โฟล์กลอร์ (อัลบั้มเทย์เลอร์ สวิฟต์)
โฟล์กลอร์ | ||||
---|---|---|---|---|
![]() | ||||
สตูดิโออัลบั้มโดย | ||||
วางตลาด | 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 | |||
บันทึกเสียง | 2020 | |||
สตูดิโอ |
| |||
แนวเพลง |
| |||
ความยาว | 63:29 (ฉบับมาตรฐาน) | |||
ค่ายเพลง | รีพับลิก | |||
โปรดิวเซอร์ |
| |||
ลำดับอัลบั้มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ | ||||
| ||||
ซิงเกิลจากโฟล์กลอร์ | ||||
|
โฟล์กลอร์ (อังกฤษ: Folklore) เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 8 ของนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นอัลบั้มเซอร์ไพรส์เปิดตัวผ่านค่ายเพลงรีพับลิกเรเคิดส์ ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 เธอใช้ช่วงเวลาในเหตุการณ์การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนาในการแต่งเพลง หลังจากที่ยกเลิกคอนเสิร์ตทัวร์ของอัลบั้มก่อนหน้า เลิฟเวอร์ (2019) ในระหว่างการกักตัวเธอรู้สึกว่า โฟล์กลอร์ คือ "การรวบรวมบทเพลงและเรื่องราวที่เลื่อนไหลอยู่ในจิตใต้สำนึก" โดยมีโปรดิวเซอร์คือแอรอน เดสส์เนอร์ และแจ็ก แอนโตนอฟฟ์ ในการบันทึกเสียง เธอใช้ช่วงเวลาบันทึกที่สตูดิโอในตัวที่พักของเธอในลอสแอนเจลิส ขณะที่เดสส์เนอร์และแอนโตนอฟฟ์ทำงานในฮูดสันแวลลีย์และนครนิวยอร์กตามลำดับ
อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่แตกต่างจากแนวป็อปเดิมที่เทย์เลอร์เคยทำ โฟล์กลอร์ ให้ความกลมกล่อมด้วยแนวเพลงเซนติเมนทอลบัลลาดที่ไพเราะ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเสียงดนตรีนีโอคลาสซิซิสซึม ด้วยแนวเพลงอินดีโฟล์ก ออลเทอร์นาทิฟร็อก และอิเล็กโทรคูสติก ได้รับอิทธิพลจากความเหงาในช่วงกักตัว ในอัลบั้มสวิฟต์พาสำรวจในอรรถบทของการหลบหนีจากโลกของความเป็นจริง ความเข้าอกเข้าใจ ความคิดถึง และความโรแมนติก โดยใช้ชุดของตัวละคร เรื่องเล่าสมมติ และโครงเรื่องหลัก ซึ่งตรงกันข้ามกับโทนอัตชีวประวัติของโปรเจ็กต์ก่อนหน้าของเธอ ชื่ออัลบั้มได้รับแรงบันดาลใจจากแนวเพลงอันยาวนานของดนตรีโฟล์ก ในขณะที่สุนทรียภาพสะท้อนให้เห็นถึงคอตเทจคอล
เมื่อโฟล์กลอร์ ได้วางจำหน่าย ได้สร้างสถิติใหม่ เป็นอัลบั้มศิลปินหญิงที่มีการสตรีมมากที่สุดภายใน 24 ชั่วโมงแรกในสปอติฟาย เพลงสามเพลงไต่ขึ้นถึง 10 อันดับแรกของชาร์ตเพลงในแปดประเทศ ได้แก่ เพลง "คาร์ดิแกน" "เดอะวัน" และ "เอ็กไซล์" ซิงเกิลนำของอัลบั้มสามารถครองอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ดฮอต 100 ในสหรัฐ โฟล์กลอร์ ยังติดอันดับชาร์ตในประเทศต่าง ๆ และได้รับการรับรองระดับแพลตตินัมในออสเตรเลีย เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นอัลบั้มอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ด 200 ของสวิฟต์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งครองตำแหน่งสูงสุดเป็นเวลาแปดสัปดาห์และกลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในปี ค.ศ. 2020
อัลบั้มได้รับการวิจารณ์ชื่นชมอย่างกว้างขวาง โดยกล่าวถึงการเน้นที่น้ำหนักทางอารมณ์ เนื้อเพลงบทกวี และจังหวะที่ผ่อนคลาย นักวิจารณ์อ้างว่าสาระสำคัญของการทบทวนความคิดหรือความรู้สึกของตัวเองนั้น เหมาะสมกับช่วงเวลาสำหรับการระบาดครั้งใหญ่นี้ และมองว่าเสียงเพลงของสวิฟต์เป็นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะขึ้นมาใหม่ อัลบั้มนี้ติดอันดับในการจัดอันดับสิ้นปี ค.ศ. 2020 จำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มหัวใจของล็อกดาวน์โควิด-19 ซึ่งได้รับรางวัลอัลบั้มแห่งปี จากงานรางวัลแกรมมี ครั้งที่ 63 ทำให้สวิฟต์เป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลเกียรติยศนี้ถึง 3 อัลบั้มรวมจากผลงาน เฟียร์เลส (2008) และ 1989 (2014) เธอได้พูดคุยถึงโฟล์กลอร์ และการแสดงสดในสารคดีคอนเสิร์ตของดิสนีย์+ ในโฟล์กลอร์: เดอะลองพอนด์สตูดิโอเซสชันส์ ฉายครั้งแรกในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 และเปิดตัวผลงานภาคต่อของโฟล์กลอร์ คือ เอฟเวอร์มอร์ (2020) ในสองสัปดาห์ต่อมาศิลปินเพลงหลายคนกล่าวถึงโฟล์กลอร์ว่าเป็นที่มาของแรงบันดาลใจ
ภูมิหลัง[แก้]
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 เทย์เลอร์ สวิฟต์ได้วางแผนทัวร์ เลิฟเวอร์เฟสต์ ซึ่งเป็นทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่ 6 ของเธอเพื่อสนับสนุนสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 7 เลิฟเวอร์ (2019) แต่ถูกยกเลิกหลังจากการระบาดของโควิด-19[1] ในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 รูปภาพเก้ารูปถูกอัปโหลดไปยังบัญชีอินสตาแกรมของสวิฟต์ โดยทั้งหมดไม่มีคำบรรยาย เป็นรูปขาวดำภาพนักร้องยืนอยู่คนเดียวในป่า ต่อจากนั้นเธอโพสต์อีกครั้งในบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมดของเธอ โดยประกาศว่าสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 8 ของเธอจะวางจำหน่ายในเวลาเที่ยงคืน สวิฟต์กล่าวว่า: "หลายสิ่งที่ฉันวางแผนไว้ในช่วงซัมเมอร์นี้กลับไม่จบลงเสียที แต่มีบางอย่างที่ฉันไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะเกิดขึ้น และสิ่งนั้นก็คือสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 8 ของฉันที่ชื่อว่าโฟล์กลอร์" เธอได้เผยแพร่ภาพเป็นปกอัลบั้มและเปิดเผยรายการเพลง[2] เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลให้ความเห็นว่าการประกาศที่น่าประหลาดใจนี้ "ทำให้แฟน ๆ และธุรกิจเพลงนั้นตั้งตัวไม่ทัน"[3] บิลบอร์ดระบุว่า "ทำให้โลกดนตรีป็อปที่มืดบอด" กลายเป็น "ข่าวที่น่าตื่นเต้น" ในช่วงล็อกดาวน์[4] โฟล์กลอร์ได้รับการเปิดตัวออกมาสิบเอ็ดเดือนหลังจากอัลบั้มเลิฟเวอร์ ซึ่งเร็วที่สุดสำหรับสตูดิโออัลบั้มของสวิฟต์ในเวลานั้น โดยเอาชนะช่องว่างระยะเวลาระหว่าง เรพิวเทชัน (2017) และเลิฟเวอร์ถึงหนึ่งปีกับเก้าเดือน ในอีกโพสต์หนึ่งสวิฟต์ประกาศว่ามีมิวสิกวิดีโอสำหรับเพลง "คาร์ดิแกน" จะเปิดตัวพร้อมกับอัลบั้ม[5]
ในระหว่างการนับถอยหลังสู่มิวสิกวิดีโอเพลง "คาร์ดิแกน" รอบปฐมทัศน์บนยูทูบสวิฟต์บอกใบ้ว่าเนื้อเพลงของอัลบั้มมีไข่อีสเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอหลายอย่าง: "สิ่งหนึ่งที่ฉันตั้งใจทำในอัลบั้มนี้คือใส่ไข่อีสเตอร์ไว้ในเนื้อเพลงมากกว่าแค่วิดีโอ ฉันสร้างส่วนโค้งของตัวละครและธีมที่เกิดซ้ำ ๆ โดยกำหนดว่าใครร้องเพลงเกี่ยวกับใคร... ตัวอย่างเช่น มีคอลเลกชันเพลงสามเพลงที่ฉันเรียกว่ารักสามเศร้าของวัยรุ่น (Teenage Love Triangle) สามเพลงนี้สำรวจรักสามเส้าจากมุมมองของคนทั้งสาม ที่มีช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิต"[6] เธอเรียกอัลบั้มนี้ว่า "ความโหยหาและเต็มไปด้วยการหลีกหนีจากโลกของความเป็นจริง ความเศร้า สวยงาม ความน่าสลดใจ เช่นเดียวกับอัลบั้มภาพที่เต็มไปด้วยภาพต่าง ๆ และเรื่องราวทั้งหมดเบื้องหลังภาพนั้น"[7] โดยอธิบายว่าเพลง "คาร์ดิแกน" เป็นเพลงที่สำรวจ "ความรักที่หายไป และเหตุใดความรักของหนุ่มสาวจึงมักติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเราอย่างถาวร" และชี้ให้เห็นถึงแทร็กที่เขียนขึ้นเอง "มายเทียร์ริโคเชต์" ซึ่งเป็นเพลงแรกที่เธอขึ้นของอัลบั้ม[8][7]
แนวคิด[แก้]
สวิฟต์ไม่ได้คาดหวังที่จะสร้างอัลบั้มใหม่ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2020[9] แต่หลังจากยกเลิกทัวร์เลิฟเวอร์เฟสต์[1] สวิฟต์ได้กักตัวอยู่ที่บ้าน ในระหว่างนี้เธอได้ดูภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น หน้าต่างชีวิต (1954), ดับโหด แอล.เอ.เมืองคนโฉด (1997), อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต (2006), เจน แอร์ หัวใจรักนิรันดร (2011), แมริเอจ สตอรี่ (2019),[9] และเดอะลาสต์แดนซ์ (2020),[10] และอ่านหนังสือมากกว่าที่เธอเคยอ่าน หนังสือ "ว่าด้วยอดีต โลกที่ไม่มีอยู่จริง" เช่น รีเบคกา (1938) โดยดาฟเน ดู โมริเยร์[11] นิยายเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้สวิฟต์ก้าวไปไกลกว่าสไตล์การแต่งเพลงอัตชีวประวัติตามปกติที่เธอเคยทำ[9] และทดลองกับจุดยืนการเล่าเรื่องที่แตกต่างกัน เธอปล่อยให้จินตนาการของเธอ "โลดแล่น" ทำให้เกิดภาพและภาพที่ตามมาก็กลายเป็นโฟล์กลอร์[12]
– สวิฟต์ถึงพูดแนวทางการพัฒนาของ โฟล์กลอร์, บิลบอร์ด[12]
การประพันธ์และการบันทึก[แก้]
การแต่งเพลงในอัลบั้มโฟล์กลอร์ เทย์เลอร์ สวิฟต์ได้เน้นไปที่แนวการหลบหนีจากโลกของความเป็นจริงและศิลปะจินตนิยม[11] เธอได้เชิญโปรดิวเซอร์ 2 คนเพื่อมาร่วมทำงาน ได้แก่ แจ็ก แอนโตนอฟฟ์ ผู้ทำงานร่วมกันมานาน ซึ่งทำงานร่วมกับเธอในอัลบั้ม 1989 (2014) เรพิวเทชัน และเลิฟเวอร์ และทำงานร่วมกันครั้งแรกกับแอรอน เดสส์เนอร์ มือกีตาร์ของวงอินดีร็อกอเมริกันเดอะเนชันเนล[13] เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 สวิฟต์ แอนโตนอฟฟ์ และเดสส์เนอร์ต้องกักตัวด้วยระยะที่ไกลกัน การทำโฟล์กลอร์จึงเป็นการทำงานผ่านการแลกเปลี่ยนไฟล์ในรูปแบบดิจิทัลของเครื่องดนตรีและเสียงร้องอย่างต่อเนื่อง[14] อัลบั้มนี้เกิดจากกระบวนการดีไอวาย[15] ผสมและออกแบบโดยบุคลากรที่กระจายอยู่ในทั่วสหรัฐอเมริกา[4]
