ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แฮร์รี เคน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 26: | บรรทัด 26: | ||
| nationalyears3 = 2013 | nationalteam3 = [[ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี|อังกฤษ อายุไม่เกิน 20 ปี]] | nationalcaps3 = 3 | nationalgoals3 = 1 |
| nationalyears3 = 2013 | nationalteam3 = [[ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี|อังกฤษ อายุไม่เกิน 20 ปี]] | nationalcaps3 = 3 | nationalgoals3 = 1 |
||
| nationalyears4 = 2013–2015 | nationalteam4 = [[ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี|อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี]] | nationalcaps4 = 14 | nationalgoals4 = 8 |
| nationalyears4 = 2013–2015 | nationalteam4 = [[ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี|อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี]] | nationalcaps4 = 14 | nationalgoals4 = 8 |
||
| nationalyears5 = 2015– | nationalteam5 = [[ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ|อังกฤษ]] | nationalcaps5 = |
| nationalyears5 = 2015– | nationalteam5 = [[ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ|อังกฤษ]] | nationalcaps5 = 67 | nationalgoals5 = 48 |
||
| nationalteam-update = 00:20, |
| nationalteam-update = 00:20, 15 พฤศจิกายน 2021 (UTC) |
||
| medaltemplates = {{MedalSport|[[ฟุตบอล]]}} |
| medaltemplates = {{MedalSport|[[ฟุตบอล]]}} |
||
{{MedalCountry|{{fb|ENG}}}} |
{{MedalCountry|{{fb|ENG}}}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:14, 3 ธันวาคม 2564
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | แฮร์รี เอ็ดเวิร์ด เคน[1] | |||||||||||||||
วันเกิด | [1] | 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1993|||||||||||||||
สถานที่เกิด | วอลแทมสโตว์ ประเทศอังกฤษ | |||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.88 m (6 ft 2 in)[2] | |||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองหน้าตัวเป้า | |||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | ||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | ทอตนัมฮอตสเปอร์ | |||||||||||||||
หมายเลข | 10 | |||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||
1999–2001 | ริดจ์เวย์โรเจอส์ | |||||||||||||||
2001–2002 | อาร์เซนอล | |||||||||||||||
2002–2004 | ริดจ์เวย์โรเจอส์ | |||||||||||||||
2004 | วอตฟอร์ด | |||||||||||||||
2004–2009 | ทอตนัมฮอตสเปอร์ | |||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||
2009– | ทอตนัมฮอตสเปอร์ | 252 | (167) | |||||||||||||
2011 | → เลย์ตันออเรียนต์ (ยืมตัว) | 18 | (5) | |||||||||||||
2012 | → มิลล์วอลล์ (ยืมตัว) | 22 | (7) | |||||||||||||
2012–2013 | → นอริชซิตี (ยืมตัว) | 3 | (0) | |||||||||||||
2013 | → เลสเตอร์ซิตี (ยืมตัว) | 13 | (2) | |||||||||||||
ทีมชาติ‡ | ||||||||||||||||
2010 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 17 ปี | 3 | (2) | |||||||||||||
2010–2012 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี | 14 | (6) | |||||||||||||
2013 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 20 ปี | 3 | (1) | |||||||||||||
2013–2015 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี | 14 | (8) | |||||||||||||
2015– | อังกฤษ | 67 | (48) | |||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 23:41, 7 พฤศจิกายน 2021 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 00:20, 15 พฤศจิกายน 2021 (UTC) |
แฮร์รี เอ็ดเวิร์ด เคน MBE (อังกฤษ: Harry Edward Kane; เกิด 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1993) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าให้กับสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ และเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ เคนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมที่สุดในปัจจุบัน[3] เขามีจุดเด่นในเรื่องทักษะการทำประตูที่เฉียบคม และการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด
เคนเกิดและเติบโตในเขตการปกครองของย่านวอลแทมฟอเรสต์ในลอนดอน โดยเริ่มอาชีพนักฟุตบอลอย่างเป็นทางการกับสโมสรท็อตแนมฮ็อทสเปอร์ ด้วยผลงานอันโดดเด่นตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชนรวมทั้งมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เคนติดทีมเยาวชนของทีมชาติอังกฤษครั้งแรกใน ค.ศ. 2009 ในช่วงเวลาดังกล่าว เคนยังไม่สามารถยึดตำแหน่งในการเล่นระดับสโมสรได้ และถูกปล่อยยืมตัวไปหลายฤดูกาลให้กับสโมสรต่างๆ เช่น เลย์ตันโอเรียนท์, มิลล์วอลล์, เลสเตอร์ซิตี และ นอริชซิตี อย่างไรก็ตาม เคนเริ่มได้รับโอกาสในการลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับสโมสรทอตนัมในช่วง ค.ศ. 2014 ภายหลังจากการเข้ามาคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเชติโน โดยในฤดูกาลดังกล่าว เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงที่สุดให้กับทีมโดยทำไปทั้งสิ้น 31 ประตูรวมทุกรายการ และได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2014-15 (PFA Young Player of the Year) รวมทั้งเป็นรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกจากผลงาน 21 ประตู
