งเวลานั้นมาอยู่พึ่งกองซุนจ้าน เตียวจูล่งสนิทสนมกับเล่าปี่อย่างมากและต้องการจะเปลี่ยนมาภักดีต่อเล่าปี่[9] เมื่อกองซุนจ้านส่งเล่าปี่ไปช่วยเต๊งไก๋ที่เป็นพันธมิตรในยุทธการที่รบกับอ้วนเสี้ยว เตียวจูล่งติดตามเล่าปี่ไปด้วยและทำหน้าที่เป็นนายทหารม้าของเล่าปี่[10]

เมื่อเตียวจูล่งได้รับข่าวการเสียชีวิตของพี่ชาย ได้มาขอลาราชการชั่วคราวกับเล่าปี่เพื่อไปไว้อาลัยให้พี่ชาย เล่าปี่รู้ว่าเมื่อเตียวจูล่งไปแล้วจะไม่กลับมาจึงกุมมือของเตียวจูล่งพร้อมบอกลา ก่อนเตียวจูล่งจะจากไปได้กล่าวกับเล่าปี่ว่า "ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย"[11]

รับใช้เล่าปี่[แก้]

ต้นปี ค.ศ. 200 เล่าปี่สูญเสียฐานอำนาจในมณฑลชีจิ๋วให้กับโจโฉที่เป็นอริ เล่าปี่หนีไปทางเหนือข้ามแม่น้ำฮองโห (แม่น้ำเหลือง) และลี้ภัยไปพึ่งอ้วนเสี้ยว ศัตรูของโจโฉ[12] ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เตียวจูล่งก็เดินทางไปยังเงียบกุ๋นอันเป็นที่ตั้งที่ว่าการของอ้วนเสี้ยวซึ่งได้พบกับเล่าปี่อีกครั้งที่นั่น เตียวจูล่งและเล่าปี่อยู่ร่วมห้องเดียวกันในช่วงที่อาศัยอยู่ในเงียบกุ๋น[13]

เล่าปี่ลอบสั่งการกับเตียวจูล่งให้ช่วยรวบรวมทหารได้หลายร้อยนายที่เต็มใจจะติดตามตน อ้างว่าทหารเหล่านี้รับใช้ขุนพลซ้าย (左將軍 จั่วเจียงจฺวิน)[d] อ้วนเสี้ยวไม่รู้เรื่องดังกล่าวนี้ จากนั้นเตียวจูล่งพร้อมด้วยเล่าปี่และผู้ติดตามจึงตีจากอ้วนเสี้ยวและมุ่งลงใต้ไปเข้าร่วมกับเล่าเปียว เจ้ามณฑลเกงจิ๋ว[15]

ช่วยชีวิตแฮหัวอัน[แก้]

ในปี ค.ศ. 202 เมื่อโจโฉนำทัพขึ้นไปรบในการทัพทางเหนือของจีนเพื่อรบกับเหล่าบุตรชายของอ้วนเสี้ยวและพันธมิตร เล่าปี่ถือโอกาสที่โจโฉไม่อยู่นำกองกำลังเข้าโจมตีดินแดนของโจโฉในภาคกลางของจีน โจโฉส่งขุนพลแฮหัวตุ้นและคนอื่น ๆ นำทัพไปต้านเล่าปี่[16][17]

ระหว่างยุทธการ เตียวจูล่งจับตัวแฮหัวอัน (夏侯蘭 เซี่ยโหฺว หลาน) เพื่อนเก่าที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันกับตน เตียวจูล่งขอร้องเล่าปี่ให้ไว้ชีวิตแฮหัวอันและแนะนำให้รับแฮหัวอันมารับราชการเป็นตุลาการทัพเพราะตนรู้ว่าแฮหัวอันมีความรู้เรื่องกฎหมาย[18] เตียวจูล่งได้รับการยกย่องในเรื่องความรอบคอบระมัดระวังเกี่ยวกับการวางตัวในเรื่องความสัมพันธ์กับแฮหัวอันแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม[19]

ยุทธการที่เตียงปัน[แก้]

ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในเฉลียงยาวที่พระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่ง แสดงภาพเตียวจูล่ง (คนขี่ม้าชุดสีขาว) ในยุทธการที่เตียงปัน