เนื่องจากโรคระบาด สตูดิโออัดเสียงทั้งหมดจึงถูกปิดลง ดังนั้นสวิฟต์จึงสร้างโฮมสตูดิโอที่บ้านของเธอในลอสแอนเจลิสขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่าคิตตีคอมมิตตี โดยได้รับความช่วยเหลือจากวิศวกรอย่างลอรา ซิสก์[9] กับแอนโตนอฟฟ์นั้นสวิฟต์ทำเพลงห้าเพลงจากอัลบั้มนี้ด้วย โดยการดำเนินงานจากนครนิวยอร์ก ขณะที่ซิสก์บันทึกเสียงร้องของสวิฟต์ในลอสแอนเจลิส "มายเทียร์ริโคเชต์" เป็นเพลงแรกที่เขียนขึ้นของโฟล์กลอร์ สวิฟต์แต่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสกอตต์ บอร์เชตตา ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงเก่าของเธอซึ่งกำลังจะถึงจุดจบอย่างกะทันหัน[9] แอนโตนอฟฟ์ทำการปรับขั้นตอนการเขียนเพลง "มิเรอร์บอล" และ "ออกัสต์" กับ "เอาต์ออฟเดอะวุดส์" (2016)[16] สวิฟต์กล่าวว่า "มิเรอร์บอล" เป็นผลงานที่เกิดจากการหลังยกเลิกงานเลิฟเวอร์เฟสต์ ซึ่งเป็นบทกวีสำหรับแฟน ๆ ในการการปลอบใจด้วยดนตรีและคอนเสิร์ตของเธอ[17] เธอเขียนเพลง "ออกัสต์" เกี่ยวกับชู้หญิงคนหนึ่งที่สมมติขึ้น และ "ดิสอิสมีไทร์อิง" โดยอิงจากเรื่องเล่าหลาย ๆ เรื่อง เช่น การรับมือกับการเสพติด และสุขภาพจิตของเธอเองในปี ค.ศ. 2016–2017 เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอ "ไม่มีค่าอะไรเลย"[9]
ในช่วงปลายเดือนเมษายน สวิฟต์ได้ติดต่อไปยังเดสส์เนอร์ เพื่อขอให้เขาร่วมเขียนในบางเพลงจากระยะไกล เขาทำงานใน 11 เพลงจากทั้งหมด 16 เพลงของอัลบั้ม ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า[18] เดสส์เนอร์ "คิดว่าคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้ไอเดียเพลง" และ "ไม่มีความคาดหวังถึงสิ่งที่เราสามารถทำได้จากระยะทางที่ห่างไกล" แต่ก็แปลกใจที่ "ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากแชร์เพลง โทรศัพท์ของฉันก็สว่างขึ้นพร้อมกับบันทึกเสียงเพลงที่แต่งขึ้นเองของเทย์เลอร์—การเคลื่อนไหวไม่เคยที่จะหยุดนิ่งเลย”[19] สวิฟต์และเดสส์เนอร์ "ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลาสามหรือสี่เดือนผ่านทางข้อความและโทรศัพท์"[20] เขาจะคอยส่งโฟลเดอร์เสียงดนตรีให้เธอ และเธอจะเขียนเพลงใน "บรรทัดบนสุดทั้งหมด"—ทำนองและเนื้อร้อง และ "เขาไม่รู้ว่าเพลงนี้จะเกี่ยวกับอะไร จะเรียกมันว่าอะไร ที่[เธอ]กำลังจะขับร้อง"[11] เพลงที่ทั้งคู่เขียนก็คือ "คาร์ดิแกน" ซึ่งมีพื้นฐานอ้างอิงมาจากภาพร่างของเดสส์เนอร์คนหนึ่งที่ชื่อว่า "เมเปิล"[19] "คาร์ดิแกน" ตามด้วย "เซเวน" และ "พีซ"[21] เมื่อได้ยินทำนองประกอบของ "พีซ" สวิฟต์รู้สึกถึง "ความสงบในทันที" ที่ปลุกความรู้สึกสงบสุข แต่รู้สึกว่าตัวเธอเองเขียนเพลงซับซ้อนเกินไป "มันขัดแย้งกัน" ความรู้สึกตรงกันข้ามกับเสียงที่สงบนิ่งของเพลง[9] และเธอได้บันทึกเสียงใหม่ในเทคเดียว[20]
สวิฟต์แต่งเพลง "เอ็กไซล์" และ "เบ็ตตี" ร่วมกับแฟนหนุ่มของเธอโจ อัลวิน เป็นนักแสดงชาวอังกฤษ เธอพัฒนาเพลง "เอ็กไซล์" เป็นเพลงคู่และเดสส์เนอร์ได้บันทึกร่างการร้องเพลงของเธอทั้งในส่วนของชายและหญิง และสวิฟต์ชอบเสียงของจัสติน เวอร์นอนจากวงบอนอีแวร์ เดสส์เนอร์ส่งเพลงให้เวอร์นอน ซึ่งเขาก็ชอบเพลงนี้ และได้เพิ่มเนื้อเพลงของตัวเองในบางส่วนและก็ได้ร่วมร้องในเพลงนี้[19]
เทย์เลอร์ได้เปิดประตูศิลปินให้ไม่รู้สึกกดดันที่จะมี "เดอะบ็อป" ในการทำแผ่นเสียงที่เธอทำขึ้น ในขณะที่การแข่งกับรายการวิทยุของเพลงป็อปในระดับสูง เธอได้สร้างสถิติที่ต้านต่อเพลงป็อปขึ้นมา
— เดสส์เนอร์พูดถึงทิศทางเสียงใหม่ของสวิฟต์ในโฟล์กลอร์, บิลบอร์ด[22]
โฟล์กลอร์ถูกเขียนและบันทึกไว้เป็นความลับโดยสวิฟต์ แฟนหนุ่ม ครอบครัว ทีมผู้บริหาร แอนโตนอฟฟ์ และเดสส์เนอร์ รับรู้ถึงการสร้างอัลบั้มนี้ เธอไม่ได้เปิดเผยข่าวหรือเปิดอัลบั้มให้เพื่อน ๆ ฟังเหมือนเช่นผลงานที่ผ่านมา[9] เมื่อใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของกระบวนการบันทึกเสียงของโฟล์กลอร์ เดสส์เนอร์ได้ติดต่อไปยังผู้ร่วมงานประจำของเขา ซึ่งรวมถึงเพื่อนร่วมวงเดอะเนชันเนล เพื่อจัดหาเครื่องดนตรีจากระยะไกล[21] ไบรซ์เรียบเรียงเพลงหลายเพลง ขณะที่ไบรอัน เดเวนดอร์ฟตีกลองในเพลง "เซเวน"[13] เดสส์เนอร์เก็บความเกี่ยวข้องของสวิฟต์ไว้เป็นความลับไม่ให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของเขาทราบจนกว่าจะมีการประกาศ[23] ในขณะที่ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง "คาร์ดิแกน" สวิฟต์สวมหูฟังและลิปซิงก์เพลง เพื่อป้องกันไม่ให้รั่วไหล[24] เดสส์เนอร์ระบุว่าค่ายเพลงของสวิฟต์ชื่อรีพับลิกเรเคิดส์ก็ไม่รู้ถึงอัลบั้มนี้จนกระทั่งหลายชั่วโมงก่อนเปิดตัว[20]
ดนตรีและเนื้อเพลง[แก้]
อัลบั้มโฟล์กลอร์รุ่นมาตรฐานมีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 3 นาที ประกอบด้วยเพลง 16 เพลง ในขณะที่รุ่นดีลักซ์จะเพิ่มเพลงโบนัส "เดอะเลกส์" เป็นเพลงที่ 17 บอนอีแวร์แสดงในเพลง "เอ็กไซล์" ซึ่งเป็นเพลงที่ 4 อัลบั้มประพันธ์และอำนวยการสร้างโดยสวิฟต์ เดสส์เนอร์ แอนโตนอฟฟ์ และอัลวิน พร้อมเครดิตการประพันธ์เพิ่มเติมให้กับเวอร์นอน นักร้องนำวงบอนอีแวร์ในเพลง "เอ็กไซล์"[13][25] เป็นอัลบั้มแรกของสวิฟต์ที่มีป้ายกำกับเนื้อหาที่ผู้ปกครองควรแนะนำ[26]
องค์ประกอบ[แก้]
นักวิจารณ์ส่วนใหญ่จัดประเภทแนวเพลงอัลบั้มโฟล์กลอร์เป็นออลเทอร์เนทิฟ อินดีโฟล์ก และอิเล็กโทรโฟล์ก โดยจัดแยกออกจากแนวป็อปสุดโต่งและเสียงที่ขับเคลื่อนด้วยซินท์ของผลงานก่อนหน้าของสวิฟต์[27][28] นอกจากนี้ยังจัดรวมไว้ในแนวเพลงอินดีร็อก[29] อิเล็กทรอนิกา[30] ดรีมป็อป[31] คันทรี[32] และมีองค์ประกอบโฟล์กร็อก[33] ฮันนาห์ มิลเรียจากเอ็นเอ็มอีเขียนวิจารณ์อัลบั้มว่า "ดำดิ่งสู่โลกของโฟล์ก ออลเทอร์นาทิฟร็อก และอินดี"[32] ในขณะที่แกรี ไรอันจากนิตยสารฉบับเดียวกันจัดว่าเป็นอินดีโทรนิกาและแชมเบอร์ป็อป[34] เคเลน เบลล์จากเอ็กซ์แคม กล่าวว่า โฟล์กลอร์เป็นแผ่นเสียงป็อปที่ผ่อนคลาย[35] คริส วิลแมนแห่งวาไรเอตี[36] และจิลเลียน เมปส์แห่งพิตช์โฟร์ก ระบุว่าเป็นแนวเพลงแชมเบอร์ป็อป[37] ไมเคิล ซัมชันแห่งป็อปแมตเทอร์ส อธิบายว่าเป็นการผสมผสานระหว่าง แชมเบอร์ป็อปและออลต์-โฟร์ก[38] และไรซา บรูเนอร์จากนิตยสารไทม์ ถือว่าเป็นแนว "ออลเทอร์นาทิฟป็อปโฟล์ก"[39] นักข่าวเพลงอแมนดา เปตรูซิช นักวิจารณ์จากเดอะนิวยอร์กเกอร์ รู้สึกว่าโฟล์กลอร์เป็นแผ่นเสียงที่ "ไม่มีแนวเพลง" ซึ่งเป็นบรรยากาศแนวไปทางป็อปมากกว่าโฟล์ก[40] ด้วยความไม่เห็นด้วยของจอน คารามานิกานักวิจารณ์ของเดอะนิวยอร์กไทมส์เรียกอัลบั้มนี้ว่าเป็นอัลบั้มที่มีกลิ่นอายความเป็นร็อกละทิ้งความเป็นป็อป[41] สเปนเซอร์ คอนฮาเบอร์จากดิแอตแลนติก กล่าวว่าอัลบั้มนี้เป็น "การแหวกว่ายดนตรีคลาสสิกที่สลับซับซ้อนและการประพันธ์ดนตรีโฟล์ก" จัดขึ้นพร้อมกับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์[42]
เป็นอัลบั้มที่ไม่เหมาะกับการออกอากาศในรายการวิทยุเพลงป็อป[6][43] โฟล์กลอร์หลีกเลี่ยงเพลงในกระแสหลักเหมือนผลงานเก่า ๆ ของเธอ[36] ซึ่งประกอบด้วยเพลงบัลลาดจังหวะช้า ๆ แบบภาพยนตร์[19][44][36] ที่มีความเป็นมินิมอล[37] ผลิตแบบโลไฟ[45]และท่วงทำนองเพลงที่สง่างาม ที่มีการหยิบยืมการแต่งเพลงแบบดั้งเดิมมาใช้ในสมัยใหม่[44] โดยสร้างขึ้นจากเครื่องดนตรีนีโอคลาสสิก อาทิ เสียงเปียโนที่มีความนุ่มนวล[30] เบาบาง[37] และกังวาน[44] เสียงมูดดี[37] ปิ๊ก[44] และเสียงอึกทึกของกีตาร์[30] เสียงกลิต (glitchy) และมีองค์ประกอบแฟรกเชอร์อิเล็กทรอนิกส์ (fractured electronic)[30] เสียงการสั่นอ่อน ๆ ของเพอร์คัชชัน[35][46] กลองโปรแกรมที่กลมกล่อม เมลโลตรอน[36] การประสานเสียงที่กว้างไกล[37] ด้วยสตริงที่เบาหวิว[31] และแตรที่ลุ่มลึก[47]
แนวบทเพลง[แก้]
โฟล์กลอร์ประกอบด้วยเพลงที่สำรวจมุมมองที่แตกต่างจากชีวิตของสวิฟต์ รวมถึงการเล่าเรื่องของบุคคลที่สาม[47]ที่เขียนขึ้นจากมุมมองของตัวละครที่สอดแทรกอยู่ในเพลง[19] สไตล์การแต่งเพลงผสมผสานระหว่างเพลงบัลลาดกับประสบการณ์อัตชีวประวัติและการเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละคร[48] และโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยธีมของความโหยหา การหลบหนีจากโลกของความเป็นจริง[49] การโหยหาอดีต[19] การทบทวนความคิด[50] และความร่วมรู้สึก[42] แม้ว่าสวิฟต์จะเลือกใช้เสียงใหม่ อัลบั้มนี้ยังคงไว้ซึ่งสไตล์การแต่งเพลงที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเธอ เช่น การส่งความโศกเศร้าและความหลงใหลในนวนิยายพัฒนาบุคคล (Bildungsroman)[51]
เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานเก่า ๆ ของเธอแล้ว โฟล์กลอร์สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ตนเองที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปของสวิฟต์[30] การใคร่ครวญ[38] และการเล่าเรื่องที่มีชีวิตชีวา[32] ซึ่งแสดงให้เห็นระดับที่สูงขึ้นของการเล่าเรื่องสมมติและลดการอ้างอิงตนเองน้อยลง[36] จนถึงจุดสูงสุดในวิธีการมองจากภายนอก[42] ในส่วนเนื้อเพลงเป็นทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องที่แต่งขึ้น และทั้งสองอย่างผสมผสานกันในบางครั้ง[52] ช่วงอารมณ์และการเล่าเรื่องของโฟล์กลอร์กว้างขึ้นโดยขยายจุดสนใจจากเรื่องราวส่วนตัวของสวิฟต์ไปสู่ตัวละครและตัวตนในจินตนาการ[50]
เรื่องเล่าที่บรรยายไว้ในโฟล์กลอร์ ได้แก่ ผีที่ตามหาฆาตกรที่งานศพ, เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบกับเพื่อนที่บอบช้ำ, หญิงม่ายชราคนหนึ่งถูกชาวเมืองปฏิเสธ, การฟื้นฟูผู้ติดสุรา และรักสามเส้าระหว่างตัวละครเบตตี เจมส์ และผู้หญิงนิรนาม[53][54]ตามที่ปรากฎในเพลง "คาร์ดิแกน" "เบ็ตตี" และ "ออกัสต์" โดยแต่ละเพลงในสามเพลงนี้เขียนขึ้นจากมุมมองของตัวละครแต่ละตัวในช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิต[6] แอน พาวเวอร์สจากเอ็นพีอาร์ ได้กำหนดโฟล์กลอร์ ว่า "กายนั้นสร้างขึ้นจากความทรงจำ ความรู้สึกร่วมกันของโลก สร้างขึ้นจากตำนาน และเรื่องราวที่ได้ยินมา" ตามแนวคิดที่ว่า "เราแต่ละคนมีโฟล์กลอร์เป็นของตัวเอง" โดยอัลบั้มนี้เป็นโฟล์กลอร์ของสวิฟต์[55] หลายเพลงในอัลบั้มมีความเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณภาพแทรกอยู่ในเนื้อเพลง[56] และอ้างอิงถึงวัตถุและปรากฏการณ์ในธรรมชาติ เช่น สุริยุปราคา ดาวเสาร์ แสงออโรรา ท้องฟ้าสีชมพูอมม่วง อากาศเค็ม วัชพืช และวีสเตียเรีย[57]
การกำกับศิลป์[แก้]