ต่อมาทั้งในฤดูกาล 2015-16 และ 2016-17 เคนจบฤดูกาลด้วยการคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของการแข่งขันพรีเมียร์ลีกได้ทั้งสองฤดูกาล โดยในฤดูกาล 2016-17 เขาพาทีมทอตนัมฮอตสเปอร์จบฤดูกาลด้วยการคว้ารองแชมป์พรีเมียร์ลีก และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลในทรรศนะของแฟนๆ (PFA Fan's Player of the Year award) จากการโหวตของแฟนบอลทั่วประเทศ ถัดมาในฤดูกาล 2017-18 เคนสามารถแสดงผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เล่นอาชีพมาโดยเขาทำไปถึง 41 ประตู จากการลงเล่นทุกรายการรวม 48 นัด ถัดมาในฤดูกาล 2018-19 เคนสามารถพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกก่อนจะพ่ายให้แก่ลิเวอร์พูล และในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 เคนได้ทำสถิติกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับที่สองตลอดกาลของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์[4]
เคนทำประตูให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่รวมทั้งสิ้น 38 ประตูจากการลงสนาม 61 นัด และเขาถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำประตูในนามทีมชาติได้ในทุกระดับ (ไล่ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี, รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี, รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และ ทีมชาติชุดใหญ่) และทำประตูแรกให้กับทีมชาติชุดใหญ่ได้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 เคนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษใน ค.ศ. 2018 ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซียจะเริ่มขึ้น โดยเคนสามารถพาทีมชาติอังกฤษผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในรายการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 นอกจากนี้เคนยังคว้าตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดประจำการแข่งขันดังกล่าวและได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ (Golden Boot) ไปครอง
เคนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสรยาภรณ์จักรวรรดิบริติชจากเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 ณ พระราชวังพระราชวังบักกิงแฮม[5][6] ในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลจากอังกฤษที่มีผลงานยอดเยี่ยมตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมากับสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์และมีผลงานที่โดดเด่นในการเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ[7] โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับตำแหน่งผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จำนวน 6 ประตูและทีมชาติอังกฤษสามารถคว้าอันดับที่ 4 ได้ในการแข่งขัน[8] เคนยังอยู่ในชุดที่ทีมชาติอังกฤษคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ซึ่งเป็นการเข้าชิงชนะเลิศในรายการดังกล่าวเป็นครั้งแรก[9]
ประวัติ
แฮร์รี เคน เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1993[10] ที่ย่านวอลทัมสโตว์ ในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน มีชื่อเต็มว่า แฮร์รี เอ็ดเวิร์ด เคน (Harry Edward Kane) โดยครอบครัวของเคนนั้นล้วนแต่เป็นแฟนของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์ จึงทำให้เคนเติบโตมากับทอตนัมฮอตสเปอร์อย่างเต็มตัว โดยมี เท็ดดี้ เชอริงแฮม อดีตกองหน้าของทอตนัมฮอตสเปอร์และทีมชาติอังกฤษ เป็นนักฟุตบอลในดวงใจ
แฮร์รี เคน เริ่มต้นจากการเป็นนักฟุตบอลเยาวชนชุดอายุไม่เกิน 7 ปี ของทีมอาร์เซนอล[11]แต่ได้ย้ายออกมาหลังจากอยู่ได้เพียง 2 ฤดูกาล เนื่องจากถูกมองว่ามีรูปร่างเล็กเกินไป และย้ายไปอยู่กับริดจ์เวย์รอเจอส์ สโมสรระดับเล็กย่านลอนดอนเหนือละแวกเดียวกับที่ตั้งสนามและสโมสรของอาร์เซนอล [12]จนกระทั่งย้ายมาอยู่กับทอตนัมฮอตสเปอร์ในปี ค.ศ. 2009 ในรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และได้พัฒนาการเล่นขึ้นมาตามลำดับ โดยทำประตูไปได้ 22 ประตู จากการลงเล่นไปทั้งหมด 32 นัด ในชุดอายุไม่เกิน 18 ปี และจากนั้นก็ทำประตูได้อีก 10 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 16 นัด ในชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ก่อนที่จะมีโอกาสได้เล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกกับรายการยูโรปาลีก กับ ฮาร์ทส์ เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011[13]
ก่อนหน้าที่เคนจะได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของทอตนัมฮอตสเปอร์ เคนได้ถูกปล่อยไปหาประสบการณ์กับ เรย์ตันโอเรียน แบบยืมตัวในช่วงต้นปี ค.ศ. 2011 และต่อมาก็ได้ย้ายไปแบบยืมตัวกับอีกหลายสโมสร[14]
แฮร์รี เคน ได้กลับมาสู่ทีมชุดใหญ่ของทอตนัมฮอตสเปอร์อีกครั้ง ในเดือนเมษายน ในฤดูกาล 2013–14 โดยทำไปได้ 12 ประตูจากทุกรายการที่ลงแข่งขัน
ทอตนัมฮอตสเปอร์
ฤดูกาล 2014–15
ในฤดูกาล 2014–15 แฮร์รี เคน กลายเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในวงการ โดยแฟนของทอตนัมฮอตสเปอร์ได้ตั้งฉายาให้ว่า "เฮอร์ริเคน" [15] ในการแข่งขันนัดที่ 20 ของฤดูกาล ซึ่งตรงกับวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2015 ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์พบกับ เชลซี ซึ่งเป็นจ่าฝูง ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน เคนสามารถทำประตูได้ถึง 2 ประตู และ ทำแอสชิสต์ได้อีก 2 ครั้ง ซึ่งผลการแข่งขันทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะเชลซีไปถึง 5–3 ส่งผลให้เชลซีพ่ายแพ้เป็นนัดที่ 2 ในฤดูกาล[16] และเคนยังทำเพิ่มได้อีก 2 ประตู ในการแข่งขันนัดที่ 24[17] ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะอาร์เซนอล ไปได้ 2–1 ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน โดยเป็นผู้ทำประตูได้ในนาทีที่ 56 และ 86 ทั้งที่อาร์เซนอลเป็นฝ่ายยิงประตูนำไปก่อน[18] ในนัดที่ 30 ของฤดูกาล เคนสามารถทำแฮตทริกได้ ในนัดที่พบกับ เลสเตอร์ซิตี ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน โดยเป็นการยิงจุดโทษในนาทีที่ 64 เป็นลูกที่ 3 ผลการแข่งขันทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะไป 4–3[19] และทำให้เคนกลายเป็นดาวซัลโวของฤดูกาลไปในขณะนั้นด้วยการทำประตูไปรวมทั้งสิ้น 19 ประตู[20]
