เตียวจูล่ง
เตียวจูล่ง (เจ้า ยฺหวิน) | |
---|---|
趙雲 | |
ภาพวาดของเตียวจูล่งสมัยราชวงศ์ชิง | |
ขุนพลพิทักษ์ทัพ (鎮軍將軍) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 227 – ค.ศ. 229 | |
กษัตริย์ | เล่าเสี้ยน |
หัวหน้ารัฐบาล | จูกัดเหลียง |
ขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันออก (鎮東將軍) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. ต้นทศวรรษ 220 – ค.ศ. 227 | |
กษัตริย์ | เล่าเสี้ยน |
หัวหน้ารัฐบาล | จูกัดเหลียง |
ขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南將軍) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 223 – ป. ต้นทศวรรษ 220 | |
กษัตริย์ | เล่าเสี้ยน |
หัวหน้ารัฐบาล | จูกัดเหลียง |
ขุนพลช่วยเหลือทัพ (翊軍將軍) (ภายใต้เล่าปี่) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 214 – ป. ต้นทศวรรษ 220 | |
กษัตริย์ | พระเจ้าเหี้ยนเต้ |
เจ้าเมืองฮุยเอี๋ยง (桂陽太守) (ภายใต้เล่าปี่) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. ค.ศ. 209 – ค.ศ. 214 | |
กษัตริย์ | พระเจ้าเหี้ยนเต้ |
ก่อนหน้า | เตียวหอม |
ขุนพลรอง (偏將軍) (ภายใต้เล่าปี่) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. ค.ศ. 209 – ค.ศ. 214 | |
กษัตริย์ | พระเจ้าเหี้ยนเต้ |
ขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將軍) (ภายใต้เล่าปี่) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 208 – ค.ศ. ? | |
กษัตริย์ | พระเจ้าเหี้ยนเต้ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไม่ทราบ อำเภอเจินติ้ง มณฑลเหอเป่ย์ |
เสียชีวิต | 229[1] |
บุตร |
|
อาชีพ | ขุนพล |
ชื่อรอง | จูล่ง/จื่อหลง (子龍) |
สมัญญานาม | ชุ่นผิงโหฺว (順平侯) |
บรรดาศักด์ | หย่งชางถิงโหฺว (永昌亭侯) |
เตียวจูล่ง[a] (เสียชีวิต ค.ศ. 229)[1] มีชื่อสกุลและชื่อตัวในภาษาจีนกลางว่า เจ้า ยฺหวิน[b] (จีนตัวย่อ: 赵云; จีนตัวเต็ม: 趙雲; พินอิน: Zhào Yún; ) ชื่อรอง จูล่ง หรือภาษาจีนกลางว่า จื่อหลง (จีนตัวย่อ: 子龙; จีนตัวเต็ม: 子龍; พินอิน: Zǐlóng) เป็นขุนพลที่มีชีวิตในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและต้นยุคสามก๊กของจีน เดิมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกองซุนจ้านขุนศึกภาคเหนือ ภายหลังไปรับใช้เล่าปี่ที่เป็นขุนศึกอีกคนหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ติดตามเล่าปี่ร่วมรบในการศึกโดยมาก ตั้งแต่ยุทธการที่เตียงปัน (ค.ศ. 208) ถึงยุทธการที่ฮันต๋ง (ค.ศ. 217-219) เตียวจูล่งรับราชการต่อมาในรัฐจ๊กก๊กซึ่งก่อตั้งโดยเล่าปี่ในปี ค.ศ. 221 ในยุคสามก๊ก และเข้าร่วมในการบุกขึ้นเหนือครั้งแรก จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 229 ในขณะที่ข้อเท็จจริงหลายอย่างเกี่ยวกับชีวประวัติของเตียวจูล่งยังไม่ชัดเจนเนื่องจากมีข้อมูลจำกัดในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แง่มุมและการกระทำบางอย่างในประวัติของเตียวจูล่งก็ได้รับการเสริมแต่งเกินจริงในคติชนพื้นบ้านและนวนิยาย ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 เรื่องสามก๊ก เตียวจูล่งได้รับการยกย่องให้เป็นสมาชิกของห้าทหารเสือของเล่าปี่
แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของชีวประวัติเตียวจูล่ง
