1989 (อัลบั้ม)
| 1989 | ||||
|---|---|---|---|---|
ปกมาตรฐานในอเมริกาเหนือ | ||||
| สตูดิโออัลบั้มโดย | ||||
| วางตลาด | 27 ตุลาคม ค.ศ. 2014 | |||
| สตูดิโอ |
| |||
| แนวเพลง | ซินท์ป็อป | |||
| ความยาว | 48:41 | |||
| ค่ายเพลง | บิกมะชีน | |||
| โปรดิวเซอร์ |
| |||
| ลำดับอัลบั้มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ | ||||
| ||||
| ซิงเกิลจาก1989 | ||||
| ||||
1989 เป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 5 ของนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2014 ภายใต้ค่ายเพลงบิกมะชีนเรเคิดส์ อัลบั้มนี้ตั้งชื่อตามปีเกิดของสวิฟต์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่ทางศิลปะ โดยถือเป็นผลงานที่พลิกโฉมภาพลักษณ์ทางดนตรีของเธอจากแนวคันทรีมาสู่แนวป็อปอย่างเต็มตัว
สวิฟต์ผลิตอัลบั้ม 1989 ร่วมกับแมกซ์ มาร์ติน, เชลล์แบ็ก, แจ็ก แอนโตนอฟฟ์, ไรอัน เท็ดเดอร์, นาธาน แชปแมน, และอิโมเจน ฮีป การผลิตของอัลบั้มได้รับแรงบันดาลใจจากแนวซินท์ป็อปในยุคคริสต์ทศวรรษ 1980 โดยผสมผสานเสียงเครื่องสังเคราะห์เสียงหนาแน่น ดรัมแมชชีนที่ตั้งโปรแกรมไว้ และเสียงประสานอิเล็กทรอนิกส์ที่ผ่านการประมวลผลอย่างประณีต พร้อมละทิ้งการเรียบเรียงแบบอะคูสติกซึ่งเคยเป็นเอกลักษณ์ของอัลบั้มก่อนหน้า บทเพลงในอัลบั้มถ่ายทอดเรื่องราวผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว ด้วยเนื้อหาที่ต่อยอดจากประสบการณ์ส่วนตัวของสวิฟต์ นำเสนอความเศร้า การเยียวยา และการค้นหาตัวตน ผ่านมุมมองที่ทั้งสดใส ละเมียดละไม และเปี่ยมด้วยความโหยหาอดีต
อัลบั้ม 1989 ได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านทัวร์คอนเสิร์ตเดอะ 1989 เวิลด์ทัวร์ ซึ่งกลายเป็นทัวร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในปี 2015 มีซิงเกิลทั้งหมดเจ็ดเพลงที่ออกมาเพื่อสนับสนุนอัลบั้มนี้ รวมถึงเพลงที่ขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ได้แก่ "เชกอิตออฟ" "แบลงก์สเปซ" และ "แบดบลัด" รวมถึงเพลงที่ติด 10 อันดับอย่าง "สไตล์" และ "ไวล์ดิสต์ดรีมส์" ในสหรัฐ อัลบั้ม 1989 ครองอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ด 200 ยาวนานถึง 11 สัปดาห์ และได้รับการรับรองระดับแพลตตินัม 14 เท่า จากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (RIAA) อัลบั้มมียอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 14 ล้านชุด และได้รับการรับรองระดับแพลตตินัมในหลายประเทศทั่วยุโรป อเมริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งสวิฟต์และค่ายเพลงบิกมะชีนเรเคิดส์ได้ระงับการเผยแพร่อัลบั้มนี้บนบริการสตรีมมิงแบบฟรีเป็นเวลานานเกือบสามปี ซึ่งก่อให้เกิดการถกเถียงในวงการดนตรีเกี่ยวกับผลกระทบของการสตรีมต่อยอดขายอัลบั้ม
คำวิจารณ์เบื้องต้นของอัลบั้ม 1989 ส่วนใหญ่ยกย่องการผลิตที่โดดเด่นและติดหู รวมถึงการประพันธ์เพลงของสวิฟต์ แม้จะมีนักวิจารณ์บางส่วนมองว่าการใช้แนวซินท์ป็อปอาจลดทอนเอกลักษณ์ของเธอในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลง ซึ่งต่อมาได้ถูกมองย้อนกลับว่าเป็นมุมมองแบบร็อกนิสม์ (rockist) หรืออคติที่ให้ค่ากับดนตรีร็อกมากกว่าป็อป อัลบั้ม 1989 คว้ารางวัลสาขาอัลบั้มแห่งปี และสาขาอัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัลแกรมมีประจำปี 2016 และต่อมาได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อ 500 อัลบั้มยอดเยี่ยมตลอดกาล ของนิตยสารโรลลิงสโตน อัลบั้มนี้ได้ยกระดับสถานะของสวิฟต์ให้กลายเป็นไอคอนแห่งดนตรีป็อปอย่างแท้จริง และยังเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อแนวคิดพอปทิมิสม์ (poptimism) หรือการยอมรับคุณค่าของดนตรีป็อปในเชิงศิลปะ ความมีชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของเธอทำให้สื่อมวลชนให้ความสนใจต่อชีวิตทั้งในและนอกเวทีของสวิฟต์มากยิ่งขึ้น ภายหลังจากข้อพิพาทในปี 2019 เกี่ยวกับสิทธิ์ความเป็นเจ้าของผลงานเพลงในอดีตของสวิฟต์ เธอได้ออกอัลบั้มบันทึกเสียงใหม่ในชื่อ 1989 (เทย์เลอร์เวอร์ชัน) ในปี 2023 และต่อมาในปี 2025 สวิฟต์ได้เข้าครอบครองสิทธิ์มาสเตอร์ต้นฉบับของอัลบั้มเดิมอย่างสมบูรณ์
ภูมิหลัง
[แก้]เทย์เลอร์ สวิฟต์ เคยระบุตัวตนว่าเป็นศิลปินแนวคันทรี จนกระทั่งออกอัลบั้มสตูดิโอที่สี่ เรด ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2012[1] ภายใต้การประชาสัมพันธ์โดยค่ายบิกมะชีนเรเคิดส์ ผ่านทางสถานีวิทยุแนวคันทรีและงานประกาศรางวัลต่าง ๆ[2] อัลบั้ม เรด ผสมผสานแนวดนตรีป็อปและร็อกเข้ากับเสียงคันทรีป็อปที่เป็นเอกลักษณ์ของผลงานก่อนหน้า ส่งผลให้นักวิจารณ์จำนวนมากมองว่าอัลบั้มนี้เป็นทั้งอัลบั้มแนวป็อปหรือร็อกพอ ๆ กับการเป็นอัลบั้มแนวคันทรี[3][4][5] ซิงเกิลที่ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์มากที่สุดสองเพลง ได้แก่ "วีอาร์เนเวอร์เอเวอร์เกตติงแบ็กทูเกเตอร์" และ "ไอนูว์ยูเวอร์ทรับเบิล"[6] เป็นเพลงป็อปที่ใช้การผลิตเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยตอกย้ำความนิยมของสวิฟต์ในวงการดนตรีป็อปกระแสหลัก[7][8] สื่อมวลชนได้ตั้งคำถามถึงสถานะของเธอในฐานะศิลปินคันทรี ซึ่งสวิฟต์ได้ตอบในบทสัมภาษณ์กับเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล เมื่อปี 2013 ว่าเธอไม่ได้กังวลกับการจัดหมวดหมู่ตนเองให้อยู่ในแนวเพลงใดแนวเพลงหนึ่งเป็นพิเศษ[9]
ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของเทย์เลอร์ สวิฟต์ มาพร้อมกับการถูกสื่อจับตามองอย่างใกล้ชิดในเรื่องชีวิตรัก[10] ความสัมพันธ์ของเธอกับนักร้องชาวอังกฤษ แฮร์รี สไตล์ส ซึ่งยืนยาวอยู่เพียงไม่กี่เดือนในปี 2013 ได้รับการนำเสนออย่างกว้างขวางจากสื่อแทบลอยด์[11] เหตุการณ์นี้รวมถึงความสัมพันธ์ระยะสั้นก่อนหน้านั้นหลายครั้ง ส่งผลให้ภาพลักษณ์ "สาวน้อยอเมริกันแสนดี" (America’s Sweetheart) ของเธอถูกกระทบ เธอถูกมองข้ามในด้านผลงานทางศิลปะ และกลายเป็นเป้าหมายของการดูหมิ่นทางเพศ (slut-shaming) จากสื่อและสาธารณชน[12][13] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 สวิฟต์ได้ย้ายถิ่นฐานจากเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ไปยังนครนิวยอร์ก[14] เพื่อฟื้นฟูการควบคุมเรื่องราวของตนในสายตาสาธารณชน เธอเลือกที่จะครองตัวเป็นโสด และปรากฏตัวต่อสาธารณะพร้อมกลุ่มเพื่อนหญิงคนดังในลุคสตรีตสไตล์แบบนิวยอร์ก ซึ่งประกอบด้วย ทรงผมบ็อบ เสื้อเอวลอย กระโปรงสั้น และรองเท้าส้นสูง[15][14] การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ การถูกสื่อจับจ้อง และสถานะความโสด ล้วนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการประพันธ์เพลงสำหรับอัลบั้มถัดไปของเธอ[16][17]
แนวคิดและการพัฒนา
[แก้]สวิฟต์เริ่มเขียนเพลงสำหรับสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ห้าของเธอในช่วงกลางปี 2013 ระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตเดอะเรดทัวร์[18] ตามที่เธอกล่าว อัลบั้ม เรด เป็นอัลบั้มที่เธอได้ทดลองผสมผสานแนวดนตรีป็อปและคันทรีเข้าด้วยกัน และเธอต้องการให้อัลบั้มถัดไปมี "เอกภาพทางเสียง" และเป็น "ป็อปอย่างชัดเจน" โดยเธอเชื่อในสุภาษิตที่ว่า "หากคุณวิ่งตามกระต่ายสองตัว คุณจะจับมันไม่ได้ทั้งคู่"[19][20] สวิฟต์มองว่าเพลง "ไอนูว์ยูเวอร์ทรับเบิล" จากอัลบั้ม เรด ซึ่งสามารถครองอันดับหนึ่งบนชาร์ตป็อปซองส์ได้ถึงเจ็ดสัปดาห์ คือ "สัญญาณนำทาง" ที่ชี้ให้เธอเดินหน้าในเส้นทางป็อปอย่างเต็มตัว[8][9]
เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว สวิฟต์ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวทางการทดลองของดนตรีซินท์ป็อปในคริสต์ทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นยุคที่ศิลปินจำนวนมากละทิ้งเครื่องดนตรีดั้งเดิมอย่างกลองและกีตาร์ แล้วหันมาใช้เสียงจากเครื่องสังเคราะห์เสียง แป้นตีกลอง และการปรับแต่งเสียงร้อง[20][21] แอนนี เลนนิกซ์ และปีเตอร์ กาเบรียล เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของเธอ โดยสวิฟต์ได้รับอิทธิพลจากวิธีการถ่ายทอดอารมณ์อัน "เข้มข้น" ของเลนน็อกซ์ และเสียงซินท์ป็อปอันลุ่มลึกของกาเบรียล[22] เธอตั้งชื่อสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ห้าว่า 1989 ตามปีเกิดของตนเอง เพื่ออ้างอิงถึงอิทธิพลของดนตรีซินท์ป็อปยุคคริสต์ทศวรรษ 1980 และยังเป็นสัญลักษณ์ของ "การเกิดใหม่ทางศิลปะ" ของเธออีกด้วย[20][23]
สวิฟต์ได้ร่วมงานกับแมกซ์ มาร์ติน และเชลล์แบ็ก ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตเพลง "ไอนูว์ยูเวอร์ทรับเบิล"[8] โดยมาร์ตินได้รับเครดิตเป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้าง สำหรับบทบาทในการช่วยให้เธอสร้างอัลบั้มที่มีความกลมกลืนทางเสียง รวมถึงมีส่วนร่วมในการผลิตหลายเพลงโดยไม่ได้รับเครดิตอย่างเป็นทางการ[6] ทั้งมาร์ตินและเชลล์แบ็กเป็นผู้ผลิตเจ็ดเพลงในอัลบั้ม 1989 รุ่นมาตรฐาน และเพิ่มอีกสองเพลงในรุ่นดีลักซ์[24] ไรอัน เท็ดเดอร์ ซึ่งสวิฟต์ติดต่อผ่านบันทึกเสียงจากโทรศัพท์ไอโฟน[25] ได้ร่วมประพันธ์และร่วมผลิตเพลง "เวลคัมทูนิวยอร์ก" และ "ไอโนว์เพลสเซส"[24] เขาใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงจูโน–106 (Juno-106 synthesizer) ในการสร้างสี่เวอร์ชันเดโมของเพลงแรก ซึ่งสวิฟต์เลือกเวอร์ชันแรกและนำมาพัฒนาเป็นเวอร์ชันสุดท้าย[26] สำหรับเพลง "ไอโนว์เพลสเซส" สวิฟต์ได้เล่นทำนองที่เธอประพันธ์ไว้บนเปียโน พร้อมอธิบายทำนองเฉพาะที่เธอต้องการให้เท็ดเดอร์ฟัง และทั้งคู่ก็สามารถบันทึกเสียงเพลงนี้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งวัน[27]
แจ็ก แอนโตนอฟฟ์ ซึ่งมีความสนใจร่วมกับสวิฟต์ในดนตรียุคคริสต์ทศวรรษ 1980[6] เคยร่วมงานกับเธอในซิงเกิลแนวนิวเวฟ "สวีตเตอร์แดนฟีกชัน" (2013)[28] ผลงานการผลิตของเขาในอัลบั้ม 1989 ประกอบด้วยสองเพลงในรุ่นมาตรฐานและอีกหนึ่งเพลงในรุ่นดีลักซ์[20] โดยมีลักษณะเด่นคือการใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงจูโน–6 ซึ่งแอนโตนอฟฟ์มองว่ามีทั้ง "ความเศร้า" และ "ความงดงาม" อยู่ในตัวเดียวกัน[29] เพลง "เอาต์ออฟเดอะวุดส์" และ "ไอวิชยูวูด" เริ่มต้นจากการเป็นเพลงบรรเลง[30] แอนโตนอฟฟ์สร้างเพลง "เอาต์ออฟเดอะวุดส์" โดยใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงยามาฮ่า DX7 และมินิมูกวอยเอเจอร์ (Minimoog Voyager) จากนั้นเขาได้ส่งดนตรีให้สวิฟต์ในขณะที่เธอกำลังอยู่บนเครื่องบิน เธอจึงประพันธ์ทำนองและเนื้อร้องตามดนตรีนั้น[31] ซึ่งใช้เวลาเพียงประมาณ 30 นาที[19] ส่วนเพลง "ไอวิชยูวูด" เริ่มต้นจากการที่แอนโตนอฟฟ์นำเสียงกลองเล็กจากเพลง "ชีไดรฟ์มีเครซี" (1988) ของวงไฟน์ยังแคนนิบอลส์ มาสร้างเป็นตัวอย่างเสียง เขาเปิดเพลงนี้ให้สวิฟต์ฟังบนโทรศัพท์ไอโฟนของตน และส่งให้เธอนำไปอัดเสียงใหม่[21] ผลงานสุดท้ายคือรีมิกซ์ที่ยังคงรักษาเสียงกลองเล็กดั้งเดิมไว้[32]