ตั้งแต่เริ่มต้น เทย์เลอร์มีความคิดที่ชัดเจนว่าเธอต้องการอะไรสำหรับวิชวลของอัลบั้ม เราดูงานแนวเซอร์เรียลิสต์ ซึ่งเป็นภาพที่เล่นกับขนาดของมนุษย์ในธรรมชาติ เรายังดูออโตโครม แอมโบรไทป์ และหนังสือนิทานภาพในยุคแรก ๆ จากทศวรรษที่ 1940 ด้วย
ภาพปกอัลบั้ม บรรจุภัณฑ์ และวิดีโอเนื้อเพลงของโฟล์กลอร์ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีดีไอวาย[9] สวิฟต์ร่วมมือกับช่างภาพเบธ การ์ราแบรนต์ สำหรับงานศิลปะ โดยไม่มีทีมเทคนิคเนื่องจากความกังวลเรื่องโควิด-19 การถ่ายภาพดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงจากการถ่ายภาพเก่า ๆ ของสวิฟต์ ซึ่งเธอจะมี "คน 100 คนอยู่ในกองถ่าย คอยสั่งการร่วมกับคนอื่น ๆ ในลักษณะที่เป็นคณะการทำงาน" เธอจัดสไตล์ตัวเอง ทั้งทรงผม เมคอัพ และเสื้อผ้า และกำหนดมูดบอร์ดให้การ์ราแบรนต์โดยเฉพาะ[9] ภาพถ่ายมีลักษณะเป็นสีเทา ฟิลเตอร์ขาวดำ[59][43]
ภาพปก[แก้]
ภาพปกอัลบั้มรุ่นมาตรฐานแสดงให้เห็นว่าสวิฟต์เป็นผู้สำรวจในศตวรรษที่ 18 ที่กำลังเดินละเมออยู่ในชุดนอน[9] เธอเห็นตัวเองยืนอยู่คนเดียวในป่าที่มีหมอกปกคลุมด้วยหมอกยามเช้า[60]สวมเสื้อโค้ทลายสกอตยาวกระดุมสองแถวในทุ่งหญ้าสีขาว[61]จ้องมองไปที่ต้นไม้ที่มีความสูง[62] ในขณะที่ปกด้านหลัง เธอยืนหันหลังให้กล้อง สวมแจ็กเก็ตยีนส์บุด้วยผ้าแฟลนเนลตัวหลวม ๆ โอบรอบแขนของเธอ และสวมเสื้อคลุมลูกไม้สีขาว ทำทรงผมมวยถักหลวม ๆ สองอันต่ำลงมาเหนือต้นคอ คล้ายกับตุ๊กตาอเมริกันเกิร์ล เคิร์สเตน ลาร์สัน[61][60]ชื่ออัลบั้มเขียนด้วยอักษรโรมันตัวเอียงที่ชวนให้นึกถึง "ลายมือหวัดแบบตำนานแห่งนาร์เนีย"[63][64]
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 จิมมี คิมเมลสัมภาษณ์สวิฟต์เกี่ยวกับการที่มีคำว่า "วูดเวล" บนหน้าปกของโฟล์กลอร์ ฉบับ "ไฮด์แอนด์ซีก" ซึ่งบางคนสงสัยว่าจะเป็นชื่ออัลบั้มใหม่หลังจากอัลบั้มเอฟเวอร์มอร์; สวิฟต์ได้ปฏิเสธและบอกว่าเธอนั้นไม่ได้เปิดเผยชื่ออัลบั้มโฟล์กลอร์ให้ใครรู้จนกระทั่งก่อนเปิดตัว และใช้ชื่อ "วูดเวล" เป็นชื่อรหัสลับ ซึ่งรวมอยู่ในอาร์ตเวิร์กสำหรับการอ้างอิง แต่ถุกตีพิมพ์ในผลิตภัณฑ์โดยบังเอิญเท่านั้น
สุนทรียะและแฟชั่น[แก้]
สะท้อนให้เห็นถึงลวดลายกวีของการหลบหนีจากโลกของความเป็นจริง[65] โฟล์กลอร์มองว่าสวิฟต์โอบรับความเป็นชนบท[43] เน้นธรรมชาติ[59] คอตเทจคอร์[61][66] สุนทรียภาพสำหรับโปรเจ็กต์นี้ โดยหลีกหนีจาก "เทศกาลเทคคัลเลอร์" ของอัลบั้มก่อนอย่างเลิฟเวอร์[67] มิวสิกวิดีโอของ "คาร์ดิแกน" บอกเล่าความขยายออกไปของคอตเทจคอร์ และเริ่มด้วยการที่เธอนั่งที่เปียโนวินเทจในกระท่อมแสนสบายในป่า วิดีโอนำเสนอป่าที่ปกคลุมด้วยมอสส์ และน้ำตกที่ไหลออกจากเปียโน สวิฟต์ขายแบบจำลองของ "เสื้อคาร์ดิแกนโฟล์กลอร์" ในรูปแบบสายถักสีครีม ปักดาวสีเงินที่ข้อศอกหนา ๆ ของแขนเสื้อ และท่อและปุ่มสีน้ำเงินกรมท่าที่เธอสวมในวิดีโอลงบนเว็บไซต์ของเธอ[61]
นิตยสารดับเบิลยู มองว่าเสื้อคาร์ดิแกนเป็น "pièce de résistance" (แปลว่า อาหารจานสำคัญ) ของสุนทรียภาพ และคิดว่าผลงานศิลปะปกทั้งแปดเล่มของโฟล์กลอร์มีสวิฟต์ที่ "เที่ยวเล่นในป่าเหมือนราชินีแห่งคอตเทจคอร์"[68] ไอริชดิอินดีเพ็นเดนต์ กล่าวว่าเธอกลายเป็น "นักแต่งเพลงในชนบทที่สื่อสารกับนกและต้นไม้" โดยสวมเสื้อสเวตเตอร์ "สไตล์-เดอะแคลนซีบราเธอรส์"[69] อาร์ทีอีขอบคุณที่สวิฟต์สวมใส่คาร์ดิแกนเสื้อที่ทำให้ "กลับมาอยู่บนแผนอีกครั้ง"[70] ถ้าสังเกตว่ายุคอัลบั้มของเธอถูกกำหนดโดยโทนสี แฟชั่น และวัฒนธรรมของตนเอง ทีนโว้กก็ได้อธิบายว่า โฟล์กลอร์ถือเป็นเสื้อผ้าที่เรียบง่ายในโทนสีกลาง โดยคาร์ดิแกนช่วยให้เข้าใจบทบาทของอารมณ์ที่สื่อผ่านเสื้อผ้า[71] แนวทางคอตเทจคอร์ได้รับการฟื้นตัวบนอินเทอร์เน็ตหลังจากที่วิฟต์ใช้เป็นสุนทรียศาสตร์[72] ด้วยยอดขายเสื้อสเวตเตอร์แอเรนถักด้วยมือพุ่งสูงขึ้นในไอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา[73]
เมื่อเปรียบเทียบกับอัลบั้มที่ผ่านมาของเธอเดอะการ์เดียน ได้อธิบายลักษณะของอัลบั้ม 1989 ที่ดูเรียบหรูและอ่อนโยน เรพิวเทชัน ที่มีสไตล์โกธิคและอันตราย และ เลิฟเวอร์ ที่มีสีที่สดใสและพาสเทล ในขณะที่ โฟล์กลอร์ มีลักษณะที่เป็นเอกรงค์ (Monochrome) ของนักแต่งเพลงที่หวนคืนสู่รากเหง้าของความเป็นชาวโฟล์ก[50] รีไฟเนร์รีได้ขนานนามสุนทรียะนี้ว่าสวิฟต์ได้กลับมาเป็น "ตัวตนที่แท้จริง" ของเธอ[74] และเปรียบเทียบรูปลักษณ์ใหม่ของเธอกับรูปลักษณ์ของ "กุหลาบอังกฤษคลาสสิก" นิตยสารโว้กพบว่าสวิฟต์เลือกใช้จานสีแบบพาสทอรัล (Pastoral) และดึงความคล้ายคลึงกับมิวสิกวิดีโอของซิงเกิล "เซฟแอนด์ซาวด์" ในปี ค.ศ. 2012 ของเธอ[75] เว็บไซต์บีตส์เพอร์มินิตถือเป็นสุนทรียภาพที่ทำให้นึกถึงผลงานของจิตรกรแกรนต์ วูด, แอนดรูว์ ไวเอท และไลโอเนล วอลเดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานศิลปะอเมริกันโกธิคของวูด[62] วอลทรูได้ให้คำนิยามโฟล์กลอร์ว่าเป็น "ภาพยนตร์สยองขวัญอินดีย้อนยุคขาวดำที่น่าขนลุก" ที่เห็นถึงต้นแบบต่อภาพยนตร์เกินวิสัยต่าง ๆ โดยเฉพาะหนังสยองขวัญจากค่ายเอ24 ด้วยเพลงที่ทำให้นึกถึงภาพในโรงภาพยนตร์[67] ความสวยงามของอัลบั้มถูกนำไปเปรียบเทียบกับภาพจริงในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น อีวาโนโวดเตสตโว (1962), ปิกนิกแอตแฮงกิงร็อก (1975), สอดรู้ สอดเห็น สอดเป็น สอดตาย (1999), แพนส์แลบรินธ์ (2006), บาบาดุค ปลุกปีศาจ (2014), เดอะวิทช์ (2015), เล่ห์ลวง พิศวาส ปรารถนา (2017), จิตหลอนซ่อนลวง (2017), เดอะไลท์เฮาส์ (2019), เทศกาลสยอง (2019) และสี่ดรุณี (2019)[67][76][61][75]
การเปิดตัวและการประชาสัมพันธ์[แก้]
โฟล์กลอร์เป็นอัลบั้มเซอร์ไพรส์ นับเป็นครั้งแรกที่สวิฟต์ละทิ้งการออกอัลบั้มแบบดั้งเดิมของเธอ โดยเลือกที่จะออกวางจำหน่ายกะทันหัน เธอกล่าวว่า "ถ้าคุณทำสิ่งที่คุณรัก คุณควรเผยแพร่มันออกไปให้โลกเห็น" เธอเปิดตัวอัลบั้มผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 เพียง 16 ชั่วโมงก่อนที่จะปล่อยสู่แพลตฟอร์มเพลงดิจิทัลในเวลาเที่ยงคืน[77] สวิฟต์แจ้งให้รีพับลิกเรเคิดส์ทราบเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนวางจำหน่าย[78] ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายหรือวางบนร้านค้าปลีก โดยเฉพาะในสัปดาห์แรก[78] ซีดีรุ่นดีลักซ์และแผ่นเสียงไวนิลพร้อมปกสำรองอีก 7 แผ่น จำหน่ายบนเว็บไซต์ของสวิฟต์เท่านั้น[79] ซีดี "อินเดอะทรีส์" ของโฟล์กลอร์รุ่นมาตรฐาน วางจำหน่ายในวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2020[80] ในขณะที่ซีดี "มีตมีบีไฮด์เดอะมอล" จัดทำขึ้นเฉพาะสำหรับทาร์เก็ต[81] ก่อนหน้านี้โฟล์กลอร์รุ่นดีลักซ์แบบพิเศษเฉพาะทางกายภาพซึ่งมีโบนัสแทร็กเพลง "เดอะเลกส์" เผยแพร่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2020[25]
ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2020 มีการวางจำหน่ายซีดีโฟล์กลอร์พร้อมลายเซ็นในจำนวนจำกัด ได้ถูกส่งไปยังร้านแผ่นเสียงอินดีหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและสกอตแลนด์ เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด[82][83] สวิฟต์ได้ส่งเสื้อคาร์ดิแกนโฟล์กลอร์ของเธอ ไปให้เพื่อนคนดังและผู้ปรารถนาดี[84] อัลบั้มรวมแทร็กโฟล์กลอร์สี่เพลงได้รับการเผยแพร่สู่การสตรีม โดยพิจารณาจากบทเนื้อเพลงต่าง ๆ ; ดิอิสเคฟฟิสซึมแชปเตอร์, เดอะสลีปเลสไนตส์แชปเตอร์, เดอะซอลต์บ็อกซ์เฮาส์แชปเตอร์ และเดอะยาห์ไอโชว์อัพแอตยัวร์ปาร์ตีแชปเตอร์ซอลต์บ็อกซ์ วางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม–กันยายน ค.ศ. 2020[85] สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 9 ของสวิฟต์ เอฟเวอร์มอร์ เป็นภาคต่อของโฟล์กลอร์ เธอเรียกว่า "อัลบั้มพี่น้อง"[86]
ซิงเกิล[แก้]
![]() |
|
หากมีปัญหาในการเล่นไฟล์นี้ ดูที่ วิธีใช้สื่อ |
"คาร์ดิแกน" เป็นซิงเกิลนำของอัลบั้มโฟล์กลอร์[87] มาพร้อมกับมิวสิกวิดีโอที่โพสต์บนยูทูบ กำกับโดยสวิฟต์ และอำนวยการสร้างโดยจิล ฮาร์ดิน ทั้งคู่วางจำหน่ายในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 พร้อมกับอัลบั้ม[5] เปิดให้บริการในรูปแบบวิทยุป็อปของสหรัฐอเมริกาและป็อปสำหรับผู้ใหญ่ ในวันที่ 27 กรกฎาคม[88][89] เพลงเปิดตัวที่อันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 กลายเป็นอันดับสูงสุดอันดับที่หกของสวิฟต์ และเป็นเพลงเปิดตัวอันดับหนึ่งครั้งที่สอง[90] บิลบอร์ดสังเกตเห็นการเปิดตัวโฟล์กลอร์บนวิทยุที่มีความแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งมีไม่กี่เพลงที่ได้รับการเลื่อนระดับเป็นวิทยุหลายรูปแบบพร้อมกัน ในขณะที่ "คาร์ดิแกน" ส่งผลกระทบต่อสถานีวิทยุป็อปและผู้ใหญ่ร่วมสมัย[91] "เอ็กซ์ไซล์" ถูกส่งไปยังวิทยุออลเทอร์นาทิฟสำหรับผู้ใหญ่ในวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 2020 ซึ่งตอนแรกขึ้นสูงสุดที่อันดับหกในฮอต 100[92][90] ในขณะที่ "เบ็ตตี" ถูกส่งไปยังสถานีวิทยุคันทรีในวันที่ 17 สิงหาคม[93] หลังจากขึ้นถึงอันดับหกในชาร์ตเพลงฮอตคันทรี[94] "เดอะวัน" เปิดตัวเป็นซิงเกิลโปรโมตในเยอรมนีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ;[95] "เดอะวัน" ยังสามารถครองชาร์ตถึงอันดับสี่ในฮอต 100 อีกด้วย[90] ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 ซึ่งเป็นวันครบรอบคั้งแรกของโฟล์กลอร์ เพลง "เดอะเลกส์" เวอร์ชันออร์เคสตราดั้งเดิมก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นซิงเกิลโปรโมตด้วย[96]
ภาพยนตร์และอัลบั้มบันทึกการแสดงสด[แก้]
