ฟุตบอลทีมชาติกัมพูชา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กัมพูชา
ฉายา
สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลกัมพูชา (FFC)
สมาพันธ์ย่อยเอเอฟเอฟ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
สมาพันธ์เอเอฟซี (เอเชีย)
หัวหน้าผู้ฝึกสอนเฟลิกซ์ ดัลมัส[3][4]
กัปตันSoeuy Visal
ติดทีมชาติสูงสุดKouch Sokumpheak (65)
ทำประตูสูงสุดฮก โสเจตรา (20)[5]
สนามเหย้ากีฬาสถานชาติมรดกเตโช
รหัสฟีฟ่าCAM
อันดับฟีฟ่า
อันดับปัจจุบัน 179 Steady (4 เมษายน 2024)[6]
อันดับสูงสุด153 (มีนาคม ค.ศ. 2011)
อันดับต่ำสุด198 (สิงหาคม ค.ศ. 2014)
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก
ธงชาติสหพันธรัฐมาลายา มาลายา 9–2 กัมพูชา ธงชาติกัมพูชา
(กัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาลายา; 17 มีนาคม ค.ศ. 1956)[7]
ชนะสูงสุด
ธงชาติกัมพูชา กัมพูชา 8–0 เยเมนเหนือ ธงชาติเยเมนเหนือ
(พนมเปญ ประเทศกัมพูชา; 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1966)
แพ้สูงสุด
ธงชาติอิหร่าน อิหร่าน 14–0 กัมพูชา ธงชาติกัมพูชา
(เตหะราน ประเทศอิหร่าน; 10 ตุลาคม ค.ศ. 2019)
เอเชียนคัพ
เข้าร่วม1 (ครั้งแรกใน 1972)
ผลงานดีที่สุดอันดับที่ 4 (1972)
เอเอฟซีแชลเลนจ์คัพ
เข้าร่วม1 (ครั้งแรกใน 2006)
ผลงานดีที่สุดรอบแบ่งกลุ่ม (2006)
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน
เข้าร่วม9 (ครั้งแรกใน 1996)
ผลงานดีที่สุดรอบแบ่งกลุ่ม (1996, 2000, 2002, 2004, 2008, 2016, 2018, 2020, 2022)
เว็บไซต์ffcambodia.com

ฟุตบอลทีมชาติกัมพูชา (เขมร: ក្រុមបាល់ទាត់ជម្រើសជាតិកម្ពុជា, Krŏm Băltoăt Chômreus Chéatĕ Kâmpŭchéa) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนของราชอาณาจักรกัมพูชาในการแข่งขันระหว่างประเทศ อยู่ภายใต้การควบคุมของสหพันธ์ฟุตบอลกัมพูชา โดยเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย และสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน มีผลงานดีที่สุดในการแข่งขันระดับทางการคือการคว้าอันดับ 4 ในรายการเอเชียนคัพ 1972 กัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกฟีฟ่าใน ค.ศ. 1953 และเคยใช้ชื่อทีมว่า ทีมฟุตบอลสาธารณรัฐเขมร ในช่วง ค.ศ. 1970–1975 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกัมพูชาอย่างในปัจจุบันหลังจากอำนาจการปกครองของเขมรแดงสิ้นสุดลงในช่วงทศวรรษ 1990

ประวัติ[แก้]

ประเทศกัมพูชาเริ่มก่อตั้งทีมฟุตบอลภายหลังจากการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสสิ้นสุดใน ค.ศ. 1954 ลงเล่นเกมแรกพบทีมสหพันธรัฐมาลายา (ทีมชาติมาเลเซีย ในปัจจุบัน) ซึ่งกัมพูชาแพ้ไปด้วยผลประตู 2–9

