ฟุตบอลทีมชาติอินโดนีเซีย
ฉายา |
| |||
---|---|---|---|---|
สมาคม | PSSI | |||
สมาพันธ์ย่อย | เอเอฟเอฟ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) | |||
สมาพันธ์ | เอเอฟซี (เอเชีย) | |||
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | ชิน แท-ยง | |||
กัปตัน | อัสนาวี มังกัวลัม | |||
ติดทีมชาติสูงสุด | อับดุล กาดีร์ (111)[1][2] | |||
ทำประตูสูงสุด | อับดุล กาดีร์ (70)[2] | |||
สนามเหย้า | ||||
รหัสฟีฟ่า | IDN | |||
| ||||
อันดับฟีฟ่า | ||||
อันดับปัจจุบัน | 134 (20 มิถุนายน 2024)[4] | |||
อันดับสูงสุด | 76 (กันยายน ค.ศ. 1997) | |||
อันดับต่ำสุด | 191 (กรกฎาคม ค.ศ. 2016) | |||
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก | ||||
หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ 7–1 ญี่ปุ่น (มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์; 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1934)[5][6] | ||||
ชนะสูงสุด | ||||
อินโดนีเซีย 12–0 ฟิลิปปินส์ (โซล ประเทศเกาหลีใต้; 21 กันยายน ค.ศ. 1972) อินโดนีเซีย 13–1 ฟิลิปปินส์ (จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย; 23 ธันวาคม ค.ศ. 2002) | ||||
แพ้สูงสุด | ||||
บาห์เรน 10–0 อินโดนีเซีย (อัรริฟาอ์ ประเทศบาห์เรน; 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012) | ||||
ฟุตบอลโลก | ||||
เข้าร่วม | 1 (ในฐานะ หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์) (ครั้งแรกใน 1938) | |||
ผลงานดีที่สุด | Knock Outs | |||
เอเชียนคัพ | ||||
เข้าร่วม | 5 (ครั้งแรกใน 1996) | |||
ผลงานดีที่สุด | รอบ 16 ทีมสุดท้าย (2023) | |||
ฟุตบอลทีมชาติอินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย: Tim Nasional Sepak Bola Indonesia) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนจากประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้การควบคุมของสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย อินโดนีเซียเป็นชาติแรกในทวีปเอเชียที่เคยร่วมเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยเล่นในฟุตบอลโลก 1938 แต่ในขณะนั้นยังลงเล่นในฐานะตัวแทนของ ดัตช์อีสต์อินดีส์ ซึ่งเป็นชื่อของอินโดนีเซียในช่วงที่เป็นเมืองขึ้นของเนเธอร์แลนด์ และยังไม่เคยเข้าร่วมฟุตบอลโลกในฐานะประเทศเอกราชจนถึงปัจจุบัน
อินโดนีเซียไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับทางการเท่าไรนัก พวกเขาเคยเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนเพียงครั้งเดียวใน ค.ศ. 1956[7] และเข้าร่วมรายการเอเชียนคัพ 4 ครั้งแต่ยังไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่ม และคว้าเหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 1958 ที่โตเกียว และในระดับภูมิภาค อินโดนีเซียเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 6 ครั้ง แต่ยังไม่เคยได้แชมป์ อินโดนีเซียมีคู่แข่งคือชาติต่าง ๆ ในสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน โดยเฉพาะมาเลเซีย เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองและวัฒนธรรม
ประวัติ
[แก้]ในยุคแรก ทีมฟุตบอลอินโดนีเซียลงแข่งขันในนาม ดัตช์อีสต์อินดีส์ เนื่องจากหมู่เกาะในภูมิภาคทั้งหมดของอินโดนีเซียในยุคนั้นเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ การแข่งขันนัดแรกที่มีการบันทึกไว้คือการพบทีมชาติสิงคโปร์ในเกมกระชับมิตร ณ กรุงจาการ์ตา ในวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1921 และดัตช์อีสต์อินดีส์ชนะด้วยผลประตู 1–0 ตามด้วยการพบกับออสเตรเลียใน ค.ศ. 1928 (ชนะ 2–1) และเสมอกับทีมจากเซี่ยงไฮ้ (4–4) ในอีกสองปีต่อมา
