ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี"
Phaisit16207 (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Phaisit16207 (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 91: | บรรทัด 91: | ||
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คนั้นได้ปกครองประเทศในฐานะ[[รายพระนามจักรพรรดิแห่งออสเตรีย|จักรพรรดิแห่งออสเตรีย]] ''' (Emperor of Austria) ''' และ[[ราชอาณาจักรฮังการี]]ในฐานะ[[รายพระนามกษัตริย์แห่งฮังการี|กษัตริย์แห่งฮังการี]] ''' (Apostolic King of Hungary) ''' ผู้ทรงเปรียบเสมือนเบื้องขวาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากนั้นยังได้ปกครองทั่วทั้งทางตะวันตกและทางเหนือ รวมทั้งครึ่งหนึ่งของ[[ทวีปยุโรป]]เลยทีเดียว โดยทุกประเทศที่อยู่ภายใต้จักรวรรดินี้ มีรัฐบาลเป็นของตนเอง มิได้มีรัฐบาลและศูนย์กลางทางการเมืองหรือรัฐบาลที่ประเทศเดียว เมืองหลวงของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีนั้น มีอยู่ 2 เมืองด้วยกันคือ [[กรุงเวียนนา]] ที่[[ประเทศออสเตรีย]] และ[[กรุงบูดาเปสต์]]ที่[[ประเทศฮังการี]] จักรวรรดินี้มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก[[จักรวรรดิรัสเซีย]] และเป็นอาณาจักรที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 3 รองจากจักรวรรดิรัสเซียและ[[จักรวรรดิเยอรมัน]] ซึ่งปัจจุบันนี้ พื้นที่ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดินั้นมีประชากรรวมทั้งหมดถึง 73 ล้านคน |
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คนั้นได้ปกครองประเทศในฐานะ[[รายพระนามจักรพรรดิแห่งออสเตรีย|จักรพรรดิแห่งออสเตรีย]] ''' (Emperor of Austria) ''' และ[[ราชอาณาจักรฮังการี]]ในฐานะ[[รายพระนามกษัตริย์แห่งฮังการี|กษัตริย์แห่งฮังการี]] ''' (Apostolic King of Hungary) ''' ผู้ทรงเปรียบเสมือนเบื้องขวาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากนั้นยังได้ปกครองทั่วทั้งทางตะวันตกและทางเหนือ รวมทั้งครึ่งหนึ่งของ[[ทวีปยุโรป]]เลยทีเดียว โดยทุกประเทศที่อยู่ภายใต้จักรวรรดินี้ มีรัฐบาลเป็นของตนเอง มิได้มีรัฐบาลและศูนย์กลางทางการเมืองหรือรัฐบาลที่ประเทศเดียว เมืองหลวงของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีนั้น มีอยู่ 2 เมืองด้วยกันคือ [[กรุงเวียนนา]] ที่[[ประเทศออสเตรีย]] และ[[กรุงบูดาเปสต์]]ที่[[ประเทศฮังการี]] จักรวรรดินี้มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก[[จักรวรรดิรัสเซีย]] และเป็นอาณาจักรที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 3 รองจากจักรวรรดิรัสเซียและ[[จักรวรรดิเยอรมัน]] ซึ่งปัจจุบันนี้ พื้นที่ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดินั้นมีประชากรรวมทั้งหมดถึง 73 ล้านคน |
||
== ชื่อและศัพทบัญญัติ == |
|||
[[File:5 corona Franz Joseph 1908.png|thumb|left|250px| [[Silver coin|เหรียญเงิน]]: ราคา 5 โคโรนา ใน ค.ศ. 1908 ประกอบไปด้วยพระบรมรูปปั้นครึ่งพระองค์ของจักรพรรดิฟรันซ์ โยเซ็ฟที่ 1 ทรงหันพระพักตร์ไปทางขวา ล้อมรอบด้วยคำจารึกว่า "ด้วยอำนาจแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ฟรันซ์ โยเซ็ฟที่ 1 จักรพรรดิแห่งออสเตรีย พระมหากษัตริย์แห่งโบฮีเมีย กาลิเซีย อิลลีเรีย และอื่น ๆ และสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งฮังการี" ({{lang|la|Franciscus Iosephus I, Dei gratia, imperator Austriae, rex Bohemiae, Galiciae, Illyriae et cetera et apostolicus rex Hungariae}})]] |
|||
[[ไฟล์:Pietzner, Carl (1853-1927) - Emperor Franz Josef I - ca 1885.jpg|thumb|right|[[จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย|ฟรันซ์ โยเซฟที่ 1]]]] |
|||
ชื่ออย่างเป็นทางการของราชาธิปไตยออสเตรีย–ฮังการีในภาษาเยอรมัน ('''{{lang|de|Österreichisch-Ungarische Monarchie}}''') และในภาษาฮังการี ('''{{lang|hu|Osztrák–Magyar Monarchia}}''') ล้วนแปลได้ว่า '''ราชาธิปไตยออสเตรีย-ฮังการี'''<ref>Manuscript of Franz Joseph I. – Stephan Vajda, Felix Austria. Eine Geschichte Österreichs, Ueberreuter 1980, Vienna, {{ISBN|3-8000-3168-X}}, in German</ref> ถึงแม้ว่าชื่อที่นิยมใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะใช้คำว่า ''ออสเตรีย–ฮังการี'' ก็ตาม ({{lang-de|Österreich-Ungarn}}; {{lang-hu|Ausztria-Magyarország}}) ออสเตรียเองก็ยังได้ใช้คำว่า ''คา. อู. คา. โมนาร์ชี'' ({{lang|de|k. u. k. Monarchie}})<ref>Eva Philippoff: ''Die Doppelmonarchie Österreich-Ungarn. Ein politisches Lesebuch (1867–1918)'', Presses Univ. Septentrion, 2002, Villeneuve d’Ascq, {{ISBN|2-85939-739-6}} ({{Google book|id=iJNlObrtF_cC|title=online|page=60}})</ref> (ความหมายเต็มในภาษา{{lang-de|Kaiserliche und königliche Monarchie Österreich-Ungarn}}; {{lang-hu|Császári és Királyi Osztrák–Magyar Monarchia}})<ref>{{Cite book|url=https://books.google.com/books?id=mfjijA5t9bUC&pg=PA485|archive-url=https://web.archive.org/web/20190327222938/https://books.google.de/books?id=mfjijA5t9bUC&pg=PA485|url-status=dead|title=Deutsche Verfassungsgeschichte|first=Michael|last=Kotulla|date=17 August 2008|archive-date=27 March 2019|publisher=Springer Berlin Heidelberg|isbn = 978-3-540-48707-4|via=Google Books}}</ref> และ ''ราชาธิปไตยโดเนา'' ({{lang-de|Donaumonarchie}}; {{lang-hu|Dunai Monarchia}}) หรือ ''ราชาธิปไตยคู่'' ({{lang-de|Doppel-Monarchie}}; {{lang-hu|Dual-Monarchia}}) และ ''นกอินทรีสองหัว'' ({{lang-de|Der Doppel-Adler}}; {{lang-hu|Kétsas}}) แต่คำเหล่านี้ก็ไม่ได้แพร่หลายทั้งในฮังการีและที่อื่นมากนัก |
|||
ชื่ออย่างเป็นทางการของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งรวมๆแล้วหมายถึงอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ภายใต้สภาอิมพีเรียลและ[[มงกุฎฮังการีอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเซนต์สตีเฟน]] |
|||
โดยชื่ออย่างเต็มในการบริหารภายในของราชาธิปไตยคือ '''เหล่าราชอาณาจักรและดินแดนอันมีผู้แทนใน[[ราชสภา (ออสเตรีย)|ราชสภา]]และ[[ดินแดนแห่งมงกุฎนักบุญอิชต์วาน|ดินแดนแห่งมงกุฎฮังการีอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนักบุญอิชต์วาน]]''' |
|||
ชื่อของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีในแต่ละภาษา ดังนี้: |
|||
* [[ภาษาเยอรมัน]]: |
* [[ภาษาเยอรมัน|เยอรมัน]]: {{lang|de|Die im Reichsrat vertretenen Königreiche und Länder und die Länder der Heiligen Ungarischen Stephanskrone}} |
||
* [[ภาษาฮังการี]]: |
* [[ภาษาฮังการี|ฮังการี]]: {{lang|hu|A Birodalmi Tanácsban képviselt királyságok és országok és a Magyar Szent Korona országai}} |
||
* [[ภาษาเช็ก]]: Rakousko-Uhersko |
|||
นับตั้งแต่ ค.ศ. 1867 เป็นต้นไป ชื่อย่อของหน่วยงานทางการของออสเตรีย–ฮังการีก็ได้สะท้อนถึงภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้: |
|||
* [[ภาษาอิตาลี]]: Austria-Ungheria |
|||