สวิฟต์ได้ติดต่ออิโมเจน ฮีป เพื่อร่วมงานกันในเพลง "คลีน" โดยสวิฟต์ได้ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองไว้ล่วงหน้า ส่วนฮีปช่วยเพิ่มเติมเครื่องดนตรีประกอบและเสียงร้องประสาน การบันทึกเสียงเพลงนี้เสร็จสมบูรณ์ภายในหนึ่งวันหลังจากอัดเพียงสองเทคที่ไฮด์อะเวย์สตูดิโอของฮีป ณ กรุงลอนดอน[20][33] นาธาน แชปแมน ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตอัลบั้มแนวคันทรีป็อปของสวิฟต์ ร่วมผลิตเพลง "ดิสเลิฟ"[34] ซึ่งเป็นเพลงเดียวในอัลบั้ม 1989 ที่สวิฟต์ประพันธ์ขึ้นด้วยตนเองทั้งหมด[24] อัลบั้ม 1989 รุ่นมาตรฐานมีทั้งหมด 13 เพลง ส่วนรุ่นดีลักซ์มีเพลงเพิ่มเติมอีก 3 เพลง[35] การบันทึกเสียงจัดทำขึ้นในหลายประเทศ ได้แก่ สวีเดน สหรัฐ และสหราชอาณาจักร อัลบั้มได้รับการมาสเตอร์โดยทอม คอยน์ ที่สเตอร์ลิงซาวด์สตูดิโอ ในนครนิวยอร์ก[20][24] ภายในระยะเวลาเพียงสองวัน กระบวนการผลิตทั้งหมดเสร็จสิ้นหลังจากการแสดงเดอะเรดทัวร์ปิดฉากลงในช่วงกลางปี 2014[36] หลังจากสก็อตต์ บอร์เชตตา ประธานบริษัทบิกมะชีนเรเคิดส์ได้ฟังอัลบั้ม เขาได้สอบถามสวิฟต์ว่าเธอสามารถเพิ่มเพลงแนวคันทรีที่ใช้เครื่องดนตรีอย่างฟิดเดิลลงไปได้หรือไม่ แต่สวิฟต์ปฏิเสธคำขอนั้น[6] บอร์เชตตาจึงเห็นพ้องกับเธอที่จะไม่ประชาสัมพันธ์อัลบั้มนี้ผ่านสถานีวิทยุคันทรี ซึ่งเคยเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในเส้นทางอาชีพของสวิฟต์ในช่วงแรกเริ่ม[37][38]
องค์ประกอบ
[แก้]ดนตรี
[แก้]อัลบั้ม 1989 เป็นผลงานแนวซินท์ป็อปที่สวิฟต์ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นการคารวะต่อดนตรีป็อปในยุคคริสต์ทศวรรษ 1980[39][40] โดยมีการเรียบเรียงเสียงดนตรีด้วยอิเล็กทรอนิกส์อย่างเด่นชัด ผ่านการใช้เครื่องสังเคราะห์เสียง เครื่องดรัมแมชชีน และไลน์เบสที่มีจังหวะเต้นเร้าใจ พร้อมทั้งละทิ้งเสียงดนตรีอะคูสติกที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของอัลบั้มก่อน ๆ ของเธอ[41][42] เพลงต่าง ๆ ในอัลบั้มมีจังหวะระดับกลาง (mid-tempo) โดดเด่นด้วยทำนองที่ติดหู ท่อนฮุก และท่อนสร้อยที่น่าจดจำ[43][44] ทำให้เกิดเอกภาพทางเสียง[4]ที่คงไว้ซึ่งรูปแบบซินท์ป็อปของยุค 1980 อย่างแท้จริง โดยปราศจากอิทธิพลที่ชัดเจนจากแนวฮิปฮอปหรืออาร์แอนด์บีร่วมสมัย[34][39][43] นักวิจารณ์หลายคนเห็นว่าอัลบั้มนี้ยังผสมผสานรูปแบบร็อกในยุคเดียวกัน[43] เช่น ป็อปร็อก[44] ซินท์ร็อก[45] และนิวเวฟด้วย[46] ทั้งนี้ นักวิจารณ์ส่วนใหญ่จึงมองว่า 1989 มีบรรยากาศของความเป็น "เก่าแต่คลาสสิก"[a] อย่างไรก็ตาม คาร์ล วิลสัน จากนิตยสารสเลต ไม่เห็นด้วย โดยเขาให้ความเห็นว่า แม้อัลบั้มจะยึดกรอบสุนทรียภาพของยุค 1980 แต่แรงบันดาลใจทางดนตรีของสวิฟต์สามารถโยงไปถึงยุค 1970, 1990 และ 2000 ได้เช่นกัน[23]
นอกจากโครงสร้างหลักที่เป็นซินท์ป็อปแล้ว หลายเพลงในอัลบั้มยังผสมผสานรูปแบบย้อนยุคและร่วมสมัย เช่น ฮิปฮอป แดนซ์[50] และอิเล็กทรอนิกแดนซ์[51] เพลง "สไตล์" ผสมผสานองค์ประกอบของฟังก์ ดิสโกยุค 1970 และอาร์แอนด์บี ผ่านริฟฟ์กีตาร์ไฟฟ้าและจังหวะกรูฟที่เด่นชัด[52][53][54] เสียงเปิดของเครื่องบันทึกเทปที่ถูกปรับแต่งในเพลง "ออลยูแฮดทูดูวอสสเตย์" ให้ความรู้สึกคล้ายเอฟเฟ็กต์เสียงในดนตรีไซคีเดลลิก[55] ส่วนเพลง "แบลงก์สเปซ" "เชกอิตออฟ" "แบดบลัด" "วันเดอร์แลนด์" และ "ไอโนว์เพลสเซส" ใช้เสียงเพอร์คัชชัน กลองใหญ่ และซินท์ที่ชวนให้นึกถึงแนวฮิปฮอป[34][44][56] โดยเฉพาะเพลงสุดท้ายยังสะท้อนอิทธิพลของแนวดรัมแอนด์เบส แทร็ป และเร็กเก ผ่านการเร่งจังหวะ[57] เสียงกลองเบรกบีต[44] และจังหวะกลองเล็กกับกลองเบสที่ไม่ตรงจังหวะ[43][58] องค์ประกอบของซอฟต์ร็อก[59] ปรากฏในเพลง "ดิสเลิฟ" ซึ่งเป็นบัลลาดจังหวะช้าและมีบรรยากาศอบอุ่น ปราศจากเสียงเพอร์คัชชันที่ผ่านการโปรแกรมอย่างหนักเช่นเพลงอื่น ๆ[60] รวมถึงเพลง "คลีน" ซึ่งมีลักษณะมินิมัลลิสต์ ใช้เพียงเสียงเพอร์คัชชันบางเบาและคีย์บอร์ดที่ผ่านการโปรแกรมอย่างละเอียดอ่อน[58]
เสียงร้องของสวิฟต์ในอัลบั้ม 1989 ส่วนใหญ่ขับร้องในระดับเสียงอัลโต[43] และผ่านการประมวลผลทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นเทคนิคที่เธอเริ่มใช้ตั้งแต่เพลงป็อปในอัลบั้ม เรด[45] เสียงร้องของเธอถูกปรับแต่งด้วยการบันทึกเสียงหลายชั้น (multitracking) การปรับแต่งผ่านเครื่องสังเคราะห์เสียง และการใช้เสียงลูป (looping)[45] เพื่อผสานเข้ากับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดความกลมกลืน โดยเฉพาะในเพลง "เวลคัมทูนิวยอร์ก" "เอาต์ออฟเดอะวุดส์" และ "แบดบลัด"[61] นักดนตรีวิทยา เจมส์ อี. เปอโรน ให้ความเห็นว่าการประมวลผลเสียงร้องในอัลบั้มนี้สะท้อนเสียงป็อปยุค 1980 พอ ๆ กับเทคนิคออโตจูน (Auto-Tune) ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งสร้างประสบการณ์ฟังที่ทั้งย้อนยุคและร่วมสมัยไปพร้อมกัน[62] ขณะที่วิลสัน และแอน เพาวเวอร์ส จากเอ็นพีอาร์ มองว่าการใช้เสียงสังเคราะห์เช่นนี้แตกต่างอย่างชัดเจนจากเสียงร้องตามธรรมชาติในดนตรีคันทรี แต่กลับช่วยให้สวิฟต์สามารถขยายขอบเขตการถ่ายทอดอารมณ์ของตน ผ่านน้ำเสียงและการแสดงออกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น[23][45]
บทประพันธ์และประเด็นหลัก
[แก้]สวิฟต์กล่าวถึงอัลบั้ม 1989 ในนิตยสารเอ็นพีอาร์[63]
อัลบั้ม 1989 มีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับความรักที่สูญสลาย ซึ่งเป็นประเด็นที่คุ้นเคยในบทเพลงของสวิฟต์อยู่แล้ว[41][64] แต่ในอัลบั้มนี้เธอได้ถ่ายทอดมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิม[63] ในขณะที่อัลบั้มก่อนหน้า มักวางผู้บรรยายไว้ในฐานะ "เหยื่อของความรักที่ผิดหวัง" พร้อมท่าทีแห่งการแก้แค้นหรือการต่อต้าน แต่อัลบั้ม 1989 กลับสะท้อนความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวผ่านมุมมองแห่งความโหยหา ความอ่อนโยน และความคิดถึงในอดีต[19][65] แรงบันดาลใจของสวิฟต์มาจากความรู้สึกหมดศรัทธาในแนวคิด "รักนิรันดร์อย่างในเทพนิยาย" ซึ่งทำให้เธอตระหนักถึง "พื้นที่สีเทา" ของความสัมพันธ์ในชีวิตจริง และเข้าใจได้ว่าแม้ความรักจะจบลง เธอก็ยังสามารถรู้สึกพอใจและยอมรับมันได้[63] ตามคำกล่าวของสวิฟต์ เพลงทั้งหมดในอัลบั้ม 1989 ถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกันเป็นเรื่องราวเดียว[63] โดยในบันทึกย่อของอัลบั้ม เธอได้ซ่อน "ข้อความลับ" จำนวน 13 ข้อความสั้น ๆ สำหรับแต่ละเพลง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะถ่ายทอดเรื่องราวของความรักในอดีต ที่ผู้บรรยายต้องผ่านช่วงเวลาแห่งหัวใจสลาย การเยียวยา และการค้นหาตัวตนใหม่[66][b] มอลลี แลมเบิร์ต นักวิจารณ์จากเว็บไซต์แกรนต์แลนด์ แสดงความเห็นว่า แก่นของเรื่องราวในอัลบั้มนี้หมุนรอบสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งทั้งทางเพศและอารมณ์ ซึ่งเต็มไปด้วยความเข้มแข็งปนเปราะบาง และมีเส้นแบ่งที่เลือนรางระหว่างความรักกับความใคร่[43]
ขยายต่อจากแนวทางการประพันธ์เพลงเชิงอัตชีวประวัติของสวิฟต์ บทประพันธ์เพลงในอัลบั้ม 1989 ได้รับอิทธิพลจากชีวิตส่วนตัวของเธอและมีการอ้างอิงถึงเหตุการณ์ในชีวิตจริงอย่างชัดเจน[50] เพลงในอัลบั้มสะท้อนถึงความเสียใจในความรักที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดและความเจ็บปวดที่ไม่อาจย้อนคืนได้ แต่ผู้บรรยายในบทเพลงยังคงมีพลังใจและความหวังอย่างแน่วแน่ ว่าสักวันทุกสิ่งจะกลับมาดีดังที่เธอปรารถนา[68] นักวิจารณ์หลายคนเห็นว่า บทเพลงในอัลบั้มนี้สะท้อนถึงมุมมองที่เปลี่ยนไปของสวิฟต์ต่อความรัก หลังจากผ่านเหตุการณ์อกหักอันดรามาในอัลบั้มก่อนหน้า[19][34][69] โดยสวิฟต์เองกล่าวว่าเธอกลายเป็นคนที่มองความรักอย่างมีเหตุผลและเป็นจริงมากขึ้น[22] ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศและความใกล้ชิดทางอารมณ์ ซึ่งสวิฟต์เคยนำเสนออย่างอ้อม ๆ ในอัลบั้ม เรด ถูกถ่ายทอดอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมามากขึ้นในอัลบั้มนี้ โดยเฉพาะในเพลง "สไตล์" และ "ไวล์ดิสต์ดรีมส์"[43][69] ส่วนเพลง "แบลงก์สเปซ", "สไตล์", "เชกอิตออฟ" และ "ออลยูแฮดทูดูวอสสเตย์" แสดงถึงความมั่นใจในตนเองและการตระหนักรู้ในตัวตน ในขณะที่เพลง "ไอวิชยูวูด" และ "ฮาวยูเก็ตเดอะเกิร์ล" ถ่ายทอดภาพฝันอันโรแมนติกและความเชื่อในความรักที่ยั่งยืน[34][69] มอลลี แลมเบิร์ต มองว่า 1989 แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวตนของสวิฟต์ ที่อยู่ระหว่างอุดมคติในรักแบบเทพนิยายกับทัศนคติที่เริ่มมีความระแวงและมองโลกตามความจริงมากขึ้น[43]
แม้ว่าบทประพันธ์เพลงของสวิฟต์ จะยังคงรักษาลักษณะการเล่าเรื่อง ซึ่งได้รับการหล่อหลอมมาจากพื้นฐานทางดนตรีคันทรีของเธอไว้[70] แต่ในอัลบั้ม 1989 กลับแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากการประพันธ์เพลงแนวป็อปอย่างชัดเจน บทประพันธ์เพลงมีรายละเอียดน้อยลง มีความคลุมเครือมากขึ้น และมีการซ้ำชื่อเพลงในท่อนต่าง ๆ เพื่อสร้างจุดจำที่ติดหูผู้ฟังได้ง่าย[71] นักวิจารณ์ดนตรี เจมส์ อี. เปโรน ให้ความเห็นว่า บทประพันธ์เพลงในอัลบั้มนี้ มีลักษณะไม่อิงชีวประวัติโดยตรงเหมือนผลงานก่อนหน้า แต่มีความเป็นเชิงเปรียบเทียบมากขึ้น ทำให้ผู้ฟังสามารถตีความได้หลากหลายมิติ[50] ตามความเห็นของนักดนตรีวิทยา เนต สโลน อัลบั้ม 1989 ได้ ละทิ้ง "กรอบเวลาเชิงลำดับเหตุการณ์" ซึ่งเคยเป็นโครงสร้างสำคัญของผลงานยุคก่อนของสวิฟต์ เพลงแนวคันทรีของเธอในอดีตมักจะเล่าเรื่องราวเป็นลำดับขั้น ท่อนแรก ๆ แสดงเหตุการณ์และพัฒนาการของเรื่อง ส่วนท่อนสุดท้ายมักสรุปหรือคลี่คลายเรื่องราว แต่สำหรับเพลงใน 1989 โครงสร้างกลับแตกต่างออกไป โดยท่อนฮุกจะซ้ำถ้อยคำเดิมตลอดทั้งเพลง และใช้รูปแบบที่เรียกว่า "โครงสร้างเพลงที่หยุดนิ่งอยู่ในเวลา" (frozen-in-time song structure) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์ที่เข้มข้นและคงอยู่ในปัจจุบัน โดยไม่มีการพัฒนาไปข้างหน้าหรือข้อสรุปที่ชัดเจน[72]
เพลง
[แก้]เพลง "เวลคัมทูนิวยอร์ก" กล่าวถึงการลืมความเจ็บปวดจากอดีตเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ท่ามกลางแสงสีและเสียงดนตรีของมหานครนิวยอร์ก[52][73] เพลงนี้มีลักษณะดนตรีแบบซินท์ป็อป ใช้เสียงเครื่องสังเคราะห์เสียงที่มีจังหวะเต้นต่อเนื่อง และเสียงเครื่องดรัมแมชชีนที่ให้จังหวะคล้ายเสียงปรบมือ สื่อถึงความสดใสและพลังของการเริ่มต้นใหม่ในเมืองใหญ่[73] เพลง "แบลงก์สเปซ" เป็นการเสียดสีภาพลักษณ์ของสวิฟต์ในสายตาสาธารณะ ที่มองว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้มีความสัมพันธ์รักหลายครั้งแต่ไม่เคยยั่งยืน ผู้บรรยายในเพลงเป็นหญิงสาวที่เย้ายวนแต่เปราะบางทางอารมณ์ ซึ่งความสัมพันธ์ของเธอจบลงด้วยความวุ่นวายเสมอ[74] เป็นเพลงมินิมัลลิสต์อิเล็กโทรป็อป โดยสวิฟต์ใช้เทคนิคการพูดกึ่งร้องในท่อนเพลง (speak-singing) และร้องด้วยเสียงสูงในท่อนฮุก[75] เพลง "สไตล์" กล่าวถึงความสัมพันธ์แบบรัก ๆ เลิก ๆ ซึ่งผู้บรรยายไม่อาจหลุดพ้นได้ เพราะเธอกับคนรัก "ไม่เคยตกยุค" (never out of style) ดั่งแฟชั่นคลาสสิกเหนือกาลเวลา[54] เพลงนี้มีพื้นฐานจากริฟกีตาร์ไฟฟ้า และสะท้อนอิทธิพลของดนตรีจากทั้งยุคคริสต์ทศวรรษ 1980 และยุคปัจจุบัน เช่น ซินท์ป็อป นิวเวฟ และเอาต์รัน[43][62]