หลังเล่าเปียวเสียชีวิตในปี ค.ศ. 208 เล่าจ๋องบุตรชายคนเล็กของเล่าเปียวสืบทอดตำแหน่งเจ้ามณฑลเกงจิ๋ว เมื่อโจโฉเริ่มการทัพในปีเดียวกันเพื่อจัดการกับกองกำลังข้าศึกในภาคใต้ของจีน เล่าจ๋องยอมสวามิภักดิ์และมอบมณฑลเกงจิ๋วให้กับโจโฉ เล่าปี่และผู้ติดตามทิ้งฐานที่มั่นในอำเภอซินเอี๋ย (新野 ซินเย่) และมุ่งหน้าลงใต้ไปยังแฮเค้า (夏口 เซี่ยโขฺ่ว) ซึ่งรักษาโดยเล่ากี๋บุตรชายคนโตของเล่าเปียวและเป็นอิสระจากการยึดครองของโจโฉ[20]

โจโฉนำกองกำลังทหารม้าฝีมือดี 5,000 นายด้วยตนเองออกไล่ตามเล่าปี่ และไล่ตามเล่าปี่ทันที่เตียงปัน (長坂 ฉางป่าน) ตีกองกำลังของเล่าปี่แตกพ่ายยับเยิน ระหว่างที่เล่าปี่ทิ้งครอบครัวหนี[21] เตียวจูล่งอุ้มเล่าเสี้ยนบุตรชายที่ยังเด็กของเล่าปี่และคุ้มครองกำฮูหยินภรรยาของเล่าปี่ (มารดาของเล่าเสี้ยน) ในระหว่างยุทธการและพาไปยังที่ปลอดภัย ภายหลังเตียวจูล่งได้เลื่อนยศเป็นขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將軍 หยาเหมินเจียงจฺวิน) ตอบแทนความอุตสาหะ[22]

ก่อนหน้านี้หลังจากพ่ายแพ้ที่เตียงปัน เล่าปี่ได้ยินข่าวลือว่าเตียวจูล่งทรยศตนไปเข้าด้วยฝ่ายโจโฉ เล่าปี่ปฏิเสธที่จะเชื่อข่าวลือ ขว้างทวนจี่สั้นลงกับพื้นและพูดว่า "จูล่งไม่ทอดทิ้งข้าหนีไปแน่" คำพูดของเล่าปี่ถูกต้องเพราะเตียวจูล่งกลับมาหาเล่าปี่หลังจากนั้นอีกไม่นาน[23]

ในฤดูหนาว ค.ศ. 208–209 เล่าปี่เป็นพันธมิตรกับขุนศึกซุนกวนและเอาชนะโจโฉได้อย่างเด็ดขาดในยุทธการที่เซ็กเพ็ก โจโฉถอยหนีขึ้นเหนือหลังพ่ายแพ้ เล่าปี่และซุนกวนก็รุกคืบยึดได้เมืองลำกุ๋น (南郡 หนานจฺวิ้น) ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การครอบครองของโจโฉ[24]

ในฐานะเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยง[แก้]

ภายหลังเตียวจูล่งได้เลื่อนขึ้นขึ้นเป็นขุนพลรอง (偏將軍 เพียนเจียงจฺวิน) สำหรับผลงานที่ช่วยเล่าปี่ในการพิชิตสี่เมืองทางใต้ของมณฑลเกงจิ๋วคือเตียงสา (長沙 ฉางชา) เลงเหลง (零陵 หลิงหลิง) บุเหลง (武陵 อู่หลิง) และฮุยเอี๋ยง (桂陽 กุ้ยหยาง) หลังจากยึดได้เมืองฮุยเอี๋ยงแล้ว เล่าปี่ตั้งให้เตียวจูล่งเป็นเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยงคนใหม่แทนที่เตียวหอม[25]

เตียวหอมมีพี่สะใภ้ที่เป็นหม้ายและมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงาม เตียวหอมต้องการจะจัดการให้พี่สะใภ้ได้แต่งงานกับเตียวจูล่งเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับเตียวจูล่ง แต่เตียวจูล่งปฏิเสธความคิดนี้และพูดกับเตียวหอมว่า "เรามีสกุลเดียวกัน พี่ชายของท่านก็เหมือนพี่ชายของข้าเช่นกัน"[26]