* ''คา. อู. คา'' ({{lang|de|k. u. k.}}; ''{{lang|de|kaiserlich und königlich}}'' หรือ [[Imperial and Royal|จักรวรรดิและราชอาณาจักร]]) เป็นคำนิยามสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในทั้งสองส่วนของราชาธิปไตย เช่น ''คา. อู. คา. ครีคส์มารีเนอ'' (''{{lang|de|k.u.k. Kriegsmarine}}''; ทัพเรือศึกจักรวรรดิและราชอาณาจักร) และ ''คา. อู. คา. อาร์เม'' ({{lang|de|k.u.k. Armee}}; กองทัพจักรวรรดิและราชอาณาจักร) ภายในช่วงสงคราม กองทัพออสเตรีย–ฮังการีได้เปลี่ยนคำนิยามจาก ''คา. คา.'' เป็น ''คา. อู. คา.'' ซึ่งเป็นการเปลี่ยนคำนิยามตามคำร้องขอของรัฐบาลฮังการีใน ค.ศ. 1889 |
|||
* [[ภาษาโปแลนด์]]: Austro-Węgry |
|||
* ''คา. คา.'' (''{{lang|de|K. k.}}''; ''{{lang|de|kaiserlich-königlich}}'') หรือ [[Imperial-Royal|จักรวรรดิ–ราชอาณาจักร]] เป็นคำศัพท์สำหรับหน่วยงานที่อยู่ภายในดินแดน[[ซิสไลทาเนีย]] (ออสเตรีย) ส่วนคำว่า "ราชอาณาจักร" ที่อยู่ในคำนิยามอาจหมายถึง[[ดินแดนแห่งราชบัลลังก์โบฮีเมีย|ราชบัลลังก์โบฮีเมีย]] |
|||
* [[ภาษาบอสเนีย]]: Austro-Ugarska |
|||
* ''คา. อู.'' (''{{lang|de|K. u.}}''; ''{{lang|de|königlich-ungarisch}}'') หรือ ''แอ็ม. กา.'' (''{{lang|de|M. k.}}''; ''{{lang|de|Magyar királyi}}'') ("ฮังการีหลวง") หมายถึงดินแดน[[ทรานไลทาเนีย]] หรือ ดินแดนแห่งพระมงกุฎฮังการี ในขณะที่หน่วยงานอิสระที่อยู่ภายใน[[ราชอาณาจักรโครเอเชียและสลาวอเนีย]] ก็ได้ใช้คำว่า ''เก'' (ย่อมาจาก ''{{lang|de|kraljevski}}''; ราชอาณาจักร) ตาม[[Croatian–Hungarian Settlement|ข้อตกลงโครเอเชีย–ฮังการี]] [[ภาษาโครเอเชีย]]ถือเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียวภายในโครเอเชียและสลาวอเนีย และหน่วยงานเหล่านั้นก็ใช้ภาษาโครเอเชีย "เพียงภาษาเดียวเท่านั้น" |
|||
* [[ภาษาโรมาเนีย]]: Austro-Ungaria |
|||
{{anchor|Names}} |
|||
* [[ภาษาสโลวัก]]: Rakúsko-Uhorsko |
|||
ใน ค.ศ. 1868 หลังจากที่[[จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟที่ 1 แห่งออสเตรีย|จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟที่ 1]] ทรงตัดสินพระทัยแล้ว ราชาธิปไตยก็ได้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า '''ราชาธิปไตยออสเตรีย–ฮังการี''' ({{lang-de|Österreichisch-Ungarische Monarchie/Reich}}; {{lang-hu|Osztrák–Magyar Monarchia/Birodalom}}) |
|||
* [[ภาษาสโลวีเนีย]]: Avstro-Ogrska |
|||
หากมีการใช้คำในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ชื่อของออสเตรีย–ฮังการีมักจะใช้คำในรูปแบบโดยย่อว่า '''ราชาธิปไตยคู่''' หรือเรียกโดยอย่างง่ายว่า '''ออสเตรีย'''<ref name=eb9>{{cite EB9|last=Kay|first=David|wstitle=Austria|volume=3|pages=116–141}}</ref> |
|||
* [[ภาษาเซอร์เบีย]]: Aустро-Угарска, Austro-Ugarska |
|||
* [[ภาษาโครเอเชีย]]: Austro-Ugarska |
|||
* [[ภาษายูเครน]]: Австро-Угорщина |
|||
* [[ภาษารูซึน]]: Австро-Магярщина |
|||
== การก่อตั้งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี == |
== การก่อตั้งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:21, 30 พฤษภาคม 2565
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี[a] รู้จักกันในนาม ออสเตรีย-ฮังการี (อังกฤษ: Austria-Hungary) เป็นรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นมหาอำนาจในยุโรปกลาง[b] ที่ดำรงอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1867 ถึง ค.ศ. 1918[5][6] จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีถูกสถาปนาขึ้นจากการประนีประนอมระหว่างออสเตรียและฮังการี ใน ค.ศ. 1867 และถูกยุบหลังจากที่จักรวรรดิออสเตรีย–ฮังการีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
จักรวรรดินี้ได้สืบทอดมาจากจักรวรรดิออสเตรีย (ค.ศ. 1804-ค.ศ. 1867) โดยมีอาณาเขตพื้นที่เดียวกัน โดยมีต้นกำเนิดจากการเจรจาต่อรองระหว่างออสเตรียและฮังการี เมื่อปีพ.ศ. 2410 ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ถูกปกครองโดยราชวงศ์ฮาพส์บวร์คมาช้านาน โดยเจรจาให้มีการรวมอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียว โดยจักรวรรดินี้เป็นอาณาจักรที่มีหลากหลายเชื้อชาติและมีความเจริญรุ่งเรืองขีดสุด ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คนั้นได้ปกครองประเทศในฐานะจักรพรรดิแห่งออสเตรีย (Emperor of Austria) และราชอาณาจักรฮังการีในฐานะกษัตริย์แห่งฮังการี (Apostolic King of Hungary) ผู้ทรงเปรียบเสมือนเบื้องขวาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากนั้นยังได้ปกครองทั่วทั้งทางตะวันตกและทางเหนือ รวมทั้งครึ่งหนึ่งของทวีปยุโรปเลยทีเดียว โดยทุกประเทศที่อยู่ภายใต้จักรวรรดินี้ มีรัฐบาลเป็นของตนเอง มิได้มีรัฐบาลและศูนย์กลางทางการเมืองหรือรัฐบาลที่ประเทศเดียว เมืองหลวงของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีนั้น มีอยู่ 2 เมืองด้วยกันคือ กรุงเวียนนา ที่ประเทศออสเตรีย และกรุงบูดาเปสต์ที่ประเทศฮังการี จักรวรรดินี้มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากจักรวรรดิรัสเซีย และเป็นอาณาจักรที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 3 รองจากจักรวรรดิรัสเซียและจักรวรรดิเยอรมัน ซึ่งปัจจุบันนี้ พื้นที่ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดินั้นมีประชากรรวมทั้งหมดถึง 73 ล้านคน
ชื่อและศัพทบัญญัติ
ชื่ออย่างเป็นทางการของราชาธิปไตยออสเตรีย–ฮังการีในภาษาเยอรมัน (Österreichisch-Ungarische Monarchie) และในภาษาฮังการี (Osztrák–Magyar Monarchia) ล้วนแปลได้ว่า ราชาธิปไตยออสเตรีย-ฮังการี[7] ถึงแม้ว่าชื่อที่นิยมใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะใช้คำว่า ออสเตรีย–ฮังการี ก็ตาม (เยอรมัน: Österreich-Ungarn; ฮังการี: Ausztria-Magyarország) ออสเตรียเองก็ยังได้ใช้คำว่า คา. อู. คา. โมนาร์ชี (k. u. k. Monarchie)[8] (ความหมายเต็มในภาษาเยอรมัน: Kaiserliche und königliche Monarchie Österreich-Ungarn; ฮังการี: Császári és Királyi Osztrák–Magyar Monarchia)[9] และ ราชาธิปไตยโดเนา (เยอรมัน: Donaumonarchie; ฮังการี: Dunai Monarchia) หรือ ราชาธิปไตยคู่ (เยอรมัน: Doppel-Monarchie; ฮังการี: Dual-Monarchia) และ นกอินทรีสองหัว (เยอรมัน: Der Doppel-Adler; ฮังการี: Kétsas) แต่คำเหล่านี้ก็ไม่ได้แพร่หลายทั้งในฮังการีและที่อื่นมากนัก
โดยชื่ออย่างเต็มในการบริหารภายในของราชาธิปไตยคือ เหล่าราชอาณาจักรและดินแดนอันมีผู้แทนในราชสภาและดินแดนแห่งมงกุฎฮังการีอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนักบุญอิชต์วาน
- เยอรมัน: Die im Reichsrat vertretenen Königreiche und Länder und die Länder der Heiligen Ungarischen Stephanskrone
- ฮังการี: A Birodalmi Tanácsban képviselt királyságok és országok és a Magyar Szent Korona országai
นับตั้งแต่ ค.ศ. 1867 เป็นต้นไป ชื่อย่อของหน่วยงานทางการของออสเตรีย–ฮังการีก็ได้สะท้อนถึงภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้:
- คา. อู. คา (k. u. k.; kaiserlich und königlich หรือ จักรวรรดิและราชอาณาจักร) เป็นคำนิยามสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในทั้งสองส่วนของราชาธิปไตย เช่น คา. อู. คา. ครีคส์มารีเนอ (k.u.k. Kriegsmarine; ทัพเรือศึกจักรวรรดิและราชอาณาจักร) และ คา. อู. คา. อาร์เม (k.u.k. Armee; กองทัพจักรวรรดิและราชอาณาจักร) ภายในช่วงสงคราม กองทัพออสเตรีย–ฮังการีได้เปลี่ยนคำนิยามจาก คา. คา. เป็น คา. อู. คา. ซึ่งเป็นการเปลี่ยนคำนิยามตามคำร้องขอของรัฐบาลฮังการีใน ค.ศ. 1889
- คา. คา. (K. k.; kaiserlich-königlich) หรือ จักรวรรดิ–ราชอาณาจักร เป็นคำศัพท์สำหรับหน่วยงานที่อยู่ภายในดินแดนซิสไลทาเนีย (ออสเตรีย) ส่วนคำว่า "ราชอาณาจักร" ที่อยู่ในคำนิยามอาจหมายถึงราชบัลลังก์โบฮีเมีย
- คา. อู. (K. u.; königlich-ungarisch) หรือ แอ็ม. กา. (M. k.; Magyar királyi) ("ฮังการีหลวง") หมายถึงดินแดนทรานไลทาเนีย หรือ ดินแดนแห่งพระมงกุฎฮังการี ในขณะที่หน่วยงานอิสระที่อยู่ภายในราชอาณาจักรโครเอเชียและสลาวอเนีย ก็ได้ใช้คำว่า เก (ย่อมาจาก kraljevski; ราชอาณาจักร) ตามข้อตกลงโครเอเชีย–ฮังการี ภาษาโครเอเชียถือเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียวภายในโครเอเชียและสลาวอเนีย และหน่วยงานเหล่านั้นก็ใช้ภาษาโครเอเชีย "เพียงภาษาเดียวเท่านั้น"
ใน ค.ศ. 1868 หลังจากที่จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟที่ 1 ทรงตัดสินพระทัยแล้ว ราชาธิปไตยก็ได้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชาธิปไตยออสเตรีย–ฮังการี (เยอรมัน: Österreichisch-Ungarische Monarchie/Reich; ฮังการี: Osztrák–Magyar Monarchia/Birodalom) หากมีการใช้คำในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ชื่อของออสเตรีย–ฮังการีมักจะใช้คำในรูปแบบโดยย่อว่า ราชาธิปไตยคู่ หรือเรียกโดยอย่างง่ายว่า ออสเตรีย[10]
การก่อตั้งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
หลังจากเกิดเหตุการณ์การเจรจาต่อรองระหว่างออสเตรียและฮังการีเมื่อปี พ.ศ. 2410 ซึ่งดำเนินการการรวมชาติการเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ และเป็นการสานต่อโครงสร้างของการปกครองที่คงตัวตั้งแต่เมื่อยังคงเป็นจักรวรรดิออสเตรีย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2347 ถึง พ.ศ. 2410 เพื่อปกป้องและขยายอำนาจของจักรวรรดิ ซึ่งรวมไปถึงคาบสมุทรอิตาลี (ซึ่งนำไปสู่สงครามออสเตรีย-ซาร์ดีเนียเมื่อปี พ.ศ. 2402 ท่ามกลางรัฐต่าง ๆ ของสมาพันธรัฐเยอรมัน ซึ่งถูกแทนที่โดยปรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจสูงสุดในกลุ่มประเทศเยอรมันทั้งมวล อันนำไปสู่สงครามออสเตรีย-ปรัสเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2409 ทำให้ประเทศหลายประเทศต้องมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รวมทั้งประเทศฮังการี ซึ่งมีการชุมนุมประท้วงที่ไม่พอใจที่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรีย รวมทั้งการรวมเชื้อชาติต่าง ๆ ของจักรวรรดิออสเตรีย ฮังการีไม่พอใจต่อการปราบปรามจลาจลของออสเตรีย ซึ่งมีจักรวรรดิรัสเซียสนับสนุนอีกแรง ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติเสรีนิยมในประเทศฮังการี เมื่อปี พ.ศ. 2391 อย่างไรก็ตาม ความไม่พอใจของฮังการีต่อการปกครองของทางออสเตรียได้เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายปี
ส่วนทางด้านออสเตรียซึ่งสนับสนุนระบอบกษัตริย์หรือจักรพรรดิอย่างเต็มที่ จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟ ทรงริเริ่มที่จะเจรจากับฮังการี โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้นำปฏิวัติของชาวแม็กยาร์ (ฮังกาเรียน) ให้มั่นใจและรับรองต่อระบอบการปกครองของพระองค์ โดยในที่สุด ประเทศฮังการีก็ยอมรับพระองค์เป็นประมุข โดยในฐานะสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งฮังการี โดยฮังการีได้ก่อตั้งรัฐสภาเป็นของตนเอง ณ กรุงบูดาเปสต์ เพื่อที่จะได้ออกกฎหมายเป็นของตนเอง ในนามของผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเซนต์ สตีเฟน (The Holy Hungarian Land of St. Stephen)
การเมืองการปกครอง
โครงสร้างของการปกครองของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีนั้น มีอยู่ 3 ส่วนที่เด่น ๆ ด้วยกัน ดังนี้
บริหาร
สภาคณะรัฐมนตรีของจักรวรรดิเป็นตัวควบคุมรัฐสภาทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย 3 รัฐมนตรีที่มีส่วนร่วมในการควบคุมด้วย คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้ส่วนร่วมคนอื่น ๆ อีก เช่นอาร์คดยุคและอาร์ชดัชเชส รวมทั้งพระราชวงศ์อิมพีเรียลบางพระองค์อีกด้วย โดยคณะผู้แทนจากออสเตรีย 1 คน และจากฮังการีอีก 1 คนจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของสภาสามัญของคณะรัฐมนตรีหรือการจัดการทรัพย์สินแผ่นดิน โดยให้ 2 รัฐบาลเป็นตัวกำหนดและควบคุมการบริหารและการจัดการทรัพย์สินแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนสุดท้ายของการประชุมทุกครั้ง คณะรัฐมนตรีจะต้องยื่นถวายฎีกาต่อจักรพรรดิ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินความทั้งหมด
หน้าที่รับผิดชอบระหว่างคณะรัฐมนตรีฝ่ายหนึ่งกับคณะรัฐมนตรีอีกฝ่ายหนึ่ง ได้สร้างความไม่ลงรอยกันและไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงาน การบริหารกองทัพบกนั้นได้อยู่ในภาวะลำบาก เป็นกองทัพที่ไร้ประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่ารัฐสภากลางได้กำหนดทิศทางการบริหารงานของกองทัพบก และกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่รัฐบาลออสเตรียและรัฐบาลฮังการีจะมีการกำหนดกฎหมายบังคับ การเกณฑ์ทหาร การจัดหาและการย้ายทหารไปออกรบ และกฎหมายบังคับเฉพาะเมือง ที่ไม่ใช่ทหารเกณฑ์แต่เป็นสมาชิกของกองทัพบก โดยบางส่วนให้กระแสว่า แต่ละรัฐบาลควรจะเข้มแข็ง ควรเข้มงวดต่อการบริหารตัวเองมากกว่านี้ แทนที่จะไปใส่ใจรับผิดชอบรัฐสภาสามัญ
ความสัมพันธ์ทางการเมืองในครึ่งศตวรรษแรก หลังปี พ.ศ. 2410 นั้น มีการขัดแย้งในเรื่องของการจัดการพิกัดอัตราภาษีศุลกากรหรือค่าธรรมเนียมภายนอก และการจัดการทางการเงินของคณะรัฐบาล ภายใต้ข้อกำหนดของการเจรจาต่อรองระหว่างออสเตรียและฮังการี รวมไปถึงข้อตกลงที่มีการเจรจาทุก ๆ 10 ปี โดยกำหนดสิ่งที่ต้องทำในคณะรัฐบาลต่าง ๆ โดยมีการออมเงินเพื่อให้ความสับสนอลหม่านทางการเมืองได้คืนสู่สภาพกลับมาเป็นเหมือนเดิม การโต้เถียงระหว่างรัฐบาลในจักรวรรดิในช่วงปี ค.ศ. 1900 ซึ่งทำให้ยืดระยะเวลาวิกฤติการเมืองการปกครองไปอีก ซึ่งมีความขัดแย้งกันในรัฐบาลรวมทั้งหน่วยรบและกองทัพของฮังการีเป็นตัวนำ ซึ่งเป็นการเพิ่มขยายอำนาจทางทหารของฮังการี เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2449 โดยมีนักชาตินิยมฮังการีมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม การกลับสู่สภาวะปกติในจักรวรรดิก็เป็นได้แค่เพียงชั่วคราว แต่ก็ได้จัดการให้กลับมาสู่สภาวะปกติเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2450 และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2460 ได้วางรากฐานใหม่และสถานะใหม่ของจักรวรรดิใหม่ แต่ด้วยเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น จักรวรรดิก็นำไปสู่กาลอวสาน...