เพลง "เอาต์ออฟเดอะวุดส์" ถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่เปราะบางและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล โดยในท่อนบริดจ์ได้กล่าวถึงอุบัติเหตุขณะขับรถสโนว์โมบิล ซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์แทนจุดจบของความสัมพันธ์ อดีตคนรักของเธอเหยียบเบรกและได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาลและเย็บแผลถึงยี่สิบเข็ม เสียงดนตรีของเพลงนี้มีลักษณะเร่งเร้าและเข้มข้น ด้วยเสียงกลองที่ดังก้องกังวาน เสียงร้องหลายชั้น (multitracked vocals) และเครื่องสังเคราะห์เสียงที่ไล่ระดับเสียงจนถึงจุดจบ[40][76] เพลง "ออลยูแฮดทูดูวอสสเตย์" ได้แรงบันดาลใจจากความฝันของสวิฟต์ ที่เธอตะโกนคำว่า "สเตย์" (stay) ซ้ำ ๆ ต่อหน้าอดีตคนรัก[77] ในเพลงนี้ผู้บรรยายตัดสินใจก้าวออกจากความสัมพันธ์เดิม แม้อดีตคนรักจะพยายามขอกลับมาคืนดี เธอยอมรับว่าตนยังคงรู้สึกเจ็บปวด เศร้า และคิดถึง[78] ท่อนฮุกของเพลงประกอบด้วยการร้องคำว่า "สเตย์" ซ้ำ ๆ ด้วยเสียงสูงที่ชัดเจนของสวิฟต์[45][78] เพลง "เชกอิตออฟ" กล่าวถึงทัศนคติของสวิฟต์ที่ไม่สนใจคำวิจารณ์หรือต่อว่าจากผู้ไม่หวังดี เธอเลือกที่จะ "สลัดมันทิ้งไป" และก้าวต่อไปอย่างมั่นใจ[63] จังหวะของเพลงนี้ขับเคลื่อนด้วยเสียงกระทืบเท้า ซึ่งโปรดิวเซอร์แมกซ์ มาร์ติน และเชลแบ็ก สร้างขึ้นโดยการกระแทกเท้าลงบนพื้นไม้ เพื่อให้เกิดเสียงจังหวะอันมีเอกลักษณ์และพลัง[79]
เพลง "ไอวิชยูวูด" ถ่ายทอดความรู้สึกของผู้บรรยายที่โหยหาอดีตคนรัก และหวังว่าเขาจะรู้ว่าเธอไม่มีวันลืมเขาได้เลย[80] เพลงนี้มีเสียงดนตรีเด่นจากริฟกีตาร์ไฟฟ้า และในท่อนฮุกประกอบด้วยเสียงเครื่องสังเคราะห์เสียงที่เร่งเร้า เสียงกลองเล็ก และเสียงร้องที่ซ้อนหลายชั้นเพื่อเพิ่มพลังและอารมณ์[52][57] เพลง "แบดบลัด" มีเนื้อหาเกี่ยวกับมิตรภาพที่แตกสลาย โดยได้แรงบันดาลใจจากศิลปินหญิงคนหนึ่งที่ทำให้สวิฟต์รู้สึกถูกหักหลัง[19] ดนตรีของเพลงนี้ได้รับอิทธิพลจากฮิปฮอป มีจังหวะคล้ายการเชียร์กีฬาของเชียร์ลีดดิง และเสียงกลองที่ดังหนักแน่น[81] เพลง "ไวล์ดิสต์ดรีมส์" กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางรักและทางเพศที่เข้มข้น ซึ่งผู้บรรยายรู้ดีว่าจะต้องจบลงในที่สุด เธอวิงวอนให้คนรักจดจำเธอและช่วงเวลาที่งดงามร่วมกันไว้[22] เพลงนี้มีแนวดนตรี ซินท์ป็อปบรรยากาศล่องลอย ใช้จังหวะที่คล้ายเสียงหัวใจเต้นผสมกับเสียงเครื่องสังเคราะห์เสียงที่หนาแน่นและเสียงเครื่องสาย[20][82] เพลง "ฮาวยูเก็ตเดอะเกิร์ล" ซึ่งสวิฟต์อธิบายว่าเป็นเหมือน "บทเรียนสำหรับผู้ชายที่อยากคืนดีกับแฟนเก่า"[83] ถ่ายทอดผ่านเสียงกีตาร์โปร่งและจังหวะบีตบ็อกซ์ ผู้บรรยายให้คำแนะนำอดีตคนรักถึงวิธีการเอาชนะใจเธออีกครั้ง[84]
เพลง "ดิสเลิฟ" เป็นเพลงบัลลาดแนวครุ่นคิด (pensive ballad) ที่เริ่มต้นจากบทกวีในสมุดบันทึกของสวิฟต์[85] กล่าวถึงการที่เธอยอมปล่อยมือจากความสัมพันธ์ที่ไม่อาจดำเนินต่อไปได้ เพราะรู้ว่าช่วงเวลานั้นยังไม่เหมาะสม[86] เพลงนี้ใช้ภาพเปรียบเทียบของทะเล เพื่อบรรยายความรักที่ซัดเข้ามาและหายไปเหมือนคลื่น[32] เสียงร้องของเธอถูกซ้อนหลายชั้น เพื่อสร้างบรรยากาศที่ชวนหลอนและอ่อนไหว[86] เพลง "ไอโนว์เพลสเซส" ใช้เสียงเปียโนเรียบง่าย เสียงร้องที่สะดุดเป็นจังหวะ และจังหวะกลองแบบดรัมแอนด์เบส ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้บรรยายที่ตั้งใจจะปกป้องความรักอันเปราะบาง โดยเปรียบตนเองและคนรักว่าเป็นสัตว์ที่ถูกตามล่า[60] เพลงสุดท้ายของอัลบั้มหลัก "คลีน" ได้แรงบันดาลใจจากช่วงเวลาที่สวิฟต์ใช้ชีวิตสองสัปดาห์ในกรุงลอนดอน และตระหนักว่าเธอไม่รู้สึกคิดถึงอดีตคนรักที่อาศัยอยู่ที่นั่นอีกต่อไป[33] เพลงนี้มีการเรียบเรียงเสียงแบบมินิมัลลิสต์ ถ่ายทอดการฟื้นฟูหัวใจหลังความเจ็บปวดจากความรักที่พังทลาย ผู้บรรยายเปรียบการก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่จบลงว่าเหมือนกับการถอนพิษจากการเสพติดที่เจ็บปวดจนการเยียวยาแทบไร้ความหมาย[58] และเมื่อผ่าน "พายุทำลายล้าง" ที่ทั้งโหดร้ายและเปลี่ยนแปลง เธอก็กลายเป็นคนที่ "สะอาดบริสุทธิ์ในที่สุด"[87]
สำหรับเพลงพิเศษในอัลบั้มรุ่นดีลักซ์ทั้งสามเพลง มีแนวคิดที่แตกต่างกัน ได้แก่ "วันเดอร์แลนด์" ได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมแฟนตาซีเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ (1865) ของลูอิส แคร์รอล เพื่อเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ที่เข้มข้น อันตราย และน่าหลงใหล จนผู้บรรยายเหมือนตกลงไปในโพรงกระต่าย แม้ทั้งคู่จะใฝ่ฝันถึงการอยู่ใน "วันเดอร์แลนด์" ตลอดไป แต่จุดจบของความสัมพันธ์นั้นถูกทำนายไว้ผ่าน ความอยากรู้อยากเห็นของทั้งคู่และการจับตามองจากคนรอบข้าง[88] เพลงนี้ใช้เสียงกลองเบสหนักแน่นที่ให้กลิ่นอายของฮิปฮอปและออลเทอร์นาทิฟร็อก[89] เพลง "ยูอาร์อินเลิฟ" ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ของแอนโตนอฟฟ์และลีนา ดันแฮม เป็นเพลงบัลลาดที่ถ่ายทอดความงดงามและความเรียบง่ายของความรักที่มั่นคง ผ่านกิจวัตรประจำวันในชีวิตคู่ เพลงนี้มีการเรียบเรียงเสียงแนวอิเล็กโทรป็อปอ่อนโยน[90] เพลง "นิวโรแมนติกส์" มีชื่อเพลงอ้างอิงถึงขบวนการวัฒนธรรมนิวโรแมนติกในช่วงคริสต์ทศวรรษ ค.ศ. 1970–1980[32] เพลงนี้ผู้บรรยายทวงคืนหัวใจที่แตกสลายและเฉลิมฉลองความเจ็บปวดที่ตนผ่านพ้นมา[28] ด้วยเสียงดนตรีแนวนิวเวฟ ซินท์ป็อป และอินดีอิเล็กทรอนิก ที่ให้บรรยากาศเปี่ยมพลังและปลดปล่อย[91][92]
งานศิลปะและบรรจุภัณฑ์
[แก้]สวิฟต์ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ สำหรับงานออกแบบบรรจุภัณฑ์ของอัลบั้ม 1989 ซึ่งประกอบด้วยภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยกล้องโพลารอยด์ วิธีการถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980[93] ดูโอช่างภาพโลว์ฟีลด์ เป็นผู้ถ่ายภาพโพลารอยด์มากกว่า 400 ภาพ และนำมาผสมผสานกันผ่านกระบวนการดิจิทัล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนภาพในอัลบั้มภาพถ่ายเก่า[93] ภาพปกอัลบั้มเป็นภาพพอร์ตเทรตใบหน้าของสวิฟต์ที่ถูกตัดครึ่งบริเวณดวงตา ซึ่งเธอตั้งใจให้สื่อถึงบรรยากาศแห่งความลึกลับ เพื่อ "ปกปิดรหัสทางอารมณ์ของอัลบั้ม" โดยเธอไม่ต้องการให้ผู้ฟังรับรู้ในทันทีว่า 1989 เป็นอัลบั้มแห่ง "ความสุข" หรือ "การเลิกรา"[94] ในภาพปก สวิฟต์สวมลิปสติกสีแดง และเสื้อสเวตเชิ้ตสีลาเวนเดอร์ที่ปักลายนกนางนวลกำลังบิน[95][96] มุมล่างซ้ายของภาพมีอักษรย่อชื่อของเธอ เขียนด้วยปากกาเมจิกสีดำ และมุมล่างขวามีตัวอักษรชื่ออัลบั้ม 1989[97][98] ในปี 2023 นิตยสารบิลบอร์ด ได้จัดให้ปกอัลบั้ม 1989 อยู่ในอันดับที่ 50 ของรายชื่อ "100 ปกอัลบั้มยอดเยี่ยมตลอดกาล" โดยยกให้เป็นหนึ่งในผลงานที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำที่สุดของเทย์เลอร์ สวิฟต์[99]
แผ่นซีดีทุกชุดของอัลบั้ม 1989 มาพร้อมชุดภาพโพลารอยด์ จำนวน 13 ภาพ ซึ่งสุ่มเลือกมาจาก 65 ภาพ[100] โดยผู้ซื้อจะได้รับหนึ่งในห้าชุดที่แตกต่างกัน ภาพถ่ายเหล่านี้แสดงให้เห็นสวิฟต์ในหลากหลายบรรยากาศ เช่น พื้นหลังของนครนิวยอร์ก และช่วงเวลาการบันทึกเสียงร่วมกับโปรดิวเซอร์[101] ภาพมีลักษณะเบลอ เลื่อนกรอบ และผ่านการปรับสีให้เป็นโทนเซเปีย พร้อมทั้งมีเนื้อเพลงจากอัลบั้ม 1989 เขียนด้วยปากกาเมจิกสีดำอยู่ด้านล่าง[97] นักวิจารณ์เพโรน มองว่าชุดภาพโพลารอยด์นี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นของขวัญส่วนตัวจากสวิฟต์ให้กับผู้ซื้ออัลบั้ม ด้านสกอต ฮาร์ดี ซีอีโอของโพลารอยด์รายงานว่า อัลบั้ม 1989 เป็นแรงผลักดันให้เกิดกระแสฟื้นฟูการใช้ฟิล์มโพลารอยด์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัฒนธรรมฮิปสเตอร์ ที่ให้คุณค่าแก่ความโหยหาอดีตและเอกลักษณ์ย้อนยุค ซึ่งถือเป็นตัวแทนของสิ่งที่บริษัทของเขายืนหยัดมาตลอด[102]
การออกจำหน่าย
[แก้]การตลาด
[แก้]สวิฟต์ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับอัลบั้ม 1989 ให้เป็น "อัลบั้มป็อปอย่างเป็นทางการชุดแรกของเธอ"[103] และร่วมมือกับสังกัดบิกมะชีนเรเคิดส์ในการจัดทำแคมเปญประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ ผ่านการทำสัญญาโฆษณาสินค้า การปรากฏตัวในสื่อ และการสร้างปฏิสัมพันธ์กับแฟนเพลง[104] สวิฟต์ประกาศเปิดตัวอัลบั้ม 1989 ผ่านการถ่ายทอดสดผ่านสัญญาณต่อเนื่องทางยาฮู! ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเอบีซีนิวส์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2014[105] เธอมักโพสต์ข้อความและภาพบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสื่อสารกับแฟนเพลง และจากการมีส่วนร่วมของแฟน ๆ เหล่านั้น เธอได้คัดเลือกผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์สูงสุดมาร่วมงาน "1989 ซีเคร็ตเซสชันส์" (1989 Secret Sessions) ซึ่งเป็นงานฟังอัลบั้มก่อนการวางจำหน่ายจริง[106] งานซีเคร็ตเซสชันส์ดังกล่าวยังมีนักข่าวและนักวิจารณ์ที่สวิฟต์เชิญเป็นพิเศษเข้าร่วมด้วย โดยจัดขึ้นในอสังหาริมทรัพย์ของเธอที่ลอสแอนเจลิส นครนิวยอร์ก แนชวิลล์ โรดไอแลนด์ และลอนดอน ตลอดช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ค.ศ. 2014[107]
เพื่อประชาสัมพันธ์อัลบั้ม 1989 สวิฟต์ได้ปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์และสถานีวิทยุหลายแห่ง เช่น รายการทอล์กโชว์จิมมี่คิมเมลไลฟ์!, ดิเอลเลนดีเจนเนอเรสโชว์, เลตโชว์วิตเดวิด เลตเทอร์แมน, กูดมอร์นิงอเมริกา และเดอะทอลก์ รวมถึงงานประกาศรางวัลเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ ประจำปี 2014 และสถานีวิทยุอย่างเอ็นพีอาร์, อเมริกันท็อป 40, และซิเรียสเอ็กซ์เอ็มทาวน์ฮอล์[104] ในด้านการตลาดเชิงพาณิชย์ เธอได้จับมือร่วมกับตราสินค้า ได้แก่ ซับเวย์ เคดส์ และไดเอตโค้ก[108] เพื่อทำแคมเปญร่วมกัน ค่ายเพลงบิกมะชีนเรเคิดส์ได้เปิดตัวซิงเกิลนำของอัลบั้ม 1989 คือเพลง "เชกอิตออฟ" สู่สถานีวิทยุแนวเพลงฮิตร่วมสมัยในสหรัฐเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2014[109] และปล่อยเพลง "เอาต์ออฟเดอะวุดส์" กับ "เวลคัมทูนิวยอร์ก" ให้ดาวน์โหลดผ่านร้านไอทูนส์ ในวันที่ 15[110] และ 21 ตุลาคม ตามลำดับ[111] เพลง "เชกอิตออฟ" ขึ้นถึงอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100[112] และสร้างสถิติใหม่ด้วยการเปิดตัวสูงสุดในชาร์ตป็อปซองส์และอะดัลต์ป็อปซองส์[113]

ตลอดช่วง ค.ศ. 2014–2015 อัลบั้ม 1989 ได้รับการสนับสนุนด้วยการเปิดตัวซิงเกิลเพิ่มเติมอีกสี่เพลง โดยมีสองเพลงที่ขึ้นถึงอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ได้แก่ "แบลงก์สเปซ" และ "แบดบลัด" ส่วนอีกสองเพลง "สไตล์" และ "ไวล์ดิสต์ดรีมส์" ติด 10 อันดับสูงสุดของชาร์ตเดียวกัน[114] ซิงเกิล "แบดบลัด" ได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษด้วยเวอร์ชันรีมิกซ์ที่มีศิลปินแร็ปเปอร์ เคนดริก ลามาร์ มาร้องรับเชิญ[115] ขณะที่เพลง "เอาต์ออฟเดอะวุดส์" และ "นิวโรแมนติกส์" ได้รับการเปิดตัวเป็นสองซิงเกิลสุดท้ายใน ค.ศ. 2016[116] ซิงเกิลทั้งหมดจากอัลบั้ม 1989 มาพร้อมกับมิวสิกวิดีโอที่สะท้อนภาพลักษณ์และลักษณะใหม่ของสวิฟต์ โดยแตกต่างจากวิดีโอเพลงแนวคันทรีในอดีตที่เน้นการเล่าเรื่องแบบเส้นตรงและแฟชั่นในชีวิตประจำวัน มิวสิกวิดีโอจาก 1989 กลับนำเสนอเรื่องราวแบบไม่เป็นเส้นตรง (fragmented storyline) พร้อมฉากและองค์ประกอบภาพที่ประณีตซับซ้อน (mise-en-scène) ซึ่งชวนให้นึกถึงโลกแห่งจินตนาการ การสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูด และวิถีชีวิตหรูหรา[117]