สารคดีคอนเสิร์ตชื่อ โฟล์กลอร์: เดอะลองพอนด์สตูดิโอเซสชันส์ เผยแพร่ทางดิสนีย+ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 กำกับและอำนวยการสร้างโดยสวิฟต์ โดยได้เห็นเธอแสดงเพลงจากอัลบั้มโฟล์กลอร์ทั้งหมด ในบรรยากาศส่วนตัวที่ลองก์พอนด์สตูดิโอ และแบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังเพลงร่วมกับแอนโตนอฟฟ์และเดสส์เนอร์[14] นอกเหนือจากรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์แล้ว อัลบั้มบันทึกการแสดงสดลำดับที่ 3 ของสวิฟต์ โฟล์กลอร์: เดอะลองพอนด์สตูดิโอเซสชันส์ (ฟรอมเดอะดิสนีย์+ สเปเชียล) ซึ่งมีเวอร์ชันอะคูสติกจากในภาพยนตร์ ก็ได้รับการเผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ[97][98]
ผลการตอบรับ[แก้]
ผลคะแนน | |
---|---|
ที่มา | ค่าประเมิน |
เมทาคริติก | 88/100[101] |
เอนีดีเซ็นต์มิวสิก? | 8.5/10[100] |
คะแนนคำวิจารณ์ | |
ที่มา | ค่าประเมิน |
ออลมิวสิก | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
แอนด์อิตโดนต์สต็อป | B+ |
ชิคาโกทริบิว | ![]() ![]() ![]() ![]() |
เดอะเดลีเทลิกราฟ | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี | A[104] |
เดอะการ์เดียน | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เอ็นเอ็มอี | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
พิตช์โฟร์ก | 8.0/10[37] |
โรลลิงสโตน | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เดอะซิดนีย์มอนิงเฮรัลด์ | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
โฟล์กลอร์ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากนักวิจารณ์ดนตรีซึ่งยกย่องน้ำหนักทางอารมณ์และการแต่งเพลงอย่างใคร่ครวญ[105] เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่สงบเสงี่ยมและซับซ้อนที่สุดของสวิฟต์[106] เมทาคริติกซึ่งให้คะแนนปกติจาก 100 แก่บทวิจารณ์จากสื่อสิ่งพิมพ์ระดับมืออาชีพ อัลบั้มนี้ได้รับคะแนนเฉลี่ย 88 จากบทวิจารณ์ 27 บท ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นผลงาน "เสียงไชโยโห่ร้องสากล"[101] โฟล์กลอร์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดของสวิฟต์ และเป็นอัลบั้มบุกเบิกของปี ค.ศ. 2020[48][107]
ร็อบ เชฟฟีลด์ จากโรลลิงสโตน ยกย่องความสามารถในการแต่งเพลงของสวิฟต์ที่ดึงเอา "ปัญญาที่ลึกที่สุด ความเห็นอกเห็นใจ และความร่วมรู้สึก" ของเธอออกมา ทำให้โฟล์กลอร์เป็นอัลบั้มที่คุ้นเคยที่สุดของเธอจนถึงตอนนี้[6] นอกจากนี้จากการสังเกตการเล่าเรื่องที่มีชีวิตชีวาของอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยจินตนาการและอุปมา จิลเลียน เมปส์ จากพิตช์โฟร์กถือว่าโฟล์กลอร์เป็นการก้าวที่เติบโตในงานศิลปะของสวิฟต์ ในขณะที่ยังคงรักษาแกนกลางของเธอในฐานะนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง[37] มาร์ก ซาเวจ จากบีบีซีจัดให้โฟล์กลอร์เป็นการบันทึกอินดีที่เกี่ยวข้องกับความคิดถึงและความผิดพลาดที่สะท้อนกลับของเวลา[108] นักวิจารณ์หลายคนต่างยินดีกับแนวทางดนตรีใหม่ของสวิฟต์เช่น คริส วิลแมนจากวาไรเอตีมองว่าโฟล์กลอร์เป็น "อัลบั้มอันดับหนึ่ง" และการเปลี่ยนแปลงสไตล์ดนตรี "เป็นการกระทำที่จริงจังของการทำความสะอาดพาเล็ตโซนิก" ของสวิฟต์[36]
นักวิจารณ์หลายคนยินดีกับแนวทางดนตรีใหม่ของสวิฟต์ คริส วิลแมนจากวาไรเอตี มองว่าโฟล์กลอร์เป็น "อัลบั้มอันดับหนึ่ง" และการเปลี่ยนแปลงสไตล์ดนตรีเป็น "การกระทำในการการล้างจานสีเสียงที่รุนแรง" ของสวิฟต์[36] ลอรา สเนปส์จากเดอะการ์เดียน ถือว่ามีความเหนียวแน่นที่สุดและทดลองมากที่สุดในบรรดาผลงานของสวิฟต์[30] มอรา จอห์นสตันจากเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลีถือว่าอัลบั้มนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญของป็อปสตาร์อย่างสวิฟต์ในการท้าทายผู้ฟัง[104] รอยซิน โอคอนเนอร์จากดิอินดีเพ็นเดนต์ยกย่องอัลบั้มนี้ว่า "ประณีต, กวีนิพนธ์ที่ใช้เปียโนเป็นหลัก" ซึ่งเธอพบว่าชุดเพลงของสวิฟต์นั้นไม่ธรรมดา[109] สตีเฟน โธมัส เออร์เลอไวน์จากออลมิวสิก มีทัศนคติเชิงบวกต่ออัลบั้มนี้ แต่รู้สึกว่าแนวดนตรีของสวิฟต์ไม่ใช่ "เทคนิคใหม่อย่างแม่นยำ"[102] ตามข้อตกลง แอนนี ซาเลสกีจากดิเอวีคลับ ถือว่าอัลบั้มยังไม่ใช่การทดลองอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นมุมมองศิลปะใหม่ของของสวิฟต์[110] ในคอลัมน์คอนซูเมอร์ไกด์ที่ตีพิมพ์ในซับสแตก เผยแพร่โดยโรเบิร์ต คริสเกา ได้รับความสนใจจากเพลง "เซเวน" และ "เบ็ตตี" ในธีมเยาวชนมากที่สุดมากกว่าเพลงสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเขาสรุปว่า "เป็นเพลงป็อปที่ขับร้องอย่างไพเราะ ขับร้องได้ไพเราะจับใจ" เขาแยก "เดอะลาสต์เกรตอเมริกันไดนาสตี" เป็นเพลงเดียวที่ไม่สามารถทนได้เนื่องจากมันทำให้เขานึกถึง "เทย์เลอร์ สวิฟต์ มหาเศรษฐีคนดัง"[111] ในการวิจารณ์ที่หลากหลาย จอน คารามานิกา นักวิจารณ์ของเดอะนิวยอร์กไทมส์ ยกย่องการแต่งเพลงของสวิฟต์ แต่รู้สึกว่าอัลบั้มนี้เต็มไปด้วย "ความอ้างว้าง" และ "หมกมุ่น" ในแนวเพลงอินดีร็อก[41]
รายการสิ้นปี[แก้]
สิ่งพิมพ์จำนวนมากระบุโฟล์กลอร์ในรายชื่ออัลบั้มที่ดีที่สุดของปี ค.ศ. 2020 รวมถึงอันดับหนึ่งจากบิลบอร์ด[4] ลอสแอนเจลิสไทมส์[112] โรลลิงสโตน[113] อินไซเดอร์[114] เอ็นเจ.คอม[115] เซาต์ไชนามอนิงโพสต์[116] อัพพร็อกซ์[117] ยูเอสเอทูเดย์[118] อัสวีกลี[119] วาไรเอตี[120] และวอลลาวอลลายูเนียนบูลเลตติน[121] โฟล์กลอร์อันดับที่ 3 ในการจัดอันดับอัลบั้มที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดของเมทาคริติกในรายการสิ้นปี ค.ศ. 2020[122] ในเพลง "เดอะ 1"[123] "คาร์ดิแกน"[124] "เดอะลาสต์เกรตอเมริกันไดนาสตี"[125] "เอ็กไซล์"[126] "มิเรอร์บอล"[127] "เซเวน"[128] "ออกัสต์"[129] "ดิสอิสมีไทร์อิง"[130] "อินวิซิเบิลสตริง"[131] และ "เบ็ตตี"[132] ยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดของปี ค.ศ. 2020
วิจารณ์/เผยแพร่ | รายการ | อันดับ | อ้างอิง |
---|---|---|---|
บีบีซี | อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 3
|
|
บิลบอร์ด | 50 อันดับอัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 1
|
|
เอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี | 15 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 5
|
|
เดอะการ์เดียน | 50 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 9
|
|
ดิอินดีเพ็นเดนต์ | 40 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 10
|
|
ลอสแอนเจลิสไทมส์ | 10 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 1
|
|
เอ็นเอ็มอี | 50 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 2
|
|
พิตช์โฟร์ก | 50 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 29
|
|
โรลลิงสโตน | 50 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 1
|
|
ไทม์ | 10 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2020 | 1
|
รางวัล[แก้]
ปี | องค์กร | รางวัล | ผล | Ref. |
---|---|---|---|---|
2020 | อเมริกันมิวสิกอะวอดส์ | อัลบั้มป็อป/ร็อกสุดโปรด | เสนอชื่อเข้าชิง | |
แอปเปิลมิวสิกอะวอดส์ | นักแต่งเพลงแห่งปี (โฟล์กลอร์) | ชนะ | ||
อาเรียมิวสิกอะวอดส์ | ศิลปินนานาชาติยอดเยี่ยม (โฟล์กลอร์) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
เดนนิชมิวสิกอะวอดส์ | อัลบั้มนานาชาติแห่งปี | ชนะ | ||
อี! พีเพิลส์ชอยซ์อะวอดส์ | อัลบั้มแห่งปี 2020 | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
กินเนสส์เวิลด์เรเคิด | อัลบั้มที่สตรีมมากที่สุดในวันแรกบนสปอติฟาย (ผู้หญิง) | ชนะ | ||
เน็ตอีสมิวสิก | อัลบั้มตะวันตกยอดนิยม | ชนะ | ||
อัลบั้มเพลงโฟล์กยอดนิยม | ชนะ | |||
2021 | บิลบอร์ดมิวสิกอะวอดส์ | อัลบั้มยอดนิยมบิลบอร์ด 200 | เสนอชื่อเข้าชิง | |
รางวัลกาฟฟา | อัลบั้มนานาชาติแห่งปี | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
รางวัลแกรมมี | อัลบั้มแห่งปี | ชนะ | ||
อัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
เจแปนโกลด์ดิสอะวอดส์ | อัลบั้มตะวันตกที่ดีที่สุด 3 อัลบั้ม | ชนะ | ||
รางวัลจูโน | อัลบั้มนานาชาติแห่งปี | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
ไอฮาร์ตเรดิโอมิวสิกอะวอดส์ | อัลบั้มป็อปที่ดีที่สุด | ชนะ | ||
2022 | เทคอะวอดส์ | ความสำเร็จด้านความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่น – การผลิตแผ่นเสียง/อัลบั้ม | เสนอชื่อเข้าชิง |
การสืบทอด[แก้]
การเปิดตัวของโฟล์กลอร์ทำให้เกิดความสนใจอย่างมากกับคำว่า "โฟล์กลอร์" บนอินเทอร์เน็ตในวงกว้าง การตอบสนองต่อกระแสหลักนี้ อเมริกันโฟล์กลอร์โซไซเอตีได้เปิดตัวเว็บไซต์ชื่อ "What is Folklore?" และมีส่วนร่วมในการรณรงค์ออนไลน์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจเกี่ยวกับการศึกษาคติชนวิทยา มีการจ้างนักโฟล์กลิสต์เพื่อเผยแพร่วิชาการแก่ประชาชนทั่วไปทางสื่อสังคมออนไลน์[151] ปริมาณการเข้าชมของ Metacritic พุ่งสูงขึ้นประมาณครึ่งล้านครั้งหลังจากการเปิดตัวของโฟล์กลอร์ มาร์ก ดอยล์ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์กล่าวว่า "ไม่มีอะไรที่เหมือนกับเทย์เลอร์ สวิฟต์อีกแล้ว" ซึ่งอัลบั้มของเขา "มีปริมาณการเข้าชมและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เป็นจำนวนมาก" ไปยังไซต์เมื่อใดก็ตามที่มีการเผยแพร่[152]