กระทั่งจบฤดูกาล แฮร์รี เคน ทำสถิติยิงไปทั้งสิ้น 21 ประตู (นับเฉพาะพรีเมียร์ลีก และ จำนวน 31 ประตูหากนับรวมทุกรายการ) และคว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวประจำฤดูกาลดังกล่าว โดยเป็นรองเพียง เซร์คีโอ อะกูเอโร กองหน้าของ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่ยิงไปทั้งสิ้น 26 ประตู[21]
ฤดูกาล 2015–16
แต่ในฤดูกาล 2015–16 ในการแข่งขัน 4 นัดแรกของฤดูกาล เคนไม่สามารถทำประตูได้เลย อีกทั้งทอตนัมฮอตสเปอร์ก็ยังไม่ชนะสโมสรใดเลย[22] จนเมื่อทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะสามารถคว้าชัยชนะในนัดแรกสำเร็จเมื่อเป็นฝ่ายบุกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ ก่อนจะเอาชนะไปได้ 1-0 [23]
แฮร์รี เคน ทำประตูแรกในฤดูกาลดังกล่าวได้ ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกนัดที่ 7 ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ พบกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ซึ่งมีคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่งในตารางคะแนน ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน ด้วยการซ้ำลูกยิงฟรีคิกของคริสเตียน อีริกเซน ในนาทีที่ 61 ช่วยให้ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะไปได้ 4–1[24] และ ต่อมาเคนสามารถยิงแฮตทริกได้ในการแข่งขันนัดที่ 10 ที่ทีมพบกับ บอร์นมัท ที่สนามดีนคอร์ท โดยเคนทำประตูได้ในนาทีที่ 9, 56 และ 63 และเมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว แฮร์รี เคน ได้รับตำแหน่งดาวซัลโวของลีกจากการยิงไปทั้งสิ้น 25 ประตู และได้รับรางวัลรองเท้าทองคำไปครอง[25]
ฤดูกาล 2016–17
ในฤดูกาล 2016–17 เคนทำประตูแรกได้ในการแข่งขันนัดที่ 4 ในเกมที่พบกับสโตกซิตี ที่สนามบริแทนเนียสเตเดียม และถือเป็นประตูที่ 50 ของเคนที่ยิงให้กับทอตนัมฮอตสเปอร์ได้หากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก[26] เคนสามารถทำประตูได้ในนัดถัดมาที่พบกับซันเดอร์แลนด์ ในนาทีที่ 59 ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน ซึ่งเป็นประตูชัยเพียงประตูเดียวในนัดดังกล่าว แต่เขาได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าในช่วงท้ายของการแข่งขัน ขณะแย่งลูกฟุตบอลกับผู้เล่นซันเดอร์แลนด์ ทำให้ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามและคาดว่าต้องหยุดพักรักษาตัวประมาณ 10 สัปดาห์[27]
เคนสามารถทำแฮตทริกได้ในนัดที่ 21 ของฤดูกาล ในต้นปี 2017 ในการพบกับทีมเวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน ซึ่งทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะไป 4–0 และ ถือเป็นการทำแฮตทริกครั้งที่สามของเคนในฤดูกาลนี้ และ ทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำแฮตทริกได้มากที่สุดของสโมสรเทียบเท่ากับเจอร์เมน เดโฟ และ ร็อบบี คีน อดีตผู้เล่นคนสำคัญของสโมสรในอดีต[28]
ฤดูกาล 2017-18
ในฤดูกาลถัดมาแม้ว่าเคนจะไม่สามารถทำประตูได้เลยใน 3 นัดแรกของการแข่งขัน เขากลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยการทำประตูได้ใน 3 จาก 4 นัดถัดไปจากการแข่งขันทุกรายการ ประตูที่เขาทำได้ในนัดที่พบกับเอฟเวอร์ตันในวันที่ 9 กันยายน 2017 ถือเป็นประตูที่ 100 ของเคนในฐานะผู้เล่นของทอตนัมฮอตสเปอร์จากการลงแข่งขันรวมทุกรายการจำนวน 169 นัด ต่อมาในวันที่ 26 กันยายน เคนสามารถทำแฮตทริกในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกในเกมที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะสโมสรอาโปเอลแชมป์ลีกจากประเทศไซปรัส เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่ 5 ในอาชีพการค้าแข้งในเดือนกันยายนนี้อีกด้วย
ในวันที่ 23 ธันวาคม เคนทำสถิติเทียบเท่า อลัน เชียเรอร์ ในการทำได้ถึง 36 ประตูในพรีเมียร์ลีกภายใน 1 ปีปฏิทิน (นับรวมต่อเนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมา) ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเอาชนะเบิร์นลีย์ได้ 3-0 โดยเคนสามารถทำแฮตทริกได้ในนัดดังกล่าวและเขาทำลายสถิติของเชียเรอร์ได้ในเกมต่อมาที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เปิดบ้านเอาชนะเซาแธมป์ตันไป 5-2 โดยเคนสามารถทำแฮตทริกได้อีกครั้งซึ่งนับเป็นการทำแฮตทริกได้เป็นครั้งที่ 8 ในปี 2017 รวมทุกรายการ และ จากผลงานดังกล่าวทำให้เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่สามารถทำแฮตทริกได้ถึง 6 ครั้งภายในปีเดียว และ ในปี 2017 เคนยังทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูรวมทุกรายการสูงที่สุดในการแข่งขันของลีกยุโรปจำนวน 56 ประตู ถือเป็นผู้เล่นคนแรกนอกเหนือจากคริสเตียโน โรนัลโด และ ลิโอเนล เมสซิ ที่ทำสถิตินี้ได้ในรอบ 7 ปี[29]
ในเดือนมกราคม 2018 เคนทำได้อีก 2 ประตูในนัดที่เอาชนะเอฟเวอร์ตัน ส่งผลให้เคนกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงที่สุดตลอดกาลให้กับสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์ในยุคพรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติของ เท็ดดี เชอริงแฮม ที่ทำไว้จำนวน 97 ประตู ต่อมาในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เคนทำได้ 1 ประตูจากลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเสมอกับลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ 2-2 ซึ่งถือเป็นประตูที่ 100 ของเคนในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เขามีชื่อติดทีมผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันในเดือนเมษายน และในเดือนมิถุนายน 2018 เคนตัดสินใจขยายสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรออกไปจนถึง ค.ศ. 2024