[แก้]ชีวประวัติหลักของเตียวจูล่งอยู่ในสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ) เขียนโดยตันซิ่วในศตวรรษที่ 3 โดยมีข้อความยาวเพียง 346 อักษรจีน ในศตวรรษที่ 5 เผย์ ซงจือเพิ่มอรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้าน (趙雲別傳; ชีวประวัติอย่างไม่เป็นทางการของเจ้า ยฺหวิน) ให้กับบทชีวประวัติเตียวจูล่งในสามก๊กจี่ ซึ่งให้ภาพชีวประวัติของเตียวจูล่งที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์
การรับราชการช่วงต้นกับกองซุนจ้าน
[แก้]เตียวจูล่งเป็นชาวอำเภอจีนเต๋ง (真定 เจินติ้ง) เมืองเสียงสัน[c] (常山 ฉางชาน)[7] ในเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านบรรยายลักษณะภายนอกของเตียวจูล่งว่าสูง 8 ฉื่อ (ประมาณ 184 เซนติเมตร) มีรูปลักษณ์ที่สง่างามและน่าประทับใจ[8]
หลังจากที่ได้รับการแนะนำจากเจ้าเมืองเสียงสันให้เข้ารับราชการ เตียวจูล่งจึงนำอาสาสมัครกลุ่มเล็ก ๆ ไปเข้าร่วมกับกองซุนจ้าน ขุนศึกในมณฑลอิวจิ๋ว[9] เวลานั้น ขุนศึกอ้วนเสี้ยวมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นหลังได้รับการแต่งตั้งให้ให้เป็นเจ้ามณฑลกิจิ๋ว กองซุนจ้านจึงกังวลว่าราษฎรจำนวนมากในมณฑลอิวจิ๋วจะเลือกรับใช้อ้วนเสี้ยวแทนที่จะเป็นตน[10]
เมื่อเตียวจูล่งมาพบกองซุนจ้านพร้อมกับกลุ่มอาสาสมัคร กองซุนจ้านถามอย่างดูถูกว่า "ข้าได้ยินมาว่าทุกคนในมณฑลบ้านเกิดของท่าน[d]ต้องการรับใช้ตระกูลอ้วน เหตุใดมีเฉพาะพวกท่านที่มีใจผันแปรไป สับสนจนคิดผิดหรือ"[11] เตียวจูล่งตอบว่า "แผ่นดินกำลังโกลาหล ใครถูกใครผิดไม่ชัดแจ้ง ผู้คนตกอยู่ในอันตราย เหล่าคนที่อยู่ในมณฑลบ้านเกิดของข้าหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงตัดสินใจจะติดตามนายผู้ปกครองด้วยคุณธรรม ข้าจึงเลือกเข้ามาร่วมกับท่านขุนพลแทนที่จะเป็นท่านอ้วน" กองซุนจ้านจึงยอมรับเตียวจูล่ง ภายหลังเตียวจูล่งจึงได้ร่วมในฝ่ายกองซุนจ้านในยุทธการกับทัพอริหลายครั้ง[12]
พบกับเล่าปี่
[แก้]ราวต้นทศวรรษ 190 เตียวจูล่งพบกับเล่าปี่ซึ่งเวลานั้นมาอยู่พึ่งกองซุนจ้าน เตียวจูล่งสนิทสนมกับเล่าปี่อย่างมากและต้องการจะเปลี่ยนมาภักดีต่อเล่าปี่[13] เมื่อกองซุนจ้านส่งเล่าปี่ไปช่วยเต๊งไก๋ที่เป็นพันธมิตรในยุทธการที่รบกับอ้วนเสี้ยว เตียวจูล่งติดตามเล่าปี่ไปด้วยและทำหน้าที่เป็นนายทหารม้าของเล่าปี่[14]
เมื่อเตียวจูล่งได้รับข่าวการเสียชีวิตของพี่ชาย ได้มาขอลาราชการชั่วคราวกับเล่าปี่เพื่อไปไว้อาลัยให้พี่ชาย เล่าปี่รู้ว่าเมื่อเตียวจูล่งไปแล้วจะไม่กลับมาจึงกุมมือของเตียวจูล่งพร้อมบอกลา ก่อนเตียวจูล่งจะจากไปได้กล่าวกับเล่าปี่ว่า "ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย"[15]
รับใช้เล่าปี่
[แก้]ต้นปี ค.ศ. 200 เล่าปี่สูญเสียฐานอำนาจในมณฑลชีจิ๋วให้กับโจโฉที่เป็นอริ เล่าปี่หนีไปทางเหนือข้ามแม่น้ำฮองโห (แม่น้ำเหลือง) และลี้ภัยไปพึ่งอ้วนเสี้ยว ศัตรูของโจโฉ[16] ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เตียวจูล่งก็เดินทางไปยังเงียบกุ๋นอันเป็นที่ตั้งที่ว่าการของอ้วนเสี้ยวซึ่งได้พบกับเล่าปี่อีกครั้งที่นั่น เตียวจูล่งและเล่าปี่อยู่ร่วมห้องเดียวกันในช่วงที่อาศัยอยู่ในเงียบกุ๋น[17]
เล่าปี่ลอบสั่งการกับเตียวจูล่งให้ช่วยรวบรวมทหารได้หลายร้อยนายที่เต็มใจจะติดตามตน อ้างว่าทหารเหล่านี้รับใช้ขุนพลซ้าย (左將軍 จั่วเจียงจฺวิน)[e] อ้วนเสี้ยวไม่รู้เรื่องดังกล่าวนี้ จากนั้นเตียวจูล่งพร้อมด้วยเล่าปี่และผู้ติดตามจึงตีจากอ้วนเสี้ยวและมุ่งลงใต้ไปเข้าร่วมกับเล่าเปียว เจ้ามณฑลเกงจิ๋ว[19]
