คุรุสภา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คุรุสภา
The Teachers' Council of Thailand
ตราประจำคุรุสภา (ตราพระพฤหัสบดี)
ภาพรวมหน่วยงาน
ก่อตั้ง12 มิถุนายน พ.ศ. 2546 (20 ปี)[1]
หน่วยงานก่อนหน้า
  • คุรุสภา (เดิม)
เขตอำนาจทั่วราชอาณาจักรไทย
สำนักงานใหญ่ไทย
128/1 ถนนนครราชสีมา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
งบประมาณประจำปี265.9764 ล้านบาท (พ.ศ. 2560)[2]
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน
  • ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม, เลขาธิการ
  • ดร.สุดา สุขอ่ำ, รองเลขาธิการ
  • ผศ.ดร.พลรพี ทุมมาพันธ์, รองเลขาธิการ
ต้นสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เว็บไซต์http://www.ksp.or.th

คุรุสภา (อังกฤษ: The Teachers' Council of Thailand) เป็นสภาสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในประเทศไทย จัดตั้งขึ้นพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับ ดูแล การปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งเป็นการยกระดับวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยมีสำนักเลขานุการคือ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

คุรุสภา มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ ประเภทองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ[3]

ประวัติ[แก้]

เมื่อปี พ.ศ. 2488 รัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ โดยนายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาวิกฤติในวิชาชีพครู เนื่องจากคนดี คนเก่ง ไม่อยากเรียนครู และครูเก่ง ครูดีจำนวนไม่น้อยไปประกอบอาชีพอื่น จึงได้มีการตรา พระราชบัญญัติครู พ.ศ. 2488 ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติวิชาชีพครู โดยให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการ มีฐานะเป็นนิติบุคคล เรียกว่า คุรุสภา ให้มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไป ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ และส่งเสริมฐานะครู และครอบครัวให้ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู ตลอดจนทำหน้าที่แทนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในเรื่องการบริหารงานบุคคล โดยกำหนดให้ครูทุกคนต้องเป็นสมาชิกคุรุสภา[4]

ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีปองพล อดิเรกสาร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตรา พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ทำให้คุรุสภาเปลี่ยนสถานะเป็นสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา

วัตถุประสงค์[แก้]

พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 8 ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของคุรุสภาไว้ ดังนี้

  1. กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับ ดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพ
  2. กำหนดนโยบายและแผนพัฒนาวิชาชีพ
  3. ประสาน ส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพ

คณะกรรมการ[แก้]

คณะกรรมการคุรุสภา[แก้]

พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการคุรุสภา ประกอบด้วย

คณะกรรมการคุรุสภา ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
ลำดับที่ ตำแหน่ง จำนวน ที่มา
1 ประธานกรรมการ 1 คน คณะรัฐมนตรี แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูงด้านการศึกษา มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือกฎหมาย
2 กรรมการโดยตำแหน่ง 8 คน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

เลขาธิการสภาการศึกษา

เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา

เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา

เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน

หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น

3 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน คณะรัฐมนตรี แต่งตั้งจากผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูงด้านการบริหารการศึกษา การอาชีวศึกษา การศึกษาพิเศษ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกฎหมายด้านละหนึ่งคน ซึ่งในจำนวนนี้ต้องเป็นผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นครู ผู้บริหารสถานศึกษา หรือผู้บริหารการศึกษา ไม่น้อยกว่าสามคน
4 กรรมการผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ หรือการศึกษา 4 คน ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ หรือการศึกษา ซึ่งเลือกกันเองจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐจำนวนสามคน และจากสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจำนวนหนึ่งคน
5 กรรมการจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 19 เลือกตั้งมาจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น และมาจากสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา สถาบันอาชีวศึกษา สถานศึกษาเอกชน และองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ตามสัดส่วนจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
6 กรรมการและเลขานุการ 1 คน เลขาธิการคุรุสภา

หมายเหตุ : หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หลักเณฑ์และวิธีการเลือกผู้แทนสถาบันอุดมศึกษา และหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นไปตามข้อบังคับของคุรุสภา

ในปัจจุบัน คณะกรรมการคุรุสภา แต่งตั้งโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 17/2560[5]

คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ[แก้]

พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ประกอบด้วย

อำนาจหน้าที่[แก้]

คณะกรรมการคุรุสภา[แก้]

  1. บริหารและดำเนินการตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของคุรุสภาซึ่งกำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
  2. ให้คำปรึกษาและแนะนำแก่คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ
  3. พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพตามมาตรา 54
  4. เร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ หรือคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
  5. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อกระทำการใดๆ อันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา
  6. กำหนดนโยบายการบริหารงาน และให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
  7. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา
  8. พิจารณาหรือดำเนินการในเรื่องอื่นตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
  9. ควบคุม ดูแล การดำเนินงาน และการบริหารงานทั่วไป ตลอดจนออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ในเรื่องดังต่อไปนี้
  • การจัดแบ่งส่วนงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาและขอบเขตหน้าที่ของส่วนงานดังกล่าว
  • การกำหนดตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะ อัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนอื่นของพนักงานเจ้าหน้าที่คุรุสภา
  • การคัดเลือก การบรรจุ การแต่งตั้ง การถอดถอน วินัยและการลงโทษของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งวิธีการ เงื่อนไข ในการจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่ของคุรุสภา
  • การบริหารและจัดการการเงิน การพัสดุ และทรัพย์สินของคุรุสภา
  • กำหนดอำนาจหน้าที่และระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจสอบภายใน

คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ[แก้]

  1. พิจารณาการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และการพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต
  2. กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
  3. ส่งเสริม พัฒนา และเสนอแนะคณะกรรมการคุรุสภากำหนดมาตรฐานและจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ
  4. ส่งเสริม ยกย่อง และพัฒนาวิชาชีพไปสู่ความเป็นเลิศในสาขาต่าง ๆ ตามที่กำหนดในข้อบังคับของคุรุสภา
  5. แต่งตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการ หรือมอบหมายกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อกระทำการใดๆ อันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ
  6. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ
  7. พิจารณาหรือดำเนินการในเรื่องอื่นตามที่รัฐมนตรี หรือคณะกรรมการคุรุสภามอบหมาย

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา[แก้]

ในการดำเนินงานของคุรุสภามี สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เป็นหน่วยเลขานุการและธุรการ รับผิดชอบงานตามที่คุรุสภามอบหมาย โดยมีเลขาธิการคุรุสภาเป็นผู้บริหารกิจการของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ปัจจุบันแบ่งส่วนงานออกเป็น 7 สำนัก 1 สถาบัน 1 กลุ่ม 1 หน่วย[6] ดังนี้

  1. สำนักมาตรฐานวิชาชีพ
  2. สำนักทะเบียนและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
  3. สำนักจรรยาบรรณวิชาชีพและนิติการ
  4. สำนักพัฒนาและส่งเสริมวิชาชีพ
  5. สำนักนโยบายและแผน
  6. สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  7. สำนักอำนวยการ
  8. สถาบันคุรุพัฒนา
  9. กลุ่มพัฒนาระบบงาน
  10. หน่วยตรวจสอบภายใน


สถาบันคุรุพัฒนา[แก้]

สถาบันคุรุพัฒนา เป็นหน่วยงานภายในของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560 ตามระเบียบคณะกรรมการคุรุสภาว่าด้วยการจัดตั้งถาบันคุรุพัฒนา พ.ศ. 2560 และระเบียบคณะกรรมการคุรุสภาว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันคุรุพัฒนา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 โดยกำหนดให้สถาบันคุรุพัฒนาเป็นสถาบันวิชาการชั้นสูง ในกำกับของคุรุสภา เป็นส่วนงานหนึ่งของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ตามระเบียบคุรุสภา ว่าด้วยการจัดแบ่งส่วนงานและขอบเขตหน้าที่ของส่วนงานในสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา พ.ศ. 2560 มีสถานะเทียบเท่าสำนัก  ใช้คำย่อว่า “สคพ.” และให้มี ชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า “Teacher Professional Development Institute”   ใช้คำย่อว่า “TPDI”

อ้างอิง[แก้]

  1. พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 เก็บถาวร 2015-05-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 52 ก วันที่ 11 มิถุนายน 2546
  2. พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 133 ตอนที่ 84 ก วันที่ 23 กันยายน 2559
  3. องค์การมหาชนที่จัดตั้งตาม พ.ร.บ. เฉพาะ
  4. พระราชบัญญัติครู พ.ศ. 2488 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 62 ตอนที่ 4 วันที่ 16 มกราคม 2488
  5. "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-10-24. สืบค้นเมื่อ 2018-07-04.
  6. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-06-08. สืบค้นเมื่อ 2018-07-04.

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]