อัลบั้มนี้ได้รับบริบทเป็นโครงการล็อกดาวน์โดยนักวิจารณ์[153] และได้รับชื่อเสียงในฐานะอัลบั้มกักตัวตามแบบฉบับ[154] เดอะการ์เดียนให้ความเห็นว่าโฟล์กลอร์เป็นการพักผ่อนจากเหตุการณ์วุ่นวาย[50] เดลีเทเลกราฟเรียกมันว่า "งดงาม, ชัยชนะจากการล็อกดาวน์ที่เห็นอกเห็นใจ"[44] เอ็นเอ็มอีกล่าวถึงอัลบั้มว่าจะถูกจดจำในฐานะ "หัวใจของอัลบั้มล็อกดาวน์" ที่ "รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับความเหงาที่แปลกประหลาด" ในปี ค.ศ. 2020[155][136] อินไซเดอร์ระบุว่าโฟล์กลอร์จะเป็นที่รู้จักในชื่อ "ผลงานชิ้นเอกที่แท้จริงของการล็อกดาวน์"[114] โรลลิงสโตนกล่าวว่าอัลบั้มนี้อาจถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็น "อัลบั้มกักกันที่เด็ดขาด" เพื่อมอบความสบายและระบาย "ในเวลาที่เราต้องการมากที่สุด"[113] บิลบอร์ดประกาศว่าโฟล์กลอร์จะได้รับการชื่นชมในฐานะหนึ่งในอัลบั้มที่มีอิทธิพลมากที่สุดของสวิฟต์[4] อัพพร็อกซ์สังเกตว่าโฟล์กลอร์เปลี่ยนโทนเสียงของดนตรีอย่างไรในปี ค.ศ. 2020[156] และผลกระทบที่มีต่อภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของปีนั้นเป็นที่ "ไม่สามารถวัดได้"[117]
ในรายการที่มอบรางวัลให้กับผลงานสร้างสรรค์ในช่วงการกักตัว วอลทรูจัดให้โฟล์กลอร์เป็น "รายละเอียดที่ดีที่สุดในรูปแบบดนตรี" ประจำปี ค.ศ. 2020 สำหรับการจัดการกับความเหงาและความคิดที่เกี่ยวข้อง [157] โว้กจัดอันดับให้อัลบั้มนี้อยู่ท่ามกลางช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัฒนธรรมการล็อกดาวน์[158] เดอะวีก เรียกว่า "ศิลปะการแพร่ระบาดใหญ่ครั้งแรก" เพื่อการตั้ง "มาตรฐานสูง" เพื่อโครงการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแพร่ระบาดในอนาคต[159] ไฟแนนเชียลไทมส์ เรียกว่า "อัลบั้มล็อกดาวน์ยอดเยี่ยมชุดแรก"[160] ในขณะที่ฮอตเพรส เรียกว่า "สุดยอดอัลบั้มแรกของยุคล็อคดาวน์"[161] พิจารณาจากคำพิพากษ์และความสำเร็จทางการค้า ทอม ฮัลล์สรุปได้ว่าสวิฟต์ "จับจิตวิญญาณของเวลา" ด้วยโฟล์กลอร์[162] บิลบอร์ดยกให้โฟล์กลอร์และเอฟเวอร์มอร์เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของอัลบั้มนวัตกรรมจากศิลปินที่ปรับเปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ของพวกเขาในช่วงโรคระบาด[163] และในรายการชื่อ "25 ช่วงเวลาทางดนตรีที่กำหนดไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2020" เรียกอัลบั้มว่า "ชนการค้า" และ "แกรมมีที่รัก" ซึ่งหมายถึง "หนึ่งในหัวใจของการกักตัวแบบเต็มยาว"[164]
โลกของฉันรู้สึกเปิดกว้างขึ้นอย่างสร้างสรรค์ มีจุดหนึ่งที่ฉันต้องทำในฐานะนักแต่งเพลงที่เขียนแต่เพลงแนวไดอารี ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันไม่ยั่งยืนสำหรับอนาคตของฉันที่ก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่ฉันรู้สึกหลังจากที่เรานำเสนอโฟล์กลอร์ก็คือ "โอ้ ว้าว ผู้คนสนใจสิ่งนี้เหมือนกัน สิ่งนี้รู้สึกดีจริง ๆ สำหรับชีวิตของฉัน และรู้สึกดีจริง ๆ สำหรับความคิดสร้างสรรค์ของฉัน... มันก็รู้สึกดีสำหรับพวกเขาด้วย"
— สวิฟต์เล่าถึงวิธีที่โฟล์กลอร์เปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ของเธอให้ก้าวไปข้างหน้า, แอปเปิลมิวสิก 1[165]
การสร้างและการต้อนรับอย่างคลั่งไคล้ต่อโฟล์กลอร์ สนับสนุนให้สวิฟต์เปิดตัว เอฟเวอร์มอร์ สวิฟต์เองให้เครดิตโฟล์กลอร์ที่นำเสนอแนวความคิดใหม่ในการแต่งเพลงในละครของเธอ ซึ่งส่งผลต่อผลงานเพลงของเธอที่ปล่อยออกมาในภายหลัง[48] โฟล์กลอร์เป็นอัลบั้มยอดนิยมประจำปี ค.ศ. 2020 โดยจีเนียส[166] และสวิฟต์ยังเป็นสิ่งที่ผู้คนค้นหาสูงสุด[167] เธอยังเป็นนักดนตรีเดี่ยวที่ทำรายได้สูงสุดในโลกในปี ค.ศ. 2020[168] และผู้ทำรายได้สูงสุดในสหรัฐฯ จากรายได้ของเธอจากอัลบั้มในปี ค.ศ. 2020 เพียงอย่างเดียว[169]
ร่วมสมัย[แก้]
เฮย์ลีย์ วิลเลียมส์จากวงพาร์อะมอร์บรรยายสตูดิโออัลบั้มเดี่ยวชุดที่สองของเธอชื่อ ฟาวเวอร์สฟอร์แวซัส / เดสกันโซส ว่าเป็นโฟล์กลอร์ของเธอ[170] ฟีบี บริดเจอรส์เสนอว่าการบันทึกเพลงครั้งต่อไปของเธออาจได้รับแรงบันดาลใจจากโฟล์กลอร์[171] นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตถึงอิทธิพลของโฟล์กลอร์ในอัลบั้มเปิดตัวของโอลิเวีย โรดริโก ซาวเออร์ (2021) และซิงเกิลนำ "ไดเวอรส์ไลเซินซ์"[172][173] นักร้องนักแต่งเพลงชาวสเปน ซาฮารา เปิดตัวเพลงชื่อ "เทย์เลอร์" เพื่อยกย่องเธอและให้เครดิตโฟล์กลอร์ที่สนับสนุนให้เธอแต่งเพลงอีกครั้งหลังจากห่างเหินหลายเดือน[174] มีอา ดิมซิช นักร้องชาวโครเอเชียยกย่องให้อัลบั้มเพลงโฟล์กลอร์เป็นแรงบันดาลใจของเพลง "เกลตีเพลสเชอร์" ซึ่งเป็นเพลงของเธอในการเป็นตัวแทนของโครเอเชียในการประกวดเพลงยูโรวิชันปี 2022[175][176] คริสตินา เพร์รีและซาบรินา คาร์เพนเทอร์ยกเครดิตให้โฟล์กลอร์ด้วยการกระตุ้นให้พวกเขาแสดงอารมณ์อย่างตรงไปตรงมาในเพลงโดยไม่ต้องกังวลกับความคาดหวังจากภายนอก[177][178] นักร้องและนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่นอังกฤษ รินะ ซาวายามะ อ้างถึงลักษณะบทกวีและเรื่องสมมติของโฟล์กลอร์เป็นแหล่งแรงบันดาลใจสำหรับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ของเธอ โฮลด์เดอะเกิร์ล (2022)[179] แอบบี แมคโดนัลด์นักเขียนของบริดเจอร์ตันกล่าวว่าเพลง "อิลิลซิตแอฟแฟรส์" เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนบทในตอน "ชะตากรรมที่คิดไม่ถึง" ของฤดูกาลที่สองของละคร[180] มายา ฮอว์ก นักร้องนักแต่งเพลงและนักแสดงชาวอเมริกันได้รับแรงบันดาลใจจากการแต่งเพลงของโฟล์กลอร์ในสตูดิโออัลบั้มชุดที่สองของเธอ มอสส์ (2022)[181] หลักจากโฟล์กลอร์ ศิลปินเช่นฮอว์ก[182]แล้วก็มี เกรซี เอบรามส์,[183] เอ็ด ชีแรน,[184] คิงพรินเซส,[185] และเกิร์ลอินเรด[186] เลือกที่จะทำงานร่วมมือกับเดสส์เนอร์และบันทึกเพลงที่ลองก์พอนด์สตูดิโอของเขา[185]
รายชื่อเพลง[แก้]
ลำดับ | ชื่อเพลง | ประพันธ์ | โปรดิวเซอร์ | ยาว |
---|---|---|---|---|
1. | "The 1" | เดสส์เนอร์ | 3:30 | |
2. | "Cardigan" |
| เดสส์เนอร์ | 3:59 |
3. | "The Last Great American Dynasty" |
| เดสส์เนอร์ | 3:51 |
4. | "Exile" (featuring Bon Iver) |
| เดสส์เนอร์ | 4:45 |
5. | "My Tears Ricochet" | สวิฟต์ |
| 4:15 |
6. | "Mirrorball" |
|
| 3:29 |
7. | "Seven" |
| เดสส์เนอร์ | 3:28 |
8. | "August" |
|
| 4:21 |
9. | "This Is Me Trying" |
|
| 3:15 |
10. | "Illicit Affairs" |
|
| 3:10 |
11. | "Invisible String" |
| เดสส์เนอร์ | 4:12 |
12. | "Mad Woman" |
| เดสส์เนอร์ | 3:57 |
13. | "Epiphany" |
| เดสส์เนอร์ | 4:49 |
14. | "Betty" |
|
| 4:54 |
15. | "Peace" |
| เดสส์เนอร์ | 3:54 |
16. | "Hoax" |
| เดสส์เนอร์ | 3:40 |
ความยาวทั้งหมด: | 63:29 |
ลำดับ | ชื่อเพลง | ประพันธ์ | โปรดิวเซอร์ | ยาว |
---|---|---|---|---|
17. | "The Lakes" |
|
| 3:32 |
ความยาวทั้งหมด: | 67:01 |
ชาร์ต[แก้]
ชาร์ตประจำสัปดาห์[แก้]
|
ชาร์ตสิ้นปี[แก้]
|
การรับรอง[แก้]
ประเทศ | การรับรอง | จำนวนหน่วยที่รับรอง/ยอดขาย |
---|---|---|
Australia (ARIA)[253] | Platinum | 70,000![]() |
Belgium (BEA)[254] | Gold | 15,000![]() |
Denmark (IFPI Danmark)[255] | Platinum | 20,000![]() |
New Zealand (RMNZ)[256] | 2× Platinum | 30,000![]() |
Norway (IFPI Norway)[257] | Platinum | 20,000* |
Poland (ZPAV)[258] | Gold | 10,000![]() |
Spain (PROMUSICAE)[259] | Gold | 20,000![]() |
United Kingdom (BPI)[260] | Platinum | 300,000![]() |
United States (RIAA)[261] | 2× Platinum | 2,000,000![]() |
*ตัวเลขยอดขายขึ้นกับการรับรองอย่างเดียว |
ประวัติการจำหน่าย[แก้]
ภูมิภาค | วันที่ | รูปแบบ | ฉบับ | ค่าย | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|
หลากหลาย | 24 กรกฎาคม 2020 | มาตรฐาน | รีพับลิก | [262] | |
สหราชอาณาจักร | 4 สิงหาคม 2020 | ซีดี | ดีลักซ์ | อีเอ็มไอ | [263] |
หลากหลาย | 7 สิงหาคม 2020 | รีพับลิก | [264] | ||
ญี่ปุ่น | ซีดี | ยูนิเวอร์แซล | [265] | ||
|
พิเศษ | [266] |
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 Lipshutz, Jason (July 24, 2020). "Taylor Swift's Folklore: There's Nothing Quiet About This Songwriting Tour De Force". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ O'Kane, Caitlin (July 23, 2020). "Taylor Swift announces surprise album, recorded 'in isolation'". CBS News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 2, 2020. สืบค้นเมื่อ September 3, 2020.
- ↑ Shah, Neil (July 23, 2020). "Taylor Swift's New Album Folklore Is Making a Surprise Debut". The Wall Street Journal. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 9, 2020. สืบค้นเมื่อ September 3, 2020.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 "The 50 Best Albums of 2020: Staff Picks". Billboard. December 7, 2020. สืบค้นเมื่อ December 8, 2020.
- ↑ 5.0 5.1 Reilly, Nick (July 23, 2020). "Taylor Swift to release surprise eighth album Folklore tonight". NME. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 6, 2020. สืบค้นเมื่อ July 23, 2020.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 Sheffield, Rob (July 24, 2020). "Taylor Swift Leaves Her Comfort Zones Behind on the Head-Spinning, Heartbreaking 'Folklore'". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ 7.0 7.1 Cohen, Jess (July 24, 2020). "Taylor Swift's Folklore Album Lyrics Decoded: Love, Loss and a 'Mad Woman'". E!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 28, 2020.
- ↑ Kircher, Madison Malone (July 24, 2020). "Wrap Yourself Up in Taylor Swift's 'Cardigan' Music Video". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2020. สืบค้นเมื่อ July 28, 2020.
- ↑ 9.00 9.01 9.02 9.03 9.04 9.05 9.06 9.07 9.08 9.09 9.10 Suskind, Alex (December 9, 2020). "Taylor Swift broke all her rules with Folklore – and gave herself a much-needed escape". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ December 8, 2020.