ฤดูกาล 2018-19
เคนเริ่มต้นฤดูกาลในนัดแรกที่ทีมพบกับนิวคาสเซิลแต่เขาไม่สามารถทำประตูได้ เคนทำประตูแรกของฤดูกาลได้ในนัดต่อมาที่พบกับฟูลัม ซึ่งเป็นการหยุดสถิติอันเลวร้ายของเคนที่ไม่สามารถทำประตูได้เลยในการแข่งขันในเดือนสิงหาคมตลอดอาชีพที่ผ่านมา เคนทำประตูในนัดสำคัญได้ในเกมทีทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ 0-3 ซึ่งถือเป็นการบุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เป็นครั้งที่ 3 ของสโมสรเท่านั้น นับตั้งแต่ปี 1992 ต่อมาในเดือนมกราคม 2019 เคนทำได้ 1 ประตูในนัดที่พบกับคาร์ดิฟซึ่งถือเป็นการทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสโมสรอื่นได้ทุกสโมสรที่เขาเผชิญหน้าด้วยในพรีเมียร์ลีก เขาได้รับบาดเจ็บข้อเท้าในเกมที่พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 13 มกราคม 2019 และต้องพักรักษาตัวประมาณ 5 สัปดาห์
เคนกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ในนัดที่พบกับเบิร์นลีย์ และทำได้ 1 ประตูแต่ทอตนัมได้พ่ายให้กับเบิร์นลีย์ไป 1-2 เขาทำได้ 1 ประตูในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดที่ 2 รอบ 16 ทีมสุดท้ายในเกมที่พบโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ช่วยให้ทอตนัมผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยประตูรวม 4-0 ซึ่งประตูดังกล่าวทำให้เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นทอตนัมฮอตสเปอร์ที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปจำนวน 24 ประตู ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรกที่พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี เคนได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าอีกครั้งและสื่อคาดการณ์ว่าเขาต้องปิดฉากการเล่นในฤดูกาลดังกล่าว อย่างไรก็ตามเคนกลับมาช่วยทีมได้ในการแข่งขันนัดสำคัญที่ทอตนัมฮอตสเปอร์พบกับลิเวอร์พูลในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกซึ่งทอตนัมพ่ายให้แก่ลิเวอร์พูลไป 0-2
ฤดูกาล 2019-20
เคนเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการทำ 2 ประตูในนัดเปิดสนามที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะแอสตัน วิลลา ได้ 3-1 ซึ่งเป็นการทำประตูแรกของเจ้าตัว ณ สนามแห่งใหม่ของทอตนัมฮอตสเปอร์อีกด้วย ในเดือนมกราคมปี 2020 ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ออกไปเยือนเซาแธมป์ตัน เคนได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงซึ่งทำให้เขาต้องพักรักษาตัวเป็นเวลาหลายเดือนเป็นอย่างน้อย และในช่วงเวลาดังกล่าวการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการในประเทศอังกฤษได้ถูกประกาศเลื่อนออกไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยเคนได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ต่อมาในวันที่ 23 มิถุนายน เคนได้ลงสนามให้กับทอตนัมฮอตสเปอร์เป็นนัดที่ 200 ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เขาทำประตูแรกในปี 2020 ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะเวสต์แฮมไป 2-0
ฤดูกาล 2020-21
เคนทำประตูแรกในฤดูกาลได้ในนัดที่ทีมเอาชนะ โลโคโมทีฟ พล็อฟดิฟ ทีมจากบัลแกเรีย โดยทอตนัมฮอตสเปอร์สามารถเอาชนะไปได้ 2-1 และประตูแรกในพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ของเคน ทำได้ในนัดที่ทีมเอาชนะเซาแธมป์ตัน 5-2 ซึ่งในนัดดังกล่าวเคนทำสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่ทำแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้ถึง 4 ครั้งในนัดเดียวและเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ทำสถิติดังกล่าวได้
เคนทำแฮตทริกแรกของฤดูกาลได้ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะ มัคคาบี้ ไฮฟา ทีมจากอิสราเอล ในการแข่งขันรอบคัดเลือกรายการยูโรปาลีก ต่อมาในวันที่ 4 ตุลาคม เคนทำได้ 2 ประตู ในเกมที่ทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม โอลด์แทรฟฟอร์ด ถึง 1-6 ซึ่งเป็นการคว้าชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1932 ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ทำได้ในการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคนทำประตูที่ 200 ในการแข่งขันทุกรายการให้กับทอตนัมฮอตสเปอร์ได้ในเกมที่พบกับ ลูโดโกเรต์ส รัซกราด ทีมจากบัลแกเรียในรอบแบ่งกลุ่มยูโรปาลีกซึ่งทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะไปได้ 3-1 เคนยังสามารถทำได้ 1 ประตูในเกมที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะอาร์เซนอลคู่ปรับตลอดกาลได้ 2-0 ทำให้เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขัน ดาร์บีลอนดอนเหนือ จำนวน 11 ประตู[30] และนับเป็นประตูที่ 250 ที่เคนทำได้ทุกรายการในการแข่งขันทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ
ทีมชาติ
ในระดับทีมชาติ จากผลงานอันโดดเด่นในฤดูกาล 2014–15 ส่งผลให้ แฮร์รี เคน ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก ในรายการคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ในนัดที่อังกฤษพบกับ ลิทัวเนีย และ อิตาลี ในปลายเดือนมีนาคม ค.ศ. 2015[31] และสามารถทำประตูได้ทันทีในนัดแรกที่พบกับลิทัวเนีย โดยเคนเป็นตัวสำรองถูกเปลี่ยนไปแทนเวย์น รูนีย์ และทำประตูได้โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งนาที ในนาทีที่ 71 จากการโหม่ง โดยผลการแข่งขันอังกฤษสามารถเอาชนะไปได้ 4-0[32]