มีคนอื่น ๆ ที่โน้มน้าวให้เตียวจูล่งยอมรับการแต่งงานแต่เตียวจูล่งปฏิเสธอย่างหนักแน่นพูดว่า "เตียวหอมถูกบังคับให้ยอมจำนนเพราะสถานการณ์พาไป เจตนาของเขายังไม่แน่ชัดและน่าสงสัย นอกจากนี้ในแผ่นดินนี้ยังมีสตรีอื่นอีกมากมาย" ไม่นานหลังจากนั้น เตียวหอมหลบหนีไป และเตียวจูล่งก็สามารถหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ใด ๆ กับเตียวหอมไปได้เพราะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน[27]

รักษาเกงจิ๋ว[แก้]

ราวปี ค.ศ. 211 เล่าปี่นำทัพยกไปทางตะวันตกเข้ามณฑลเอ๊กจิ๋วเพื่อไปช่วยเล่าเจี้ยงเจ้ามณฑลเอ๊กจิ๋วในการรบต้านเตียวฬ่อที่เป็นขุนศึกคู่อริแห่งฮันต๋ง (漢中 ฮั่นจง) เตียวจูล่งและคนอื่น ๆ ยังอยู่รักษามณฑลเกงจิ๋ว[28][29][24]

ก่อนหน้านี้เมื่อราวปี ค.ศ. 209[24] เล่าปี่แต่งงานกับซุนฮูหยินน้องสาวของซุนกวนเพื่อเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างเล่าปี่และซุนกวน ซุนฮูหยินยังคงอยู่ในมณฑลเกงจิ๋วเมื่อเล่าปี่จากไปมณฑลเอ๊กจิ๋ว ซุนฮูหยินถือตนว่าเป็นน้องสาวของขุนศึกผู้ทรงอำนาจ จึงแสดงท่าทีหยิ่งยโสและกระทำตามอำเภอใจ และยังปล่อยให้องครักษ์และผู้รับใช้ส่วนตัวประพฤติผิดกฎหมายในมณฑลเกงจิ๋ว ด้วยเหตุนี้เล่าปี่จึงแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษให้เตียวจูล่งที่ตนถือว่าเป็นบุคคลที่จริงจังและมีมโนธรรมให้ดูแลกิจการภายในมณฑลเกงจิ๋ว รวมถึงรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยระหว่างที่เล่าปี่ไม่อยู่[30] เมื่อซุนกวนได้ยินว่าเล่าปี่จากไปมณฑลเอ๊กจิ๋ว จึงส่งเรือไปรับตัวน้องสาวกลับ ซุนฮูหยินพยายามพาตัวเล่าเสี้ยนบุตรชายของเล่าปี่ไปด้วยกัน แต่เตียวจูล่งและเตียวหุยนำทหารมาขัดขวางและพาเล่าเสี้ยนกลับมาได้[31]

ฮั่นจิ้นชุนชิว (漢晉春秋) ที่เขียนโดยสี จั้วฉื่อนักประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์จิ้น ให้รายละเอียดของเหตุการณ์นี้ที่คล้ายคลึงกันกับที่บันทึกในเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้าน[32]

ยึดครองเอ๊กจิ๋ว[แก้]

ยุทธการที่แม่น้ำฮั่นซุย[แก้]

ยุทธการที่อิเหลง[แก้]

รับใช้เล่าเสี้ยน[แก้]

หลังเล่าปี่สวรรคตในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 223 เล่าเสี้ยนผู้เป็นโอรสขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแห่งจ๊กก๊ก โดยมีอัครมหาเสนาบดีจูกัดเหลียงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพราะเวลานั้นเล่าเสี้ยนยังทรงพระเยาว์[33] หลังเล่าเสี้ยนขึ้นครองราชย์ได้ทรงแต่งตั้งเตียวจูล่งเป็นผู้พิทักษ์ทัพกลาง (中護軍 จงฮู่จฺวิน) และขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南將軍 เจิงหนานเจียงจฺวิน) และพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหย่งชางถิงโหว (永昌亭侯) ภายหลังพระองค์เลื่อนขั้นเตียวจูล่งเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันออก (鎮東將軍 เจิ้นตงเจียงจฺวิน)[34]