- ↑ Warner, Denise (November 25, 2020). "11 Things We Learned From Taylor Swift's Folklore: The Long Pond Studio Sessions". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 3, 2020.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 Doyle, Patrick (November 13, 2020). "Musicians on Musicians: Taylor Swift & Paul McCartney". Rolling Stone. สืบค้นเมื่อ November 13, 2020.
- ↑ 12.0 12.1 "'It Started With Imagery': Read Taylor Swift's Primer For Folklore". Billboard. July 24, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2020.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 Strauss, Matthew; Minsker, Evan (July 24, 2020). "Taylor Swift Releases New Album Folklore: Listen and Read the Full Credits". Pitchfork. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ 14.0 14.1 Blistein, Jon (November 24, 2020). "Taylor Swift to Release New Folklore Film, The Long Pond Studio Sessions". Rolling Stone. สืบค้นเมื่อ November 24, 2020.
- ↑ "Taylor Swift unveils William Bowery's identity, and more revelations from Folklore concert film". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ December 26, 2020.
- ↑ "jack antonoff on Instagram: "folklore :: working with taylor is a full connection to all of the wonder of making music. knowing her and making work with her gives me…"". Instagram. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ August 4, 2020.
- ↑ Hess, Liam (November 27, 2020). "5 Things We Learned Watching Taylor Swift's Surprise New Folklore Documentary". British Vogue. สืบค้นเมื่อ November 30, 2020.
- ↑ Kaufman, Gil (July 23, 2020). "Taylor Swift Was Bummed About Her Summer Plans Not Panning Out, So She's Releasing a New Album... Tonight". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 23, 2020. สืบค้นเมื่อ July 23, 2020.
- ↑ 19.0 19.1 19.2 19.3 19.4 19.5 Gerber, Brady (July 27, 2020). "The Story Behind Every Song on Taylor Swift's Folklore". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 28, 2020. สืบค้นเมื่อ July 29, 2020.
- ↑ 20.0 20.1 20.2 Sodomsky, Sam (July 24, 2020). "The National's Aaron Dessner Talks Taylor Swift's New Album Folklore". Pitchfork. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2020. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ 21.0 21.1 Blistein, Jon (July 24, 2020). "How Aaron Dessner and Taylor Swift Stripped Down Her Sound on Folklore". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2020. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ Havens, Lyndsey (September 17, 2020). "'There Were Fireworks, Musically': Aaron Dessner Opens Up About Making Folklore With Taylor Swift". Billboard. สืบค้นเมื่อ September 19, 2020.
- ↑ Richard, Will (July 26, 2020). "Aaron Dessner says he kept Taylor Swift collaboration secret from 8-year-old daughter". NME. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 1, 2020. สืบค้นเมื่อ August 1, 2020.
- ↑ Shaffer, Claire (July 31, 2020). "Taylor Swift's Cinematographer: How We Shot Folklore Video During a Pandemic". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 2, 2020. สืบค้นเมื่อ August 2, 2020.
- ↑ 25.0 25.1 Kaufman, Gil (August 18, 2020). "Listen to a Delightful Bonus Song From the Deluxe Edition of Taylor Swift's Folklore". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 19, 2020. สืบค้นเมื่อ August 18, 2020.
- ↑ Urbanek, Sydney (November 26, 2020). "Folklore: The Long Pond Studio Sessions review – A triumphant debut from Taylor Swift". Little White Lies. สืบค้นเมื่อ November 29, 2020.
- ↑ Grein, Paul (August 4, 2020). "Will the Grammys Classify Taylor Swift's Folklore as Pop or Alternative?". Billboard. สืบค้นเมื่อ November 23, 2020.
- ↑ 28.0 28.1 Bruner, Raisa; Chow, Andrew R. (November 27, 2020). "The 10 best albums of 2020". Time. สืบค้นเมื่อ November 27, 2020.
- ↑ Johnson, Ellen (July 24, 2020). "Taylor Swift Morphs Her Sound Yet Again on the Stunning Folklore". Paste. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2020.
- ↑ 30.0 30.1 30.2 30.3 30.4 30.5 30.6 Snapes, Laura (July 24, 2020). "Taylor Swift: Folklore review – bombastic pop makes way for emotional acuity". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ 31.0 31.1 Nguyen, Giselle Au-Nhien (July 24, 2020). "Taylor Swift's new album is a fever dream you won't want to wake up from". The Sydney Morning Herald. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ 32.0 32.1 32.2 32.3 Mylrea, Hannah (July 24, 2020). "Taylor Swift – 'Folklore' review: pop superstar undergoes an extraordinary indie-folk makeover". NME. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 28, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ Winograd, Jeremy (August 23, 2021). "Review: Big Red Machine's How Long Do You Think It's Gonna Last? Is a Group Effort". Slant Magazine. สืบค้นเมื่อ August 25, 2021.
- ↑ Ryan, Gary (March 9, 2021). "The best lockdown albums – ranked on order of greatness". NME. สืบค้นเมื่อ March 9, 2021.
- ↑ 35.0 35.1 Bell, Kaelen (July 27, 2020). "Despite Her Best Efforts, Taylor Swift's Folklore Is Still a Pop Album". Exclaim!. สืบค้นเมื่อ February 21, 2021.
- ↑ 36.0 36.1 36.2 36.3 36.4 36.5 36.6 Willman, Chris (July 24, 2020). "Taylor Swift's Folklore: Album Review". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ 37.0 37.1 37.2 37.3 37.4 37.5 37.6 Mapes, Jillian (July 27, 2020). "Taylor Swift: folklore". Pitchfork. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 28, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ 38.0 38.1 "The 60 Best Albums of 2020". PopMatters. December 7, 2020. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:10
- ↑ Petrusich, Amanda (July 24, 2020). "Taylor Swift's Intimate 'Indie' Album, Folklore". The New Yorker. สืบค้นเมื่อ November 23, 2020.
- ↑ 41.0 41.1 Caramanica, Jon (July 26, 2020). "Taylor Swift, a Pop Star Done With Pop". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 28, 2020.
- ↑ 42.0 42.1 42.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:28
- ↑ 43.0 43.1 43.2 Keefe, Jonathan (July 27, 2020). "Review: With Folklore, Taylor Swift Mines Pathos from a Widening Worldview". Slant Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ 44.0 44.1 44.2 44.3 44.4 44.5 McCormick, Neil (July 24, 2020). "Taylor Swift, Folklore review: an exquisite, empathetic lockdown triumph". The Daily Telegraph. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ Brown, Helen (December 11, 2020). "Taylor Swift's new album Evermore is full of haunting tales – review". The Independent. สืบค้นเมื่อ September 24, 2021.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCarson
- ↑ 47.0 47.1 McKenna, Lyndsey (July 24, 2020). "Stream Taylor Swift's New Album, Folklore". NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2020.
- ↑ 48.0 48.1 48.2 Weatherby, Taylor (March 10, 2021). "Taylor Swift's Road To Folklore". Grammy.com. สืบค้นเมื่อ November 24, 2021.
- ↑ McRedmond, Finn (July 24, 2020). "Taylor Swift: Folklore review – A triumph of wistful, escapist melancholy". The Irish Times. สืบค้นเมื่อ September 24, 2021.
- ↑ 50.0 50.1 50.2 50.3 50.4 Bromwich, Kathryn (December 8, 2020). "The 50 best albums of 2020, No 9: Taylor Swift – Folklore". The Guardian. สืบค้นเมื่อ December 30, 2020.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:21
- ↑ 52.0 52.1 "The 50 Best Albums of 2020". Pitchfork. December 8, 2020. สืบค้นเมื่อ December 8, 2020.
- ↑ Sheffield, Rob (November 25, 2020). "The Thanksgiving Miracle of Taylor Swift's Acoustic Folklore Session". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 17, 2021. สืบค้นเมื่อ September 23, 2021.
- ↑ Lipshutz, Jason (July 24, 2021). "Taylor Swift Releases 'The Lakes (Original Version)' on Folklore One-Year Anniversary: Listen Now". Billboard. สืบค้นเมื่อ September 23, 2021.
- ↑ "Let's Talk About Taylor Swift's Folklore". NPR. July 28, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2020. สืบค้นเมื่อ July 30, 2020.
- ↑ Ahlgrim, Callie (July 30, 2020). "Every detail and Easter egg you may have missed on Taylor Swift's new album Folklore". Insider. สืบค้นเมื่อ August 5, 2020.
- ↑ Opperman, Jeff (March 12, 2021). "Taylor Swift Is Bringing Us Back to Nature". The New York Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 28, 2021. สืบค้นเมื่อ March 12, 2021.
- ↑ Whitfield, Zoe (September 24, 2020). "Meet the photographer behind Taylor Swift's Folklore artwork". ไอ-ดี. สืบค้นเมื่อ October 16, 2020.
- ↑ 59.0 59.1 Frank, Allegra (July 24, 2020). "The 6 songs that explain Taylor Swift's new album, Folklore". Vox. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2020. สืบค้นเมื่อ August 3, 2020.
- ↑ 60.0 60.1 Decker, Megan (July 23, 2020). "Taylor Swift Did Her Own Hair For Her Folklore Drop". Refinery29. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ 61.0 61.1 61.2 61.3 61.4 Huber, Eliza (July 24, 2020). "Will Prairie & Cottagecore Fashion Define Taylor Swift's Folklore Era?". Refinery29. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ 62.0 62.1 Wohlmacher, John (July 27, 2020). "Album Review: Taylor Swift – Folklore". Beats Per Minute. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 28, 2020. สืบค้นเมื่อ July 28, 2020.
- ↑ Spellings, Sarah (July 23, 2020). "Taylor Swift Unveils a Surprisingly Moody Look for Her New Album". Vogue. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 28, 2020. สืบค้นเมื่อ August 15, 2020.
- ↑ "Taylor Swift Appears to Alter Folklore Album Merch After The Folklore Calls Her Out". InStyle. July 28, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2020. สืบค้นเมื่อ August 15, 2020.
- ↑ Bowman, Emma (August 9, 2020). "The Escapist Land Of 'Cottagecore', From Marie Antoinette To Taylor Swift". NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 31, 2020.
- ↑ Valentine, Claire (July 24, 2020). "18 Folklore Lyrics For Your Next Cottagecore Post". Nylon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ 67.0 67.1 67.2 Handler, Rachel (July 28, 2020). "Taylor Swift's Freaky Folklore Movie Mood Board". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 1, 2020. สืบค้นเมื่อ August 15, 2020.
- ↑ Munzenrieder, Kyle (July 23, 2020). "Taylor Swift Has Discovered Cottagecore". W. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 23, 2020.
- ↑ Power, Ed (July 28, 2020). "The arrival of Taylor Swift's Folklore is proof folk music is having a moment – but she's late to the shindig". Irish Independent. สืบค้นเมื่อ November 3, 2020.
- ↑ "A brief history of the cardigan, from Coco Chanel to Taylor Swift". RTÉ. July 27, 2020. สืบค้นเมื่อ November 13, 2020.
- ↑ Haran, Samantha (October 21, 2020). "On Taylor Swift's 'Cardigan' and the Importance of Sentimental Value to Clothing". Teen Vogue. สืบค้นเมื่อ October 26, 2020.
- ↑ Clark, Lucie (July 27, 2020). "What is cottagecore? The phenomenon made popular by Taylor Swift". Vogue Australia. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020.
- ↑ Corr, Julieanne (January 17, 2021). "Taylor photo sparks Swift sales jump for Aran sweaters". The Times. สืบค้นเมื่อ January 17, 2021.
- ↑ Midkiff, Sarah (October 22, 2020). "The Coziest Costume Of 2020 Is Taylor Swift-Inspired, Duh". Refinery29. สืบค้นเมื่อ October 26, 2020.
- ↑ 75.0 75.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:5
- ↑ Aquilina, Tyler (July 25, 2020). "Nicole Kidman shouts out Taylor Swift's Folklore fashion in Instagram post". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ Leight, Elias (July 23, 2020). "Taylor Swift Finally Abandoned the Traditional Album Rollout". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 28, 2020. สืบค้นเมื่อ July 23, 2020.
- ↑ 78.0 78.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:25
- ↑ Haylock, Zoe (July 23, 2020). "Which of Taylor Swift's 8 Folklore Covers Are You?". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2020.
- ↑ Fekadu, Mesfin (August 3, 2020). "Lucky No.7: Taylor Swift nabs 7th No.1 album with Folklore". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ November 7, 2020.
- ↑ "Taylor Swift – Folklore (Target Exclusive, CD)". Target. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2020. สืบค้นเมื่อ August 22, 2020.
- ↑ Hissong, Samantha (August 20, 2020). "Taylor Swift Starts Frenzy at Indie Record Stores With Surprise Signed Folklore CDs". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 22, 2020. สืบค้นเมื่อ August 21, 2020.
- ↑ Lavin, Will (September 19, 2020). "Taylor Swift sends 40 signed copies of Folklore to Edinburgh record store". NME. สืบค้นเมื่อ September 20, 2020.
- ↑ Tannenbaum, Emily (August 1, 2020). "All the Celebrities Who Received a Folklore Cardigan From Taylor Swift". Glamour. สืบค้นเมื่อ September 20, 2020.
- ↑ Rowley, Glenn (September 21, 2020). "Here are All of Taylor Swift's Folklore Chapters (So Far) in One Place". Billboard. สืบค้นเมื่อ September 23, 2020.
- ↑ "Taylor Swift to release surprise ninth album Evermore tonight". NME. December 10, 2020. สืบค้นเมื่อ December 10, 2020.
- ↑ McHenry, Jackson (July 23, 2020). "Taylor Swift Wants to Sell You a 'Cardigan' Cardigan". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 23, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ "Hot/Modern/AC Future Releases". All Access. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2020.
- ↑ "Top 40/M Future Releases". All Access. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2020.
- ↑ 90.0 90.1 90.2 "Taylor Swift Debuts at No. 1 on Hot 100 With 'Cardigan', Is 1st Artist to Open Atop Hot 100 & Billboard 200 in Same Week". Billboard. August 3, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 3, 2020. สืบค้นเมื่อ August 3, 2020.
- ↑ Trust, Gary (January 28, 2021). "Taylor Swift's 'Coney Island' and 'No Body, No Crime' Debut on Airplay Charts, Joining 'Willow'". Billboard. สืบค้นเมื่อ January 30, 2021.