นิติบัญญัติ
ออสเตรียและฮังการีต่างมีรัฐสภาเป็นของตนเอง และมีนายกรัฐมนตรีเป็นของตนเอง แต่รัฐสภาทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิหรือสมเด็จพระราชาธิบดีแต่เพียงพระองค์เดียว ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จและสภาของสำนักอิมพีเรียลนั้น มีหน้าที่เกี่ยวกับกองทัพราชนาวี การต่างประเทศ และสหภาพต่างในจักรวรรดิ เป็นต้น
ตุลาการ
นโยบายต่างประเทศ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เมื่อการเจรจาต่อรองระหว่างออสเตรียและฮังการีเพื่อรวมอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวเมื่อปี พ.ศ. 2410 นั้น ทำให้ฮังการีได้ขาดสมดุลทางเสรีภาพและเกิดการหยิ่งทะนงในนักชาตินิยมแม็กยาร์ โดยมีชาวสลาฟเป็นแรงสนับสนุนอันเนื่องมาจากความเมตตาสงสารของสลาฟในตัวฮังการี ซึ่งช่วยกันพยายามที่จะปฏิรูประบอบประชาธิปไตย หลังจากทำการข้อตกลงเมื่อปี พ.ศ. 2410 แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้หารือกับนายกรัฐมนตรีของฮังการี ซึ่งหลังจากได้รับการข่มขู่การยึดอำนาจของกลุ่มแพน สลาฟ ซึ่งรัสเซียได้เข้าใจถึงสถานการณ์นี้ เพราะรัสเซียก็ได้รับการข่มขู่เช่นกัน รัสเซียจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ โดยร่วมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและเค้านท์กิวล่า แอนดราสซี จูเนียร์ ผู้แทนและบุตรชายของนายกรัฐมนตรีฮังการี
ในช่วงปี ค.ศ. 1860 ความทะเยอะทะยานของออสเตรีย รวมทั้งอิตาลีและเยอรมนีทางต่างประเทศได้ถูกปิดกั้น โดยชาติมหาอำนาจอื่น ๆ มีแต่ประเทศในแถบบัลข่านเท่านั้นที่ได้ขยายตัวทางด้านการต่างประเทศ จักรวรรดิได้นำการเจริญสัมพันธไมตรีทางด้านการทูตแบบใหม่มาใช้ โดยเริ่มแรกใช้โดยเค้านท์แอนดราสซี ซึ่งตอนนั้นได้เจริญสัมพันธไมตรีกับเขตพื้นที่บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาซึ่งชาวสลาฟในเขตนั้นเห็นว่ายังมีบางส่วนที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมันอยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤติการณ์หลายอย่าง รวมทั้งการลอบปลงพระชนม์ที่เมืองซาราเยโว เมื่อปี พ.ศ. 2457 อีกด้วย
ในกรณีที่อยู่ภายใต้วิกฤติการณ์บัลข่านหรือสงครามรัสเซีย-ตุรกี ออสเตรีย-ฮังการีได้อาศัยช่วงสงครามนี้เข้ายึดครองบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2421 หลังจากมีการอนุมัติในสนธิสัญญาเบอร์ลิน ซึ่งทำให้ความสนใจในรัสเซียของบัลข่านมีความกระเตื้องตัวขึ้น โดยเกี่ยวข้องกับเยอรมนีในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2422 จักรวรรดิได้ผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2451 และได้เข้าควบคุมกระทรวงการคลังของบอสเนียมากกว่าการจัดการบริหารรัฐบาลแผ่นดิน โดยกำหนดให้บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา รวมทั้งโครเอเชียเป็นส่วนที่ 3 ของจักรวรรดิ และให้ชาวสลาฟเป็นส่วนหนึ่งของโครเอเชีย
กองทัพ
กองทัพออสเตรีย-ฮังการีอยู่ภายใต้พระมหากษัตริย์หรือจักรพรรดิเป็นองค์จอมทัพ
กองทัพบก
กองทัพบกของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติในจักรวรรดิ ทำให้เกิดความยากลำบากด้านการสื่อสารทางภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย อีกทั้งขวัญกำลังใจของกองทัพยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ทหารบกถือได้ว่าอ่อนแอไร้สรรมถภาพมาก แล้วยังมีความอ่อนแอในการคลังอาวุธกระสุนปืนใหญ่ ในสงครามก็แทบจะใช้หมดไปในปี 1914 ต่อจากนั้นก็ขาดแคลนอย่างรุนแรง
กองทัพอากาศ
กองทัพอากาศออสเตรีย-ฮังการีมีเครื่องบินเยอรมันรุ่นอบาสทรอน-เอ3 เป็นส่วนใหญ่ กองทัพอากาศของจักรวรรดิออสเตรียนั้นประสบ ปัญหาการขาดแคลนเครื่องบินรบและประสบความล้มเหลวในการรบ เช่น การป้องกันแคว้นกาลิเซียจากกรมอากาศยานจักรวรรดิรัสเซีย หรือการรบที่แนวรบบูซิลอฟ จนต้องพึ่งกรมอากาศยานหลวงเยอรมันในการรบ
กองทัพเรือ
กองกำลังกึ่งทหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจ
สภาพเศรษฐกิจในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีได้มีการเปลี่ยนแปลงตามการปกครอง ด้วยการที่มีระบอบการปกครองแบบพระมหากษัตริย์ควบคู่ (Dual Monarchy) ทางด้านเทคโนโลยีนั้นได้ขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงสภาพของเมืองต่าง ๆ ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทางด้านการผลิตนั้นได้เติบโต และสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ในช่วงเวลา 50 ปีของการริเริ่มยุคกลางของการผลิตอุตสาหกรรม โดยในช่วงแรกนั้น ระบบเศรษฐกิจได้เจริญเติบโตเฉพาะในกรุงเวียนนา พื้นที่เขตอัลไพน์ และโบฮีเมีย แต่ต่อมา เมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 19 ระบบเศรษฐกิจได้เจริญเติบโตในเขตพื้นที่ฮังการีตอนกลางและเขตพื้นที่คาร์พาเธียน ดังนั้น ระบบเศรษฐกิจได้พัฒนาขึ้นในเขตจักรวรรดิในระยะเริ่มต้น โดยระบบเศรษฐกิจในจักรวรรดิฝั่งตะวันตกจะพัฒนาได้ดีและมากกว่าระบบเศรษฐกิจในฝั่งตะวันออก เมื่อแรกเริ่มศตวรรษที่ 20 จักรวรรดิหลายจักรวรรดิส่วนใหญ่ได้ริเริ่มพัฒนาระบบเศรษฐกิจและเทคโนโลยีต้อนรับศตวรรษใหม่ มาตรวัดรายรับและผลผลิตของประเทศ (GNP) เจริญเติบโตร้อยละ 1.45% ต่อปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2413 ถึงพ.ศ. 2456 ซึ่งการเจริญเติบโตของรายรับและผลผลิตของจักรวรรดินี้ สามารถนำไปเปรียบเทียบกับระบบเศรษฐกิจชาติอื่น ๆ ได้ เช่น อังกฤษ (1.00%), ฝรั่งเศส (1.06%), และเยอรมนี (1.51%) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ระบบเศรษฐกิจของจักรวรรดิยังมีความล้าหลังกว่าชาติอื่น ๆ อยู่บ้าง เช่น อังกฤษมีรายรับและผลผลิตของประเทศเกือบ 3 เท่า ซึ่งมากกว่าจักรวรรดิถึงแม้ว่ามาตรวัดจะน้อยกว่า ในขณะเดียวกันที่เยอรมนี ได้มีรายรับและผลผลิตของประเทศ 2 เท่าซึ่งมากกว่าออสเตรีย-ฮังการีด้วยซ้ำ ทั้งในด้าน GNP และมาตรวัดรายรับและผลผลิตของประเทศ ถึงแม้ว่าทุกประเทศนั้นจะมียอดพัฒนาระบบเศรษฐกิจไม่เหมือนกัน
-
ภาพวาดตลาดที่กรุงเวียนนา
-
ย่านการค้าในกรุงเวียนนา
โครงสร้างพื้นฐาน
การคมนาคม และ โทรคมนาคม
คมนาคม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ระบบคมนาคมทางรถไฟนั้น ได้ขยายอย่างรวดเร็ว โดยแรกเริ่มนั้น มีการสร้างทางรถไฟโดยเริ่มจากกรุงเวียนนาเมื่อปี พ.ศ. 2384 สมัยที่ออสเตรีย-ฮังการี ยังเป็นจักรวรรดิออสเตรียอยู่ ตรงจุดนั้นเองที่รัฐบาลได้ริเริ่มใช้ทางรถไฟเพื่อใช้ในด้านทหารและกองทัพบก โดยลงทุนเพื่อโครงสร้างทางทหารทั้งหมดให้ทางรถไฟเชื่อมต่อในเมืองต่าง ๆ เช่น เมืองโพสโซนี (ปัจจุบันคือเมืองบราติสลาวา เมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย), กรุงบูดาเปสต์ของฮังการี, กรุงปรากของโบฮีเมีย (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐเช็ก), เมืองคราโคว์ (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโปแลนด์), เมืองกราซของออสเตรีย, เมืองไลบาช (ปัจจุบันคือเมืองลูบลิยานา เมืองหลวงของประเทศสโลวีเนีย) และเมืองเวนิสของประเทศอิตาลี โดยเมื่อปี พ.ศ. 2397 จักรวรรดิได้มีรางรถไฟเกือบ 2000 กิโลกรัม ประมาณ 60% ถึง 70% ของรัฐเลยทีเดียว โดยรัฐบาลเริ่มทำการซื้อรางรถไฟส่วนใหญ่เพื่อใช้ส่วนตัวสำหรับนักลงทุน และการกระทำโดยฉับพลันของการใช้เงินมากเกินไปโดยใช้ผลประโยชน์จากการปฏิวัติพ.ศ. 2391 และสงครามไครเมีย ซึ่งออสเตรีย-ฮังการีไม่ได้มีส่วนกี่ยวข้องในสงครามนี้เลยแม้แต่น้อย โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2397 ถึง พ.ศ. 2422 มีดำเนินการ จัดการโครงสร้างการคมนาคมทางรถไฟเกือบทั้งหมด โดยพื้นที่ของจักรวรรดิในส่วนซิสเลอธาเนียได้รับรางรถไฟถึง 7,952 กิโลกรัม ส่วนฮังการีได้รับรางรถไฟ 5,839 กิโลกรัม ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ ได้เข้าร่วมเชื่อมต่อการคมนาคมทางรถไฟ ดังนั้นระบบเศรษฐกิจด้านการคมนาคมรถไฟจึงเจริญเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว
หลังจากปี พ.ศ. 2422 รัฐบาลกลางของออสเตรีย-ฮังการีได้โอนการคมนาคมรถไฟมาเป็นของรัฐ เนื่องจากอัตราการพัฒนาระบบเศรษฐกิจได้เริ่มอยู่ในภาวะซบเซา และเฉื่อยชาลงในช่วงปี ค.ศ. 1870 โดยระหว่างปี พ.ศ. 2422 ถึง พ.ศ. 2443 ระยะทางของรางรถไฟทั้งหมดทั้งในพื้นที่ซิสเลอธาเนียและฮังการีทั้งหมดมากกว่า 25,000 กิโลเมตร รัฐบาลจึงได้มีการเชื่อมต่อรางรถไฟไปยังนอกเขตจักรวรรดิเพื่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยมีองค์การคมนาคมขนส่งทางรถไฟออสเตรีย (Imperial Austrian State Railways) เป็นบริษัทเดียวในการจัดการคมนาคมทางรถไฟทั้งหมดในจักรวรรดิ