ยุทธการที่พกบ๋อง
[แก้]ในปี ค.ศ. 202 เมื่อโจโฉนำทัพขึ้นไปรบในการทัพทางเหนือของจีนเพื่อรบกับเหล่าบุตรชายของอ้วนเสี้ยวและพันธมิตร เล่าปี่ถือโอกาสที่โจโฉไม่อยู่นำกองกำลังเข้าโจมตีดินแดนของโจโฉในภาคกลางของจีน โจโฉส่งขุนพลแฮหัวตุ้นและคนอื่น ๆ นำทัพไปต้านเล่าปี่[20][21]
ระหว่างยุทธการ เตียวจูล่งจับตัวแฮหัวอัน (夏侯蘭 เซี่ยโหฺว หลาน) เพื่อนเก่าที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันกับตน เตียวจูล่งขอร้องเล่าปี่ให้ไว้ชีวิตแฮหัวอันและแนะนำให้รับแฮหัวอันมารับราชการเป็นตุลาการทัพเพราะตนรู้ว่าแฮหัวอันมีความรู้เรื่องกฎหมาย[22] เตียวจูล่งได้รับการยกย่องในเรื่องความรอบคอบระมัดระวังเกี่ยวกับการวางตัวในเรื่องความสัมพันธ์กับแฮหัวอันแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม[23]
ยุทธการที่เตียงปัน
[แก้]หลังเล่าเปียวเสียชีวิตในปี ค.ศ. 208 เล่าจ๋องบุตรชายคนเล็กของเล่าเปียวสืบทอดตำแหน่งเจ้ามณฑลเกงจิ๋ว เมื่อโจโฉเริ่มการทัพในปีเดียวกันเพื่อจัดการกับกองกำลังข้าศึกในภาคใต้ของจีน เล่าจ๋องยอมสวามิภักดิ์และมอบมณฑลเกงจิ๋วให้กับโจโฉ เล่าปี่และผู้ติดตามทิ้งฐานที่มั่นในอำเภอซินเอี๋ย (新野 ซินเย่) และมุ่งหน้าลงใต้ไปยังแฮเค้า (夏口 เซี่ยโขฺ่ว) ซึ่งรักษาโดยเล่ากี๋บุตรชายคนโตของเล่าเปียวและเป็นอิสระจากการยึดครองของโจโฉ[24]
โจโฉนำกองกำลังทหารม้าฝีมือดี 5,000 นายด้วยตนเองออกไล่ตามเล่าปี่ และไล่ตามเล่าปี่ทันที่เตียงปัน (長坂 ฉางป่าน) ตีกองกำลังของเล่าปี่แตกพ่ายยับเยิน ระหว่างที่เล่าปี่ทิ้งครอบครัวหนี[25] เตียวจูล่งอุ้มเล่าเสี้ยนบุตรชายที่ยังเด็กของเล่าปี่และคุ้มครองกำฮูหยินภรรยาของเล่าปี่ (มารดาของเล่าเสี้ยน) ในระหว่างยุทธการและพาไปยังที่ปลอดภัย ภายหลังเตียวจูล่งได้เลื่อนยศเป็นขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將軍 หยาเหมินเจียงจฺวิน) ตอบแทนความอุตสาหะ[26]
ก่อนหน้านี้หลังจากพ่ายแพ้ที่เตียงปัน เล่าปี่ได้ยินข่าวลือว่าเตียวจูล่งทรยศตนไปเข้าด้วยฝ่ายโจโฉ เล่าปี่ปฏิเสธที่จะเชื่อข่าวลือ ขว้างทวนจี่สั้นลงกับพื้นและพูดว่า "จูล่งไม่ทอดทิ้งข้าหนีไปแน่" คำพูดของเล่าปี่ถูกต้องเพราะเตียวจูล่งกลับมาหาเล่าปี่หลังจากนั้นอีกไม่นาน[27]
ในฤดูหนาว ค.ศ. 208–209 เล่าปี่เป็นพันธมิตรกับขุนศึกซุนกวนและเอาชนะโจโฉได้อย่างเด็ดขาดในยุทธการที่เซ็กเพ็ก โจโฉถอยหนีขึ้นเหนือหลังพ่ายแพ้ เล่าปี่และซุนกวนก็รุกคืบยึดได้เมืองลำกุ๋น (南郡 หนานจฺวิ้น) ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การครอบครองของโจโฉ[28]
ในฐานะเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยง
[แก้]ภายหลังเตียวจูล่งได้เลื่อนขึ้นขึ้นเป็นขุนพลรอง (偏將軍 เพียนเจียงจฺวิน) สำหรับผลงานที่ช่วยเล่าปี่ในการพิชิตสี่เมืองทางใต้ของมณฑลเกงจิ๋วคือเตียงสา (長沙 ฉางชา) เลงเหลง (零陵 หลิงหลิง) บุเหลง (武陵 อู่หลิง) และฮุยเอี๋ยง (桂陽 กุ้ยหยาง) หลังจากยึดได้เมืองฮุยเอี๋ยงแล้ว เล่าปี่ตั้งให้เตียวจูล่งเป็นเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยงคนใหม่แทนที่เตียวหอม[29]
เตียวหอมมีพี่สะใภ้ที่เป็นหม้ายและมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงาม เตียวหอมต้องการจะจัดการให้พี่สะใภ้ได้แต่งงานกับเตียวจูล่งเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับเตียวจูล่ง แต่เตียวจูล่งปฏิเสธความคิดนี้และพูดกับเตียวหอมว่า "เรามีสกุลเดียวกัน พี่ชายของท่านก็เหมือนพี่ชายของข้าเช่นกัน"[30]