- ↑ "Future Releases on Triple A (AAA) Radio Stations, Independent Artist Song Releases". All Access. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 11, 2017. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ "Future Releases for Country Radio Stations". All Access. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2020. สืบค้นเมื่อ July 30, 2020.
- ↑ Asker, Jim (August 3, 2020). "Janson's Work Is 'Done' With Country Airplay Coronation; Swift, Shelton & Stefani Debut in Hot Country Songs Top 10" (PDF). Billboard Country Update: 4. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ October 8, 2020. สืบค้นเมื่อ October 3, 2020.
- ↑ "'The 1' – Taylor Swift veröffentlicht neue Single aus Rekord-Album Folklore" (ภาษาเยอรมัน). Universal Music Group. October 9, 2020. สืบค้นเมื่อ October 9, 2020.
- ↑ Kreps, Daniel (July 24, 2021). "Taylor Swift Shares Orchestral Version of 'The Lakes' on Folklore Anniversary". Rolling Stone. สืบค้นเมื่อ July 24, 2021.
- ↑ Spangler, Todd (November 24, 2020). "Taylor Swift Folklore Concert Film to Debut on Disney Plus". Variety. สืบค้นเมื่อ November 25, 2020.
- ↑ "Apple Music – Taylor Swift – Folklore: The Long Pond Studio Sessions (From the Disney+ Special) [Deluxe Edition]". Apple Music. November 25, 2020. สืบค้นเมื่อ November 25, 2020.
- ↑ "Taylor Swift - folklore - Reviews". Album of the Year. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 27, 2020.
- ↑ "Folklore by Taylor Swift reviews". AnyDecentMusic?. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ 101.0 101.1 "Folklore by Taylor Swift Reviews and Tracks". Metacritic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 26, 2020.
- ↑ 102.0 102.1 Erlewine, Stephen Thomas. "folklore – Taylor Swift". AllMusic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2020. สืบค้นเมื่อ July 29, 2020.
- ↑ Willman, Chris (July 24, 2020). "Review: Taylor Swift's 'Folklore' a reflective set created in COVID-19 isolation". Chicago Tribune. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 27, 2020. สืบค้นเมื่อ September 2, 2020.
- ↑ 104.0 104.1 Johnston, Maura (July 24, 2020). "Taylor Swift forges her own path on the confident Folklore: Review". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 25, 2020.
- ↑ Copsey, Rob (July 26, 2020). "Taylor Swift Folklore songs to dominate Official Singles Chart". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ September 11, 2020.
- ↑ Levine, Nick (July 26, 2020). "The Last Great American Dynasty: how Taylor Swift found her spirit animal in the eccentric heiress Rebekah Harkness". The Daily Telegraph. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 27, 2020. สืบค้นเมื่อ September 9, 2020.
- ↑ Iyer, Kahini (December 28, 2020). "How Taylor Swift Bottled 2020's Ennui in Two Sublime Albums". Arre. สืบค้นเมื่อ December 30, 2020.
- ↑ Savage, Mark (July 24, 2020). "Taylor Swift's Folklore sees the singer go indie". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ O'Connor, Roisin (July 24, 2020). "Taylor Swift, Folklore review: New album is exquisite, piano-based poetry". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ July 24, 2020.
- ↑ Zaleski, Annie (July 4, 2020). "Taylor Swift writes her own version of history on Folklore". The A.V. Club. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 27, 2020. สืบค้นเมื่อ July 30, 2020.
- ↑ Christgau, Robert (September 9, 2020). "Consumer Guide: September, 2020". And It Don't Stop. สืบค้นเมื่อ September 13, 2020.
- ↑ 112.0 112.1 Mikael, Wood (December 9, 2020). "The 10 Best Albums of 2020". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ December 9, 2020.
- ↑ 113.0 113.1 113.2 Bernstein, Jonathan; Blistein, Jon; Dolan, Jon; Doyle, Patrick; Ehlrich, Brenna; Freeman, Jon; Grow, Kory; Hoard, Christian; Hudak, Joseph; Leight, Elias; Martoccio, Angie; Shaffer, Claire; Sheffield, Rob; Shteamer, Hank; Vozick-Levinson, Simon; Blake, Emily (December 4, 2020). "The 50 Best Albums of 2020". Rolling Stone. สืบค้นเมื่อ December 4, 2020.
- ↑ 114.0 114.1 Ahlgrim, Callie (December 9, 2020). "The 20 Best Albums of 2020, Ranked". Insider. สืบค้นเมื่อ December 9, 2020.
- ↑ Olivier, Bobby (December 20, 2020). "The 50 Albums That Saved Us From 2020". NJ.com. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ "The best albums of 2020, from Taylor Swift to BTS and Dua Lipa". South China Morning Post. January 15, 2021. สืบค้นเมื่อ February 6, 2021.
- ↑ 117.0 117.1 "The Best Albums of 2020". Uproxx. December 1, 2020. สืบค้นเมื่อ December 1, 2020.
- ↑ Ryan, Patrick (December 14, 2020). "The 10 best albums of 2020, including Taylor Swift, Phoebe Bridgers and Ariana Grande". USA Today. สืบค้นเมื่อ December 14, 2020.
- ↑ "10 Best Albums of 2020: Taylor Swift, Bob Dylan, The Weeknd and More". Us Weekly. December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ "The Best Albums of 2020". Variety. December 14, 2020. สืบค้นเมื่อ December 14, 2020.
- ↑ "Walla Walla record store owner rates Taylor Swift's new album top of Top-10 for 2020". Walla Walla Union-Bulletin. December 31, 2020. สืบค้นเมื่อ January 1, 2021.
- ↑ Dietz, Jason. "Best of 2020: Music Critic Top Ten Lists". Metacritic. สืบค้นเมื่อ December 29, 2020.
- ↑ Ahlgrim, Callie (September 15, 2020). "The 16 best songs of 2020". Insider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 14, 2020. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ "Complex Staff Picks: Our Favorite Songs and Albums of 2020". Complex. December 30, 2020. สืบค้นเมื่อ December 31, 2020.
- ↑ "The 100 Best Songs of 2020". Pitchfork. December 7, 2020. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ "The 29 Best Songs of 2020, According to Vogue Editors". Vogue. December 4, 2020. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:31
- ↑ Leas, Ryan (December 8, 2020). "Stereogum's 60 Favorite Songs Of 2020". Stereogum. สืบค้นเมื่อ December 8, 2020.
- ↑ Bernstein, Jonathan; Blistein, Jon; Blake, Emily; Dolan, Jon; Ehrlich, Brenna; Freeman, Jon; Grow, Kory; Hoard, Christian; Leight, Elias; Martoccio, Angie; Shaffer, Claire; Sheffield, Rob (December 7, 2020). "The 50 Best Songs of 2020". Rolling Stone. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ "All the Songs That Got Teen Vogue Editors Through 2020". Teen Vogue. December 3, 2020. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ Ganz, Jacob (December 3, 2020). "The 100 Best Songs Of 2020 (Nos. 40-21)". NPR. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ Pareles, Jon; Caramanica, Jon; Zoladz, Lindsay (December 7, 2020). "Best Songs of 2020". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ Savage, Mark (December 22, 2020). "The best albums and songs of 2020: Fiona Apple, Cardi B, Bob Dylan and Dua Lipa". BBC News. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ Greenblatt, Leah; Rodman, Sarah; Suskind, Alex (December 5, 2020). "The 15 Best Albums of 2020". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ December 5, 2020.
- ↑ "The 40 Best Albums of 2020, from Bob Dylan's Rough and Rowdy Ways to Taylor Swift's Folklore". The Independent. December 19, 2020. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ 136.0 136.1 "The 50 Best Albums Of 2020". NME. December 11, 2020. สืบค้นเมื่อ December 11, 2020.
- ↑ Shafer, Ellise (November 22, 2020). "American Music Awards 2020: The Full Winners List". Billboard. สืบค้นเมื่อ November 23, 2020.
- ↑ "Apple announces second annual Apple Music Awards". Apple Inc. November 18, 2020. สืบค้นเมื่อ November 19, 2020.
- ↑ Cooper, Nathanael (October 13, 2020). "From the back of the room to centre stage: Lime Cordiale sweep ARIA nominations". The Sydney Morning Herald. สืบค้นเมื่อ October 13, 2020.
- ↑ Mathiasen, Marie Holm (November 28, 2020). "Her er vinderne ved 'Danish Music Awards'" (ภาษาเดนมาร์ก). Nyheder. สืบค้นเมื่อ November 28, 2020.
- ↑ Malec, Brett (November 15, 2020). "People's Choice Awards 2020 Winners: The Complete List". E!. สืบค้นเมื่อ November 16, 2020.
- ↑ Stephenson, Kristen (July 29, 2020). "Taylor Swift breaks 24-hour streaming record on Spotify for 8th album folklore". Guinness World Records. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2020. สืบค้นเมื่อ July 29, 2020.
- ↑ "NetEase Cloud Music". Weibo. November 21, 2020. สืบค้นเมื่อ November 22, 2020.
- ↑ "Billboard Music Awards". The Hollywood Reporter. April 29, 2021. สืบค้นเมื่อ April 29, 2021.
- ↑ "Hvem er dine favoritter? STEM NU!" (ภาษาเดนมาร์ก). February 6, 2021. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 11, 2020. สืบค้นเมื่อ February 23, 2021.
- ↑ "2021 GRAMMYs: Complete Nominees List". National Academy of Recording Arts and Sciences. November 24, 2020. สืบค้นเมื่อ November 24, 2020.
- ↑ "ベスト3アルバム". Gold Disc (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ March 15, 2021.
- ↑ Gordon, Holly (March 9, 2021). "The Weeknd, JP Saxe, Jessie Reyez and Justin Bieber lead 2021 Juno Award nominations". CBC Music.
- ↑ Fields, Taylor (May 28, 2021). "2021 iHeartRadio Music Awards: See The Full List Of Winners". iHeart.
- ↑ "2022 TEC Awards Winners". TEC Awards. สืบค้นเมื่อ August 29, 2022.
- ↑ Sanchez, Alexandra (July 24, 2021). "AFS Explains "What is Folklore?" in Response to Taylor Swift's New Album Release". American Folklore Society. สืบค้นเมื่อ May 25, 2021.
- ↑ Madden, Emma (October 19, 2022). "A New Taylor Swift LP? Metacritic Crunches the Reviews, as Fans Watch". The New York Times. สืบค้นเมื่อ October 19, 2022.
- ↑ Hyden, Steven (December 14, 2020). "How Taylor Swift Reinvented Herself With Folklore And Now Evermore". Uproxx. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ Fagen, Lucas (September 19, 2020). "Taylor Swift's Quarantine Folktales". Hyperallergic. สืบค้นเมื่อ December 6, 2020.
- ↑ Richards, Will (November 27, 2020). "Folklore: The Long Pond Sessions review: secrets, songs and self-isolation with Taylor Swift". NME. สืบค้นเมื่อ December 6, 2020.
- ↑ White, Caitlin (December 8, 2020). "Taylor Swift's Folklore Changed The Tone Of Pop in 2020". Uproxx. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ "The First (And Hopefully Last) Quarries in which we award the most scrappy, absurd, ingenious works that shaped our year in quarantine". Vulture. December 7, 2020. สืบค้นเมื่อ December 8, 2020.
- ↑ Maitland, Hayley (September 1, 2020). "The Best, Worst & Downright Ugliest Moments Of Lockdown Culture". Vogue. สืบค้นเมื่อ December 8, 2020.
- ↑ Lange, Jeva (July 25, 2020). "Taylor Swift has made the first great pandemic art". The Week. สืบค้นเมื่อ January 2, 2021.
- ↑ "Who have been the most influential women of 2020? FT readers respond". Financial Times. December 6, 2020. สืบค้นเมื่อ December 6, 2020.
- ↑ "Hot Press Albums of 2020: The Top 10". Hot Press. December 30, 2020. สืบค้นเมื่อ December 30, 2020.
- ↑ Hull, Tom (July 27, 2020). "Music Week". Tom Hull – on the Web. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ Havens, Lyndsey (December 29, 2020). "Taylor Swift, Dua Lipa and More Innovated in the Pandemic – But What Strategies Will Stick?". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 29, 2020.
- ↑ "The 25 Musical Moments That Defined the First Quarter of the 2020s". Billboard. July 5, 2022. สืบค้นเมื่อ July 5, 2022.
- ↑ Countryman, Eli (December 16, 2020). "Taylor Swift Opens Up About the Creation of 'Evermore'". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2020. สืบค้นเมื่อ December 20, 2020.
- ↑ "Genius Year in Lyrics: The Top Albums Of 2020". Genius. December 30, 2020. สืบค้นเมื่อ January 4, 2020.
- ↑ "Genius Year in Lyrics: The Top Artists Of 2020". Genius. สืบค้นเมื่อ December 31, 2020.
- ↑ Christman, Ed (July 19, 2021). "Billboard's 2020 Global Money Makers: The 5 Top Highest Paid Musicians". Billboard. สืบค้นเมื่อ July 19, 2021.
- ↑ Christman, Ed (July 19, 2021). "Billboard's U.S. Money Makers: The Top Paid Musicians of 2020". Billboard. สืบค้นเมื่อ July 19, 2021.
- ↑ "Hayley Williams is releasing Flowers for Vases / Descansos tomorrow". NME. February 5, 2021. สืบค้นเมื่อ February 5, 2021.
- ↑ Rossignol, Derrick (August 8, 2020). "Phoebe Bridgers Hilariously Compared Taylor Swift's New Music And Hers". Uproxx. สืบค้นเมื่อ January 12, 2021.
- ↑ "What Will Be The Impact Of Olivia Rodrigo's 'Drivers License' And Its Historically Massive Debut?". Stereogum. January 18, 2021. สืบค้นเมื่อ January 20, 2021.
- ↑ Curto, Justin (January 11, 2021). "Olivia Rodrigo's 'Drivers License' Is Nothing New – of Course It's a Hit". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 11, 2021. สืบค้นเมื่อ January 11, 2021.