โทรคมนาคม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การศึกษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สาธารณสุข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประชากรศาสตร์
ความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติ
ภาษาเยอรมัน: 24% |
ภาษาฮังการี: 20% ภาษาเช็ก: 13% |
ภาษาโปแลนด์: 10% ภาษารูเทเนียน: 8% |
ภาษาโรมาเนีย: 6% ภาษาโครเอเชีย: 5% |
ภาษาสโลวักและเซิร์บ: 4% |
ภาษาสโลวีเนียและอิตาลี: 3% |
มีความขัดแย้งเรื่องภาษาและเชื้อชาติหลังจากทุกอย่างได้ขึ้นอยู่การตัดสินใจว่า จะให้ภาษาไหนเป็นภาษาราชการ หรือ landesüblich ชาวเยอรมันที่ยึดถือระบบราชการเดิม หรือที่เป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวยกว่าคนอื่น ชาวเยอรมันพวกนี้ต้องการที่จะให้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการและใช้กันทั่วทั้งจักรวรรดิ ขณะที่ภาษาอิตาลีได้รับการพิจารณาว่าเป็นภาษาวัฒนธรรม (Kultursprache) โดยชาวเยอรมันที่ยินยอมให้ความทัดเทียมทางภาษา แต่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า จะให้ความทัดเทียมแก่ภาษาสลาฟให้ทัดเทียมภาษาเยอรมัน อีกด้านหนึ่งเห็นว่าควรจะให้ความทัดเทียมกันทุกภาษาในจักรวรรดิ
แต่อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมาได้เห็นถึง การปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากข้อบังคับทางภาษาทุกภาษา ทั่วทุกพื้นที่ในจักรวรรดิ ตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ ฉบับ พ.ศ. 2410 ว่าภาษาโครเอเชียได้รับความทัดเทียม ซึ่งจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เช่นเดียวกับภาษาอิตาลีซึ่งได้เป็นภาษารองของดาลมาเทีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2425 ได้มีเสียงข้างมากจากชาวสโลวีเนีย ในคาร์นิโอล่า และในเมืองลูบลิยานา (ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศสโลวีเนีย) ได้เสนอภาษาสโลวีเนียเป็นภาษาที่มีความสำคัญมากที่สุดในจักรวรรดิ แทนที่ภาษาเยอรมัน ส่วนภาษาโปแลนด์ได้ถูกนำเสนอให้แทนที่ภาษาเยอรมันเมื่อปี พ.ศ. 2412 และให้เป็นภาษาราชการของกาลิเซีย โดยชาวกาลิเซียหรือชาวโปแลนด์ได้ปฏิเสธการพิจารณาภาษายูเครนที่ถูกเสนอโดยชนกลุ่มน้อยชาวยูเครน ดังนั้นภาษายูเครนจูงไม่ได้รับการยินยอมให้เป็นภาษาราชการ
ส่วนภาษาเช็กที่มีการถกเถียงกันให้เป็นภาษาราชการนั้นไม่ได้มีการเรียกร้องหรือประท้วงกันในโบฮีเมียและโมราเวีย ซึ่งชาวเช็คต้องการที่จะก่อตั้งภาษาของเขาให้เป็นภาษาราชการไม่ว่าจะเป็นเขตแดนอาณาจักรที่ประชากรใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการ และมีการเรียกร้องให้ภาษาเยอรมันให้เป็นภาษาราชการเช่นกันในเมืองปราก นครหลวงของโบฮีเมีย (ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก) เมืองพิสเซน และเมืองบรุนน์ ในที่สุด ภาษาเยอรมันก็มีการนำมาเป็นส่วนหนึ่งของส่วนพื้นที่ของเช็กเมื่อปี พ.ศ. 2425 หลังจากการลงประชามติในมหาวิทยาลัยชาร์ลส์ (Charles University in Prague)
ขณะเดียวกันนั้นชาวแม็กยาร์หรือฮังการีได้เผชิญหน้ากับผู้ประท้วงหรือเรียกร้องของชาวโรมาเนียในแถบทรานซิลเวเนีย และเมืองบานัท (ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสโลวาเกีย) นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมเรียกร้องเรื่องภาษาราชการอีกของชาวโครเอเชียและชาวเซิร์บ ในแถบโครเอเชีย และดาลมาเทีย (ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโครเอเชีย) นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมประท้วงเรื่องการให้ความสำคัญของภาษาของตนในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และจังหวัดวอยโวดีนา (ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเซอร์เบีย) โดยต่อมา ชาวโรมาเนียและชาวเซิร์บได้ก่อตั้งกลุ่มชาตินิยม ในนามของรัฐโรมาเนียและเซอร์เบีย (พ.ศ. 2402 - พ.ศ. 2421) ถึงแม้ว่า ผู้นำฮังการีจะแสดงความไม่พออกพอใจมากกว่าตอนที่มีการเจรจาแบ่งปันอำนาจและแยกรัฐบาลและรัฐสภากับออสเตรียเมื่อปี พ.ศ. 2410 พวกเขาได้ยอมรับขอบเขตอิสรภาพในการก่อตั้งราชอาณาจักรโครเอเชียเมื่อปี พ.ศ. 2411 ก่อนที่จะถูกผนวกรวมเข้ากับจักรวรรดิในเวลาต่อมา ซึ่งอาจพ่วงไปถึงเศรษฐกิจและการบริหารทางทหารของฮังการีที่เข้ามามีบทบาทในโครเอเชีย
ภาษาเป็นสิ่งที่นำมาถกเถียงในวาระการประชุมสภาอยู่บ่อยครั้ง โดยทุกรัฐสภาจะต้องพบกับความยากลำบากในการแบ่งแยกภาษาต่าง ๆ ในโครงสร้างของการเมือง โดยมีเสียงส่วนน้อยเห็นว่าควรจะแยกการศึกษาภาษาของตนเอง และให้การศึกษาแก่ 2 ภาษาหลักในจักรวรรดิ คือ ภาษาเยอรมันและภาษาฮังการี โดยการถกเถียงอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาษาในจักรวรรดินั้น มีการประชุมรัฐสภากลางที่มีการกล่าวขานมากที่สุดคือ การประชุมประกาศพระราชบัญญัติ กฤษฎีกาฉบับวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2440 โดยนายกรัฐมนตรีของออสเตรีย คาซิเมียร์ เฟลิกซ์ กราฟ บาเดอนี ได้ให้ความเสมอภาคแก่ภาษาเช็กให้มีความสำคัญเท่ากับภาษาเยอรมันในรัฐสภาของโบฮีเมีย และให้มีการศึกษาภาษาเยอรมันเป็นภาษาหลักในโบฮีเมียอแกด้วย ทั้งนี้มีพวกอนุรักษ์ชาตินิยมเยอรมันได้ปลุกปั่นให้มีการพูดภาษาเยอรมันเท่านั้นในจักรวรรดิ เป็นเหตุให้เฟลิกซ์ บาเดอนี ถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2450 โรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่เขตสโลวักที่อยู่ในเขตของราชอาณาจักรฮังการี ซึ่งประชากรโดยประมาณ 2 ล้านคนได้ศึกษาภาษาฮังการีเพียงภาษาเดียว โดยสั่งห้ามทำสื่อที่เป็นภาษาสโลวัก และได้ทำลายหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ที่ป็นภาษาสโลวักอีกด้วย โดยการกระทำนี้ได้มีการวิพากย์วิจารณ์เรื่องการไม่ให้ความเสมอภาคทางภาษา นำโดยบียอร์สเตียร์เน มาร์ตินุส บียอร์สัน นักเขียนชื่อดังชาวนอร์เวย์ ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม นอกจากนี้ยังมีมิช่า เกล็นนี่ ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษได้วิพากย์วิจารณ์ถึงการเอารัดเอาเปรียบทางภาษาของออสเตรียที่กระทำต่อเช็ก
จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟนั้น ในช่วงเวลาที่พระองค์ครองราชย์ พระองค์ทรงปกครองอาณาจักรที่มีหลายเชื้อชาติ หลายภาษา โดยพระองค์ทรงอักษรและทรงพูดภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาฮังการี ภาษาเช็ก ภาษาโปแลนด์ รวมทั้งภาษาอิตาลี และภาษาอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นถือเป็นความยากลำบากอย่างหนึ่งของพระราชวงศ์ออสเตรียที่จะต้องศึกษาภาษาทุกภาษาที่มีอยู่ในจักรวรรดิ รวมทั้งภาษาอังกฤษด้วย
ภาษาต่างๆที่ใช้กันในจักรวรรดิ
พื้นที่ | ภาษาราชการ | ภาษาอื่นๆ (มากกว่า 2%) |
---|---|---|
โบฮีเมีย | ภาษาเช็ก (63.3%) | ภาษาเยอรมัน (36.7%) |
ดาลมาเทีย | ภาษาโครเอเชีย (96.2%) | ภาษาอิตาลี (2.8%) |
กาลิเซีย | ภาษาโปแลนด์ (58.6%) | ภาษายูเครน (40.2%) |
โลเวอร์ ออสเตรีย | ภาษาเยอรมัน (95.9%) | ภาษาเช็ค (3.8%) |
อัปเปอร์ ออสเตรีย | ภาษาเยอรมัน (99.7%) | - |
บูโกวิน่า | ภาษายูเครน (38.4%) | ภาษาโรมาเนีย (34.4%), ภาษาเยอรมัน (21.2%), ภาษาโปแลนด์ (4.6%) |
คารินเธีย | ภาษาเยอรมัน (78.6%) | ภาษาสโลวีเนีย (21.2%) |
คาร์นิโอล่า | ภาษาสโลวีเนีย (94.4%) | ภาษาเยอรมัน (5.4%) |
ซาร์สบูร์ก | ภาษาเยอรมัน (99.7%) | - |
ซีลีเซีย | ภาษาเยอรมัน (43.9%) | ภาษาโปแลนด์ (31.7%), ภาษาเช็ก (24.3%) |
สตีเรีย | ภาษาเยอรมัน (70.5%) | ภาษาสโลวีเนีย (29.4%) |
โมราเวีย | ภาษาเช็ก (71.8%) | ภาษาเยอรมัน (27.6%) |
ทีรอล | ภาษาเยอรมัน (57.3%) | ภาษาอิตาลี (42.1%) |
คืสเตนแลนด์ | ภาษาสโลวีเนีย (37.3%) | ภาษาอิตาลี (34.5%), ภาษาโครเอเชีย (24.4%), ภาษาเยอรมัน (2.5%) |
โวราร์ลเบิร์ก | ภาษาเยอรมัน (95.4%) | ภาษาอิตาลี (4.4%) |
ศาสนาและนิกายต่างในจักรวรรดิ
ตารางแสดงการนับถือศาสนาและนิกายต่างในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จากผลสำรวจเมื่อวันที่31 ธันวาคม พ.ศ. 2453 ตีพิมพ์ในหนังสือGeographischer Atlas zur Vaterlandskunde an der österreichischen Mittelschulen. K. u. k. Hof-Kartographische Anstalt G. Freytag & Berndt, Vienna, 1911.