แฮร์รี เคน ยิงประตูให้กับทีมชาติได้อีกครั้ง ในรายการคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 เมื่อถูกเปลี่ยนตัวมาในครึ่งหลังในนัดที่อังกฤษพบกับ ซานมาริโน ในนาทีที่ 77 จากการเปิดผ่านของจอนโจ เชลวีย์ นับเป็นลูกที่ 5 ในนัดดังกล่าว ซึ่งผลการแข่งขันอังกฤษเป็นฝ่ายเอาชนะไปถึง 6-0 ซึ่งทำให้อังกฤษกลายเป็นชาติแรกที่ผ่านเข้าไปแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบสุดท้ายเป็นชาติแรก[33]
แต่ผลงานของเคนและทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งนี้ ไม่สู้ดีนัก โดยเคนไม่สามารถทำประตูได้เลย[34] แม้อังกฤษจะผ่านเข้าสู่รอบสอง หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ แต่อังกฤษก็ไปพ่ายให้กับทีมชาติไอซ์แลนด์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นรองเนื่องจากเป็นทีมที่เพิ่งเข้าร่วมรายการแข่งขันระดับโลกเป็นครั้งแรกไป 1–2
เคนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 2018 ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซียจะเริ่มขึ้น โดยในรายการดังกล่าวเคนสามารถพาอังกฤษผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ ซึ่งถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 นอกจากนี้เคนยังคว้าตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดประจำการแข่งขันและได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ (Golden Boot) ไปครองจากการทำไปทั้งสิ้น 6 ประตูตลอดการแข่งขัน และถือเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าวนับตั้งแต่ แกรี่ ลินิเกอร์ ทำได้ในฟุตบอลโลก 1986[35]
เคนได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมในการแข่งขันอย่างเป็นทางการนัดที่ 1,000 ของทีมชาติอังกฤษ ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือกในนัดที่พบกับทีมชาติ มอนเตรเนโกร ซึ่งเคนสามารถทำแฮตทริกในนัดดังกล่าวได้อีกด้วย ส่งผลให้เคนได้กลายเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ตลอดกาลให้กับทีมชาติอังกฤษ และเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดในฐานะกัปตันทีม และจากผลการแข่งขันซึ่งอังกฤษสามารถเอาชนะไปได้ 7-0 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เคนยังทำสถิติเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่สามารถทำประตูในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบคัดเลือกได้ครบทุกนัดอีกด้วย
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบสุดท้าย อังกฤษสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศก่อนจะแพ้อิตาลีจากการดวลจุดโทษ โดยเคนมีผลงานคือการทำ 4 ประตู ในรายการนี้ (1 ประตูในนัดที่พบกับเยอรมนีรอบ 16 ทีมสุดท้าย[36], 2 ประตูในนัดที่พบกับยูเครนรอบ 8 ทีมสุดท้าย[37] และ 1 ประตูในนัดที่พบกับเดนมาร์กในรอบรองชนะเลิศ[38])
รูปแบบการเล่น
ในช่วงแรกของการลงเล่นให้ทีมเยาวชน เคนประสบปัญหาทางด้านสภาพร่างกายบ่อยครั้งเนื่องจากเขามีพัฒนาการทางร่างกายที่ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและความปรารถนาที่จะลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ทำให้เคนได้รับโอกาสจากผู้จัดการทีม[39]
ใน ค.ศ. 2013 สถานีวิทยุทอล์คสปอร์ตได้ทำการวิเคราะห์ถึงศักยภาพของเคนและกล่าวยกย่องว่าเขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าต่ำ (Second Striker) ที่เก่งที่สุด แม้เขาจะมีศักยภาพในการเล่นตำแหน่งกองหน้าตัวเป้ารวมทั้งการถ่างออกไปเล่นด้านข้างหรือเป็นตัวริมเส้น[40] เคนมีความสามารถในการวางบอลที่แม่นยำและสามารถทำประตูได้จากทั้งระยะใกล้และไกล[41] เคนยังได้รับการยกย่องในแง่ของการเป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมแต่ไม่โดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ (จากการวิเคราะห์ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว) ภายหลังจากที่โรเบร์โต โซลดาโด กองหน้าชาวเปนได้ย้ายเข้าสู่ทีมในปี 2013 ด้วยราคาสูงถึง 26 ล้านปอนด์ แต่กลับมีผลงานที่ย่ำแย่ ทำให้เคนได้รับโอกาสลงเล่นในฐานะศูนย์หน้าตัวหลักของทีมภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเชติโน่ ในช่วงเวลาดังกล่าวเคนยอมรับว่าเขาสามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างต่อเนื่องด้วยการฝึกซ้อมอย่างหนักและการปรับโภชนาการ
เดวิด พลีท อดีตผู้จัดการทีมของทอตนัมฮอตสเปอร์ได้แสดงทรรศนะว่าเคนถือเป็นกองหน้าที่มีรูปแบบและวิธีการเล่นที่เหมาะกับฟุตบอลสมัยเก่ามากกว่า ในขณะที่ ไคลฟ์ อัลเลน อดีตผู้เล่นทีมชาติอังกฤษยกย่องเคนว่าเป็นผู้เล่นที่เกิดมาเพื่อทำประตูอย่างแท้จริงและมีอารมณ์ร่วมกับการแข่งขันอยู่เสมอ และ เลส เฟอร์ดินานด์ อดีตผู้จัดการทีมของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ได้กล่าวยกย่องศักยภาพของเคนว่ามีรูปแบบการเคลื่อนที่และทักษะที่คล้าย เท็ดดี้ เชอริงแฮม และมีเทคนิคการทำประตูที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับ อลัน เชียเรอร์ และ ด้วยรูปร่างอันสูงใหญ่และมีความแข็งแกร่ง เคนมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับอดีตศูนย์หน้ารุ่นพี่ในทีมทอตนัมฮอตสเปอร์อย่าง เยือร์เกิน คลีนส์มัน
ชีวิตส่วนตัว
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 เคนยอมรับว่าเขามีแฟนสาวนามว่า เคธี กู้ดแลนด์[42] ซึ่งทั้งคู่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2017 เคนได้ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่าได้ทำการหมั้นกับกู้ดแลนด์และทั้งคู่ได้สมรสกันในเดือนมิถุนายน ปี 2019 ทั้งคู่มีบุตรสาวคนแรกในเดือนมกราคม 2017 โดยมีนามว่า "ไอวี เจน เคน" ตามมาด้วยบุตรสาวคนที่สองได้แก่ "วิเวียน เจน เคน" ในเดือนสิงหาคมปี 2018 และบุตรคนที่สามของทั้งคู่ซึ่งเป็นบุตรชายนามว่า "หลุยส์ แฮร์รี เคน" ได้ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2020