- ↑ "Zahara dedica a Taylor Swift el adelanto de su próximo disco" [Zahara dedicates the advancement of her next album to Taylor Swift]. Chicago Tribune (ภาษาSpanish). March 12, 2021. สืบค้นเมื่อ March 22, 2021.
{{cite news}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ Balen, Ida (February 20, 2022). "Mia Dimšić za RTL nakon plasmana na Eurosong: 'Nisam plagirala Taylor Swift, ali njena pjesma mi je bila inspiracija'". Vijesti.hr (ภาษาโครเอเชีย). สืบค้นเมื่อ February 22, 2022.
- ↑ Cindrić, Marija; Paponja, Tea (February 20, 2022). "Mia Dimšić o kritikama: 'Meni svaka usporedba s Taylor Swift može bit samo kompliment'". 24sata (ภาษาโครเอเชีย). สืบค้นเมื่อ February 22, 2022.
- ↑ "Christina Perri on New Single 'Evergone' and the Influence of Taylor Swift's Folklore and Evermore". Consequence. March 25, 2022. สืบค้นเมื่อ March 26, 2022.
- ↑ "Sabrina Carpenter on 'Let Me Move You': The Travel Millis Show" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). Apple Music. August 10, 2020. สืบค้นเมื่อ October 4, 2022.
- ↑ Irvin, Jack (May 31, 2022). "Rina Sawayama Says the 'Fake Stories' of Taylor Swift's Folklore Inspired Her New Album Hold the Girl". People. สืบค้นเมื่อ June 3, 2022.
- ↑ Rowley, Glenn (March 30, 2022). "A 'Bridgerton' Writer Used This Taylor Swift Folklore Deep Cut as Inspiration". Billboard. สืบค้นเมื่อ March 31, 2022.
- ↑ Krueger, Jonah (July 20, 2022). "Maya Hawke on Being Inspired by Taylor Swift's Folklore, Finding Confidence, and Stranger Things". Consequence. สืบค้นเมื่อ July 21, 2022.
- ↑ Robert, Moran; Shand, John; Au-Nhien Nguyen, Giselle; Ross, Annabel (September 28, 2022). "What to listen to this month: A worthwhile album from a nepo baby? Stranger things happen". The Sydney Morning Herald. สืบค้นเมื่อ October 3, 2022.
- ↑ Shafer, Ellise (April 5, 2022). "Gracie Abrams on How Songwriting Is 'Like Breathing', Touring With Friend Olivia Rodrigo and Making New Music With Aaron Dessner". Variety. สืบค้นเมื่อ October 3, 2022.
- ↑ Curto, Justin (March 8, 2022). "Ed Sheeran Is Working on His Folklore". Vulture. สืบค้นเมื่อ October 4, 2022.
- ↑ 185.0 185.1 "Recording's Great Escapes: Inside The World's Most Scenic, State-of-the-Art Studios". Billboard. October 10, 2022. สืบค้นเมื่อ October 10, 2022.
- ↑ Holden, Finlay (October 3, 2022). "Girl in Red has announced that a new single, 'October Passed Me By', is due next week". Dork. สืบค้นเมื่อ October 3, 2022.
- ↑ "Los discos más vendidos de la semana". Diario de Cultura (ภาษาสเปน). Argentine Chamber of Phonograms and Videograms Producers. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 31, 2020. สืบค้นเมื่อ August 31, 2020.
- ↑ "Australiancharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 9, 2020.
- ↑ "Austriancharts.at – Taylor Swift – Folklore" (ภาษาเยอรมัน). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 5, 2020.
- ↑ "Ultratop.be – Taylor Swift – Folklore" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ "Ultratop.be – Taylor Swift – Folklore" (ภาษาฝรั่งเศส). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Canadian Albums)". Billboard. สืบค้นเมื่อ August 4, 2020.
- ↑ "Lista prodaje 37. tjedan 2020" (ภาษาโครเอเชีย). Top of the Shops. September 21, 2020. สืบค้นเมื่อ February 14, 2021.
- ↑ "Czech Albums – Top 100". ČNS IFPI. Note: On the chart page, select 202031 on the field besides the word "Zobrazit", and then click over the word to retrieve the correct chart data. สืบค้นเมื่อ August 3, 2020.
- ↑ "Danishcharts.dk – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 16, 2020.
- ↑ "Dutchcharts.nl – Taylor Swift – Folklore" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ "EESTI TIPP-40 MUUSIKAS: Popmuusika võtab oma!". Eesti Ekspress. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ August 4, 2020.
- ↑ "Taylor Swift: Folklore" (ภาษาฟินแลนด์). Musiikkituottajat – IFPI Finland. สืบค้นเมื่อ August 16, 2020.
- ↑ "Lescharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 16, 2020.
- ↑ "Offiziellecharts.de – Taylor Swift – Folklore" (ภาษาเยอรมัน). GfK Entertainment Charts. สืบค้นเมื่อ August 14, 2020.
- ↑ "Top-75 Albums Sales Chart – Week 14/2021". IFPI Greece. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2021. สืบค้นเมื่อ July 19, 2021.
- ↑ "Album Top 40 slágerlista – 2020. 31. hét" (ภาษาฮังการี). MAHASZ. สืบค้นเมื่อ August 8, 2020.
- ↑ "TÓNLISTINN – PLÖTUR | Vika 31 – 2020" (ภาษาไอซ์แลนด์). Plötutíðindi. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 12, 2020. สืบค้นเมื่อ August 4, 2020.
- ↑ "Official Irish Albums Chart Top 50". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ "Italiancharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 16, 2020.
- ↑ "Folklore on Billboard Japan Hot Albums". Billboard Japan (ภาษาญี่ปุ่น). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2020. สืบค้นเมื่อ July 29, 2020.
- ↑ "Taylor Swift". Oricon. สืบค้นเมื่อ August 23, 2020.
- ↑ "ALBUMŲ TOP100" (ภาษาลิทัวเนีย). AGATA. July 31, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 31, 2020. สืบค้นเมื่อ August 1, 2020.
- ↑ "Charts.nz – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 16, 2020.
- ↑ "Norwegiancharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 16, 2020.
- ↑ "Oficjalna lista sprzedaży :: OLiS - Official Retail Sales Chart". OLiS. Polish Society of the Phonographic Industry. สืบค้นเมื่อ August 21, 2020.
- ↑ "Portuguesecharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 22, 2020.
- ↑ "Official Scottish Albums Chart Top 100". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ "SK – Albums Top 100" (ภาษาเช็ก). International Federation of the Phonographic Industry. สืบค้นเมื่อ February 14, 2021.
- ↑ "Gaon Album Chart – Week 36, 2020". Gaon Chart (ภาษาเกาหลี). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 12, 2019. สืบค้นเมื่อ September 12, 2019.
- ↑ "Spanishcharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 4, 2020.
- ↑ "Swedishcharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ "Swisscharts.com – Taylor Swift – Folklore". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 5, 2020.
- ↑ "Les charts de la Suisse romande". lescharts.ch (ภาษาฝรั่งเศส). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ August 2, 2020.
- ↑ "Official Albums Chart Top 100". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ July 31, 2020.
- ↑ "Official Americana Albums Chart Top 40". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ June 4, 2021.
- ↑ "Rankings (Septiembre 2020)" (ภาษาสเปน). Cámara Uruguaya del Disco. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 13, 2020. สืบค้นเมื่อ October 13, 2020.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Billboard 200)". Billboard. สืบค้นเมื่อ August 4, 2020.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Top Alternative Albums)". Billboard. สืบค้นเมื่อ August 8, 2020.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums for 2020". Australian Recording Industry Association. สืบค้นเมื่อ January 15, 2021.
- ↑ "Ö3 Austria Top40 Longplay 2020". Ö3 Austria Top 40. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 28, 2020. สืบค้นเมื่อ December 31, 2020.
- ↑ "Jaaroverzichten 2020". Ultratop. สืบค้นเมื่อ December 18, 2020.
- ↑ "Top Canadian Albums – Year-End 2020". Billboard. January 2, 2013. สืบค้นเมื่อ December 4, 2020.
- ↑ "Inozemna izdanja – Godišnja lista 2020" [Foreign editions - Annual list 2020] (ภาษาโครเอเชีย). HDU. สืบค้นเมื่อ April 7, 2021.
- ↑ "Album Top-100 2020". Hitlisten. สืบค้นเมื่อ January 13, 2021.
- ↑ "Jaaroverzichten – Album 2020" (ภาษาดัตช์). MegaCharts. สืบค้นเมื่อ January 6, 2021.
- ↑ "Top 100 Album-Jahrescharts 2020" (ภาษาเยอรมัน). GfK Entertainment. สืบค้นเมื่อ December 18, 2020.
- ↑ White, Jack (January 10, 2021). "Ireland's Official Top 50 biggest albums of 2020". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ January 12, 2021.
- ↑ "Official Top 40 Albums". Recorded Music NZ. 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 4, 2020. สืบค้นเมื่อ December 6, 2020.
- ↑ "Topplista – årsliste – Album 2020" (ภาษานอร์เวย์). IFPI Norway. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 31, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2021.
- ↑ "Top Vendas Acumuladas – 2020 (semana 1 a 53) – Top 100 Álbuns" [Top Accumulated Sales 2020 (Week 1 to 53) – Top 100 Albums] (PDF) (ภาษาโปรตุเกส). Audiogest. p. 1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 26, 2021. สืบค้นเมื่อ April 9, 2021.
- ↑ "Top 100 Albumes Anual 2020". Productores de Música de España. สืบค้นเมื่อ January 15, 2021.
- ↑ "Schweizer Jahreshitparade 2020". hitparade.ch. สืบค้นเมื่อ December 28, 2020.
- ↑ "End of Year Album Chart Top 100 – 2020". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ January 4, 2021.
- ↑ 240.0 240.1 "2020 Year-End Billboard charts". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 3, 2020.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums for 2021". Australian Recording Industry Association. สืบค้นเมื่อ January 13, 2022.
- ↑ "Jaaroverzichten 2021". Ultratop. สืบค้นเมื่อ January 4, 2022.
- ↑ "Top Canadian Albums – Year-End 2021". Billboard. January 2, 2013. สืบค้นเมื่อ December 2, 2021.
- ↑ "Album Top-100 2021". Hitlisten. สืบค้นเมื่อ January 6, 2022.
- ↑ "Jaaroverzichten – Album 2021". dutchcharts.nl (ภาษาดัตช์). สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
- ↑ Griffiths, George (January 9, 2022). "Ireland's official biggest albums of 2021". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ January 9, 2022.
- ↑ "Top Selling Albums of 2021". Recorded Music NZ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2022. สืบค้นเมื่อ January 24, 2022.
- ↑ "Top Vendas Acumuladas – 2021 – Top 100 Álbuns" [Top Accumulated Sales 2021 – Top 100 Albums] (PDF) (ภาษาโปรตุเกส). Audiogest. p. 3. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ February 3, 2022. สืบค้นเมื่อ February 3, 2022.
- ↑ "Top 100 Albums Annual 2021". Productores de Música de España. สืบค้นเมื่อ January 20, 2022.
- ↑ Griffiths, George (January 4, 2022). "The Official Top 40 biggest albums of 2021". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ January 4, 2022.
- ↑ "Top Billboard 200 Albums – Year-End 2021". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 3, 2021.
- ↑ "Top Alternative Albums – Year-End 2021". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 3, 2021.
- ↑ "ARIA Charts – Accreditations – 2021 Albums" (PDF). Australian Recording Industry Association. สืบค้นเมื่อ February 6, 2022. Album/DVD certifications are on separate sheets.
- ↑ "Ultratop − Goud en Platina – albums 2022". Ultratop. Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 30, 2022.
- ↑ "Danish album certifications – Taylor Swift – Folklore". IFPI Danmark. สืบค้นเมื่อ September 7, 2021.
- ↑ "New Zealand album certifications – Taylor Swift – Folklore". Recorded Music NZ. สืบค้นเมื่อ May 14, 2022.
- ↑ "Norwegian album certifications – Taylor Swift – Folklore" (ภาษานอร์เวย์). IFPI Norway. สืบค้นเมื่อ November 19, 2021.
- ↑ "Wyróżnienia - Złote płyty CD - Archiwum - Przyznane w 2022 roku" (ภาษาโปแลนด์). Polish Society of the Phonographic Industry. สืบค้นเมื่อ October 19, 2022.
- ↑ "Spanish album certifications – Taylor Swift – Folklore". El portal de Música. Productores de Música de España. March 2022. สืบค้นเมื่อ March 22, 2022.
- ↑ "British album certifications – Taylor Swift – Folklore". British Phonographic Industry. สืบค้นเมื่อ February 11, 2022.
- ↑ "American album certifications – Taylor Swift – Folklore". Recording Industry Association of America. สืบค้นเมื่อ October 19, 2022.
- ↑ Bailey, Alyssa (July 23, 2020). "Taylor Swift Announces She'll Be Dropping Her 8th Album 'Folklore' at Midnight and Shares Tracklist". Elle. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2020. สืบค้นเมื่อ July 28, 2020.
- ↑ "Taylor Swift's Folklore gets early CD release in the UK". Official Charts Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ August 6, 2020.
- ↑ "folklore". Amazon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 28, 2020. สืบค้นเมื่อ August 2, 2020.
- ↑ "フォークロア [CD]" (ภาษาญี่ปุ่น). Universal Music Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2020. สืบค้นเมื่อ August 2, 2020.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อphysical
- อัลบั้มเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟต์
- อัลบั้มเพลงในปี พ.ศ. 2563
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยแจ็ก แอนโตนอฟฟ์
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยเทย์เลอร์ สวิฟต์
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยแอรอน เดสส์เนอร์
- อัลบั้มเพลงของค่ายรีพับลิกเรเคิดส์
- รางวัลแกรมมี สาขาอัลบั้มแห่งปี
- อัลบั้มเพลงแนวออลเทอร์นาทิฟร็อกโดยศิลปินชาวอเมริกัน
- คอนเซปต์อัลบั้ม
- อัลบั้มเพลงบันทึกที่อิเล็กทริกเลดีสตูดิโอส์
- อัลบั้มเพลงที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดทั่วของโควิด-19