ศาสนา/นิกาย | พื้นที่ทั้งหมด | พื้นที่ออสเตรีย | พื้นที่ฮังการี | บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา |
---|---|---|---|---|
ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก | 76.6% | 90.9% | 61.8% | 22.9% |
ศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ | 8.9% | 2.1% | 19.0% | 0% |
ศาสนาคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ | 8.7% | 2.3% | 14.3% | 43.5% |
ยิว | 4.4% | 4.7% | 4.9% | 0.6% |
มุสลิม | 1.3% | 0% | 0% | 32.7% |
เมืองสำคัญ
ข้อมูล: การสำรวจสำมะโนประชากร ใน ปี ค.ศ. 1910[11]
อันดับ | ชื่อในปัจจุบัน | ชื่ออย่างเป็นทางการร่วมสมัย[12] | อื่นๆ | ประเทศในปัจจุบัน | ประชากรใน ปี ค.ศ. 1910 | ประชากรในปัจจุบัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | เวียนนา | Wien | Bécs, Beč, Dunaj | ออสเตรีย | 2,083,630 (city without the suburb 1,481,970) | 1,840,573 (Metro: 2,600,000) |
2. | ปราก | Prag, Praha | Praga | เช็กเกีย | 668,000 (city without the suburb 223,741) | 1,267,449 (Metro: 2,156,097) |
3. | ตรีเยสเต | Triest | Trst | อิตาลี | 229,510 | 204,420 |
4. | ลวีฟ | Lemberg, Lwów | Львів, Lvov | ยูเครน | 206,113 | 728,545 |
5. | กรากุฟ | Krakau, Kraków | Krakov | โปแลนด์ | 151,886 | 762,508 |
6. | กราซ | Gradec | ออสเตรีย | 151,781 | 280,020 | |
7. | เบอร์โน | Brünn, Brno | เช็กเกีย | 125,737 | 377,028 | |
8. | เชอร์นิฟซี | Czernowitz | Cernăuți, Чернівці | ยูเครน | 87,100 | 242,300 |
9. | เปิลเซน | Pilsen, Plzeň | เช็กเกีย | 80,343 | 169,858 | |
10. | ลินซ์ | Linec | ออสเตรีย | 67,817 | 200,841 |
อันดับ | ชื่อในปัจจุบัน | ชื่อย่างเป็นทางการร่วมสมัย[12] | อื่นๆ | ประเทศในปัจจุบัน | ประชากรใน ปี ค.ศ. 1910 | ประชากรในปัจจุบัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | บูดาเปสต์ | Budimpešta | ฮังการี | 1,232,026 (city without the suburb 880,371) | 1,735,711 (Metro: 3,303,786) | |
2. | แซแก็ด | Szegedin, Segedin | ฮังการี | 118,328 | 170,285 | |
3. | ซูบอตีตซา | Szabadka | Суботица | เซอร์เบีย | 94,610 | 105,681 |
4. | แดแบร็ตแซ็น | ฮังการี | 92,729 | 208,016 | ||
5. | ซาเกร็บ | Zágráb, Agram | โครเอเชีย | 79,038 | 790,017 | |
6. | บราติสลาวา | Pozsony | Pressburg, Prešporok | สโลวาเกีย | 78,223 | 425,167 |
7. | ทิมิโซอารา | Temesvár | Temeswar | โรมาเนีย | 72,555 | 319,279 |
8. | ออราเดีย | Nagyvárad | Großwardein | โรมาเนีย | 64,169 | 196,367 |
9. | อารัด | Arad | โรมาเนีย | 63,166 | 159,074 | |
10. | คลูช-นาโปกา | Kolozsvár | Klausenburg | โรมาเนีย | 60,808 | 324,576 |
-
กรุงเวียนนา
-
กรุงบูดาเปสต์
-
เมืองกราซ
-
เมืองปราก
-
เมืองลินซ์
ภาวะสงคราม
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิแม็กซีมีเลียน พระราชอนุชาในจักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟ และพระราชโอรสองค์เดียวของพระองค์ อาร์คดยุครูดอล์ฟ มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการี ทำให้พระราชนัดดาของพระองค์ อาร์คดยุคฟรันซ์ เฟอร์ดินานด์ ได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทสืบต่อจากอาร์คดยุครูดอล์ฟ แต่เมื่อวันที่28 มิถุนายน พ.ศ. 2457 เมื่อพระองค์เสด็จเยี่ยมราษฎรพร้อมด้วยพระชายาในเมืองซาราเยโว นครหลวงของเขตบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ทั้งสองพระองค์ได้ถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยกระสุนปืนโดยกาฟรีโล พรินซิป หนึ่งในสมาชิกกลุ่มแบล็คแฮนด์ นักชาตินิยมจากเซอร์เบีย เป็นเหตุให้ทั้งสองพระองค์สิ้นพระชนม์ทันที ซึ่งการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1
การบริหารทางการทหารไม่ได้รับการบริหารที่ดีตั้งแต่การประชุมที่เบอร์ลิน (พ.ศ. 2421) ขณะที่เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซียได้ประกาศอำนาจในการประชุม โดยหลังจากการประชุมจักรวรรดิได้เสียดินแดนอิตาลีให้กับปิเอดมอนต์ รวมทั้งเสียเปรียบทางความเคลื่อนไหวทางชาตินิยม ซึ่งถูกอิตาลีจับตาดูอยู่ นอกจากนี้ออสเตรีย-ฮังการีได้สูญเสียพื้นที่ทางตอนใต้ซึ่งมีประชากรชาวสลาฟอาศัยอยู่ให้กับเซอร์เบีย ซึ่งเซอร์เบียเพิ่งจะได้รับสิทธิ์และผลประโยชน์เพิ่มเรื่องพื้นที่ หลังจากสงครามบอลข่านครั้งที่สอง เมื่อปีพ.ศ. 2455 จึงส่งผลต่อความยากลำบากภายในรัฐบาลของออสเตรียและฮังการี โดยมีสมาชิกรัฐสภาบางคน เช่น คอนราด วอน เฮิตเซนดอร์ฟ ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับการฟื้นคืนอำนาจของการเมืองเซอร์เบียเป็นเวลาหลายปี โดยผู้นำออสเตรีย-ฮังการี เค้านท์ลีโอโพลด์ วอน เบิร์ชโทลด์ สามารถเอาคืนเซอร์เบียได้โดยมีสัมพันธมิตรอย่างเยอรมนีเข้าช่วยเหลือ โดยตัดสินใจเผชิญหน้ากับกองทัพเซอร์เบีย ก่อนที่จะกระตุ้นก่อให้เกิดการต่อต้านภายในจักรวรรดิ โดยใช้กรณีการลอบปลงพระชนม์เป็นข้ออ้างในการก่อสงครามกับเซอร์เบีย
เหตุการณ์นี้ได้นำจักรวรรดิไปสู่การพิพาทกับเซอร์เบียในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2457 ซึ่งนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยความเคลื่อนไหวของเซอร์เบียนี้ มีรัสเซียเป็นตัวช่วยในการทำศึกสงคราม อิตาลีได้ประกาศวางตัวเป็นกลางตั้งแต่แรกเริ่งสงคราม ถึงแม้ว่าจะมีความสัมพันธไมตรีกับออสเตรีย-ฮังการี แต่ในปีพ.ศ. 2458 อิตาลีได้สร้างความเข้าใจอันดีกับออสเตรีย-ฮังการี โดยเข้าร่วมสงครามกับจักรวรรดิเผชิญหน้ากับเซอร์เบียและรัสเซีย เพื่อหวังจะได้รับแผ่นดินที่ออสเตรีย-ฮังการียึดครองไป กลับมาเหมือนเดิม ผู้บัญชาการของกองทัพคือ นายพลคอนราด วอน เฮิตเซนดอร์ฟ ซึ่งภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลเฮิตเซนดอร์ฟนี้ ได้นำกองทัพไปสู่สมรภูมิรบในสงคราม
เมื่อเริ่มสงคราม กองทัพได้ถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งบุกโจมตีเซอร์เบีย ขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้บุกโจมตีกองทัพของรัสเซีย ซึ่งสนับสนุนเซอร์เบียและได้ประกาศสงครามกับออสเตรีย-ฮังการีด้วย การบุกรุกเซอร์เบียนั้น หาได้ประสบความสำเร็จไม่ กองทัพออสเตรีย-ฮังการีได้สูญเสียทหาร 227,000 นาย จากทหารทั้งหมด 450,000 นาย ส่วนการโจมตีกองทัพรัสเซียนั้น กองทัพจักรวรรดิสามารถเอาชนะรัสเซียในสมรภูมิเล็มเบิร์ก และสามารถล้อมเมืองพริเซ็มมิวส์ได้ แต่ก็ต้องถอนกองทัพออกเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2458
เมืองเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2458 อิตาลีได้ร่วมฝ่ายพันธมิตรเข้าโจมตีออสเตรีย-ฮังการี โดยตอนแรกนั้นอิตาลีได้เข้าร่วมทำสงครามกับออสเตรีย-ฮังการี แต่เป็นเพราะสนธิสัญญาเบอร์ลิน อิตาลีจึงยอมเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตร โดยสมรภูมิแรกที่ออสเตรีย-ฮังการีต่อสู้กับอิตาลีนั้นอยู่ที่เทือกเขาแอลป์ โดยเมื่อตอนหน้าร้อน กองทัพได้รวมเข้ากับกองทัพเยอรมัน และกองทัพบัลแกเรีย พิชิตเซอร์เบีย
พ.ศ. 2459 กองทัพรัสเซียได้ถูกโจมตีอย่างหนักจากกองทัพจักรวรรดิ แต่ก็มีความสูญเสียพอๆกัน โดยกองทัพออสเตรียได้สูญเสียทหารประมาณ 1 ล้านคน การสูญเสียครั้งใหญ่หลวงนี้ ทำให้รัสเซียยอมถอนตัวจากสงคราม หลังจากรัสเซียถอนตัวจากสงครามแล้ว ก็ต้องเผชิญหน้ากับการปฏิวัติภายในจักรวรรดิรัสเซีย พ.ศ. 2460 กองทัพออสเตรีย-ฮังการีจึงอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเยอรมัน โดยให้กองทัพเยอรมันจัดการให้ทั้งหมด แต่ในขณะที่มีการจัดการกองทัพอยู่นั้น ฝ่ายพันธมิตรได้โจมตีเยอรมันอย่างหนัก เป็นเหตุให้เยอรมันแพ้และยอมถอนตัวออกจากสงคราม เมื่อเยอรมันแพ้สงคราม ออสเตรีย-ฮังการีก็แพ้สงครามด้วยเช่นกัน
การล้มล้างจักรวรรดิ