มีนักวิชาการหลายท่านได้วิเคราะห์ผลกระทบจากการตลาดของอัลบั้ม 1989 เช่น คีท เนนบี นักวิชาการด้านวัฒนธรรมร่วมสมัย เห็นว่ามิวสิกวิดีโอของสวิฟต์ได้สร้างภาพลักษณ์ "ป็อป" ที่มีความ "หรูหราและเหนือสามัญ" ซึ่งแตกต่างจากบุคลิกที่จริงใจและเรียบง่ายในมิวสิกวิดีโอเพลงคันทรีของเธอก่อนหน้านั้น[117] ในทำนองเดียวกัน แมรีน วิลกินสัน นักวิชาการด้านสื่อศึกษา อธิบายภาพลักษณ์ของสวิฟต์ใน 1989 ว่าเป็นแบบ "สดใสเกินจริง" โดยเธอจงใจแสดงให้เห็นว่า "บุคลิกป็อป" ของตนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากความพยายามอย่างหนัก หมายความว่า "ตัวตนที่แท้จริง" ของเธอยังคงอยู่ภายใต้บุคลิกที่ปรากฏในมิวสิกวิดีโอและการให้สัมภาษณ์ ด้วยวิธีนี้สวิฟต์ได้สื่อสารกับผู้ฟังว่าเธอยังคงรักษาความเป็นตัวตนดั้งเดิมจากยุคคันทรีไว้ได้[118] วิลกินสันมองว่าภาพลักษณ์ "สดใสเกินจริง" ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สวิฟต์สามารถเปลี่ยนผ่านจากแนวคันทรีสู่แนวป็อปได้อย่างราบรื่น ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาฐานแฟนเพลงจากยุคคันทรีไว้ด้วย[119] ขณะที่แรนดี ลูอิส จากลอสแอนเจลิสไทมส์ เห็นว่าสวิฟต์สามารถทำได้เช่นนั้นผ่านสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับแฟนเพลง โดยเฉพาะจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์และกิจกรรมซีเคร็ตเซสชันส์ ที่สร้างความผูกพันโดยตรงระหว่างศิลปินกับผู้ติดตามของเธอ[106]
ผลตอบรับเชิงพาณิชย์
[แก้]ในสหรัฐ ยอดจำหน่ายแผ่นเสียงในคริสต์ทศวรรษ 2010 ลดลงอย่างมากจากการเติบโตของการดาวน์โหลดและการสตรีมมิง แต่ผลงานของสวิฟต์ยังคงทำยอดจหน่ายได้อย่างแข็งแกร่ง โดยอัลบั้มสองชุดก่อนหน้าอย่างสปีกนาว (2010) และเรด (2012) ต่างมียอดจำหน่ายเกินหนึ่งล้านชุดภายในสัปดาห์แรกที่ออกจำหน่าย[103][120] สำหรับอัลบั้ม 1989 นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมดนตรีได้จับตาดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นอัลบั้มที่สวิฟต์ถอนตัวออกจากแนวคันทรีอย่างเต็มตัว ซึ่งเคยเป็นรากฐานของอาชีพเธอ รวมถึงการตัดสินใจไม่ให้ผลงานถูกสตรีมฟรีในช่วงนั้น[103][104] สื่อหลายแห่งคาดการณ์ก่อนวางจำหน่ายว่าอัลบั้มนี้อาจมียอดจำหน่ายต่ำกว่าหนึ่งล้านชุด โดยประเมินอยู่ระหว่าง 600,000–900,000 ชุด[120][121] อย่างไรก็ตาม หลังจากวางจำหน่ายสื่อบิลบอร์ดได้เฝ้าติดตามยอดจำหน่ายอย่างใกล้ชิดและปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 900,000 ชุดในวันแรก[122][123]เป็น 1.2 ล้านชุดภายใน 48 ชั่วโมง[124] และแตะ 1.3 ล้านชุดภายในหกวัน[125]
ตามข้อมูลยอดจำหน่ายจนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 (ชาร์ตประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2014) 1989 เปิดตัวที่อันดับหนึ่งบนบิลบอร์ด 200 ด้วยยอดจำหน่ายสัปดาห์แรก 1.287 ล้านชุด ส่งผลให้สวิฟต์กลายเป็นศิลปินคนแรกที่มีอัลบั้มถึงสามชุดซึ่งมียอดขายเกินหนึ่งล้านชุดในสัปดาห์เปิดตัว อีกทั้ง 1989 ยังเป็นอัลบั้มแรกของปี 2014 ที่ทำยอดจำหน่ายเกินหนึ่งล้านชุดด้วย[126] อัลบั้มนี้ครองอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ด 200 รวม 11 สัปดาห์[127] และอยู่ใน 10 อันดับสูงสุดนานหนึ่งปีเต็ม[128] ภายในสิ้นปี 2019 มียอดจำหน่ายรวมในสหรัฐ 6.215 ล้านชุด ถือเป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดอันดับที่สามของทศวรรษ 2010[129] ณ เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2025 อัลบั้มมียอดจำหน่ายเทียบเท่าอัลบั้มรวมคิดเป็น 14.6 ล้านหน่วยในสหรัฐ[130] และในเดือนกันยายน ค.ศ. 2025 สมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (RIAA) ได้มอบการรับรองระดับแพลตินัม 14 เท่า[131]
อัลบั้ม 1989 ประสบความสำเร็จอย่างสูงในระดับโลก โดยขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงหลายประเทศ และได้รับการรับรองยอดจำหน่ายระดับมัลติแพลตินัมในหลายภูมิภาค ได้แก่ ออสเตรเลีย (แพลตินัม 11 เท่า)[132][133] แคนาดา (แพลตินัม 6 เท่า)[134][135] เม็กซิโก (แพลตินัม 3 เท่า และโกลด์ 1 รางวัล)[136][137] นิวซีแลนด์ (แพลตินัม 10 เท่า)[138][139] นอร์เวย์ (แพลตินัม 3 เท่า)[140][141] สหราชอาณาจักร (แพลตินัม 6 เท่า)[142][143] นอกจากนี้ 1989 ยังติดห้าอันดับแรกบนชาร์ตเพลงในหลายประเทศทั่วอเมริกา ยุโรป และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ออสเตรีย เดนมาร์ก เยอรมนี อิตาลี โปรตุเกส สเปน สวิตเซอร์แลนด์[144] ญี่ปุ่น[145] และบราซิล[146] ในด้านการรับรองยอดจำหน่ายเพิ่มเติม ได้รับระดับแพลตินัมในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น โปรตุเกส และสวิตเซอร์แลนด์[c] ระดับดับเบิลไดมอนด์ในบราซิล[153] ระดับแพลตินัม 3 เท่าในออสเตรีย เดนมาร์ก โปแลนด์ และ สิงคโปร์[d] ระดับแพลตินัม 4 เท่า ในเบลเยียม[158] ในประเทศจีนอัลบั้ม 1989 มียอดจำหน่ายเกินหนึ่งล้านหน่วยภายในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019 กลายเป็นหนึ่งในอัลบั้มดิจิทัลที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในประเทศ[159]
ตามรายงานของสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ 1989 เป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดอันดับที่ 2 ของ ค.ศ. 2014[160] และอันดับที่ 3 ของ ค.ศ. 2015[161] ภายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2022 กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายรวมทั่วโลกสูงที่สุดของสวิฟต์ โดยมียอดจำหน่ายกว่า 14 ล้านชุด[162] หลังจากที่สวิฟต์เริ่มต้นการแสดงคอนเสิร์ตรอบโลกดิเอราส์ทัวร์ ซึ่งเป็นการย้อนรอยผลงานตลอดอาชีพของเธอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 ยอดจำหน่ายและยอดสตรีมมิงของผลงานทั้งหมดของเธอก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง[163] โดย 1989 กลับขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่บนชาร์ตในหลายประเทศ ได้แก่ กรีซ (อันดับ 1)[164] ออสเตรีย (อันดับ 4)[144] สวีเดน (อันดับ 17)[165] และยังปรากฏบนชาร์ตของประเทศใหม่ ๆ เช่น อาร์เจนตินา (อันดับ 1)[166] อุรุกวัย (อันดับ 7)[167] ไอซ์แลนด์ (อันดับ 25)[168]
ผลการตอบรับเชิงวิจารณ์
[แก้]| ผลคะแนน | |
|---|---|
| ที่มา | ค่าประเมิน |
| เมทาคริติก | 76/100[169] |
| เอนีดีเซ็นต์มิวสิก? | 7.4/10[170] |
| คะแนนคำวิจารณ์ | |
| ที่มา | ค่าประเมิน |
| ออลมิวสิก | |
| ดิ เอ. วี. คลับ | B+[40] |
| คิวพอยต์ (เอ็กซ์เพิร์ตวิตเนสส์) | A−[171] |
| เดอะเดลีเทลิกราฟ | |
| เดอะการ์เดียน | |
| ลอสแอนเจลิสไทมส์ | |
| เอ็นเอ็มอี | 7/10[59] |
| พิตช์ฟอร์ก | 7.7/10[173] |
| โรลลิงสโตน | |
| สพิน | 7/10[174] |
บทวิจารณ์เบื้องต้นของอัลบั้ม 1989 โดยทั่วไปได้รับความเห็นในเชิงบวก แม้จะไม่เป็นเช่นนั้นทั้งหมดก็ตาม[175][176] จากการรวบรวมบทวิจารณ์ในสื่อกระแสหลัก เว็บไซต์เมทาคริติกได้ให้คะแนนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ 76 คะแนนจาก 100 คะแนน โดยอ้างอิงจากบทวิจารณ์จำนวน 29 ฉบับ[169] ขณะที่เว็บไซต์เอนีดีเซ็นต์มิวสิก? ให้คะแนนอัลบั้มนี้ 7.4 คะแนนจาก 10 คะแนน โดยอ้างอิงจากบทวิจารณ์จำนวน 28 ฉบับ[170]
บทวิจารณ์ในเชิงบวกส่วนใหญ่ได้ชื่นชมความสามารถด้านการประพันธ์เพลงของสวิฟต์[177] โดยเน้นย้ำถึงเนื้อเพลงที่หลากหลายซึ่งสะท้อนอารมณ์ทั้งความสนุกสนานและความขมขื่นของความรักที่ล้มเหลว[40][41][52][178] ซึ่งนักวิจารณ์หลายคนเห็นว่ามีความเป็นผู้ใหญ่และปราศจากความไร้เดียงสาที่เคยปรากฏในบทเพลงก่อนหน้าของเธอ[34][69][179] นักวิจารณ์มีความเห็นว่าเมื่อเทียบกับอัลบั้มก่อน ๆ 1989 มีลักษณะสนุกสนานมากกว่า[41][179] แต่ยังคงรักษาความลึกซึ้งทางอารมณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน[64][87][180] วรินดา จากาดา จากนิตยสารพิตช์ฟอร์ก มีความเห็นว่า ตัวตนของสวิฟต์ในอัลบั้ม 1989 แสดงถึงความพึ่งพาตนเองและความมั่นใจ โดยไม่จมอยู่กับความเจ็บปวดในอดีตมากเกินไป[173] ขณะที่ ร็อบ เชฟฟีลด์ จากนิตยสารโรลลิงสโตน ได้อธิบายว่าอัลบั้มนี้เป็นผลงานที่ "ประหลาดอย่างลึกซึ้ง เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์เร่าร้อน และเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง" ซึ่งสะท้อนให้เห็นการสำรวจความรู้สึกของเธอไปจนถึงขีดสุด[84]
นักวิจารณ์มองว่าการที่สวิฟต์หันมาใช้แนวซินท์ป็อปแบบคริสต์ทศวรรษ 1980[181] เป็นการทดลองทางดนตรี แต่มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ได้ บทวิจารณ์จำนวนมากชื่นชมการผลิตเสียงว่าให้ความรู้สึกติดหูเป็นพิเศษ[52][87][179] โรเบิร์ต คริสเกา ให้ความเห็นว่า "ท่วงทำนองที่ผ่านการปรับแต่งและเสียงร้องที่ผ่านกระบวนการเทคนิค" ทำให้สวิฟต์ฟังดูเป็นธรรมชาติ "ราวกับอยู่ในบ้านของตนเอง" แม้เธอมีเจตนาที่จะละทิ้งแนวดนตรีเดิมของตนก็ตาม[171] พาวเวอร์ส ให้ความเห็นว่าการประมวลผลเสียงร้องด้วยเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเผยให้เห็นเฉดอารมณ์และการแสดงออกในรูปแบบใหม่ของสวิฟต์ ส่งผลให้การฟังอัลบั้มนี้เป็นประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์[45] จอน คารามานิกา จากเดอะนิวยอร์กไทมส์ และอเล็กซิส เพตริดิส จากเดอะการ์เดียน ต่างยกย่อง 1989 ว่าเป็นการคารวะต่อดนตรีป็อปในคริสต์ทศวรรษ 1980 อย่างซื่อสัตย์ และยกระดับสถานะของสวิฟต์ให้เป็นศิลปินเหนือกาลเวลาที่ก้าวล้ำหน้าเพื่อนร่วมยุค[34] โดยเพตริดิสให้เหตุผลว่าความสำเร็จนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ทางศิลปะของสวิฟต์เอง แม้จะมีผู้ร่วมงานและโปรดิวเซอร์จำนวนมากก็ตาม[44]
ในอีกด้านหนึ่ง บทวิจารณ์จำนวนไม่น้อยได้แสดงความเสียดายต่อแนวทางดนตรีที่ใช้เสียงซินท์เป็นหลัก โดยเห็นว่าทำให้ความแท้จริงของการประพันธ์เพลงของสวิฟต์ลดลง เนื่องจากพวกเขามองว่าแนวดนตรีดังกล่าวมีลักษณะ "เชิงพาณิชย์" ซึ่งขัดแย้งกับคุณค่าความจริงใจที่เป็นหัวใจของดนตรีคันทรี[182] บทวิจารณ์หลายฉบับวิพากษ์วิจารณ์การใช้เสียงซินท์อย่างหนักหน่วงว่าไปบดบังรายละเอียดของเนื้อเพลง[57][183][174] และทำให้อัลบั้มมีลักษณะทั่วไปไม่โดดเด่น[172] สตีเวน ไฮเดิน ในนิตยสารแกรนต์แลนด์ ให้ความเห็นว่า 1989 แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอในการประพันธ์เพลง แต่โทนเสียงซินท์ป็อปแบบคริสต์ทศวรรษ 1980 กลับซ้ำซากและทำให้สวิฟต์สูญเสียเอกลักษณ์เฉพาะตัว[4] สตีเฟน โทมัส เออร์ลไวน์ จากออลมิวสิก สรุปว่าอัลบั้มนี้เป็น "ดนตรีประกอบอันแวววาวของวิถีชีวิตที่เปี่ยมด้วยความทะเยอทะยาน" ซึ่งพยายามตอบสนองต่อรสนิยมของกระแสหลักอย่างชัดเจน[91] ขณะเดียวกัน คิตตี เอ็มไพร์ จากดิออบเซิร์ฟเวอร์ เห็นว่า 1989 แสดงศักยภาพของสวิฟต์ในฐานะนักแต่งเพลงได้อย่างชัดเจน แต่ยังไม่ถึงขั้น "ยอดเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขา" เท่ากับซิงเกิล "ไอนูว์ยูเวอร์ทรับเบิล"[64]
รางวัลและการจัดอันดับ
[แก้]ในปี 2015 อัลบั้ม 1989 ได้รับรางวัลอัลบั้มป็อป/ร็อกยอดนิยม จากงานอเมริกันมิวสิกอะวอดส์[184] และรางวัลอัลบั้มแห่งปี (สากลตะวันตก) จากงานเจแปนโกลด์ดิสอะวอดส์[185] นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอัลบั้มป็อป/ร็อกนานาชาติยอดเยี่ยม จากงานเอคโคมิวสิกไพร์ซ ในประเทศเยอรมนี,[186] อัลบั้มนานาชาติแห่งปี จากงานรางวัลจูโน ในประเทศแคนาดา[187] และอัลบั้มนานาชาติยอดเยี่ยม จากงานลอสพรีมิออส 40 พรินซิพาเลส ในประเทศสเปน[188] อัลบั้มนี้ยังคว้ารางวัลอัลบั้มแห่งปี จากงานไอฮาร์ตเรดิโอมิวสิกอะวอดส์ประจำปี 2016 อีกด้วย[189] ในการประกาศผลรางวัลแกรมมี ครั้งที่ 58 เมื่อปี 2016 อัลบั้ม 1989 ได้รับรางวัลใหญ่สองรางวัล ได้แก่ อัลบั้มแห่งปี และอัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม[190] ซึ่งทำให้เทย์เลอร์ สวิฟต์ กลายเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกที่สามารถคว้ารางวัลอัลบั้มแห่งปีได้ถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกของเธอคือจากอัลบั้ม เฟียร์เลส (2008) ซึ่งได้รับรางวัลในปี 2010[191]