เคนมีสุนัขพันธ์ลาบราดอร์ 2 ตัว[43] ชื่อ "เบรดี" และ "วิลสัน" ตั้งชื่อตาม ทอม เบรดี้ และ รัสเซล วิลสัน สองผู้เล่นในตำแหน่งควอร์เตอร์แบ็ก (quarterback) ในการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล NFL ซึ่งทั้งสองเป็นผู้เล่นที่เคนชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยในปี 2019 เคนให้สัมภาษณ์ว่าตนเองมีความสนในที่จะเล่นอเมริกันฟุตบอล เคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่มีการแข่งขันสำคัญและเข้มงวดเรื่องโภชนาการ โดยเคนได้จ้างพ่อครัวส่วนตัวเข้ามาดูแลเรื่องเมนูอาหารตั้งแต่ปี 2017 เคนมีงานอดิเรกที่ชื่นชอบคือการเล่นกอล์ฟ[44][45][46]
สถิติอาชีพ
สโมสร
ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2021
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ระดับยุโรป | การแข่งขันอื่นๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Division | Apps | Goals | Apps | Goals | Apps | Goals | Apps | Goals | Apps | Goals | Apps | Goals | ||
ทอตนัมฮอตสเปอร์ | 2009–10[47] | พรีเมียร์ลีก | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | — | 0 | 0 | ||
2010–11[48] | พรีเมียร์ลีก | 0 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | — | 0 | 0 | |||
2011–12[49] | พรีเมียร์ลีก | 0 | 0 | — | 0 | 0 | 6[a] | 1 | — | 6 | 1 | |||
2012–13[50] | พรีเมียร์ลีก | 1 | 0 | — | — | 0 | 0 | — | 1 | 0 | ||||
2013–14[51] | พรีเมียร์ลีก | 10 | 3 | 0 | 0 | 2 | 1 | 7[a] | 0 | — | 19 | 4 | ||
2014–15[52] | พรีเมียร์ลีก | 34 | 21 | 2 | 0 | 6 | 3 | 9[a] | 7 | — | 51 | 31 | ||
2015–16[53] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 25 | 4 | 1 | 1 | 0 | 7[a] | 2 | — | 50 | 28 | ||
2016–17[54] | พรีเมียร์ลีก | 30 | 29 | 3 | 4 | 0 | 0 | 5[b] | 2 | — | 38 | 35 | ||
2017–18[55] | พรีเมียร์ลีก | 37 | 30 | 4 | 4 | 0 | 0 | 7[c] | 7 | — | 48 | 41 | ||
2018–19[56] | พรีเมียร์ลีก | 28 | 17 | 1 | 1 | 2 | 1 | 9[d] | 5 | — | 40 | 24 | ||
2019–20[57] | พรีเมียร์ลีก | 29 | 18 | 0 | 0 | 0 | 0 | 5[d] | 6 | — | 34 | 24 | ||
2019–20[57] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 22 | 2 | 1 | 4 | 1 | 8[d] | 8 | — | 47 | 32 | ||
เลย์ตัน โอเรียนท์ (สัญญายืมตัว) | 2010–11[48] | อีเอฟแอลลีกวัน | 18 | 5 | 0 | 0 | — | — | — | 18 | 5 | |||
มิลล์วอลล์ (สัญญายืมตัว) | 2011–12[49] | อีเอฟแอลแชมเปียนชิป | 22 | 7 | 5 | 2 | — | — | — | 27 | 9 | |||
นอริชซิตี (สัญญายืมตัว) | 2012–13[50] | พรีเมียร์ลีก | 3 | 0 | 1 | 0 | 1 | 0 | — | — | 5 | 0 | ||
เลสเตอร์ซิตี (สัญญายืมตัว) | 2012–13[50] | อีเอฟแอลแชมเปียนชิป | 13 | 2 | — | — | — | 2[e] | 0 | 15 | 2 | |||
Career total | 286 | 179 | 22 | 13 | 16 | 6 | 63 | 38 | 2 | 0 | 399 | 236 |
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 Appearances in UEFA Europa League
- ↑ Three appearances and two goals in UEFA Champions League, two appearances in UEFA Europa League
- ↑ Appearances in UEFA Champions League
- ↑ 4.0 4.1 4.2 Appearances in UEFA Champions League
- ↑ Appearances in Championship play-offs
ทีมชาติ
ทีมชาติ | ปี | จำนวนนัด | ประตู |
---|---|---|---|
ทีมชาติอังกฤษ | 2015 | 8 | 3 |
2016 | 9 | 2 | |
2017 | 6 | 7 | |
2018 | 12 | 8 | |
2019 | 10 | 12 | |
2020 | 6 | 0 | |
2020 | 6 | 0 | |
2021 | 10 | 6 | |
Total | 61 | 38 |
ประตูในนามทีมชาติ
- As of match played 17 November 2019. England score listed first, score column indicates score after each Kane goal.[58]
No. | Date | Venue | Cap | Opponent | Score | Result | Competition | Ref. |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 27 March 2015 | Wembley Stadium, London, England | 1 | ลิทัวเนีย | 4–0 | 4–0 | UEFA Euro 2016 qualification | [60] |
2 | 5 September 2015 | San Marino Stadium, Serravalle, San Marino | 3 | ซานมารีโน | 5–0 | 6–0 | [61] | |
3 | 8 September 2015 | Wembley Stadium, London, England | 4 | สวิตเซอร์แลนด์ | 1–0 | 2–0 | [62] | |
4 | 26 March 2016 | Olympiastadion, Berlin, Germany | 9 | เยอรมนี | 1–2 | 3–2 | Friendly | [63] |
5 | 22 May 2016 | City of Manchester Stadium, Manchester, England | 11 | ตุรกี | 1–0 | 2–1 | Friendly | [64] |
6 | 10 June 2017 | Hampden Park, Glasgow, Scotland | 18 | สกอตแลนด์ | 2–2 | 2–2 | 2018 FIFA World Cup qualification | [65] |
7 | 13 June 2017 | Stade de France, Saint-Denis, France | 19 | ฝรั่งเศส | 1–0 | 2–3 | Friendly | [66] |
8 | 2–2 | |||||||
9 | 1 September 2017 | National Stadium, Ta' Qali, Malta | 20 | มอลตา | 1–0 | 4–0 | 2018 FIFA World Cup qualification | [67] |
10 | 4–0 | |||||||
11 | 5 October 2017 | Wembley Stadium, London, England | 22 | สโลวีเนีย | 1–0 | 1–0 | [68] | |
12 | 8 October 2017 | LFF Stadium, Vilnius, Lithuania | 23 | ลิทัวเนีย | 1–0 | 1–0 | [69] | |
13 | 2 June 2018 | Wembley Stadium, London, England | 24 | ไนจีเรีย | 2–0 | 2–1 | Friendly | [70] |
14 | 18 June 2018 | Volgograd Arena, Volgograd, Russia | 25 | ตูนิเซีย | 1–0 | 2–1 | 2018 FIFA World Cup | [71] |
15 | 2–1 | |||||||