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 คือฝ่ายพันธมิตรซึ่งได้แก่จักรวรรดิอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และสหรัฐอเมริกาได้รับชัยชนะ นักชาตินิยมได้รับกระแสนิยมในอิสรภาพมากขึ้น โดยประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา วูดโรว์ วิลสัน กล่าวในสุนทรพจน์ "ประเด็นทั้งสิบสี่" ว่า โอกาสแห่งอิสรภาพและเสรีภาพได้มาอยู่ในกำมือของเราแล้ว เราจะพัฒนาของเราเอง ในทางกลับกัน จักรพรรดิคาร์ล จักรพรรดิแห่งออสเตรีย-พระราชาธิบดีแห่งฮังการี ได้ทรงเปิดวาระประชุมในสภาอิมพีเรียล โดยมีพระบรมราชานุญาตให้มีการก่อตั้งสมาพันธรัฐพร้อมด้วยการตั้งสภาย่อยเป็นของตนเอง เพื่อรักษาความเป็นจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มไม่ไว้วางใจในเสรีภาพหลังจากจบสงครามแล้ว
เมื่อวันที่14 ตุลาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ บารอนสเตฟาน วอน ราเจ็คส์ ได้พยายามที่จะพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อจักรวรรดิ โดยจักรพรรดิคาร์ลได้ทรงประกาศเรื่องอนาคตของพระราชวงศ์อิมพีเรียล 2 วันหลังจากที่ออสเตรียกลายเป็นสหภาพ-สหพันธรัฐ ซึ่งประกอบด้วยอีก 4 ประเทศคือ เยอรมนี เช็ก สลาฟใต้ และยูเครน ส่วนประเทศโปแลนด์นั้นได้รับเอกราชอย่างเต็มตัว
ประเทศหลายประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิต่างก็ประกาศเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิอีกต่อไป โดยกลุ่มประเทศแรกที่ประกาศเอกราชนั้นคือ โบฮีเมีย โมราเวีย ซีลีเซีย กาลิเซีย และบูโกวินา โดยรวมประเทศทั้งหมดเป็นสาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 1 เมื่อวันที่28 ตุลาคม พ.ศ. 2461 ต่อมาวันที่29 ตุลาคม สลาฟใต้ได้ประกาศเอกราชและก่อตั้งรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บ ต่อมา รัฐบาลฮังการีได้ประกาศสิ้นสุดความสัมพันธ์ทางสหภาพกับออสเตรียเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ส่งผลให้ประเทศทุกประเทศที่เป็นของออสเตรีย-ฮังการี แตกแยกไปก่อตั้งประเทศเป็นของตนเอง จะมีอยู่ส่วนน้อยที่ยังขึ้นตรงต่อจักรวรรดิอยู่ เช่น เขตพื้นที่แถบอัลไพน์และดานูบ
การนำไปสู่จุดจบของจักรวรรดินี้ จักรพรรดิคาร์ล (ใช้พระนามคาร์ลที่ 4 ในฮังการี) ได้ถูกรัฐบาลของออสเตรียและฮังการีขับออกจากราชสมบัติ โดยพระองค์ไม่ทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่11 - 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 ในความที่พระองค์ไม่ทรงสละราชสมบัตินั้น ก็ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังคงมีความจงรักภักดีต่อพระองค์และพระราชวงศ์อิมพีเรียลอยู่ ทำให้เกิดกระแสการฟื้นฟูสถาปนาระบอบพระมหากษัตริย์ในฮังการี เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2463 โดยพระองค์ยังคงราชสมบัติอยู่ แต่จะมีผู้สำเร็จราชการแทนคือ มิกโลช โฮร์ตี ดูแลปกครองประเทศแทนพระองค์ ส่วนตัวพระองค์พร้อมด้วยพระราชวงศ์อพยพไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเกาะมาไดร่า ประเทศโปรตุเกสและประทับอยู่ที่นั่น จนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคตด้วยโรคปอดบวม
ประเทศใหม่
ประเทศที่ได้ก่อตั้งใหม่หลังจากสิ้นสุดจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี มีดังนี้
- เยอรมันออสเตรีย และ สาธารณรัฐออสเตรียที่ 1
- สาธารณรัฐประชาธิปไตยฮังการี,สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี,ราชอาณาจักรฮังการี
- สาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 1
- รัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บ ต่อมาได้เข้าผนวกกับราชอาณาจักรเซอร์เบียเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2461 ในนามของราชอาณาจักรแห่งชาวเซิร์บ โครแอต และสโลวีน ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย
- สาธารณรัฐโปแลนด์ที่ 2
- สาธารณรัฐประชาชนยูเครนตะวันตก และ สาธารณรัฐประชาชนยูเครน ต่อมาได้ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตในชื่อสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน
พื้นที่บางส่วนของจักรวรรดิได้ผนวกเข้ากับราชอาณาจักรโรมาเนีย , ราชอาณาจักรอิตาลี และ ลิกเตนสไตน์ โดยมีเขตโวราร์ลเบิร์กนั้น ประชาชนได้ลงประชามติให้ผนวกเข้ากับสวิตเซอร์แลนด์
. เขตพรมแดนออสเตรีย-ฮังการี เมื่อ พ.ศ. 2457
เขตพรมแดนเมื่อ พ.ศ. 2457 เขตพรมแดนเมื่อ พ.ศ. 2463 จักรวรรดิออสเตรีย เมื่อ พ.ศ. 2457
ราชอาณาจักรฮังการี เมื่อ พ.ศ. 2457
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เมื่อ พ.ศ. 2457
|
พื้นที่และอาณาเขตของจักรวรรดิ
พื้นที่ อาณาเขตและประเทศต่างๆในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีที่ประกาศเอกราช หลังจากที่ถูกล้มล้างหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ดังนี้:
- พื้นที่เขตซิสเลอธาเนีย (พื้นที่ฝั่งซ้ายของจักรวรรดิ)
ประเทศต่างๆในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี: ซิสเลอธาเนีย: 1. โบฮีเมีย, 2. บูโกวิน่า, 3. คารินเธีย, 4. คาร์นิโอล่า, 5. แดลเมเชีย, 6. กาลิเซีย, 7. คืสเตนแลนด์, 8. โลเวอร์ ออสเตรีย, 9. โมราเวีย, 10. ซาร์ซบูร์ก, 11. ซีลีเซีย, 12. สตีเรีย, 13. ทีรอล, 14. อัปเปอร์ ออสเตรีย, 15. โวราร์ลเบิร์ก; ทรานส์เลอธาเนีย: 16. ราชอาณาจักรฮังการี, 17. ราชอาณาจักรโครเอเชีย-สลาโวเนีย, 18. บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาในออสเตรีย-ฮังการี |
- ประเทศออสเตรีย
- สาธารณรัฐเช็ก
- ประเทศสโลวีเนีย
- ประเทศอิตาลี
- ประเทศโครเอเชีย (ดาลมาเทียและอิสเตรีย)
- ประเทศโปแลนด์
- ประเทศยูเครน
- ประเทศโรมาเนีย
- ประเทศมอนเตเนโกร
- พื้นที่เขตทรานส์เลอธาเนีย (พื้นที่ฝั่งขวาของจักรวรรดิ)
- ประเทศฮังการี
- ประเทศสโลวาเกีย
- ประเทศออสเตรีย (เมืองเบอร์เจนแลนด์)
- ประเทศสโลวีเนีย (ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ)
- ประเทศโครเอเชีย (สลาโวเนีย, และโครเอเชียตอนกลาง)
- ประเทศยูเครน
- ประเทศโรมาเนีย (พื้นที่เขตทรานซิลวาเนีย)
- ประเทศเซอร์เบีย (พื้นที่เขตเบลเกรด)
- ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (พื้นที่ทางภาคตะวักตกเฉียงเหนือของประเทศ)
- บอสเนียแลเฮอร์เซโกวีนา
- ประเทศมอนเตเนโกร
- รัสการ์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระ หลังจากที่ประกาศเอกราชจากออสเตรีย-ฮังการีแล้ว ได้ถูกผนวกเข้าสู่จักรวรรดิออตโตมัน เมื่อปีพ.ศ. 2465
อาณานิคมของจักรวรรดิ
- หมู่เกาะนิโคบาร์
- ฟรานซ์โจเซฟแลนด์ หมู่เกาะถูกทิ้งร้างหลังพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ธงและตราสัญลักษณ์
-
ธงประจำพระราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค
-
ธงจักรพรรดินาวี
-
ธงพาณิชยนาวี
-
ธงชาติฮังการี
-
ธงประจำพระองค์ของจักรพรรดิ ค.ศ. 1815–ค.ศ. 1918
-
ตราอาร์มอย่างย่อของจักรวรรดิออสเตรีย (ใช้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1915)
-
ตราอาร์มอย่างกลางของจักรวรรดิออสเตรีย (ใช้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1867 สมัยเริ่มก่อตั้งจักรวรรดิใหม่)
-
ตราอาร์มอย่างกลางของฮังการี
ดูเพิ่ม
- รายพระนามจักรพรรดิแห่งออสเตรีย
- รายพระนามกษัตริย์แห่งฮังการี
- จักรวรรดิออสเตรีย
- จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
หมายเหตุ
- ↑ เยอรมัน: Österreichisch-Ungarische Monarchie, ออกเสียง: [ˌøːstəʁaɪ̯çɪʃ ˌʊŋɡaʁɪʃə monaʁˈçiː] ( ฟังเสียง)
- ↑ The concept of Eastern Europe is not firmly defined, and depending on some interprertations, some territories may be included or excluded from it; this holds for parts of Austria–Hungary as well, although the historical interpretation clearly place the Monarchy into Central Europe.