ใน ค.ศ. 1934 ทีมฟุตบอลของเกาะชวา เป็นตัวแทนของอีสต์อินดีส์ในการแข่งขันกีฬาตะวันออกไกล ที่ประเทศฟิลิปปินส์และคว้าอันดับสองได้ โดยชนะทีมชาติญี่ปุ่นด้วยผลประตูถึง 7–1 ในนัดแรก ตามด้วยการแพ้จีน (0–2) และเจ้าภาพอย่างฟิลิปปินส์ (2–3) และแม้การแข่งขันครั้งนี้จะไม่ได้รับการบันทึกโดยสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย ทว่าระบบการให้คะแนน Elo ถือว่าเป็นการแข่งขันทางการครั้งแรกของทีมอินโดนีเซีย[8] และทีมดัตช์อีสต์อินดีส์ถือเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกของเอเชียที่ได้ร่วมเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยเข้าร่วมฟุตบอลโลก 1938 ที่แร็งส์ ประเทศฝรั่งเศส ภายหลังจากญี่ปุ่นสละสิทธิ์แข่งขันในรอบคัดเลือก และพวกเขาได้ลงแข่งขันเพียงนัดเดียวโดยแพ้ต่อฮังการีขาดลอย 0–6
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองและการปฏิวัติอินโดนีเซีย ประเทศได้ปลดแอกจากการเป็นอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซียได้มีทีมฟุตบอลของตนเองอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการแข่งขันรายการสำคัญคือโอลิมปิกฤดูร้อน 1956 ที่เมลเบิร์น พวกเขาเสมอสหภาพโซเวียต 0–0 และแพ้ 0–4 ในนัดแข่งใหม่ และนั่นเป็นการแข่งขันในโอลิมปิกครั้งเดียวของพวกเขา ถัดมา พวกเขาแข่งขันในฟุตบอลโลก 1958 รอบคัดเลือก เอาชนะจีนในรอบแรก ก่อนจะขอถอนตัวไม่แข่งขันกับอิสราเอลในรอบต่อมาด้วยเหตุผลทางการเมือง และอินโดนีเซียคว้าเหรียญทองแดงในเอเชียนเกมส์ 1958 ที่โตเกียว เอาชนะอินเดีย 4–1 และทีมเริ่มมีการพัฒนาขึ้น โดยสามารถเสมอกับทีมจากยุโรปอย่างเยอรมนีตะวันออก 2–2 ในเกมกระชับมิตร และพวกเขาเริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วยการชนะการแข่งขันเมอร์เดก้า ทัวร์นาเมนท์ 3 สมัย ซึ่งเป็นรายการพิเศษที่จัดขึ้นในมาเลเซียเพื่อรำลึกถึงวันประกาศอิสรภาพ และยังได้แชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 1968 ชนะพม่า 1–0
อินโดนีเซียกลับมาแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกอีกครั้งใน ค.ศ. 1974 แต่ตกรอบแรก โดยชนะเพียงนัดเดียวจากหกนัด และตกรอบแรกอีกครั้งในรอบคัดเลือก ค.ศ. 1978 โดยชนะได้เพียงนัดเดียวจากสี่นัดต่อสิงคโปร์ ก่อนจะทำผลงานได้ดีขึ้นในรอบคัดเลือก ค.ศ. 1982 ชนะได้สองนัด[9] พวกเขามีผลงานที่ดีที่สุดในขณะนั้นด้วยการผ่านเข้ารอบคัดเลือกรอบที่สอง ฟุตบอลโลก 1986 ด้วยผลงานชนะ 4 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ 1 นัดในรอบแรก ก่อนจะแพ้ทีมใหญ่อย่างเกาหลีใต้ในรอบที่สอง ตามด้วยการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอเชียนเกมส์ 1986 ที่กรุงโซล โดยเอาชนะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ไปแพ้เกาหลีใต้ในนัดต่อมา และแพ้คูเวตในนัดชิงอันดับสาม แต่อินโดนีเซียประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคเป็นครั้งแรกด้วยการคว้าเหรียญทองสองสมัยในซีเกมส์ 1987 (ชนะมาเลเซีย 1–0) และ 1991 (ชนะจุดโทษไทย) แต่ล้มเหลวในฟุตบอลโลก 1990 และ 1994 ในรอบคัดเลือกด้วยการชนะนัดเดียวจากหกนัดในทั้งสองครั้ง