สื่อสิ่งพิมพ์หลายแห่งได้จัดให้อัลบั้ม 1989 อยู่ในรายชื่ออัลบั้มยอดเยี่ยมประจำปี 2014 โดยสื่อที่จัดให้อัลบั้มนี้อยู่ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ บิลบอร์ด (อันดับที่ 1),[192] อเมริกันซองไรเตอร์ (อันดับที่ 4),[193] ไทม์ (อันดับที่ 4),[194] เดอะเดลีเทลิกราฟ (อันดับที่ 5),[195] เดอะมิวสิก (อันดับที่ 5),[196] ดราวอินซาวด์ (อันดับที่ 6),[197] คอมเพล็กซ์ (อันดับที่ 8)[198] และโรลลิงสโตน (อันดับที่ 10)[199] นอกจากนี้ยังมีสื่ออื่น ๆ ที่บรรจุ 1989 ไว้ในรายชื่ออัลบั้มยอดเยี่ยมประจำปีเช่นกัน ได้แก่ เดอะการ์เดียน,[200] ดิ เอ. วี. คลับ,[201] ป็อปแมตเตอร์ส,[202] พิตช์ฟอร์ก[203] และมิวสิกโอเอ็มเอช[204] อัลบั้ม 1989 ยังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 7 จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิจารณ์จำนวนมากในแบบสำรวจโดยพาซซ์แอนด์จอป ประจำปี 2014 จากเดอะวิลเลจวอยซ์[205] และยังปรากฏอยู่ในรายชื่อส่วนตัวของนักวิจารณ์ ได้แก่ จอน คารามานิกา จากเดอะนิวยอร์กไทมส์ (อันดับที่ 7),[206] เคน ทักเกอร์ จากเอ็นพีอาร์ (อันดับที่ 3)[207] และไบรอัน แมนส์ฟิลด์ จากยูเอสเอทูเดย์ (อันดับที่ 1)[208]
รายชื่อเพลง
[แก้]| ลำดับ | ชื่อเพลง | ประพันธ์ | ผลิต | ยาว |
|---|---|---|---|---|
| 1. | "Welcome to New York" |
| 3:32 | |
| 2. | "Blank Space" |
|
| 3:51 |
| 3. | "Style" |
|
| 3:51 |
| 4. | "Out of the Woods" |
|
| 3:55 |
| 5. | "All You Had to Do Was Stay" |
|
| 3:13 |
| 6. | "Shake It Off" |
|
| 3:39 |
| 7. | "I Wish You Would" |
| 3:27 | |
| 8. | "Bad Blood" |
|
| 3:31 |
| 9. | "Wildest Dreams" |
|
| 3:40 |
| 10. | "How You Get the Girl" |
|
| 4:07 |
| 11. | "This Love" | สวิฟต์ |
| 4:10 |
| 12. | "I Know Places" |
|
| 3:15 |
| 13. | "Clean" |
|
| 4:30 |
| ความยาวทั้งหมด: | 48:41 | |||
| ลำดับ | ชื่อเพลง | ประพันธ์ | ผลิต | ยาว |
|---|---|---|---|---|
| 14. | "Wonderland" |
|
| 4:05 |
| 15. | "You Are in Love" |
|
| 4:27 |
| 16. | "New Romantics" |
|
| 3:50 |
| ความยาวทั้งหมด: | 60:23 | |||
| ลำดับ | ชื่อเพลง | ประพันธ์ | ผลิต | ยาว |
|---|---|---|---|---|
| 17. | "I Know Places" (บันทึกเสียงเปียโน/คำพูด) |
| สวิฟต์ | 3:36 |
| 18. | "I Wish You Would" (บันทึกเสียงแทร็ก/คำพูด) |
| สวิฟต์ | 1:47 |
| 19. | "Blank Space" (บันทึกเสียงกีตาร์/คำพูด) |
| สวิฟต์ | 2:11 |
| ความยาวทั้งหมด: | 68:37 | |||
หมายเหตุ
[แก้]ชาร์ต
[แก้]
ชาร์ตรายสัปดาห์
|
ชาร์ตสิ้นปี
|
ชาร์ตปลายทศวรรษ
[แก้]| ชาร์ต (คริสต์ทศวรรษ 2010) | ตำแหน่ง |
|---|---|
| Australian Albums (ARIA)[329] | 8 |
| Canadian Albums (Billboard)[330] | 5 |
| UK Albums (OCC)[331] | 25 |
| US Billboard 200[332] | 2 |
ชาร์ตตลอดกาล
[แก้]| ชาร์ต | ตำแหน่ง |
|---|---|
| Irish Female Albums (IRMA)[e] | 36 |
| US Billboard 200[f] | 64 |
| US Billboard 200 – Women[g] | 5 |
การรับรอง
[แก้]| ประเทศ | การรับรอง | จำนวนหน่วยที่รับรอง/ยอดขาย |
|---|---|---|
| Australia (ARIA)[133] | 11× Platinum | 770,000‡ |
| Austria (IFPI Austria)[154] | 3× Platinum | 45,000* |
| Belgium (BEA)[158] | 4× Platinum | 120,000‡ |
| Brazil (Pro-Música Brasil)[153] | 2× Diamond | 320,000‡ |
| Brazil (Pro-Música Brasil)[153] "Big Machine Radio Release Special" |
2× Diamond | 500,000‡ |
| Canada (Music Canada)[135] | 6× Platinum | 542,000[h] |
| Denmark (IFPI Danmark)[155] | 3× Platinum | 60,000‡ |
| France (SNEP)[147] | Platinum | 100,000‡ |
| Germany (BVMI)[148] | Platinum | 200,000‡ |
| Italy (FIMI)[149] | Platinum | 50,000‡ |
| Japan (RIAJ)[150] | Platinum | 250,000^ |
| Mexico (AMPROFON)[137] | 3× Platinum+Gold | 210,000^ |
| Netherlands (NVPI)[338] | Gold | 20,000^ |
| New Zealand (RMNZ)[139] | 10× Platinum | 150,000‡ |
| Norway (IFPI Norway)[141] | 3× Platinum | 60,000* |
| Poland (ZPAV)[156] | 3× Platinum | 60,000‡ |
| Portugal (AFP)[151] | Platinum | 7,000‡ |
| Singapore (RIAS)[157] | 3× Platinum | 30,000* |
| Spain (PROMUSICAE)[339] | Gold | 20,000‡ |
| Sweden (GLF)[340] | Gold | 20,000‡ |
| Switzerland (IFPI Switzerland)[152] | Platinum | 20,000‡ |
| United Kingdom (BPI)[143] | 6× Platinum | 1,800,000‡ |
| United States (RIAA)[131] | 14× Platinum | 6,472,000[i] |
|
*ตัวเลขยอดขายขึ้นกับการรับรองอย่างเดียว | ||
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ จากบทวิจารณ์หลากหลายแหล่ง:[34][47][48][49]
- ↑ "ข้อความลับ" ในบทเพลงของสวิฟต์ถูกถอดรหัสได้โดยการนำตัวอักษรพิมพ์ใหญ่บางตัว ที่ปรากฏอยู่ในบทประพันธ์เพลงแต่ละเพลง ภายในสมุดเนื้อเพลงของอัลบั้ม (album booklet) มาจัดเรียง ตามลำดับที่ปรากฏ เพื่อให้ได้เป็นคำหรือวลีเฉพาะที่ซ่อนความหมายไว้[67]
- ↑ อ้างอิง:[147][148][149][150][151][152]
- ↑ อ้างอิง:[154][155][156][157]
- ↑ จัดทำโดยบริษัทออฟฟิเชียลชาร์ตส์ ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2019[333]
- ↑ จัดทำโดย บิลบอร์ด สำหรับอัลบั้มในปี 1963–2015[334][335]
- ↑ จัดทำโดย บิลบอร์ด สำหรับอัลบั้มในปี 1963–2017[336][337]
- ↑ ยอดจำหน่าย 1989 ในแคนาดา ณ เดือนมกราคม 2020[330]
- ↑ ยอดจำหน่าย 1989 ในสหรัฐ ณ เดือนมกราคม 2024[341]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ McNutt 2020, p. 77.
- ↑ Vinson, Christina (September 8, 2014). "Taylor Swift On Turning Away from Country Music on 1989". Taste of Country. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 30, 2020. สืบค้นเมื่อ August 7, 2020.
- ↑ Bream, Jon (June 20, 2023). "Our Music Critic Ranks Taylor Swift's Albums From Worst to Best". Star Tribune. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 21, 2023. สืบค้นเมื่อ July 21, 2023.
- 1 2 3 Hyden, Steven (October 28, 2014). "Pop Is a Banana-Quinoa Muffin: The Artisanal Aloofness of Taylor Swift's 1989". Grantland. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 5, 2023. สืบค้นเมื่อ January 21, 2025.
- ↑ Perone 2017, p. 45.
- 1 2 3 4 Light, Alan (December 5, 2014). "Billboard Woman of the Year Taylor Swift on Writing Her Own Rules, Not Becoming a Cliche and the Hurdle of Going Pop". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 26, 2014. สืบค้นเมื่อ February 27, 2019.
- ↑ McNutt 2020, pp. 77–78.
- 1 2 3 Dickey, Jack (November 13, 2014). "The Power of Taylor Swift". Time. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 19, 2020. สืบค้นเมื่อ August 8, 2020.
- 1 2 McNutt 2020, p. 78.
- ↑ "On the Road with Best Friends Taylor Swift and Karlie Kloss". Vogue. February 13, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 4, 2015. สืบค้นเมื่อ November 10, 2015.
- ↑ Jo Sales, Nancy; Diehl, Jessica (April 2013). "Taylor Swift's Telltale Heart". Vanity Fair. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 30, 2017. สืบค้นเมื่อ January 30, 2017.
- ↑ Chang, Bee-Shyuan (March 15, 2013). "Taylor Swift Gets Some Mud on Her Boots". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 22, 2013. สืบค้นเมื่อ March 22, 2018.
- ↑ Thompson, Lucy (November 8, 2023). "With 'Slut!' Taylor Swift Joins A Long History of Women Fighting Slut-Shaming in Their Writing". The Conversation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 3, 2024. สืบค้นเมื่อ January 20, 2025.
- 1 2 Graff, Gary (October 24, 2014). "Taylor Swift on Haters". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 2, 2023. สืบค้นเมื่อ June 22, 2023.
- ↑ Lambert, Molly (December 5, 2014). "Eye of the Beholder". Grantland. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2025. สืบค้นเมื่อ January 20, 2025.
- ↑ Raab, Scott (November 1, 2014). "Taylor Swift". Esquire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 16, 2015. สืบค้นเมื่อ August 22, 2023.
- ↑ Klosterman, Chuck (October 15, 2015). "Taylor Swift on 'Bad Blood', Kanye West, and How People Interpret Her Lyrics". GQ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2015. สืบค้นเมื่อ October 18, 2015.
- ↑ Talbott, Chris (October 12, 2013). "Taylor Swift Talks Next Album, CMAs and Ed Sheeran". Associated Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 26, 2013. สืบค้นเมื่อ December 7, 2014.
- 1 2 3 4 5 Eells, Josh (September 8, 2014). "Cover Story: The Reinvention of Taylor Swift". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 16, 2018. สืบค้นเมื่อ February 6, 2019.
- 1 2 3 4 5 6 7 Zollo, Paul (February 12, 2015). "The Oral History of Taylor Swift's 1989". The Recording Academy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 4, 2016. สืบค้นเมื่อ February 27, 2019 – โดยทาง Cuepoint.
- 1 2 Eells, Josh (September 16, 2014). "Taylor Swift Reveals Five Things to Expect on 1989". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 16, 2014. สืบค้นเมื่อ September 16, 2014.
- 1 2 3 Zaleski 2024, p. 119.
- 1 2 3 Wilson, Carl (October 29, 2014). "Contemplating Taylor Swift's Navel". Slate. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2020. สืบค้นเมื่อ December 9, 2020.
- 1 2 3 4 Swift, Taylor (2014). 1989 (CD liner notes). Big Machine Records. BMRBD0500A.
- ↑ Perricone, Kathleen (October 20, 2014). "Taylor Swift Gives Details on Recording 'I Know Places' With Ryan Tedder". American Top 40. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 19, 2015. สืบค้นเมื่อ January 19, 2015.
- ↑ Highfill, Samantha (April 23, 2020). "Ryan Tedder Breaks Down His Biggest Hits with Beyoncé, Adele, Taylor Swift, and More". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 24, 2020. สืบค้นเมื่อ April 24, 2020.
- ↑ McNutt 2020, pp. 81–82.
- 1 2 Zaleski 2024, p. 125.
- ↑ Doyle, Tom (January 2018). "Jack Antonoff". Sound on Sound. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 21, 2020. สืบค้นเมื่อ June 21, 2023.
- ↑ Zaleski 2024, pp. 111, 115.
- ↑ Zaleski 2024, p. 111.
- 1 2 3 Wickman, Forrest (October 24, 2014). "Taylor Swift's 1989: A Track-by-Track Breakdown". Slate. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 14, 2019. สืบค้นเมื่อ September 24, 2019.