เช่นเดียวกับชาติอื่น ๆ ในเอเชียในยุคนั้น กัมพูชาไม่มีส่วนร่วมในการแข่งขันรายการใหญ่อย่างฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และเอเชียนคัพเนื่องจากยังอยู่ในช่วงสร้างทีมและพัฒนากีฬาฟุตบอล อย่างไรก็ตาม เมื่อจอมพล ลอน นอล ก่อการรัฐประหารล้มอำนาจของรัฐบาลและก่อตั้งสาธารณรัฐเขมร ทีมฟุตบอลของกัมพูชาก็ได้ร่วมแข่งขันรายการสำคัญครั้งแรกคือเอเชียนคัพ 1972 รอบคัดเลือก และเอาชนะฮ่องกงไปได้ และในการแข่งขันรอบสุดท้ายซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย กัมพูชาซึ่งในช่วงเวลานั้นใช้ชื่อทีมว่าสาธารณรัฐเขมรลงเล่นในกลุ่มบี โดยแพ้เกาหลีใต้ในนัดแรก 1–4 แต่เอาชนะคูเวตในนัดที่สอง 4–0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศและแพ้อิหร่าน 1–2 ตามด้วยการแพ้จุดโทษทีมชาติไทยเจ้าภาพคว้าอันดับ 4 ไปครอง และนั่นเป็นความสำเร็จสูงสุดในการแข่งขันระดับทางการของกัมพูชามาถึงปัจจุบัน โดยหลังจากนั้นพวกเขาไม่มีส่วนร่วมในการแข่งขันรายการใดหลายปีเนื่องจากการปกครองของเขมรแดง

ภายหลังจากความวุ่นวายในประเทศในยุคเขมรแดงเรืองอำนาจทั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการรุกรานของเวียดนาม กัมพูชาได้กลับมาแข่งขันระดับนานาชาติอีกครั้งใน ค.ศ. 1993 และเปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า ทีมฟุตบอลราชอาณาจักรกัมพูชา มาถึงปัจจุบัน พวกเขาลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 1996 และแพ้รวดทุกนัดในรอบแบ่งกลุ่ม แม้จะถูกมองว่าเป็นทีมที่ด้อยที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ ทว่ากัมพูชาก็แสดงสปิริตให้แฟนฟุตบอลได้เห็นถึงความตั้งใจในการเล่น อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถรักษาสปิริตนั้นได้ในรายการต่อ ๆ ไปและยังคงมีผลงานย่ำแย่ แต่ก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้างเมื่อทีมได้ค้นพบผู้เล่นดาวรุ่งพรสวรรค์สูงอย่าง ฮก โสเจตรา ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของกัมพูชามาถึงปัจจุบัน

กัมพูชาส่งทีมร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 1998 รอบคัดเลือก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และได้ร่วมแข่งขันในรอบคัดเลือกในครั้งต่อ ๆ มาอย่างต่อเนื่อง กระนั้น พวกเขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลงานโดยตกรอบแรกของรอบคัดเลือกด้วยการเป็นทีมอันดับสุดท้ายทุกครั้ง และยังได้ถอนตัวจากการแข่งขันเอเชียนคัพในช่วงระหว่าง ค.ศ. 2003–2007 รวมทั้งไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนถึงสามครั้งติดต่อกันในช่วงเวลานั้น

กัมพูชาพัฒนาทีมขึ้นนับตั้งแต่ทศวรรษ 2010 เป็นต้นมา เริ่มมีการสร้างทีมใหม่ด้วยการมาถึงของ ลี แท-ฮุน ผู้ผึกสอนชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่น การฝึกซ้อม รวมถึงมีการพัฒนาระบบเยาวชนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการฟุตบอลกัมพูชา ลีสร้างทีมโดยใช้ผู้เล่นอายุน้อยเป็นแกนหลัก ที่มีชื่อเสียงได้แก่ ชาน วัฒนาคา นักฟุตบอลชาวกัมพูชาคนแรกที่ได้ไปเล่นอาชีพในลีกต่างประเทศ และทีมเริ่มได้รับความสนใจและสนับสนุนจากแฟนฟุตบอลมากขึ้นนับตั้งแต่นั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ผ่านรอบคัดเลือกรายการสำคัญทั้ง เอเอฟซีชาเลนจ์คัพ 2012 และ 2014 รวมถึงเอเชียนคัพ 2015

ในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2019 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3 กัมพูชาพบกับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม แม้พวกเขาจะตกรอบโดยแพ้เวียดนามและจอร์แดน แต่พวกเขาเอาชนะอัฟกานิสถานซึ่งมีอันดับโลกดีกว่าพวกเขาได้ 1–0 ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกและครั้งเดียวในการแข่งขันเอเชียนคัพรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของกัมพูชา และเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทีมเข้าสู่ยุคใหม่หลังเขมรแดงสิ้นอำนาจ

ในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก กัมพูชาผ่านรอบแรกได้โดยเอาชนะปากีสถานรวมผลประตูสองนัด 4–1 แต่ในรอบคัดเลือกรอบที่ 2 พวกเขาต้องอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมอื่นที่แข็งแกร่งกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นอิหร่านซึ่งเป็นทีมชั้นนำของเอเชีย รวมถึงฮ่องกง, อิรัก และบาห์เรน โดยผลงานดีที่สุดของกัมพูชาคือการเสมอฮ่องกง 1–1 ในนัดแรก ก่อนจะแพ้ในอีก 7 นัดรวดที่เหลือรวมทั้งแพ้อิหร่านด้วยผลประตูถึง 0–14 ซึ่งเป็นการแพ้ด้วยผลประตูที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม[8] และตกรอบแรกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2020 แต่ยังชนะได้หนึ่งนัดโดยเอาชนะลาว 3–0

ในปัจจุบัน กัมพูชามีนโยบายการพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการว่าจ้างบุคลากรมืออาชีพจากวงการฟุตบอลญี่ปุ่น พวกเขามี ริว ฮิโรเสะ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน[9] รวมถึงการดึงตัว เคซูเกะ ฮนดะ อดีตนักฟุตบอลชื่อดังเข้ามาเป็นผู้จัดการทีม[10][11]

ผลงาน[แก้]

ฟุตบอลโลก[แก้]

  • 1930 ถึง 1994 - ไม่ได้เข้าร่วม
  • 1998 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2002 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2006 - ไม่ได้เข้าร่วม
  • 2010 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2014 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2018 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2022 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก

เอเชียนคัพ[แก้]

  • 1956 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 1960 - ไม่ได้เข้าร่วม
  • 1964 - ไม่ได้เข้าร่วม
  • 1968 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 1972 - อันดับ 4
  • 1976 ถึง 1996 - ไม่ได้เข้าร่วม
  • 2000 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2004 ถึง 2023 - ไม่ได้เข้าร่วม

อาเซียนฟุตบอลแชมเปียนชิพ[แก้]

  • 1996 - รอบแรก
  • 1998 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2000 ถึง 2004 - รอบแรก
  • 2007 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
  • 2020 - รอบแรก
  • 2022 - รอบแรก

เอเอฟซี แชลเลนจ์คัพ[แก้]

  • 2006 - รอบแรก

อ้างอิง[แก้]

  1. "Angkor Warriors have it all to do against Asia's very best - Khmer Times". 9 October 2019.
  2. "Koupreys fall to Lions - Khmer Times". 17 October 2018.
  3. http://ww12.camsports.org/%7Ctitle=camsports.org%7Cwebsite=ww12.camsports.org}}[ลิงก์เสีย]
  4. "FFC announces new coach for Cambodian national football team - Khmer Times". 28 March 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 March 2023. สืบค้นเมื่อ 29 March 2021.
  5. "Cambodia reviving historical passion for football".
  6. "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 4 เมษายน 2024. สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2024.
  7. "Cambodia matches, ratings and points exchanged". World Football Elo Ratings: Cambodia. สืบค้นเมื่อ 24 November 2016.
  8. "Cambodia versus Iran World Cup qualifying match postponed again - Khmer Times" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-02-14.
  9. "FFC announces new coach for Cambodian national football team - Khmer Times" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-03-28.
  10. "Cambodian Nat'l Team GM setting up football team in Japan - Khmer Times" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2020-01-17.
  11. https://thmeythmey.com/?page=detail&id=101845

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]