อินโดนีเซียเข้าร่วมรายการเอเชียนคัพครั้งแรกใน ค.ศ. 1996 แต่ตกรอบแบ่งกลุ่มโดยไม่ชนะทีมใด และเข้าร่วมครั้งที่สองใน ค.ศ. 2000 ที่ประเทศเลบานอน แต่ก็ตกรอบแรกเช่นเคย ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือ เอเชียนคัพ 2004 ที่ประเทศจีน โดยชนะหนึ่งนัดในรอบแบ่งกลุ่มที่พบกับกาตาร์ (2–1) แต่ตกรอบด้วยการแพ้จีนขาดลอย 0–5 และแพ้บาห์เรน 1–3 ก่อนที่ประเทศอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับชาติอื่นอีก 4 ชาติในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2007 แต่ก็ตกรอบแรกอีกครั้ง[10]
ในช่วงทศวรรษ 2000 ทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนได้ถึง 4 ครั้ง แต่ได้เพียงรองแชมป์ทั้งหมด ต่อมาใน ค.ศ. 2012 สมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียได้รับคำเตือนในกรณีการแบ่งแยกการแข่งขันลีกภายในประเทศ โดยมีการแบ่งการแข่งขันเป็น ลีกาซาตู ซึ่งไม่ได้รับการรับรองสถานะจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศและสมาคมในขณะนั้น และการแข่งขันอินโดนีเซียนพรีเมียร์ลีก คณะกรรมการกีฬาแห่งชาติ (KONI) สนับสนุนให้สมาคมแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวร่วมกับคณะกรรมการฟุตบอลแห่งชาติของอินโดนีเซีย และประธานคณะกรรมการกีฬาแห่งชาติกล่าวว่าจะเข้าควบคุมการบริหารสมาคมหากสมาคมไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้[11] ฟีฟ่ายังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนในขณะนั้นว่าจะมีโทษแบนต่อทีมชาติอินโดนีเซียและสมาคมหรือไม่
ในวันที่ 20 มีนาคม 2012 ฟีฟ่าแถลงว่าสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้และฟีฟ่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมสภาเพื่อหาข้อสรุป[12] และฟีฟ่าได้ขยายเวลาการแก้ปัญหาให้แก่สมาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน หากไม่สำเร็จ คดีนี้จะถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมการฉุกเฉินของฟีฟ่าเพื่อระงับการแข่งขัน[13] และมีการกำหนดเส้นตายใหม่อีกครั้งเป็นวันที่ 1 ธันวาคม 2012 และในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนครบกำหนด คณะกรรมการหลักสามในสี่คนของสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากผิดหวังในการจัดการแก้ปัญหาของสมาคม อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่าแถลงว่าจะกำหนดบทลงโทษทีมชาติอินโดนีเซียภายหลังจากเสร็จสิ้นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2012 ซึ่งอินโดนีเซียตกรอบแบ่งกลุ่ม
ใน ค.ศ. 2013 ดจฮาร์อาริฟิน ฮูซิน ประธานของสมาคมฟุตบอลได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ La Nyalla Mahmud Mattalitti ผ่านสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ส่งผลให้การแข่งขัน ลีกาซาตู ถูกควบคุมโดยคณะกรรมการฟุตบอลแห่งชาติของอินโดนีเซีย จนกว่าจะมีการก่อตั้งการแข่งขันรายการใหม่ หมายความว่า ผู้เล่นจากลีกาซาตูสามารถร่วมแข่งขันในนามทีมชาติชุดใหญ่ได้ และสมาคมได้เรียกผู้เล่นจากทั้งสองลีก (ลีกาซาตู และพรีเมียร์ลีก) ในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2013 สมาคมฟุตบอลได้จัดการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ร่วมกับตัวแทนของคณะกรรมการฟุตบอลแห่งชาติ ในการประชุมดังกล่าวประกอบไปด้วย 4 วาระสำคัญได้แก่ การรวมตัวของสองลีก; การแก้ไขกฎเกณฑ์ของสมาคม; การคืนสถานะของสมาชิกคณะกรรมการบริหารสมาคมที่ถูกไล่ออก และข้อตกลงของทุกฝ่ายในบันทึกความเข้าใจที่ลงนามร่วมกัน ราฮ์มัด ดาร์มาวัน ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนรักษาการทีมชาติชุดใหญ่ โดยมี แจ็คเซน เอฟ. ติอาโก เพื่อนสนิทของเขาเป็นผู้ช่วย และอินโดนีเซียแพ้ต่อซาอุดีอาระเบีย 1–2 ในเอเชียนคัพรอบคัดเลือก พวกเขาได้ประตูจาก โบอาส โซลอซซา