มีคนอื่น ๆ ที่โน้มน้าวให้เตียวจูล่งยอมรับการแต่งงานแต่เตียวจูล่งปฏิเสธอย่างหนักแน่นพูดว่า "เตียวหอมถูกบังคับให้ยอมจำนนเพราะสถานการณ์พาไป เจตนาของเขายังไม่แน่ชัดและน่าสงสัย นอกจากนี้ในแผ่นดินนี้ยังมีสตรีอื่นอีกมากมาย" ไม่นานหลังจากนั้น เตียวหอมหลบหนีไป และเตียวจูล่งก็สามารถหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ใด ๆ กับเตียวหอมไปได้เพราะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน[31]
รักษาเกงจิ๋ว
[แก้]ราวปี ค.ศ. 211 เล่าปี่นำทัพยกไปทางตะวันตกเข้ามณฑลเอ๊กจิ๋วเพื่อไปช่วยเล่าเจี้ยงเจ้ามณฑลเอ๊กจิ๋วในการรบต้านเตียวฬ่อที่เป็นขุนศึกคู่อริแห่งฮันต๋ง (漢中 ฮั่นจง) เตียวจูล่งและคนอื่น ๆ ยังอยู่รักษามณฑลเกงจิ๋ว[32][33][28]
ก่อนหน้านี้เมื่อราวปี ค.ศ. 209[28] เล่าปี่แต่งงานกับซุนฮูหยินน้องสาวของซุนกวนเพื่อเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างเล่าปี่และซุนกวน ซุนฮูหยินยังคงอยู่ในมณฑลเกงจิ๋วเมื่อเล่าปี่จากไปมณฑลเอ๊กจิ๋ว ซุนฮูหยินถือตนว่าเป็นน้องสาวของขุนศึกผู้ทรงอำนาจ จึงแสดงท่าทีหยิ่งยโสและกระทำตามอำเภอใจ และยังปล่อยให้องครักษ์และผู้รับใช้ส่วนตัวประพฤติผิดกฎหมายในมณฑลเกงจิ๋ว ด้วยเหตุนี้เล่าปี่จึงแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษให้เตียวจูล่งที่ตนถือว่าเป็นบุคคลที่จริงจังและมีมโนธรรมให้ดูแลกิจการภายในมณฑลเกงจิ๋ว รวมถึงรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยระหว่างที่เล่าปี่ไม่อยู่[34] เมื่อซุนกวนได้ยินว่าเล่าปี่จากไปมณฑลเอ๊กจิ๋ว จึงส่งเรือไปรับตัวน้องสาวกลับ ซุนฮูหยินพยายามพาตัวเล่าเสี้ยนบุตรชายของเล่าปี่ไปด้วยกัน แต่เตียวจูล่งและเตียวหุยนำทหารมาขัดขวางและพาเล่าเสี้ยนกลับมาได้[35]
ฮั่นจิ้นชุนชิว (漢晉春秋) ที่เขียนโดยสี จั้วฉื่อนักประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์จิ้น ให้รายละเอียดของเหตุการณ์นี้ที่คล้ายคลึงกันกับที่บันทึกในเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้าน[36]
ยึดครองเอ๊กจิ๋ว
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุทธการที่แม่น้ำฮั่นซุย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุทธการที่อิเหลง
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รับใช้เล่าเสี้ยน
[แก้]หลังเล่าปี่สวรรคตในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 223 เล่าเสี้ยนผู้เป็นโอรสขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแห่งจ๊กก๊ก โดยมีอัครมหาเสนาบดีจูกัดเหลียงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพราะเวลานั้นเล่าเสี้ยนยังทรงพระเยาว์[37] หลังเล่าเสี้ยนขึ้นครองราชย์ได้ทรงแต่งตั้งเตียวจูล่งเป็นผู้พิทักษ์ทัพกลาง (中護軍 จงฮู่จฺวิน) และขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南將軍 เจิงหนานเจียงจฺวิน) และพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหย่งชางถิงโหว (永昌亭侯) ภายหลังพระองค์เลื่อนขั้นเตียวจูล่งเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันออก (鎮東將軍 เจิ้นตงเจียงจฺวิน)[38]
ยุทธการที่กิก๊ก
[แก้]ในปี ค.ศ. 227 เตียวจูล่งย้ายไปยังพื้นที่ระดมพลที่เมืองฮันต๋งเพื่อเข้าร่วมกับจูกัดเหลียงซึ่งกำลังระดมกำลังทหารจากทั่วจ๊กก๊กเพื่อเตรียมการสำหรับการทัพครั้งใหญ่ต่อวุยก๊กที่เป็นรัฐอริของจ๊กก๊ก[39][40]
ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 228 จูกัดเหลียงมอบหมายให้เตียวจูล่งและเตงจี๋นำกองกำลังแยกไปยังหุบเขากิก๊ก (箕谷 จีกู่) แสร้งทำเป็นเข้าตีอำเภอไปเซีย (郿縣 เหมย์เซี่ยน; อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอฝูเฟิง มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) ผ่านหุบเขาเสียดก๊กหรือจำก๊ก (斜谷 เสียกู่) ภารกิจของเตียวจูล่งและเตงจี๋คือเบี่ยงเบนความสนใจของโจจิ๋นขุนพลวุยก๊กระหว่างที่จูกัดเหลียงนำทัพหลักของจ๊กก๊กเข้าโจมตีเขากิสาน (祁山 ฉีชาน; พื้นที่แถบภูเขาบริเวณบริเวณอำเภอหลี่ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน)[41][42]
เตียวจูล่งและเตงจี๋พ่ายแพ้ต่อโจจิ๋นในยุทธการที่หุบเขากิก๊กเพราะจูกัดเหลียงให้ทั้งคู่บัญชาการกองกำลังทหารที่อ่อนแอกว่าในขณะที่ตัวจูกัดเหลียงนำกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่าเข้าโจมตีเขากิสาน อย่างไรก็ตาม เตียวจูล่งสามารถรวบรวมทหารให้เป็นแนวป้องกันที่แน่นหนาระหว่างการล่าถอย จึงสามารถลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด[43]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เสียชีวิตและได้รับสมัญญานาม
[แก้]เตียวจูล่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 229 ได้รับสมัญญานามว่า "ชุ่นผิงโหว" (順平侯; Shùnpíng hóu) จากเล่าเสี้ยนในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ค.ศ. 261[44][45]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ครอบครัว
[แก้]บุตรชายคนโตของเตียวจูล่งชื่อเตียวหอง (趙統; Zhào Tǒng เจ้า ถ่ง) รับราชการเป็นทหารในหน่วยหู่เปิน (虎賁) แห่งกองทหารราชองครักษ์[46]
บุตรชายคนรองของเตียวจูล่งชื่อเตียวกอง (趙廣; Zhào Guǎng เจ้า กว่าง) รับราชการเป็นขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將 หยาเหมินเจี้ยง) เตียวกองเข้าร่วมกับเกียงอุยขุนพลจ๊กก๊กในการทัพกับวุยก๊ก และถูกสังหารในที่รบที่ท่าจง (沓中; อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอโจฺวชฺวี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน)[47]
คำวิจารณ์
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในนิยายสามก๊ก
[แก้]วีรกรรมที่เกิดขึ้นจริงของเตียวจูล่งในหลายเหตุการณ์ได้รับการเสริมแต่งอย่างมากในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 เรื่องสามก๊ก (ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) ในนวนิยายแสดงบทบาทของเตียวจูล่งในฐานะนักรบที่แทบจะสมบูรณ์แบบ ผู้มีทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลัง ภักดีต่อเจ้านายอย่างไม่เปลี่ยนแปลง มีความกล้าหาญอย่างสูง มีสติปัญญาเฉียบแหลม และมีความสุขุมเยือกเย็น ลักษณะเหล่านี้มักได้รับการสะท้อนในสื่อร่วมสมัยเกี่ยวกับเตียวจูล่งเกือบทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน
ดูเรื่องแต่งบางเรื่องเกี่ยวกับเตียวจูล่งในนวนิยายสามก๊กในรายการต่อไปนี้:
ในวัฒนธรรมประชานิยม
[แก้]ภาพยนตร์
[แก้]- จูล่งเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ของจีน สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร กำกับโดย แดเนียล ลี และ สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ กำกับโดยจอห์น วู