16 | 24 June 2018 | Nizhny Novgorod Stadium, Nizhny Novgorod, Russia | 26 | ปานามา | 2–0 | 6–1 | [72] | |
17 | 5–0 | |||||||
18 | 6–0 | |||||||
19 | 3 July 2018 | Otkritie Arena, Moscow, Russia | 27 | โคลอมเบีย | 1–0 | 1–1 | [73] | |
20 | 18 November 2018 | Wembley Stadium, London, England | 35 | โครเอเชีย | 2–1 | 2–1 | 2018–19 UEFA Nations League A | [74] |
21 | 22 March 2019 | Wembley Stadium, London, England | 36 | เช็กเกีย | 2–0 | 5–0 | UEFA Euro 2020 qualification | [75] |
22 | 25 March 2019 | Podgorica City Stadium, Podgorica, Montenegro | 37 | มอนเตเนโกร | 4–1 | 5–1 | UEFA Euro 2020 qualification | [76] |
23 | 7 September 2019 | Wembley Stadium, London, England | 40 | บัลแกเรีย | 1–0 | 4–0 | UEFA Euro 2020 qualification | [77] |
24 | 2–0 | |||||||
25 | 4–0 | |||||||
26 | 10 September 2019 | St Mary's Stadium, Southampton, England | 41 | คอซอวอ | 2–1 | 5–3 | UEFA Euro 2020 qualification | [78] |
27 | 11 October 2019 | Sinobo Stadium, Prague, Czech Republic | 42 | เช็กเกีย | 1–0 | 1–2 | UEFA Euro 2020 qualification | [79] |
28 | 14 October 2019 | Vasil Levski National Stadium, Sofia, Bulgaria | 43 | บัลแกเรีย | 6–0 | 6–0 | UEFA Euro 2020 qualification | [80] |
29 | 14 November 2019 | Wembley Stadium, London, England | 44 | มอนเตเนโกร | 2–0 | 7–0 | UEFA Euro 2020 qualification | [81] |
30 | 3–0 | |||||||
31 | 5–0 | |||||||
32 | 17 November 2019 | Fadil Vokrri Stadium, Pristina, Kosovo | 45 | คอซอวอ | 2–0 | 4–0 | UEFA Euro 2020 qualification | [82] |
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 "Hary Kane". Barry Hugman's Footballers. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ "Player profile". Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 9 January 2015.
- ↑ https://www.sportsmole.co.uk/football/spurs/news/paul-merson-kane-is-worlds-best-striker_440316.html
- ↑ https://www.transfermarkt.com/tottenham-hotspur/topTorschuetzen/verein/148
- ↑ George-Miller, Dustin (2019-03-28). "Harry Kane receives his MBE from Prince William". Cartilage Free Captain (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Harry Kane awarded MBE from Prince William at Buckingham Palace after England World Cup heroics". The Sun (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2019-03-28.
- ↑ Merrifield, Ryan (2021-07-11). "Prince William wishes England luck in video message hours before Euro 2020 final". mirror (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/harry-kane-receives-mbe-after-14197517
- ↑ "How England reached their first final in 55 years". www.telegraph.co.uk.
- ↑ "Harry Kane". IMDb.
- ↑ "เสียดายไหม?สื่ออังกฤษเผยเคนเคยเป็นเยาวชนปืนตอน 7 ขวบ". อาร์เซนอลไทย.com. สืบค้นเมื่อ 9 January 2015.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "เคน เผยถูก อาร์เซนอล เมินตั้งแต่เป็นเยาวชน เหตุตัวเล็กเกินไป". teededball. สืบค้นเมื่อ September 1, 2016.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Harry Kane Bio, Facts, Childhood, Career, Net Worth, Life". SportyTell (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2019-10-20.
- ↑ "Who is Harry Kane? Everything You Need to Know". www.thefamouspeople.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ หน้า 20 กีฬา, แฮร์รี เคน ความหวังใหม่ 'ไก่เดือยทอง' โดย "หมึกบอล". เดลินิวส์ฉบับที่ 23,770: วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 แรม 5 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเมีย
- ↑ "คลิปไฮไลท์พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 5-3 เชลซี TOTTENHAM HOTSPUR 5-3 CHELSEA". football-fun.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-08. สืบค้นเมื่อ 2 January 2015.
- ↑ "ไฮไลท์ฟุตบอล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-11. สืบค้นเมื่อ 2017-02-24.
- ↑ หน้า 16 ต่อ 14 กีฬา, เคนเหมายิง ไก่จิกปืนดับ แซงชนะ2-1. เดลินิวส์ฉบับที่ 23,856: วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 แรม 5 ค่ำ เดือน 3 ปีมะเมีย
- ↑ "คลิปไฮไลท์พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 4-3 เลสเตอร์". สืบค้นเมื่อ 22 March 2015.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "'เรือใบ'เปิดบ้านถล่มเวสต์บรอมวิช10-'เคน'ซัดแฮตทริกแรก-นำดาวซัลโวพา'ไก่'เฮ-'ปืน'เฉือนนิวคาสเซิล". สืบค้นเมื่อ 22 March 2015.
- ↑ "อันดับดาวซัลโว ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ฤดูกาล 2014-2015". สืบค้นเมื่อ 25 May 2015.
- ↑ หน้า 20 บทความการศึกษา-กีฬา, เกิดอะไรขึ้น. "คิดทันเกม" โดย หมึกบอล. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,064: วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 แรม 3 ค่ำ เดือน 9 ปีมะแม
- ↑ หน้า 19 ต่อจากหน้า 17 กีฬา, ไก่เดือยทองฝืดเฉือนซันเดอร์แลนด์. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,077: วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม
- ↑ "'เคน' สุดปลื้ม! ยิงลูกแรกในฤดูกาลนี้ได้แล้ว". ไทยรัฐ. 26 September 2015. สืบค้นเมื่อ 27 September 2015.
- ↑ "คมกว่าใคร ! แฮร์รี เคน คว้ารางวัล "ดาวซัลโว" พรีเมียร์ลีก 2015-16". 90min.com. 16 May 2016. สืบค้นเมื่อ 18 May 2016.