ยุทธการที่กิก๊ก[แก้]

ในปี ค.ศ. 227 เตียวจูล่งย้ายไปยังพื้นที่ระดมพลที่เมืองฮันต๋งเพื่อเข้าร่วมกับจูกัดเหลียงซึ่งกำลังระดมกำลังทหารจากทั่วจ๊กก๊กเพื่อเตรียมการสำหรับการทัพครั้งใหญ่ต่อวุยก๊กที่เป็นรัฐอริของจ๊กก๊ก[35][36]

ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 228 จูกัดเหลียงมอบหมายให้เตียวจูล่งและเตงจี๋นำกองกำลังแยกไปยังหุบเขากิก๊ก (箕谷 จีกู่) แสร้งทำเป็นเข้าตีอำเภอไปเซีย (郿縣 เหมย์เซี่ยน; อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอฝูเฟิง มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) ผ่านหุบเขาเสียดก๊กหรือจำก๊ก (斜谷 เสียกู่) ภารกิจของเตียวจูล่งและเตงจี๋คือเบี่ยงเบนความสนใจของโจจิ๋นขุนพลวุยก๊กระหว่างที่จูกัดเหลียงนำทัพหลักของจ๊กก๊กเข้าโจมตีเขากิสาน (祁山 ฉีชาน; พื้นที่แถบภูเขาบริเวณบริเวณอำเภอหลี่ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน)[37][38]

เตียวจูล่งและเตงจี๋พ่ายแพ้ต่อโจจิ๋นในยุทธการที่หุบเขากิก๊กเพราะจูกัดเหลียงให้ทั้งคู่บัญชาการกองกำลังทหารที่อ่อนแอกว่าในขณะที่ตัวจูกัดเหลียงนำกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่าเข้าโจมตีเขากิสาน อย่างไรก็ตาม เตียวจูล่งสามารถรวบรวมทหารให้เป็นแนวป้องกันที่แน่นหนาระหว่างการล่าถอย จึงสามารถลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด[39]

เสียชีวิตและได้รับสมัญญานาม[แก้]

เตียวจูล่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 229 ได้รับสมัญญานามว่า "ชุ่นผิงโหว" (順平侯; Shùnpíng hóu) จากเล่าเสี้ยนในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ค.ศ. 261[40][41]

ครอบครัว[แก้]

บุตรชายคนโตของเตียวจูล่งชื่อเตียวหอง (趙統; Zhào Tǒng เจ้า ถ่ง) รับราชการเป็นทหารในหน่วยหู่เปิน (虎賁) แห่งกองทหารราชองครักษ์[42]

บุตรชายคนรองของเตียวจูล่งชื่อเตียวกอง (趙廣; Zhào Guǎng เจ้า กว่าง) รับราชการเป็นขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將 หยาเหมินเจี้ยง) เตียวกองเข้าร่วมกับเกียงอุยขุนพลจ๊กก๊กในการทัพกับวุยก๊ก และถูกสังหารในที่รบที่ท่าจง (沓中; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอโจฺวชฺวี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน)[43]

คำวิจารณ์[แก้]

ในนิยายสามก๊ก[แก้]

ในวัฒนธรรมประชานิยม[แก้]

ภาพยนตร์[แก้]

  • จูล่งเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ของจีน สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร กำกับโดย แดเนียล ลี และ สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ กำกับโดยจอห์น วู
  • จูล่งเป็นตัวละครเอกในภาพยนตร์เรื่อง สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร รับบทแสดงนำโดยหลิวเต๋อหัว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของจูล่งตั้งแต่สมัครเป็นทหารจนถึงศึกครั้งสุดท้ายกับวุยก๊ก แต่เนื่องจากภาพยนตร์ได้ดัดแปลงเรื่องราวของจูล่งไปอย่างมากจนผิดเพี้ยนไปทั้งจากมากในนิยายและในประวัติศาสตร์ ทำให้ถูกวิจารณ์กันมาก แต่ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์สามก๊กเรื่องแรกที่นำจูล่งมาเป็นตัวเอกของเรื่อง
  • ในภาพยนตร์เรื่อง สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ จูล่งรับบทฮูจุน โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ จูล่งปรากฏตัวครั้งแรกในศึกทุ่งเตียงปันเกี้ยว โดยเป็นผู้ช่วยนำพาอาเต๊าบุตรของเล่าปี่ฝ่าทัพของโจโฉ และได้มีบทบาทในการรบอีกหลายครั้ง ในสงครามระหว่างฝ่ายโจโฉและฝ่ายพันธมิตรเล่าปี่ซุนกวน ทั้งสงครามภาคพื้นดินและสงครามประชิดค่ายโจโฉ