- จูล่งเป็นตัวละครเอกในภาพยนตร์เรื่อง สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร รับบทแสดงนำโดยหลิวเต๋อหัว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของจูล่งตั้งแต่สมัครเป็นทหารจนถึงศึกครั้งสุดท้ายกับวุยก๊ก แต่เนื่องจากภาพยนตร์ได้ดัดแปลงเรื่องราวของจูล่งไปอย่างมากจนผิดเพี้ยนไปทั้งจากมากในนิยายและในประวัติศาสตร์ ทำให้ถูกวิจารณ์กันมาก แต่ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์สามก๊กเรื่องแรกที่นำจูล่งมาเป็นตัวเอกของเรื่อง
- ในภาพยนตร์เรื่อง สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ จูล่งรับบทฮูจุน โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ จูล่งปรากฏตัวครั้งแรกในศึกทุ่งเตียงปันเกี้ยว โดยเป็นผู้ช่วยนำพาอาเต๊าบุตรของเล่าปี่ฝ่าทัพของโจโฉ และได้มีบทบาทในการรบอีกหลายครั้ง ในสงครามระหว่างฝ่ายโจโฉและฝ่ายพันธมิตรเล่าปี่ซุนกวน ทั้งสงครามภาคพื้นดินและสงครามประชิดค่ายโจโฉ
ละครโทรทัศน์
[แก้]- สามก๊ก ของประเทศจีน ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเชิดชูและยกย่องวรรณกรรมอมตะของจีนเรื่องสามก๊ก ในปี พ.ศ. 2534 ได้มีการกล่าวถึงจูล่งด้วยเช่นกัน นักแสดงผู้รับบทเป็นจูล่งคือ จางซาน และหยางฟาน
- สามก๊ก เป็นละครที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2553 แสดงเป็นจูล่งโดย เนี่ยหยวน
- จูล่ง ขุนพลเทพสงคราม เป็นละครที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2558 แสดงเป็นจูล่งโดย หลิน เกิงซิน[48]
การ์ตูน
[แก้]- จูล่ง ถูกดัดแปลงเรื่องราวให้เป็นตัวละครนำในชื่อ เหลี่ยวหยวนหว่อ เป็นพระเอกร่วมกับสุมาอี้ ในการ์ตูนเรื่อง หงสาจอมราชันย์ ผลงานชื่อดังของเฉินเหมา
- ในการ์ตูน สามก๊ก มหาสนุก ผลงานการ์ตูนสามก๊กของสุชาติ พรหมรุ่งโรจน์ ได้มีการกล่าวถึงจูล่งด้วยเช่นกัน
วิดีโอเกม
[แก้]- จูล่งเป็นตัวละครแบบบังคับได้ในเกมซีรีส์ Dynasty Warriors
- จูล่งเป็นนายทหารในเกมซีรีส์ Romance of the Three Kingdoms
- จูล่งเป็นต้นแบบตัวละครในเกม League of Legends คือ Xin Zhao และมีสกิน Warring Kingdoms ที่อ้างอิงจากจูล่ง
- จูล่งเป็นตัวละครในเกม OMG SAMKOK 2
- จูล่งเป็นนายทหารในเกมซีรีส์ Total war Three kingdoms
- จูล่งเป็นตัวละครในเกม Mobile Legends: Bang Bang
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ "เตียวจูล่ง" เป็นชื่อเรียกที่มาจากแซ่กับชื่อรองรวมกัน ในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)ปรากฏการเรียกด้วยชื่อ "เตียวจูล่ง" ในตอนที่ 37[2] และตอนที่ 63[3] ในขณะที่ตอนอื่น ๆ เรียกด้วยเพียงชื่อรองว่า "จูล่ง"
- ↑ แซ่ "เจ้า" (趙) ในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)เรียกเป็นสกุล "เตียว"[3] เหมือนกับสกุล "จาง" (張) ในขณะที่ชื่อตัวของเตียวจูล่งว่า "ยฺหวิน" (雲) ไม่มีการระบุถึงในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) คำว่า "ยฺหวิน" นี้ในภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า "หุน" (hûn)
- ↑ ในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ปรากฏการเรียกเมืองฉางชาน (常山) เป็น 3 ชื่อ ได้แก่ เสียงสัน[4], เซียงสัน[5] และเสียงสาน[6]
- ↑ เมืองเสียงสันอยู่ในเขตมณฑลกิจิ๋ว
- ↑ เล่าปี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลซ้าย (左將軍 จั่วเจียงจฺวิน) จากราชสำนักฮั่นในช่วงต้นปี ค.ศ. 199 หลังยุทธการที่แห้ฝือ[18]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 de Crespigny (2007), p. 1114.