- 1 2 Zaleski 2024, p. 123.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 Caramanica, Jon (October 26, 2014). "A Farewell to Twang". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 11, 2014. สืบค้นเมื่อ February 4, 2019.
- ↑ McNutt 2020, pp. 73–74.
- ↑ Garibaldi, Christina (May 30, 2014). "Taylor Swift Finally Reveals Details About Her Next Album". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 2, 2014. สืบค้นเมื่อ February 27, 2019.
- ↑ Lee, Christina (June 11, 2014). "Max Martin Produced 'Most Of' Taylor Swift's Next Album". Idolator. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 27, 2019. สืบค้นเมื่อ February 27, 2019.
- ↑ Sisario, Ben (October 22, 2014). "Taylor Swift's 1989 Carries High Hopes". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 30, 2023. สืบค้นเมื่อ June 21, 2023.
- 1 2 Mathieson, Craig (October 31, 2014). "Taylor Swift's New Album 1989 Defies Expectations". The Sydney Morning Herald. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 30, 2020. สืบค้นเมื่อ September 18, 2020.
- 1 2 3 4 Eakin, Marah (October 28, 2014). "With 1989, Taylor Swift Finally Grows Up". The A.V. Club. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 28, 2014. สืบค้นเมื่อ October 28, 2014.
- 1 2 3 4 Aswad, Jem (October 24, 2014). "Album Review: Taylor Swift's Pop Curveball Pays Off With 1989". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 2, 2014. สืบค้นเมื่อ November 5, 2014.
- ↑ Pettifer, Amy (November 27, 2014). "Reviews: Taylor Swift, 1989". The Quietus. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2024. สืบค้นเมื่อ June 21, 2023.
- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 Lambert, Molly (October 27, 2014). "It's Hip to Be Swift". Grantland. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 27, 2024. สืบค้นเมื่อ January 20, 2025.
- 1 2 3 4 5 6 Petridis, Alexis (October 24, 2014). "Taylor Swift: 1989 Review – Leagues Ahead of the Teen-Pop Competition". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 1, 2014. สืบค้นเมื่อ February 4, 2019.
- 1 2 3 4 5 6 Powers, Ann (October 30, 2014). "The Many New Voices of Taylor Swift". NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 26, 2021. สืบค้นเมื่อ January 21, 2025.
- ↑ Graff, Gary (November 1, 2014). "The Beat". Billboard. Vol. 126 no. 36. pp. 31–32. ProQuest 1624968201.
- ↑ Zoladz, Lindsay (October 27, 2014). "Taylor Swift's 1989 Is Her Most Conservative Album Yet". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2020. สืบค้นเมื่อ January 21, 2025.
- ↑ "Taylor Swift: 1989 (Virgin EMI)". The Herald. October 30, 2014. สืบค้นเมื่อ January 21, 2025.
- ↑ Hyden, Steven (March 10, 2021). "Taylor Swift's Indie Act". The New York Times Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 13, 2021. สืบค้นเมื่อ January 21, 2025.
- 1 2 3 Perone 2017, p. 55.
- ↑ Fusilli, Jim (October 28, 2014). "Don't Like Your Image? Just 'Shake It Off'". The Wall Street Journal. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2016. สืบค้นเมื่อ January 20, 2025.
- 1 2 3 4 5 Lansky, Sam (October 23, 2014). "Review: 1989 Marks a Paradigm Swift". Time. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 23, 2014. สืบค้นเมื่อ November 17, 2014.
- ↑ Willman, Chris (December 13, 2022). "Taylor Swift's 50 Best Songs, Ranked". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 8, 2023. สืบค้นเมื่อ May 24, 2023.
- 1 2 Zaleski 2024, p. 110.
- ↑ Perone 2017, p. 60.
- ↑ Perone 2017, pp. 61, 64, 65.
- 1 2 3 Galvin, Annie (October 27, 2014). "Review: Taylor Swift, 1989". Slant Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2019. สืบค้นเมื่อ October 28, 2014.
- 1 2 3 Perone 2017, p. 64.
- 1 2 Horton, Matthew (October 27, 2014). "Taylor Swift – 1989". NME. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2014. สืบค้นเมื่อ February 4, 2019.
- 1 2 Perone 2017, p. 63.
- ↑ Nainby 2024, p. 102.
- 1 2 Perone 2017, p. 58.
- 1 2 3 4 5 Block, Melissa (October 31, 2014). "'Anything That Connects': A Conversation With Taylor Swift" (Audio upload and transcript). NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 6, 2015. สืบค้นเมื่อ January 30, 2015.
- 1 2 3 Empire, Kitty (October 26, 2014). "Taylor Swift: 1989 Review – A Bold, Gossipy Confection". The Observer. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 26, 2014. สืบค้นเมื่อ February 4, 2019.
- ↑ Mansfield, Brian (October 23, 2014). "Taylor Swift Reaches Fans with 'Their Story'". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2023. สืบค้นเมื่อ June 22, 2023.
- ↑ Smith, Grady (October 27, 2014). "Taylor Swift: The Hidden Meaning in 1989's Album Notes – And an Aphex Twin Mashup". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2019. สืบค้นเมื่อ February 9, 2019.
- ↑ Strecker, Erin (October 24, 2014). "Taylor Swift's 13 Best Liner Note Secret Messages – So Far". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 18, 2021. สืบค้นเมื่อ May 18, 2021.
- ↑ James, Emily St. (September 23, 2015). "Ryan Adams's 1989 Didn't Discover Sadness in Taylor Swift's Album. It Was Always There". Vox. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2024. สืบค้นเมื่อ January 25, 2025.
- 1 2 3 4 Beck, Julie (October 27, 2014). "Taylor Swift Is So Much More Fun Now That She's Jaded". The Atlantic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 21, 2025. สืบค้นเมื่อ January 21, 2025.
- ↑ Donella, Leah (September 26, 2018). "Taylor Swift Is The 21st Century's Most Disorienting Pop Star". NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 3, 2020. สืบค้นเมื่อ September 18, 2020.
- ↑ Shuker 2016, p. 84; Sloan 2021, p. 16; Leung 2024, p. 95.
- ↑ Sloan 2021, p. 16.
- 1 2 Perone 2017, p. 57.
- ↑ Zaleski 2024, p. 109.
- ↑ Zaleski 2024, p. 109; Sloan 2021, p. 23.
- ↑ Zaleski 2024, p. 11.
- ↑ Kreps, Daniel (October 19, 2015). "See Ryan Adams, Taylor Swift Discuss 1989, Songwriting". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 7, 2019. สืบค้นเมื่อ February 4, 2019.
- 1 2 Zaleski 2024, p. 112.
- ↑ Zaleski 2024, p. 113.
- ↑ Zaleski 2024, p. 115.
- ↑ Zaleski 2024, p. 116; Perone 2017, p. 61.
- ↑ Zaleski 2024, p. 119; Perone 2017, p. 62.
- ↑ Zaleski 2024, p. 120.
- 1 2 3 Sheffield, Rob (October 24, 2014). "1989". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 21, 2018. สืบค้นเมื่อ August 23, 2017.
- ↑ Paúl, María Luisa (May 6, 2022). "Taylor Swift Releases 'This Love' in Next Move Toward Owning Her Catalogue". The Washington Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 6, 2022. สืบค้นเมื่อ May 6, 2022.
- 1 2 Zaleski 2024, p. 121.
- 1 2 3 4 McCormick, Neil (October 26, 2014). "Taylor Swift, 1989, Review: 'Full of American Fizz'". The Daily Telegraph. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 17, 2018. สืบค้นเมื่อ October 18, 2015.
- ↑ Perone 2017, p. 65; Zaleski 2024, p. 124.
- ↑ Perone 2017, p. 65.
- ↑ Zaleski 2024, p. 124.
- 1 2 3 Erlewine, Stephen Thomas. "1989 – Taylor Swift". AllMusic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2014. สืบค้นเมื่อ December 19, 2019.
- ↑ Baesley, Corey (October 30, 2014). "Taylor Swift: 1989". PopMatters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 1, 2019. สืบค้นเมื่อ February 4, 2019.
- 1 2 Fairclough, Steve (March 29, 2024). "Taylor Swift, 1989 - The Story Behind the Iconic Album Cover". Amateur Photographer. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2025. สืบค้นเมื่อ January 22, 2025.
- ↑ Dickey, Jack (November 13, 2014). "Taylor Swift on 1989, Spotify, Her Next Tour and Female Role Models". Time. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2020. สืบค้นเมื่อ October 11, 2020.
- ↑ Bonanos, Christopher (October 27, 2014). "A Close Examination of Taylor Swift's 1989 Cover". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 15, 2020. สืบค้นเมื่อ October 5, 2020.
- ↑ Siroky, Mary, บ.ก. (October 26, 2022). "Taylor Swift Albums Ranked From Worst To Best". Consequence. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 6, 2023. สืบค้นเมื่อ November 6, 2023.
- 1 2 Williamson, Jason (December 15, 2014). "Beyond 1989: Taylor Swift and Polaroids". The Line of Best Fit. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 8, 2020. สืบค้นเมื่อ October 5, 2020.
- ↑ Rothman, Michael (August 19, 2014). "Taylor Swift Explains Meaning Behind Cover of New Album 1989". ABC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 1, 2020. สืบค้นเมื่อ October 5, 2020.
- ↑ Lynch, Joe (August 7, 2023). "The 100 Best Album Covers of All Time". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 16, 2022. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ Leonard, Devin (November 12, 2014). "Taylor Swift and Big Machine Are The Music Industry". Bloomberg Businessweek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 2, 2015. สืบค้นเมื่อ February 6, 2019.
- ↑ Garibaldi, Christina (October 27, 2014). "Here Are the Secret Messages Hidden in 1989". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2017. สืบค้นเมื่อ October 11, 2020.
- ↑ "Taylor Swift Album Cover Boosts Vintage Polaroid Sales". The New Zealand Herald. August 9, 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 6, 2020. สืบค้นเมื่อ October 5, 2020.
- 1 2 3 Sisario, Ben (November 5, 2014). "Sales of Taylor Swift's 1989 Intensify Streaming Debate". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 11, 2014. สืบค้นเมื่อ February 27, 2019.
- 1 2 3 Christman, Ed; Caulfield, Keith; Gruger, William (November 7, 2014). "The Roadmap to Taylor Swift's Record-Breaking Week in 6 (Not So Easy) Steps". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 10, 2014. สืบค้นเมื่อ February 27, 2019.
- ↑ O'Keeffe, Kevin (August 19, 2014). "Taylor Swift Announces New Album 1989, Premieres New Music Video 'Shake It Off'". Yahoo!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 28, 2020. สืบค้นเมื่อ October 9, 2020.
- 1 2 Lewis, Randy (October 28, 2014). "How Does Taylor Swift Connect with Fans? 'Secret Sessions' and Media Blitzes". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 7, 2019. สืบค้นเมื่อ February 5, 2019.
- ↑ Stutz, Colin (October 16, 2014). "Watch Taylor Swift's 1989 Secret Sessions Behind The Scenes Video". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 10, 2019. สืบค้นเมื่อ February 5, 2019.
- ↑ Hampp, Andrew (September 26, 2014). "Exclusive: Taylor Swift Teams With Subway, Diet Coke For #MeetTaylor Promotion". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 29, 2014. สืบค้นเมื่อ November 29, 2014.
- ↑ Caulfield, Keith (August 18, 2014). "Taylor Swift's 'Shake It Off' Set to Take Off on Hot 100". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 14, 2024. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ Lipshutz, Jason (October 13, 2014). "Taylor Swift Previews 'Out Of The Woods', New Track Out Tuesday: Listen". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 19, 2022. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ Strecker, Erin (October 20, 2014). "Taylor Swift's 'Welcome to New York' Coming Tuesday: Listen to a Preview Now". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 12, 2022. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ Trust, Gary (August 27, 2014). "Taylor Swift's 'Shake It Off' Debuts At No. 1 On Hot 100". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 21, 2014. สืบค้นเมื่อ June 5, 2016.
- ↑ Trust, Gary (August 25, 2014). "Taylor Swift's 'Shake It Off' Makes Record Start at Radio". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 12, 2020. สืบค้นเมื่อ August 26, 2014.
- ↑ Trust, Gary (September 28, 2015). "The Weeknd Holds Atop Hot 100, Taylor Swift Hits Top 10 With 'Wildest Dreams'". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 11, 2024. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ Molanphy, Chris (June 3, 2015). "Why Is Taylor Swift and Kendrick Lamar's 'Bad Blood' No. 1?". Slate. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2015. สืบค้นเมื่อ December 23, 2015.
- ↑ Perone 2017, p. 68.
- 1 2 Nainby 2024, p. 103.
- ↑ Wilkinson 2017, p. 442.
- ↑ Wilkinson 2017, p. 441.
- 1 2 Knopper, Steve (October 21, 2014). "Can Taylor Swift's 1989 Save Ailing Music Industry?". Rolling Stone. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2019. สืบค้นเมื่อ February 27, 2019.
- ↑ Mansfield, Brian (October 23, 2014). "Officially Pop, Taylor Swift Embraces Being Unafraid". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2023. สืบค้นเมื่อ June 22, 2023.
- ↑ Caulfield, Keith (October 27, 2014). "Taylor Swift's 1989 Aiming For 900,000-Plus Sales Debut". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2023. สืบค้นเมื่อ June 22, 2023.
- ↑ Caulfield, Keith (October 28, 2014). "Taylor Swift's 1989 Heading for 1 Million Sales Debut". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2023. สืบค้นเมื่อ June 22, 2023.
- ↑ Caulfield, Keith (October 29, 2014). "Taylor Swift's 1989 Surging Toward 1.2 Million Debut". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2023. สืบค้นเมื่อ June 22, 2023.
- ↑ Caulfield, Keith (November 2, 2014). "Taylor Swift's 1989 Set for Biggest Sales Week Since 2002: 1.3 Million-Plus". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2023. สืบค้นเมื่อ June 22, 2023.
- ↑ Caulfield, Keith (November 4, 2014). "Official: Taylor Swift's 1989 Debuts With 1.287 Million Sold In First Week". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 18, 2014. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ Caulfield, Keith (February 11, 2015). "Taylor Swift's 1989 Spends 11th Week at No. 1 on Billboard 200 Chart". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2018. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ Caulfield, Keith (October 27, 2015). "Taylor Swift's 1989 Only Fifth Album to Spend First Year in Billboard 200's Top 10". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 7, 2024. สืบค้นเมื่อ January 23, 2025.
- ↑ "2019 Nielsen Year-End Report" (PDF). Billboard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ January 11, 2020. สืบค้นเมื่อ January 13, 2020.
- ↑ Schneider, Marc (May 30, 2025). "Taylor Swift Buys Back Her Masters From Shamrock, Reclaiming Her First Six Albums". Billboard. สืบค้นเมื่อ July 17, 2025.
- 1 2 "American album certifications – Taylor Swift – 1989". Recording Industry Association of America. สืบค้นเมื่อ September 30, 2025.
- 1 2 "Australiancharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 1, 2014.
- 1 2 "ARIA Charts – Accreditations – 2023 Albums" (PDF). Australian Recording Industry Association. สืบค้นเมื่อ November 17, 2023.
- 1 2 "Taylor Swift Chart History (Canadian Albums)". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 7, 2017.
- 1 2 "Canadian album certifications – Taylor Swift – 1989". Music Canada. สืบค้นเมื่อ January 30, 2015.
- 1 2 3 "Los Más Vendidos 2015 – Mejor posición" (ภาษาสเปน). Asociación Mexicana de Productores de Fonogramas y Videogramas (AMPROFON). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2016. สืบค้นเมื่อ January 21, 2016.
- 1 2 "Certificaciones" (ภาษาสเปน). Asociación Mexicana de Productores de Fonogramas y Videogramas. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020. Type Taylor Swift in the box under the ARTISTA column heading and 1989 in the box under the TÍTULO column heading.
- 1 2 "Charts.nz – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ October 31, 2014.
- 1 2 "New Zealand album certifications – Taylor Swift – 1989". Radioscope. สืบค้นเมื่อ December 17, 2024. Type 1989 in the "Search:" field.