- ↑ "สโต๊คซิตี้04สเปอร์ส". thlivescore. 2016-09-10. สืบค้นเมื่อ 2016-09-10.[ลิงก์เสีย]
- ↑ หน้า 19, 'เคน'เจ็บพักนาน 10 วีก-คลอปป์รับไม่มีประตูมือ 1. ไทยรัฐปีที่ 67 ฉบับที่ 21428: วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559 แรม 5 ค่ำ เดือน 10 ปีวอก
- ↑ เหลืองอ่อน, สันติภพ (2017-01-15). "เทียบชั้น 2 ตำนาน! เคน ขึ้นแท่นแฮตทริคมากสุดของสเปอร์ส-goal.com". เฟซบุก. สืบค้นเมื่อ 2017-01-15.
- ↑ "Harry Kane Profile, News & Stats | Premier League". www.premierleague.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ https://www.standard.co.uk/topic/north-london-derby
- ↑ "โอกาสมา "แฮร์รี่ เคน" ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษหนแรก ในเกมฟาดแข้งกับลิทัวเนีย-อิตาลี". มติชน. สืบค้นเมื่อ 22 March 2015.
- ↑ ""เคน" เปิดซิงโขกพาสิงโตเฮ 4-0 กระทิงหืด 1-0". ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 28 March 2015.
- ↑ ""รูน" นำสิงโตฝัง ซาน มาริโน 6-0 ลิ่วยูโรทีมแรก". ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 6 September 2015.
- ↑ "11 แข้งยอดแย่ยูโร 2016 รอบแบ่งกลุ่ม : เคน, อิบราฮิโมวิช,เลวานดอฟสกี้ มาครบ". fourfourtwo. 24 June 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-02. สืบค้นเมื่อ 28 June 2016.
- ↑ www.whoscored.com https://www.whoscored.com/Players/83532/Show/Harry-Kane.
{{cite web}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ "England end 55-year wait for knockout win over Germany". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ "England thrash Ukraine to make last four". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ "England reach Euro 2020 final". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ "Harry Kane Stats, News, Bio". ESPN (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Harry Kane Statistics | Premier League". www.premierleague.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Nast, Condé (2021-07-08). "Harry Kane's rules for goal-scoring style on and off the pitch". British GQ (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
- ↑ "Harry Kane's family: Meet England captain's wife Katie and their children". HELLO! (ภาษาอังกฤษ). 2021-07-13.
- ↑ McCloskey, Jimmy (2015-03-02). "Pooch pals! Spurs ace Harry Kane talks to his dogs on the phone". Dailystar.co.uk (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Harry Kane plays golf with Gary Neville: "De Bruyne is a special player" | GolfMagic". www.golfmagic.com.
- ↑ Monthly, Golf (2018-11-12). "Harry Kane Shoots Under Par Round For First Time". Golf Monthly (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ bunkered.co.uk (2018-06-19). "England striker Harry Kane is probably a better…". bunkered.co.uk (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2009/2010". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ 48.0 48.1 "Games played by แฮร์รี เคน in 2010/2011". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ 49.0 49.1 "Games played by แฮร์รี เคน in 2011/2012". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 23 August 2014.
- ↑ 50.0 50.1 50.2 "Games played by แฮร์รี เคน in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 23 August 2014.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 23 August 2014.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 May 2016.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 16 July 2017.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 2 June 2018.
"Premier League: Tottenham goal at Stoke awarded to Harry Kane". BBC Sport. 11 April 2018. สืบค้นเมื่อ 11 April 2018. - ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 9 June 2019.
- ↑ 57.0 57.1 "Games played by แฮร์รี เคน in 2019/2020". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 26 December 2019.
- ↑ 58.0 58.1 "Kane, Harry". National Football Teams. สืบค้นเมื่อ 2 June 2018.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อNigeria
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEngland 4–0 Lithuania
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSan Marino 0–6 England
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEngland 2–0 Switzerland
- ↑ McNulty, Phil (26 March 2016). "Germany 2–3 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 29 May 2016.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEngland 2–1 Turkey
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อScotland 2–2 England
- ↑ McNulty, Phil (13 June 2017). "France 3–2 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 13 June 2017.
- ↑ McNulty, Phil (1 September 2017). "Malta 0–4 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2 September 2017.
- ↑ McNulty, Phil (5 October 2017). "England 1–0 Slovenia". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 5 October 2017.
- ↑ McNulty, Phil (8 October 2017). "Lithuania 0–1 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 8 October 2017.
- ↑ McNulty, Phil (2 June 2018). "England 2–1 Nigeria". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2 June 2018.
- ↑ McNulty, Phil (18 June 2018). "Tunisia 1–2 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 19 June 2018.
- ↑ McNulty, Phil (24 June 2018). "England 6–1 Panama". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 24 June 2018.
- ↑ McNulty, Phil (3 July 2018). "Colombia 1–1 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ McNulty, Phil (18 November 2018). "England 2–1 Croatia". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 November 2018.
- ↑ McNulty, Phil (22 March 2019). "England 5–0 Czech Republic". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 23 March 2019.
- ↑ McNulty, Phil (25 March 2019). "Montenegro 1–5 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 25 March 2019.
- ↑ McNulty, Phil (7 September 2019). "England 4–0 Bulgaria". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 7 September 2019.
- ↑ McNulty, Phil (10 September 2019). "England 5–3 Kosovo". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 10 September 2019.
- ↑ McNulty, Phil (11 October 2019). "Czech Republic 2–1 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 11 October 2019.
- ↑ McNulty, Phil (14 October 2019). "Bulgaria 0–6 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 14 October 2019.
- ↑ McNulty, Phil (14 November 2019). "England 7–0 Montenegro". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 14 November 2019.
- ↑ McNulty, Phil (17 November 2019). "Kosovo 0–4 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 17 November 2019.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Profile at the Tottenham Hotspur F.C. website
- Profile at the Football Association website
- แฮร์รี เคน – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)
- แฮร์รี เคน – สถิติการลงแข่งจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (FIFA) (ในภาษาอังกฤษ)
- หน้าที่ใช้กล่องข้อมูลประวัตินักฟุตบอลที่มีปัญหาในพารามิเตอร์ความสูง
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2536
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์
- นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
- กองหน้าฟุตบอล
- นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลนอริชซิตี
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี
- ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
- นักกีฬาจากลอนดอน
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2018
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020