ละครโทรทัศน์[แก้]

การ์ตูน[แก้]

วิดีโอเกม[แก้]

  • จูล่งเป็นตัวละครแบบบังคับได้ในเกมซีรีส์ Dynasty Warriors
  • จูล่งเป็นนายทหารในเกมซีรีส์ Romance of the Three Kingdoms
  • จูล่งเป็นต้นแบบตัวละครในเกม League of Legends คือ Xin Zhao และมีสกิน Warring Kingdoms ที่อ้างอิงจากจูล่ง
  • จูล่งเป็นตัวละครในเกม OMG SAMKOK 2
  • จูล่งเป็นนายทหารในเกมซีรีส์ Total war Three kingdoms
  • จูล่งเป็นตัวละครในเกม Mobile Legends: Bang Bang

หมายเหตุ[แก้]

  1. "เตียวจูล่ง" เป็นชื่อเรียกที่มาจากแซ่กับชื่อรองรวมกัน ในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)ปรากฏการเรียกด้วยชื่อ "เตียวจูล่ง" ในตอนที่ 63[2] ในขณะที่ตอนอื่น ๆ เรียกด้วยเพียงชื่อรองว่า "จูล่ง"
  2. แซ่ "เจ้า" (趙) ในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)เรียกเป็นสกุล "เตียว"[2] เหมือนกับสกุล "จาง" (張) ในขณะที่ชื่อตัวของเตียวจูล่งว่า "ยฺหวิน" (雲) ไม่มีการระบุถึงในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) คำว่า "ยฺหวิน" นี้ในภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า "หุน" (hûn)
  3. เมืองเสียงสันอยู่ในเขตมณฑลกิจิ๋ว
  4. เล่าปี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลซ้าย (左將軍 จั่วเจียงจฺวิน) จากราชสำนักฮั่นในช่วงต้นปี ค.ศ. 199 หลังยุทธการที่แห้ฝือ[14]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 de Crespigny (2007), p. 1114.
  2. 2.0 2.1 ("เตียวจูล่งจึงทูลว่า ซึ่งโจผีขบถนั้นเปนข้อใหญ่ มิใช่แต่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะเจ็บแค้น ถึงเทพดาก็มีความแค้น ...เตียวจูล่งจึงทูลว่า ความแค้นข้างโจผีนี้ให้เจ็บใจทั่วกัน ทั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยแลราษฎรทั้งปวง ฝ่ายความแค้นข้างซุนกวนนี้ให้เจ็บใจแต่พระองค์เปนแต่พี่น้อง ขอให้พระองค์ไปแก้แค้นโจผีเถิด เห็นว่าจะชอบใจคนทั้งปวง...พระเจ้าเล่าปี่จึงว่า ถ้าเราไม่แก้แค้นแทนน้องเราได้ คนทั้งปวงก็จะเห็นว่าเราหามีความสัตย์ไม่ เราไม่ฟังคำเตียวจูล่งห้ามแล้ว...แล้วจึงจัดแจงกองทัพสั่งให้เตียวจูล่งเปนทัพหนุนคุมลำเลียง") "สามก๊ก ตอนที่ ๖๓". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ July 6, 2023.
  3. (趙雲字子龍,常山真定人也。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  4. (雲別傳曰:雲身長八尺,姿顏雄偉, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  5. (... 為本郡所舉,將義從吏兵詣公孫瓚。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  6. (時袁紹稱兾州牧,瓚深憂州人之從紹也, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  7. (... 善雲來附,嘲雲曰:「聞貴州人皆願袁氏,君何獨迴心,迷而能反乎?」) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  8. (雲荅曰:「天下訩訩,未知孰是,民有倒縣之厄,鄙州論議,從仁政所在,不為忽袁公私明將軍也。」遂與瓚征討。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  9. (時先主亦依託瓚,每接納雲,雲得深自結託。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  10. (本屬公孫瓚,瓚遣先主為田楷拒袁紹,雲遂隨從,為先主主騎。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  11. (雲以兄喪,辭瓚暫歸,先主知其不反,捉手而別,雲辭曰:「終不背德也。」) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  12. Sima (1084), vol. 63.