- ↑ ("โจหองได้ยินโจโฉถาม ก็ขับม้ารีบลงไปจากเนินเข้าสกัดหน้าจูล่งไว้ แล้วก็ร้องถามว่าท่านนี้ชื่อใด จูล่งจึงร้องบอกว่าเราชื่อเตียวจูล่ง") "สามก๊ก ตอนที่ ๓๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ July 16, 2024.
- ↑ 3.0 3.1 ("เตียวจูล่งจึงทูลว่า ซึ่งโจผีขบถนั้นเปนข้อใหญ่ มิใช่แต่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะเจ็บแค้น ถึงเทพดาก็มีความแค้น ...เตียวจูล่งจึงทูลว่า ความแค้นข้างโจผีนี้ให้เจ็บใจทั่วกัน ทั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยแลราษฎรทั้งปวง ฝ่ายความแค้นข้างซุนกวนนี้ให้เจ็บใจแต่พระองค์เปนแต่พี่น้อง ขอให้พระองค์ไปแก้แค้นโจผีเถิด เห็นว่าจะชอบใจคนทั้งปวง...พระเจ้าเล่าปี่จึงว่า ถ้าเราไม่แก้แค้นแทนน้องเราได้ คนทั้งปวงก็จะเห็นว่าเราหามีความสัตย์ไม่ เราไม่ฟังคำเตียวจูล่งห้ามแล้ว...แล้วจึงจัดแจงกองทัพสั่งให้เตียวจูล่งเปนทัพหนุนคุมลำเลียง") "สามก๊ก ตอนที่ ๖๓". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ July 6, 2023.
- ↑ ("โจโฉตั้งกองทัพอยู่ที่สูงแลไปเห็นก็ตกใจ จึงถามทหารทั้งปวงว่า คนนี้คือผู้ใด ทหารทั้งปวงจึงบอกว่า เปนชาวบ้านเสียงสันชื่อจูล่ง") "สามก๊ก ตอนที่ ๕๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ August 28, 2024.
- ↑ ("กองซุนจ้านจึงออกมาจากเงื้อมเขา เห็นทหารคนนั้นสูงประมาณหกศอก หน้าผากแลคิ้วใหญ่ตาโต จึงถามว่าท่านนี้ชื่อใด มาช่วยเรานี้ขอบใจนัก จูล่งย่อตัวลงคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้าชื่อจูล่งแซ่เตียว อยู่ณเมืองเซียงสัน") "สามก๊ก ตอนที่ ๖". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ August 28, 2024.
- ↑ ("นางงอก๊กไถ้เห็นจูล่งแต่งตัวเปนทหารเหน็บกระบี่เดิรเข้ามายืนแอบหลังเล่าปี่อยู่ จึงถามเล่าปี่ว่าทหารคนนี้ชื่อใด เล่าปี่บอกว่าชื่อจูล่ง เปนแซ่เตียวชาวเมืองเสียงสาน") "สามก๊ก ตอนที่ ๔๕". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ August 28, 2024.
- ↑ (趙雲字子龍,常山真定人也。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (雲別傳曰:雲身長八尺,姿顏雄偉, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (... 為本郡所舉,將義從吏兵詣公孫瓚。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (時袁紹稱兾州牧,瓚深憂州人之從紹也, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (... 善雲來附,嘲雲曰:「聞貴州人皆願袁氏,君何獨迴心,迷而能反乎?」) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (雲荅曰:「天下訩訩,未知孰是,民有倒縣之厄,鄙州論議,從仁政所在,不為忽袁公私明將軍也。」遂與瓚征討。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (時先主亦依託瓚,每接納雲,雲得深自結託。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (本屬公孫瓚,瓚遣先主為田楷拒袁紹,雲遂隨從,為先主主騎。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (雲以兄喪,辭瓚暫歸,先主知其不反,捉手而別,雲辭曰:「終不背德也。」) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ Sima (1084), vol. 63.