- 1 2 "Norwegiancharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 7, 2014.
- 1 2 "Norwegian album certifications – Taylor Swift – 1989" (ภาษานอร์เวย์). IFPI Norway. สืบค้นเมื่อ October 29, 2020.
- ↑ Moss, Liv (November 2, 2014). "Taylor Swift Scores Fastest Selling Female Album of the Year So Far". Official Charts Company. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 2, 2014. สืบค้นเมื่อ November 2, 2014.
- 1 2 "British album certifications – Taylor Swift – 1989". British Phonographic Industry. สืบค้นเมื่อ May 10, 2024.
- 1 2 3 4 "Austriancharts.at – Taylor Swift – 1989" (ภาษาเยอรมัน). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 23, 2023.
- 1 2 週間 CDアルバムランキング2014年11月10日付 [Weekly CD Albums Ranking 2014-11-10] (ภาษาญี่ปุ่น). Oricon. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 11, 2014. สืบค้นเมื่อ November 11, 2014.
- 1 2 "Brazil Albums: December 13, 2014". Billboard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 24, 2015. สืบค้นเมื่อ November 24, 2015.
- 1 2 "French album certifications – Taylor Swift – 1989" (ภาษาฝรั่งเศส). Syndicat National de l'Édition Phonographique. September 13, 2019. สืบค้นเมื่อ September 14, 2019.
- 1 2 "Gold-/Platin-Datenbank (Taylor Swift; '1989')" (ภาษาเยอรมัน). Bundesverband Musikindustrie. สืบค้นเมื่อ April 14, 2018.
- 1 2 "Italian album certifications – Taylor Swift – 1989" (ภาษาอิตาลี). Federazione Industria Musicale Italiana. สืบค้นเมื่อ May 23, 2022.
- 1 2 "Japanese album certifications – Taylor Swift – 1989" (ภาษาญี่ปุ่น). Recording Industry Association of Japan. สืบค้นเมื่อ September 18, 2018. Select 2015年03月 on the drop-down menu
- 1 2 "Portuguese album certifications – Taylor Swift – 1989" (PDF) (ภาษาโปรตุเกส). Associação Fonográfica Portuguesa. สืบค้นเมื่อ November 20, 2024.
- 1 2 "The Official Swiss Charts and Music Community: Awards ('1989')". IFPI Switzerland. Hung Medien. สืบค้นเมื่อ April 15, 2024.
- 1 2 3 "Brazilian album certifications – Taylor Swift – 1989" (ภาษาโปรตุเกส). Pro-Música Brasil. สืบค้นเมื่อ September 20, 2024.
- 1 2 "Austrian album certifications – Taylor Swift – 1989" (ภาษาเยอรมัน). IFPI Austria. สืบค้นเมื่อ October 25, 2017.
- 1 2 "Danish album certifications – Taylor Swift – 1989". IFPI Danmark. สืบค้นเมื่อ August 28, 2024.
- 1 2 "OLiS - oficjalna lista wyróżnień" (ภาษาโปแลนด์). Polish Society of the Phonographic Industry. สืบค้นเมื่อ June 19, 2024. Click "TYTUŁ" and enter 1989 in the search box.
- 1 2 "Singapore album certifications". Recording Industry Association Singapore. สืบค้นเมื่อ January 23, 2023.
- 1 2 "Ultratop − Goud en Platina – albums 2022". Ultratop. Hung Medien. สืบค้นเมื่อ August 30, 2022.
- ↑ Oakes, Tara (August 30, 2019). Jones, Gareth (บ.ก.). "Taylor Swift's Lover Album Breaks New Record in China". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 30, 2019. สืบค้นเมื่อ June 22, 2020.
- ↑ "IFPI Digital Music Report 2015" (PDF). International Federation of the Phonographic Industry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ March 10, 2016.
- ↑ "IFPI Global Music Report 2016" (PDF). International Federation of the Phonographic Industry. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ July 30, 2016.
- ↑ Winter, Velvet (November 12, 2022). "Like the Beatles, Madonna and Kylie Minogue Before Her, Taylor Swift Is Masterful at Pivoting". ABC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 13, 2022. สืบค้นเมื่อ November 13, 2022.
- ↑ Lipshutz, Jason; Unterberger, Andrew (March 22, 2023). "Taylor Swift Catalog Rises in Streams Following Eras Tour Kickoff". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2023. สืบค้นเมื่อ November 23, 2023.
- 1 2 "Official IFPI Charts Top-75 Albums Sales Chart" (ภาษากรีก). IFPI Greece. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 21, 2023. สืบค้นเมื่อ June 21, 2023.
- 1 2 3 "Swedishcharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 23, 2023.
- 1 2 "Los discos más vendidos de la semana". Diario de Cultura. Argentine Chamber of Phonograms and Videograms Producers. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 20, 2022. สืบค้นเมื่อ October 20, 2022.
- 1 2 "Rankings (Febrero 2023)" (ภาษาสเปน). Cámara Uruguaya del Disco. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 2, 2023. สืบค้นเมื่อ April 8, 2023.
- 1 2 "Tónlistinn – Plötur – Vika 44 – 2023" [The Music – Albums – Week 44 – 2023] (ภาษาไอซ์แลนด์). Plötutíðindi. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 7, 2023. สืบค้นเมื่อ November 7, 2023.
- 1 2 "Reviews for 1989 by Taylor Swift". Metacritic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 17, 2016. สืบค้นเมื่อ December 23, 2014.
- 1 2 "1989 by Taylor Swift Reviews". AnyDecentMusic?. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 30, 2017. สืบค้นเมื่อ November 2, 2016.
- 1 2 Christgau, Robert (February 6, 2015). "Robert Christgau: Expert Witness". Cuepoint. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 7, 2015. สืบค้นเมื่อ February 6, 2015.
- 1 2 Wood, Mikael (October 27, 2014). "Taylor Swift Smooths Out the Wrinkles on Sleek 1989". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 15, 2014. สืบค้นเมื่อ February 4, 2019.
- 1 2 Jagoda, Vrinda (August 19, 2019). "Taylor Swift: 1989 Album Review". Pitchfork. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 22, 2019. สืบค้นเมื่อ September 14, 2019.
- 1 2 Unterberger, Andrew (October 28, 2014). "Taylor Swift Gets Clean, Hits Reset on New Album 1989". Spin. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 19, 2018. สืบค้นเมื่อ April 5, 2018.
- ↑ Ellis, Lindsay (October 27, 2014). "Taylor Swift's '1989' sounds familiar. Here's why". The Christian Science Monitor. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2024. สืบค้นเมื่อ February 24, 2025.
Last week, “1989” nabbed largely positive reviews from critics
- ↑ McNutt 2020, p. 78; Perone 2017, p. 68.
- ↑ Weber, Lindsey (October 28, 2014). "What Is Everyone Saying About Taylor Swift's 1989?". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 25, 2015. สืบค้นเมื่อ August 12, 2020.
- ↑ Gill, Andy (October 27, 2014). "Taylor Swift, 1989, Album Review: Pop Star Shows Signs of Maturity". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 3, 2024. สืบค้นเมื่อ January 25, 2025.
- 1 2 3 Gardner, Elysa (October 23, 2014). "Swift Parties, and Yearns, Like It's 1989". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2023. สืบค้นเมื่อ January 25, 2025.
- ↑ Kimberlin, Shane (November 3, 2014). "Taylor Swift – 1989 | Album Review". musicOMH. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 5, 2014. สืบค้นเมื่อ February 5, 2019.
- ↑ Weber, Lindsey (October 28, 2014). "What Is Everyone Saying About Taylor Swift's 1989?". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 25, 2015. สืบค้นเมื่อ August 12, 2020.
- ↑ McNutt 2020, p. 79; Sloan 2021, p. 17.
- ↑ Markovitz, Adam (November 11, 2014). "1989". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 15, 2015. สืบค้นเมื่อ November 2, 2018.
- ↑ "AMAs Winners List 2015". Billboard. November 22, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 24, 2015. สืบค้นเมื่อ November 24, 2015.
- ↑ 第29回 日本ゴールドディスク大賞 [The 29th Japan Gold Disc Awards] (ภาษาญี่ปุ่น). Recording Industry Association of Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2015. สืบค้นเมื่อ June 30, 2020.
- ↑ "Die Helene-Fischer-Festspiele haben begonnen". Rundfunk Berlin-Brandenburg (ภาษาเยอรมัน). March 27, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 26, 2016. สืบค้นเมื่อ December 26, 2016.
- ↑ Bliss, Karen (January 27, 2015). "Magic!, Kiesza and Leonard Cohen Lead Juno Awards Nominations". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 30, 2015. สืบค้นเมื่อ January 27, 2015.
- ↑ "Premios 40 Principales 2015". Los 40 Principales (ภาษาสเปน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 13, 2015. สืบค้นเมื่อ October 16, 2015.
- ↑ "iHeartRadio Music Awards 2016: See the Full Winners List". Billboard. เมษายน 3, 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ เมษายน 8, 2016. สืบค้นเมื่อ เมษายน 4, 2016.
- ↑ "Grammy Awards Winners: The Full List". The Guardian. February 15, 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 21, 2016. สืบค้นเมื่อ February 21, 2016.
- ↑ Lynch, Joe (February 19, 2016). "Taylor Swift Joins Elite Club to Win Grammy Album of the Year More Than Once: See the Rest". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 1, 2016. สืบค้นเมื่อ March 1, 2016.
- ↑ "The 10 Best Albums of 2014". Billboard. December 11, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2014. สืบค้นเมื่อ December 24, 2014.
- ↑ "American Songwriter's Top 50 Albums of 2014: Presented by D'Addario". American Songwriter. November 24, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2015. สืบค้นเมื่อ March 10, 2015.
- ↑ "Top 10 Best Albums of 2014". Time. December 2, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2016. สืบค้นเมื่อ January 18, 2016.
- ↑ "Best 50 Albums of 2014". The Daily Telegraph. April 2, 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 9, 2018. สืบค้นเมื่อ April 9, 2018.
- ↑ "The Best Albums Of 2014: The Music's Writers' Poll". The Music. December 16, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 18, 2014. สืบค้นเมื่อ December 18, 2014.
- ↑ Adams, Sean (December 16, 2014). "Drowned In Sound's Favourite Albums of 2014". Drowned in Sound. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 15, 2015. สืบค้นเมื่อ March 15, 2015.
- ↑ "The 50 Best Albums of 2014". Complex. December 18, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2014. สืบค้นเมื่อ December 22, 2014.
- ↑ "50 Best Albums of 2014". Rolling Stone. December 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 28, 2015. สืบค้นเมื่อ February 28, 2015.
- ↑ "The Best Albums of 2014". The Guardian. November 26, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 12, 2014. สืบค้นเมื่อ September 26, 2020.
- ↑ "The 20 Best Albums of 2014". The A.V. Club. December 8, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2015. สืบค้นเมื่อ March 2, 2015.
- ↑ "The Best Albums of 2014". PopMatters. December 22, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 24, 2015. สืบค้นเมื่อ April 24, 2015.
- ↑ "The 50 Best Albums of 2014". Pitchfork. December 17, 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2016. สืบค้นเมื่อ January 18, 2016.
- ↑ Hubbard, Michael (December 6, 2014). "Top 100 Albums Of 2014". MusicOMH. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2015. สืบค้นเมื่อ March 30, 2015.
- ↑ "The Village Voice's 42nd Pazz & Jop Music Critics Poll". The Village Voice. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2015. สืบค้นเมื่อ January 24, 2015.
- ↑ Caramanica, Jon (December 11, 2014). "Jon Caramanica's Top 10 Albums of 2014". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 19, 2015. สืบค้นเมื่อ April 19, 2015.
- ↑ Tucker, Ken (December 16, 2014). "Ken Tucker's Top 9 Albums Of 2014, Plus A Book". NPR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2015. สืบค้นเมื่อ March 10, 2015.
- ↑ Mansfield, Brian (December 18, 2014). "Brian Mansfield's Top 5 Albums of 2014". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 6, 2023. สืบค้นเมื่อ February 6, 2023.
- ↑ "Ultratop.be – Taylor Swift – 1989" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 7, 2014.
- ↑ "Ultratop.be – Taylor Swift – 1989" (ภาษาฝรั่งเศส). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 7, 2014.
- ↑ "TOP 40 STRANIH – TJEDAN 5. 2015". Hrvatska Diskografska Udruga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 25, 2016. สืบค้นเมื่อ March 29, 2022.
- ↑ "Czech Albums – Top 100". ČNS IFPI. Note: On the chart page, select 44.Týden 2014 on the field besides the words "CZ – ALBUMS – TOP 100" to retrieve the correct chart. สืบค้นเมื่อ November 4, 2014.
- ↑ "Danishcharts.dk – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 7, 2014.
- ↑ "Dutchcharts.nl – Taylor Swift – 1989" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ October 31, 2014.
- ↑ "Taylor Swift: 1989" (ภาษาฟินแลนด์). Musiikkituottajat – IFPI Finland. สืบค้นเมื่อ October 31, 2014.
- ↑ "Lescharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 5, 2014.
- ↑ "Longplay-Chartverfolgung at Musicline" (ภาษาเยอรมัน). Musicline.de. Phononet GmbH. สืบค้นเมื่อ November 4, 2014.
- ↑ "Official IFPI Charts Top-75 Albums Sales Chart" (ภาษากรีก). IFPI Greece. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 24, 2014. สืบค้นเมื่อ December 8, 2014.
- ↑ "Album Top 40 slágerlista – 2014. 44. hét" (ภาษาฮังการี). MAHASZ. สืบค้นเมื่อ November 6, 2014.
- ↑ "Top 100 Artist Album, Week Ending 6 November 2014". GfK Chart-Track. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 20, 2016. สืบค้นเมื่อ August 6, 2022.
- ↑ "Italiancharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ October 31, 2014.
- ↑ "Oficjalna lista sprzedaży :: OLiS - Official Retail Sales Chart". OLiS. Polish Society of the Phonographic Industry. สืบค้นเมื่อ February 22, 2015.
- ↑ "Portuguesecharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 9, 2014.
- ↑ "Official Scottish Albums Chart Top 100". Official Charts Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 21, 2018. สืบค้นเมื่อ March 21, 2018.
- ↑ "South African Top 20 Albums Chart". RSG (Recording Industry of South Africa). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 27, 2014. สืบค้นเมื่อ November 27, 2014.
- ↑ "South Korea Circle Album Chart". On the page, select "2014.10.26~2014.11.01" to obtain the corresponding chart. Circle Chart สืบค้นเมื่อ November 6, 2014.
- ↑ "South Korea Circle International Album Chart". On the page, select "2014.10.26~2014.11.01" to obtain the corresponding chart. Circle Chart สืบค้นเมื่อ November 6, 2014.
- ↑ "Spanishcharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 4, 2014.
- 1 2 "Swisscharts.com – Taylor Swift – 1989". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ November 5, 2014.
- ↑ "Official Albums Chart Top 100". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ February 28, 2019.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Billboard 200)". Billboard. สืบค้นเมื่อ November 2, 2014.
- ↑ "Combined albums chart for the Week 48, 2017 – Ending November 30, 2017" (ภาษาอังกฤษ). Skaties.lv. December 11, 2017. สืบค้นเมื่อ April 8, 2025.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Independent Albums)". Billboard. สืบค้นเมื่อ April 6, 2022.
- ↑ "Los discos más vendidos del 2014 en Argentina" (ภาษาสเปน). ARG Noticias. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 2, 2015. สืบค้นเมื่อ December 30, 2014.
{{cite web}}: CS1 maint: unfit URL (ลิงก์) - ↑ "End of Year Charts – ARIA Top 100 Albums 2014". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 7, 2015. สืบค้นเมื่อ January 6, 2015.
- ↑ "ultratop.be – Jaaroverzichten 2014" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 12, 2018. สืบค้นเมื่อ December 27, 2014.
- ↑ "Rapports Annuels 2014" (ภาษาฝรั่งเศส). Hung Medien. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2018. สืบค้นเมื่อ December 27, 2014.