  13. (先主就袁紹,雲見於鄴。先主與雲同床眠卧, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  14. (助先主圍布於下邳,生禽布。先主復得妻子,從曹公還許。表先主為左將軍, ...) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 32.
  15. (... 密遣雲合募得數百人,皆稱劉左將軍部曲,紹不能知。遂隨先主至荊州。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  16. Sima (1084), vol. 64.
  17. (先是,與夏侯惇戰於博望, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  18. (... 生獲夏侯蘭。蘭是雲鄉里人,少小相知,雲白先主活之,薦蘭明於法律,以為軍正。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  19. (雲不用自近,其慎慮類如此。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  20. Sima (1084), vol. 65.
  21. (曹公以江陵有軍實,恐先主據之,乃釋輜重,輕軍到襄陽。聞先主已過,曹公將精騎五千急追之,一日一夜行三百餘里,及於當陽之長坂。先主棄妻子,與諸葛亮、張飛、趙雲等數十騎走,曹公大獲其人衆輜重。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 32.
  22. (及先主為曹公所追於當陽長阪,棄妻子南走,雲身抱弱子,即後主也,保護甘夫人,即後主母也,皆得免難。遷為牙門將軍。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  23. (雲別傳曰:初,先主之敗,有人言雲已北去者,先主以手戟擿之曰:「子龍不棄我走也。」頃之,雲至。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  24. 24.0 24.1 24.2 Sima (1084), vol. 66.
  25. (從平江南,以為偏將軍,領桂陽太守,代趙範。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  26. (範寡嫂曰樊氏,有國色,範欲以配雲。雲辭曰:「相與同姓,卿兄猶我兄。」固辭不許。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  27. (時有人勸雲納之,雲曰:「範迫降耳,心未可測;天下女不少。」遂不取。範果逃走,雲無纖介。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  28. (先主入蜀,雲留荊州。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  29. (先主入益州,雲領留營司馬。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  30. (此時先主孫夫人以權妹驕豪,多將吳吏兵,縱橫不法。先主以雲嚴重,必能整齊,特任掌內事。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  31. (權聞備西征,大遣舟船迎妹,而夫人內欲將後主還吳,雲與張飛勒兵截江,乃得後主還。) 'อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  32. (漢晉春秋云:先主入益州,吳遣迎孫夫人。夫人欲將太子歸吳,諸葛亮使趙雲勒兵斷江留太子,乃得止。) อรรถาธิบายจากฮั่นจิ้นชุนชิวในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 34.
  33. Sima (1084), vol. 70.
  34. (建興元年,為中護軍、征南將軍,封永昌亭侯,遷鎮東將軍。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  35. ([建興]五年,隨諸葛亮駐漢中。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  36. [建興]五年,率諸軍北駐漢中, ...] จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 35.
  37. ([建興]六年春,揚聲由斜谷道取郿,使趙雲、鄧芝為疑軍,據箕谷,魏大將軍曹真舉衆拒之。亮身率諸軍攻祁山, ...) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 35.
  38. (明年,亮出軍,揚聲由斜谷道,曹真遣大衆當之。亮令雲與鄧芝往拒,而身攻祁山。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  39. (亮令雲與鄧芝往拒,而身攻祁山。雲、芝兵弱敵彊,失利於箕谷,然歛衆固守,不至大敗。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  40. (七年卒,追謚順平侯。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  41. ([景耀]四年春三月,追謚故將軍趙雲。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 33.
  42. (雲子統嗣,官至虎賁中郎,督行領軍。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  43. (次子廣,牙門將,隨姜維遝中,臨陳戰死。) จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 36.
  44. "สวยหรูในชุดจีน "ยุนอา" ในบทเมีย "จูล่ง"". ผู้จัดการออนไลน์. 24 March 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-03-25. สืบค้นเมื่อ 1 August 2015.