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 สมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียได้รับโทษโดยถูกสั่งระงับการแข่งขันทุกรายการของฟีฟ่า สืบเนื่องจากการแทรกแซงของรัฐบาลในการจัดการแข่งขันลีกซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมาหลายปี โทษแบนดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที ส่งผลให้อินโดนีเซียถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก และเอเชียนคัพ 2019 รอบคัดเลือก ยิ่งไปกว่านั้น ฟีฟ่ายังมีบทลงโทษเพิ่มเติม สืบเนื่องจากข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นและสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียส่งผลให้มีการยกเลิกการแข่งขันในประเทศ[14] ทว่าบทลงโทษดังกล่าวถูกยกเลิกในการประชุมสามัญครั้งที่ 66 ของฟีฟ่า อินโดนีเซียยังได้รับสิทธิ์แข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2016 ซึ่งพวกเขาเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 5 แต่ก็แพ้ทีมชาติไทยอีกครั้ง[15]
ลุยส์ มิลลา ผู้ฝึกสอนชาวสเปนได้รับการแต่งตั้งเพื่อนำทีมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2018 แต่เขาได้ลาออกภายในเวลาอันสั้นโดยไม่ได้ให้เหตุผลใด ๆ สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มผู้สนับสนุนอย่างมาก บิมา ซักติ เข้ามารักษาการแต่ทีมก็ตกรอบแรกในการแข่งขัน ไซมอน แมคเมเนมี ผู้ฝึกสอนชาวสกอตแลนด์ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมเพื่อเตรียมแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ด้วยความคาดหวังว่าผลงานของทีมจะดีขึ้น เนื่องจากแมคเมเนมีทำผลงานได้ดีในการคุมทีมชาติฟิลิปปินส์ โดยอินโดนีเซียอยู่ร่วมกลุ่มกับชาติคู่แข่งในอาเซียนอย่าง ไทย, เวียดนาม และคู่ปรับสำคัญ มาเลเซีย ทว่าพวกเขามีผลงานย่ำแย่ รวมถึงการแพ้คาบ้านต่อมาเลเซีย 2–3 ทั้งที่ออกนำไปก่อน 2–1 ตามด้วยการแพ้เวียดนามในบ้านตนเองเป็นครั้งแรกในการแข่งขันระดับทางการ ส่งผลให้แมคเมเนมีถูกปลด[16] อินโดนีเซียตกรอบอย่างเป็นทางการหลังจากบุกไปพ่ายมาเลเซีย 0–2[17] และทีมมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยแต่งตั้ง ชิน แท-ยง อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติเกาหลีใต้เข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน โดยสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียยึดแนวทางของทีมชาติเวียดนามในการแต่งตั้ง พัก ฮัง-ซอ เป็นผู้ฝึกสอน[18]
ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2020 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศในรายการนี้เป็นครั้งที่ 6 และเป็นครั้งที่ 4 ที่พบทีมชาติไทยในรอบชิงชนะเลิศ ทว่าพวกเขาแพ้ทีมชาติไทยด้วยผลประตูรวมสองนัด 2–6 ทำได้เพียงการเป็นรองแชมป์สมัยที่ 6
สนามแข่ง
[แก้]ทีมชาติอินโดนีเซียมักลงแข่งขันที่ สนามกีฬาหลักเกอโลราบุงการ์โน เป็นหลัก ตั้งอยู่ภายใน เกอโลรา บุงการ์โน สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ใจกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ความจุกว่า 77,000 ที่นั่ง และยังสามารถขยายความจุได้อีกในรายการอื่น ๆ สนามแห่งนี้ยังถูกใช้ในเอเชียนคัพ 2007 รอบชิงชนะเลิศ และเคยได้รับการจัดอันดับเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก
อินโดนีเซียมีแผนจะใช้สนาม "จาการ์ตาบีเอ็มดับเบิลยูสเตเดียม" เป็นสนามเหย้าแห่งใหม่ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีหลังคาแบบเปิด-ปิดได้ และจะมีความจุ 82,000 ที่นั่ง โดยจะกลายเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย แต่เดิมสนามมีหนดการเปิดใช้งานในเดือนธันวาคม 2021 แต่จากการระบาดของ ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลให้แผนดังกล่าวถูกเลื่อนไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2022[19]
ผลงาน
[แก้]- 1930, 1934, 1954 - ไม่ได้เข้าร่วม
- 1938 - รอบแรก (ในนาม ดัตช์อีสต์อินดีส)
- 1950, 1958, 1962 - ถอนตัว
- 1966, 1970 - ไม่ได้เข้าร่วม
- 1974 - 2014 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 2018 - ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันจากทางฟีฟ่า
- 2022 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 1956 - 1964 - ไม่ได้เข้าร่วม
- 1968 - 1992 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 1996 - 2004 - รอบแรก
- 2007 - รอบแรก (เจ้าภาพร่วม)
- 2011 - 2015 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
- 2019 - ถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันจากทางฟีฟ่า
- 2023 - รอบ 16 ทีมสุดท้าย
- 1996 - รอบก่อนรองชนะเลิศ
- 1998 - อันดับ 3
- 2000 - รองชนะเลิศ
- 2002 - รองชนะเลิศ
- 2004 - รองชนะเลิศ
- 2007 - รอบแรก
- 2008 - รอบแรก
- 2010 - รองชนะเลิศ
- 2012 - รอบแรก
- 2014 - รอบแรก
- 2016 - รองชนะเลิศ
- 2018 - รอบแรก
- 2020 - รองชนะเลิศ
- 2022 - รอบรองชนะเลิศ
ผลงานอื่น
[แก้]- ซีเกมส์ - ชนะเลิศ 2 ครั้ง - 1987 (จาการ์ตา), 1991 (มะนิลา)
- คิงส์คัพ - ชนะเลิศ 1 ครั้ง ใน คิงส์คัพ ครั้งที่ 1 (2511)
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
[แก้]รายชื่อผู้เล่น 23 คนที่ถูกเรียกตัวในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม
จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ทีมชาติและจำนวนประตูที่ยิงได้นับถึงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2567 หลังแข่งขันกับ ซาอุดีอาระเบีย
# | ตำแหน่ง | ผู้เล่น | วันเกิด (อายุ) | ลงเล่น | ประตู | สโมสร |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | GK | Maarten Paes | 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1998 | 1 | 0 | FC Dallas |
16 | GK | Nadeo Argawinata | 9 มีนาคม ค.ศ. 1997 | 24 | 0 | Borneo Samarinda |
21 | GK | Ernando Ari | 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 | 15 | 0 | Persebaya Surabaya |
2 | DF | Calvin Verdonk | 26 เมษายน ค.ศ. 1997 | 2 | 0 | NEC |
3 | DF | Jay Idzes (captain) | 2 มิถุนายน ค.ศ. 2000 | 4 | 1 | Venezia |
4 | DF | Wahyu Prasetyo | 21 มีนาคม ค.ศ. 1998 | 2 | 0 | Malut United |
5 | DF | Rizky Ridho | 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 | 40 | 4 | Persija Jakarta |
6 | DF | Sandy Walsh | 14 มีนาคม ค.ศ. 1995 | 14 | 1 | Mechelen |
12 | DF | Pratama Arhan | 21 ธันวาคม ค.ศ. 2001 | 46 | 3 | Suwon FC |
13 | DF | Muhammad Ferarri | 21 มิถุนายน ค.ศ. 2003 | 3 | 0 | Persija Jakarta |
14 | DF | อัสนาวี มังกูวาลัม (vice-captain) | 4 ตุลาคม ค.ศ. 1999 | 45 | 2 | การท่าเรือ เอฟซี |
20 | DF | Shayne Pattynama | 11 สิงหาคม ค.ศ. 1998 | 9 | 1 | Eupen |
23 | DF | Justin Hubner | 14 กันยายน ค.ศ. 2003 | 12 | 0 | Wolverhampton Wanderers |
7 | MF | Marselino Ferdinan | 9 กันยายน ค.ศ. 2004 | 27 | 3 | Oxford United |