- ↑ (先主就袁紹,雲見於鄴。先主與雲同床眠卧, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (助先主圍布於下邳,生禽布。先主復得妻子,從曹公還許。表先主為左將軍, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 32.
- ↑ (... 密遣雲合募得數百人,皆稱劉左將軍部曲,紹不能知。遂隨先主至荊州。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ Sima (1084), vol. 64.
- ↑ (先是,與夏侯惇戰於博望, ...) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (... 生獲夏侯蘭。蘭是雲鄉里人,少小相知,雲白先主活之,薦蘭明於法律,以為軍正。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (雲不用自近,其慎慮類如此。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ Sima (1084), vol. 65.
- ↑ (曹公以江陵有軍實,恐先主據之,乃釋輜重,輕軍到襄陽。聞先主已過,曹公將精騎五千急追之,一日一夜行三百餘里,及於當陽之長坂。先主棄妻子,與諸葛亮、張飛、趙雲等數十騎走,曹公大獲其人衆輜重。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 32.
- ↑ (及先主為曹公所追於當陽長阪,棄妻子南走,雲身抱弱子,即後主也,保護甘夫人,即後主母也,皆得免難。遷為牙門將軍。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (雲別傳曰:初,先主之敗,有人言雲已北去者,先主以手戟擿之曰:「子龍不棄我走也。」頃之,雲至。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 Sima (1084), vol. 66.
- ↑ (從平江南,以為偏將軍,領桂陽太守,代趙範。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (範寡嫂曰樊氏,有國色,範欲以配雲。雲辭曰:「相與同姓,卿兄猶我兄。」固辭不許。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (時有人勸雲納之,雲曰:「範迫降耳,心未可測;天下女不少。」遂不取。範果逃走,雲無纖介。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (先主入蜀,雲留荊州。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (先主入益州,雲領留營司馬。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (此時先主孫夫人以權妹驕豪,多將吳吏兵,縱橫不法。先主以雲嚴重,必能整齊,特任掌內事。) อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (權聞備西征,大遣舟船迎妹,而夫人內欲將後主還吳,雲與張飛勒兵截江,乃得後主還。) 'อรรถาธิบายจากเจ้ายฺหวินเปี๋ยจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (漢晉春秋云:先主入益州,吳遣迎孫夫人。夫人欲將太子歸吳,諸葛亮使趙雲勒兵斷江留太子,乃得止。) อรรถาธิบายจากฮั่นจิ้นชุนชิวในสามก๊กจี่ เล่มที่ 34.
- ↑ Sima (1084), vol. 70.
- ↑ (建興元年,為中護軍、征南將軍,封永昌亭侯,遷鎮東將軍。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ ([建興]五年,隨諸葛亮駐漢中。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ [建興]五年,率諸軍北駐漢中, ...] สามก๊กจี่ เล่มที่ 35.
- ↑ ([建興]六年春,揚聲由斜谷道取郿,使趙雲、鄧芝為疑軍,據箕谷,魏大將軍曹真舉衆拒之。亮身率諸軍攻祁山, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 35.
- ↑ (明年,亮出軍,揚聲由斜谷道,曹真遣大衆當之。亮令雲與鄧芝往拒,而身攻祁山。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (亮令雲與鄧芝往拒,而身攻祁山。雲、芝兵弱敵彊,失利於箕谷,然歛衆固守,不至大敗。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (七年卒,追謚順平侯。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ ([景耀]四年春三月,追謚故將軍趙雲。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 33.
- ↑ (雲子統嗣,官至虎賁中郎,督行領軍。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ (次子廣,牙門將,隨姜維遝中,臨陳戰死。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
- ↑ "สวยหรูในชุดจีน "ยุนอา" ในบทเมีย "จูล่ง"". ผู้จัดการออนไลน์. 24 March 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-03-25. สืบค้นเมื่อ 1 August 2015.
- Chen, Shou (3rd century). Records of the Three Kingdoms (Sanguozhi).
- de Crespigny, Rafe (2007). A Biographical Dictionary of Later Han to the Three Kingdoms 23-220 AD. Leiden: Brill. ISBN 9789004156050.
- Luo, Guanzhong (14th century). Romance of the Three Kingdoms (Sanguo Yanyi).
- Pei, Songzhi (5th century). Annotations to Records of the Three Kingdoms (Sanguozhi zhu).
- Sima, Guang (1084). Zizhi Tongjian.
- Yi Zhou Shu