อ้างอิง
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อwien-vienna
- ↑ Fisher, Gilman. The Essentials of Geography for School Year 1888–1889, p. 47. New England Publishing Company (Boston), 1888. Retrieved 20 August 2014.
- ↑ From the Encyclopædia Britannica (1878), although note that this "Romani" refers to the language of those described by the EB as "Gypsies"; the EB's "Romani or Wallachian" refers to what is today known as Romanian; Rusyn and Ukrainian correspond to dialects of what the EB refers to as "Ruthenian"; and Yiddish was the common language of the Austrian Jews, although Hebrew was also known by many.
- ↑ Geographischer Atlas zur Vaterlandskunde, 1911, Tabelle 3.
- ↑ McCarthy, Justin (1880). A History of Our Own Times, from 1880 to the Diamond Jubilee. New York, United States of America: Harper & Brothers, Publishers. pp. 475–476.
- ↑ Dallin, David (November 2006). The Rise of Russia in Asia. ISBN 978-1-4067-2919-1.
- ↑ Manuscript of Franz Joseph I. – Stephan Vajda, Felix Austria. Eine Geschichte Österreichs, Ueberreuter 1980, Vienna, ISBN 3-8000-3168-X, in German
- ↑ Eva Philippoff: Die Doppelmonarchie Österreich-Ungarn. Ein politisches Lesebuch (1867–1918), Presses Univ. Septentrion, 2002, Villeneuve d’Ascq, ISBN 2-85939-739-6 (แม่แบบ:Google book)
- ↑ Kotulla, Michael (17 August 2008). Deutsche Verfassungsgeschichte. Springer Berlin Heidelberg. ISBN 978-3-540-48707-4. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 March 2019 – โดยทาง Google Books.
- ↑ Kay, David (1878). Encyclopædia Britannica. Vol. 3 (9th ed.). New York: Charles Scribner's Sons. pp. 116–141. . ใน Baynes, T. S. (บ.ก.).
- ↑ Kogutowicz Károly, Hermann Győző: Zsebatlasz: Naptárral és statisztikai adatokkal az 1914. évre. Magyar Földrajzi Intézet R. T., Budapest 1913, S. 69, 105.
- ↑ 12.0 12.1 "Donaumonarchie Österreich-Ungarn". Donaumonarchie.com. สืบค้นเมื่อ 19 November 2013.
- Oszkár Jászi The Dissolution of the Habsburg Monarchy, Chicago: University of Chicago Press, 1966.
- Macartney, Carlile Aylmer The Habsburg Empire, 1790–1918, New York, Macmillan 1969.
- Mark Cornwall (ed.) The Last Years of Austria–Hungary in Exeter Studies in History. University of Exeter Press, Exeter. 2002. ISBN 0-85989-563-7
- Alan Sked The Decline And Fall of the Habsburg Empire, 1815–1918, London: Longman, 1989.
- A.J.P. Taylor The Habsburg monarchy, 1809–1918 : a history of the Austrian Empire and Austria-Hungary, London: Penguin Books in assoc. with Hamish Hamilton, 1964, 1948
- Geographischer Atlas zur Vaterlandskunde an der österreichischen Mittelschulen. (ed.: Rudolf Rothaug), K. u. k. Hof-Kartographische Anstalt G. Freytag & Berndt, Vienna, 1911.
แหล่งข้อมูลอื่น
- The Austro-Hungarian Military
- Heraldry of the Astro-Hungarian Empire
- Austria–Hungary - extensive list of heads of state, ministers, and ambassadors
- History of Austro-Hungarian currency
- Austro-Hungarian Empire
ก่อน-1918 | 1918–1929 | 1929–1945 | 1941–1945 | 1945–1946 | 1946–1963 | 1963–1992 | 1991/1992–2003 | 2003–2006 | 2006–2008 | 2008– | |
สโลวีเนีย | ดูเพิ่มที่ ราชอาณาจักรแดลเมเชีย
1815–1918 |
ดูเพื่มที่ Banat, Bačka and Baranja 1918–1919 Italian province of Zadar
1920–1947 |
เป็นส่วนหนึ่งของa ฟาสซิสต์อิตาลี และ นาซีเยอรมนี |
สหพันธรัฐประชาธิปไตยยูโกสลาเวีย 1945–1946 สหพันธ์สาธารณรัฐประชาชนยูโกสลาเวีย 1946–1963 สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย 1963–1992 การปกครองโดย สาธารณรัฐสังคมนิยมสโลวีเนีย (1945–1991) สาธารณรัฐสังคมนิยมโครเอเชีย (1945–1991) สาธารณรัฐสังคมนิยมบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (1945–1992) สาธารณรัฐสังคมนิยมเซอร์เบีย (1945–1992) (รวมกับ จังหวัดปกครองตนเองสังคมนิยมวอยวอดีนา และ จังหวัดปกครองตนเองสังคมนิยมคอซอวอ) สาธารณรัฐสังคมนิยมมอนเตเนโกร (1945–1992)
สาธารณรัฐสังคมนิยมมาซิโดเนีย (1945–1991) ดูเพื่มที่ ดินแดนเสรีตรีเยสเต (1947–1954) j |
สาธารณรัฐสโลวีเนีย สงครามสิบวัน | ||||||
แดลเมเชีย | รัฐหุ่นเชิด ของ นาซีเยอรมนี
ส่วนหนึ่งของ ฟาสซิสต์อิตาลี. Međimurje และ Baranja เป็นส่วนหนึ่งของ ฮังการี. |
สาธารณรัฐโครเอเชียb สงครามประกาศอิสรภาพโครเอเชีย | |||||||||
สลาโวเนีย | |||||||||||
โครเอเชีย | |||||||||||
บอสเนีย | บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาc สงครามบอสเนีย ประกอบกับสหพันธรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (1995–ปัจจุบัน), เรปูบลิกาเซิร์ปสกา (1995–ปัจจุบัน) และเขตเบิร์ชกอ (2000–ปัจจุบัน). | ||||||||||
เฮอร์เซโกวีนา | |||||||||||
วอยวอดีนา | ส่วนหนึ่งของ Délvidék ภูมิภาคใน ฮังการี | จังหวัดปกครองตนเองบานัตd (part of the German
เขตผู้บัญชาการทหารแห่งเซอร์เบีย) |
สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสวาเวีย | รัฐสหภาพเซอร์เบียและมอนเตเนโกร | สาธารณรัฐเซอร์เบีย | สาธารณรัฐ เซอร์เบีย รวมถึงจังหวัดปกครองตนเอง วอยวอดีนา
| |||||
เซอร์เบีย | ราชอาณาจักรเซอร์เบีย 1882–1918 |
เขตผู้บัญชาการทหารแห่งเซอร์เบีย 1941–1944 e | |||||||||
Kosovo | ส่วนหนึ่งของ ราชอาณาจักรเซอร์เบีย 1912–1918 |
Mostly annexed by Albania 1941–1944 along with western Macedonia and south-eastern Montenegro
|
สาธารณรัฐคอซอวอg | ||||||||
เมทอฮียา | ราชอาณาจักรมอนเตเนโกร 1910–1918 เมทอฮียา ปกครองโดย ออสเตรีย-ฮังการี 1915–1918
| ||||||||||
มอนเตเนโกร | รัฐในอารักขามอนเตเนโกรf 1941–1944 |
มอนเตเนโกร | |||||||||
นอร์ทมาซิโดเนีย | ส่วนหนึ่งของ ราชอาณาจักรเซอร์เบีย 1912–1918 |
ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของ ราชอาณาจักรบัลแกเรีย 1941–1944 |
สาธารณรัฐนอร์ทมาซิโดเนียh | ||||||||
|
|
- จักรวรรดิ
- จักรวรรดิเจอร์แมนิก
- จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
- รัฐร่วมประมุข
- รัฐคริสต์
- ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค
- รัฐสิ้นสภาพในประเทศออสเตรีย
- รัฐสิ้นสภาพในประเทศฮังการี
- ราชวงศ์ออสเตรีย
- ราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค
- จักรพรรดิออสเตรีย
- รัฐสิ้นสภาพในทวีปยุโรป
- ประวัติศาสตร์ออสเตรีย
- รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2410
- สิ้นสุดในปี พ.ศ. 2461
- รัฐสิ้นสภาพในคาบสมุทรบอลข่าน