8 | MF | Witan Sulaeman | 8 ตุลาคม ค.ศ. 2001 | 45 | 9 | Persija Jakarta |
10 | MF | Egy Maulana Vikri | 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2000 | 31 | 9 | Dewa United |
15 | MF | Ricky Kambuaya | 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1996 | 40 | 5 | Dewa United |
18 | MF | Ivar Jenner | 10 มกราคม ค.ศ. 2004 | 13 | 0 | Jong Utrecht |
19 | MF | Thom Haye | 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995 | 5 | 1 | Unattached |
22 | MF | Nathan Tjoe-A-On | 22 ธันวาคม ค.ศ. 2001 | 6 | 0 | Swansea City |
9 | FW | Rafael Struick | 27 มีนาคม ค.ศ. 2003 | 16 | 0 | ADO Den Haag |
11 | FW | Ragnar Oratmangoen | 21 มกราคม ค.ศ. 1998 | 5 | 2 | Dender |
17 | FW | Hokky Caraka | 21 สิงหาคม ค.ศ. 2004 | 7 | 2 | PSS Sleman |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ FIFA Century Club - 1 December 2021, FIFA.
- ↑ 2.0 2.1 Abdul Kadir - Century of International Appearances - RSSSF.
- ↑ Raya, Mercy. "Timnas Indonesia Akan Pakai Jakarta International Stadium". sepakbola (ภาษาอินโดนีเซีย). สืบค้นเมื่อ 2021-10-02.
- ↑ "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 20 มิถุนายน 2024. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2024.
- ↑ "Dutch East Indies International matches". สืบค้นเมื่อ 19 November 2015.
- ↑ "Indonesia matches, ratings and points exchanged". World Football Elo Ratings: Indonesia. สืบค้นเมื่อ 24 November 2019.
- ↑ "Indonesia International Matches". www.rsssf.com.
- ↑ "World Football Elo Ratings". www.eloratings.net (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Indonesia International Matches". www.rsssf.com.
- ↑ Says, Jtxno12 (2010-12-16). "Indonesia National Football Team". Simple More (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "PSSI warn against Indonesian government plans to take over embattled body | Goal.com". www.goal.com.
- ↑ "Yahoo Malaysia | News and Lifestyle". Yahoo Malaysia | News and Lifestyle (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "FIFA.com - FIFA Executive Committee agrees major governance reforms & Ethics structure". web.archive.org. 2012-04-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-01. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
- ↑ "Indonesian FA suspended by FIFA for government meddling". Eurosport (ภาษาอังกฤษ). 2015-05-30.
- ↑ "Indonesia Tops the Anticlimax as Thailand Wins the 2016 AFF Cup". Jakarta Globe.
- ↑ Post, The Jakarta. "PSSI fires national team coach McMenemy over 'unsatisfactory performance'". The Jakarta Post (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Fox Sports". www.foxsports.com.my. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-30. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
- ↑ "Shin Tae-yong Merasa Tak Masalah Jika Indonesia Gagal Juara Piala AFF 2020 - Berita Bola Terupdate, Live Score, Jadwal & Klasemen - Football5star.com". football5star.com (ภาษาอินโดนีเซีย).
- ↑ Raya, Mercy. "Timnas Indonesia Akan Pakai Jakarta International Stadium". sepakbola (ภาษาอินโดนีเซีย).