- ↑ "2014 Year End Charts – Top Canadian Albums". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 12, 2014. สืบค้นเมื่อ December 10, 2014.
- ↑ "Jaaroverzichten – Album 2014". dutchcharts.nl. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2020. สืบค้นเมื่อ June 29, 2020.
- ↑ "Le Top de l'année : Top Albums Fusionnés" (ภาษาฝรั่งเศส). Syndicat National de l'Édition Phonographique. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 14, 2015. สืบค้นเมื่อ February 14, 2015.
- ↑ "Top 100 Album-Jahrescharts" (ภาษาเยอรมัน). GfK Entertainment charts. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 13, 2018. สืบค้นเมื่อ August 10, 2015.
- ↑ "IRMA Best of Albums 2014". Irish Recorded Music Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 3, 2019. สืบค้นเมื่อ February 25, 2016.
- ↑ 2014年 年間音楽&映像ランキング発表 [2014 Year-End Music and DVD Ranking Chart] (ภาษาญี่ปุ่น). Oricon. December 20, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 12, 2018. สืบค้นเมื่อ July 12, 2018.
- ↑ "Los Más Vendidos 2014" (ภาษาสเปน). Asociación Mexicana de Productores de Fonogramas y Videogramas. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ February 15, 2015. สืบค้นเมื่อ February 13, 2015.
- ↑ "Top Selling Albums of 2014". Recorded Music NZ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 20, 2014. สืบค้นเมื่อ December 20, 2014.
- ↑ "2014 Albums Chart" (ภาษาเกาหลี). Gaon Music Chart. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 12, 2020. สืบค้นเมื่อ October 29, 2020.
- ↑ "Schweizer Jahreshitparade 2014". Schweizer Hitparade. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2020. สืบค้นเมื่อ June 29, 2020.
- ↑ Moss, Liv (January 1, 2015). "The Official Top 40 Biggest Selling Artist Albums of 2014". Official Charts Company. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2015. สืบค้นเมื่อ January 1, 2015.
- ↑ "Top 200 Albums Chart Year End 2014". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 18, 2018. สืบค้นเมื่อ January 7, 2015.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums 2015". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 16, 2018. สืบค้นเมื่อ February 7, 2019.
- ↑ "Ö3 Austria Top 40 – Album Charts 2015" (ภาษาเยอรมัน). Ö3 Austria Top 40. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 4, 2016. สืบค้นเมื่อ January 4, 2016.
- ↑ "Jaaroverzichten 2015". Ultratop. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 14, 2020. สืบค้นเมื่อ June 29, 2020.
- ↑ "Rapports Annuels 2015". Ultratop. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 14, 2020. สืบค้นเมื่อ June 29, 2020.
- ↑ "Top Canadian Albums: Year End 2015". Billboard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 18, 2018. สืบค้นเมื่อ September 18, 2018.
- ↑ "Top 50 strana 2015" (ภาษาโครเอเชีย). CMC.com.hr. December 30, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2016. สืบค้นเมื่อ March 29, 2022.
- ↑ "Jaaroverzichten – Album 2015" (ภาษาดัตช์). Dutch Charts. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2018. สืบค้นเมื่อ September 18, 2018.
- ↑ "Top Albums annuel (physique + téléchargement + streaming)". SNEP (ภาษาฝรั่งเศส). Syndicat National de l'Édition Phonographique. February 22, 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 12, 2018. สืบค้นเมื่อ September 18, 2018.
- ↑ "Top 100 Album-Jahrescharts" (ภาษาเยอรมัน). GfK Entertainment charts. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 30, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Összesített album- és válogatáslemez-lista — helyezés alapján – 2015" (ภาษาฮังการี). MAHASZ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 21, 2021. สืบค้นเมื่อ March 29, 2022.
- ↑ "IRMA Best of Albums 2015". Irish Recorded Music Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 19, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Hot Albums 2015 Year End". Billboard Japan (ภาษาญี่ปุ่น). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 5, 2016. สืบค้นเมื่อ August 6, 2018.
- ↑ 2015年 年間音楽&映像ランキング発表 [2015 Year-End Music and DVD Ranking Chart] (ภาษาญี่ปุ่น). Oricon. December 23, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 12, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Top Selling Albums of 2015". Recorded Music NZ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 19, 2016. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "2015 Albums Chart" (ภาษาเกาหลี). Gaon Music Chart. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 22, 2020. สืบค้นเมื่อ October 29, 2020.
- ↑ "Top 100 Albumes 2015" (PDF) (ภาษาสเปน). Productores de Música de España. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2016. สืบค้นเมื่อ May 5, 2019.
- ↑ "Schweizer Jahreshitparade 2015" (ภาษาเยอรมัน). Schweizer Hitparade. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 16, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ Copsey, Rob (January 5, 2016). "The Official Top 40 Biggest Artist Albums of 2015 revealed". Official Charts Company. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 5, 2019. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Top Billboard 200 Albums: Year End 2015". Billboard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 18, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums 2016". Australian Recording Industry Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 6, 2017. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Jaaroverzichten 2016 Albums" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 21, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "2016 Year End Charts – Top Canadian Albums". Billboard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Hot Albums 2016" (ภาษาญี่ปุ่น). Billboard Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2021. สืบค้นเมื่อ March 29, 2022.
- ↑ "Top Selling Albums of 2016". Recorded Music NZ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 29, 2016. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "2016 Album Chart" (ภาษาเกาหลี). Gaon Music Chart. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 9, 2021. สืบค้นเมื่อ October 8, 2021.
- ↑ "End of Year Albums Chart Top 100 – 2016". Official Charts Company. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 1, 2017. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Top Billboard 200 Albums: Year End 2016". Billboard. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 11, 2016. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "ARIA End of Year Albums 2017". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 6, 2018. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "Årslisten 2017" (ภาษานอร์เวย์). IFPI Norge. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2018. สืบค้นเมื่อ April 17, 2022.
- ↑ "2017 Album Chart" (ภาษาเกาหลี). Gaon Music Chart. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 8, 2021. สืบค้นเมื่อ October 8, 2021.
- ↑ "Top Billboard 200 Albums – Year-End 2017". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2017. สืบค้นเมื่อ December 30, 2018.
- ↑ "ARIA End of Year Albums 2018". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2019. สืบค้นเมื่อ January 10, 2019.
- ↑ "Billboard 200 Albums – Year-End 2018". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 4, 2018. สืบค้นเมื่อ December 5, 2018.
- ↑ "ARIA End of Year Albums Chart 2019". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 15, 2020. สืบค้นเมื่อ January 10, 2020.
- ↑ "Billboard 200 Albums – Year-End 2019". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 5, 2019. สืบค้นเมื่อ December 7, 2019.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums for 2020". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 14, 2021. สืบค้นเมื่อ January 15, 2021.
- ↑ "Jaaroverzichten 2020". Ultratop. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2020. สืบค้นเมื่อ December 18, 2020.
- ↑ "End of Year Album Chart Top 100 – 2020". Official Charts Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 7, 2021. สืบค้นเมื่อ January 5, 2021.
- ↑ "Billboard 200 Albums – Year-End 2020". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 3, 2020. สืบค้นเมื่อ December 3, 2020.
- ↑ "Independent Albums – Year-End 2020". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 3, 2020. สืบค้นเมื่อ December 4, 2020.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums for 2021". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 12, 2022. สืบค้นเมื่อ January 13, 2022.
- ↑ "Jaaroverzichten 2021". Ultratop. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 4, 2022. สืบค้นเมื่อ January 4, 2022.
- ↑ Griffiths, George (January 9, 2022). "Ireland's official biggest albums of 2021". Official Charts Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 9, 2022. สืบค้นเมื่อ January 9, 2022.
- ↑ "End of Year Album Chart Top 100 – 2021". Official Charts Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 21, 2022. สืบค้นเมื่อ January 5, 2022.
- ↑ "Billboard 200 Albums – Year-End 2021". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 3, 2021. สืบค้นเมื่อ December 3, 2021.
- ↑ "Independent Albums – Year-End 2021". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 2, 2021. สืบค้นเมื่อ December 3, 2021.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums Chart for 2022". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 4, 2023. สืบค้นเมื่อ January 4, 2023.
- ↑ "Ö3 Austria Top40 Jahrescharts 2022" (ภาษาเยอรมัน). Ö3 Austria Top 40. November 8, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2023. สืบค้นเมื่อ January 2, 2023.
- ↑ "Jaaroverzichten 2022". Ultratop. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 13, 2023. สืบค้นเมื่อ January 13, 2023.
- ↑ "Top Canadian Albums – Year-End 2022". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 2, 2022. สืบค้นเมื่อ December 2, 2022.
- ↑ "Album Top-100 2022". Hitlisten. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 2, 2023. สืบค้นเมื่อ February 1, 2023.
- ↑ "Jaaroverzichten – Album 2022". dutchcharts.nl (ภาษาดัตช์). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 3, 2023. สืบค้นเมื่อ January 4, 2023.
- ↑ "End of Year Album Chart Top 100 – 2022". Official Charts Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 11, 2023. สืบค้นเมื่อ January 4, 2023.
- ↑ "Billboard 200 Albums – Year-End 2022". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 2, 2022. สืบค้นเมื่อ December 2, 2022.
- ↑ "Independent Albums – Year-End 2022". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 1, 2022. สืบค้นเมื่อ June 21, 2023.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums Chart for 2023". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 12, 2024. สืบค้นเมื่อ January 12, 2024.
- ↑ "Ö3 Austria Top40 Jahrescharts 2023" (ภาษาเยอรมัน). Ö3 Austria Top 40. November 8, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 28, 2023. สืบค้นเมื่อ December 28, 2023.
- ↑ "Jaaroverzichten 2023" (ภาษาดัตช์). Ultratop. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 7, 2024. สืบค้นเมื่อ January 7, 2024.
- ↑ "Rapports annuels 2023" (ภาษาฝรั่งเศส). Ultratop. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 7, 2024. สืบค้นเมื่อ January 7, 2024.
- ↑ "Top Canadian Albums – Year-End 2023". Billboard. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 21, 2023. สืบค้นเมื่อ November 22, 2023.
- ↑ "Album Top-100 2023". Hitlisten. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 11, 2024. สืบค้นเมื่อ January 13, 2024.
- ↑ "Jaaroverzichten – Album 2023". dutchcharts.nl (ภาษาดัตช์). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2024. สืบค้นเมื่อ January 3, 2024.
- ↑ "Jahrescharts 2023 Album" (ภาษาเยอรมัน). GfK Entertainment charts. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 10, 2023. สืบค้นเมื่อ December 10, 2023.
- ↑ "Album Top 100 - digitális és fizikai értékesítés alapján - 2023" (ภาษาฮังการี). MAHASZ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 25, 2024. สืบค้นเมื่อ January 25, 2024.
- ↑ "TÓNLISTINN – PLÖTUR – 2023" (ภาษาไอซ์แลนด์). Plötutíðindi. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 8, 2024. สืบค้นเมื่อ March 8, 2024.
- ↑ "Top Selling Albums of 2023". Recorded Music NZ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 21, 2023. สืบค้นเมื่อ December 22, 2023.
- ↑ "Top 100 Álbuns (TOP 100 A) - Semanas 01 a 52 de 2023 – De 30/12/2022 a 28/12/2023" (PDF). Audiogest (ภาษาโปรตุเกส). p. 2. สืบค้นเมื่อ January 29, 2025.
- ↑ "Årslista Album, 2023". Sverigetopplistan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 18, 2024. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
- ↑ "Schweizer Jahreshitparade 2023". hitparade.ch. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2023. สืบค้นเมื่อ December 31, 2023.
- ↑ "End of Year Albums Chart – 2023". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ January 3, 2024.
- ↑ "Billboard 200 Albums – Year-End 2023". Billboard. สืบค้นเมื่อ November 22, 2023.
- ↑ "Independent Albums – Year-End 2023". Billboard. สืบค้นเมื่อ November 22, 2023.
- ↑ "ARIA Top 100 Albums Chart for 2024". Australian Recording Industry Association. สืบค้นเมื่อ January 13, 2025.
- ↑ "Jaaroverzichten 2024" (ภาษาดัตช์). Ultratop. สืบค้นเมื่อ January 1, 2025.
- ↑ "Top 200 Álbuns fusão YTD - Semanas 01 a 52 de 2024 – De 29/12/2023 a 26/12/2024" (PDF). Audiogest (ภาษาโปรตุเกส). p. 3. สืบค้นเมื่อ January 29, 2025.
- ↑ "Schweizer Jahreshitparade 2024" (ภาษาเยอรมัน). Schweizer Hitparade. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 29, 2024. สืบค้นเมื่อ December 30, 2024.
- ↑ "End of Year Albums Chart – 2024". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ January 1, 2025.
- ↑ "Billboard 200 Albums – Year-End 2024". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 19, 2024.
- ↑ "Independent Albums – Year-End 2024". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 21, 2024.
- ↑ "ARIA End of Decade Albums Chart". Australian Recording Industry Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 11, 2020. สืบค้นเมื่อ January 15, 2020.
- 1 2 "Nielsen 2019 Year End Report Canada" (PDF). Billboard. p. 41. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ April 2, 2020. สืบค้นเมื่อ June 30, 2020.
- ↑ Copsey, Rob (December 11, 2019). "The UK's Official Top 100 biggest albums of the decade". Official Charts Company. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 11, 2019. สืบค้นเมื่อ December 12, 2019.
- ↑ "Decade-End Charts: Billboard 200". Billboard. October 31, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 20, 2020. สืบค้นเมื่อ November 15, 2019.
- ↑ "Ireland's Top 50 Biggest Female Artist Albums". Official Charts Company. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 6, 2019. สืบค้นเมื่อ March 6, 2019.
- ↑ "Greatest of All Time Billboard 200 Albums : Page 1". Billboard. November 12, 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 1, 2016. สืบค้นเมื่อ May 13, 2020.
- ↑ Caulfield, Keith (November 12, 2015). "Greatest Billboard 200 Albums & Artists of All Time: Adele's 21 & The Beatles Are Tops". Billboard. สืบค้นเมื่อ June 16, 2023.
- ↑ "Greatest of All Time Billboard 200 Albums By Women". Billboard. November 30, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 1, 2018. สืบค้นเมื่อ July 13, 2020.
- ↑ Trust, Gary (November 30, 2017). "Madonna, Barbra Streisand, Adele & LeAnn Rimes Are Hot 100 & Billboard 200's Leading Ladies". Billboard. สืบค้นเมื่อ June 16, 2023.
- ↑ "Dutch album certifications – Taylor Swift – 1989" (ภาษาดัตช์). Nederlandse Vereniging van Producenten en Importeurs van beeld- en geluidsdragers. สืบค้นเมื่อ July 31, 2018. Enter 1989 in the "Artiest of titel" box. Select 2015 in the drop-down menu saying "Alle jaargangen".
- ↑ "Spanish album certifications – Taylor Swift – 1989". El portal de Música. Productores de Música de España. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.
- ↑ "Veckolista Album, vecka 46, 2017 | Sverigetopplistan" (ภาษาสวีเดน). Sverigetopplistan. สืบค้นเมื่อ June 13, 2020. Scroll to position 50 to view certification.
- ↑ Caulfield, Keith (January 18, 2024). "Taylor Swift's 1989 (Taylor's Version) Surpasses 2 Million in U.S. Sales". Billboard. สืบค้นเมื่อ January 19, 2024.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- อัลบั้มเพลงในปี พ.ศ. 2557
- อัลบั้มเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟต์
- อัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษ
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยแจ็ก แอนโตนอฟฟ์
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยเทย์เลอร์ สวิฟต์
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยแมกซ์ มาร์ติน
- รางวัลแกรมมี สาขาอัลบั้มแห่งปี
- อัลบั้มเพลงแนวซินท์ป็อปโดยศิลปินชาวอเมริกัน
- รางวัลแกรมมี สาขาอัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยเชลล์แบ็ก
- อัลบั้มเพลงที่ผลิตโดยไรอัน เท็ดเดอร์
- อัลบั้มเพลงของค่ายบิกมะชีนเร็กเคิดส์

