รูเบน ลอฟตัส-ชีก
![]() ลอฟตัส-ชีก ขณะฝึกซ้อมกับทีมชาติอังกฤษ เพื่อแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 | |||
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | รูเบน ไอรา ลอฟตัส-ชีก[1] | ||
วันเกิด | 23 มกราคม ค.ศ. 1996 (23 ปี)[2] | ||
สถานที่เกิด | ลูอิสแฮม, ลอนดอน, อังกฤษ | ||
ส่วนสูง | 1.91 เมตร (6.3 ฟุต)[3] | ||
ตำแหน่ง | กองกลาง | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | เชลซี | ||
หมายเลข | 12 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
2004–2014 | เชลซี | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2014– | เชลซี | 34 | (4) |
2017–2018 | → คริสตัลพาเลซ (ยืมตัว) | 24 | (2) |
ทีมชาติ‡ | |||
2011 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 16 ปี | 2 | (1) |
2012–2013 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 17 ปี | 8 | (1) |
2013–2015 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี | 13 | (6) |
2015– | อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี | 17 | (7) |
2017– | อังกฤษ | 10 | (0) |
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้กับสโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 9:51, 11 กุมภาพันธ์ 2019 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้กับทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 9:51, 16 กุมภาพันธ์ 2018 (UTC) |
รูเบน ไอรา ลอฟตัส-ชีก (เกิด 23 มกราคม พ.ศ. 2539) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซี และทีมชาติอังกฤษ ในตำแหน่งกองกลาง
เนื้อหา
สโมสรอาชีพ[แก้]
เชลซี[แก้]
ลอฟตัส-ชีก เข้าร่วมกับชุดเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลเชลซี เมื่ออายุแปดขวบ เขาทำผลงานได้น่าประทำใจในช่วงต้นของฤดูกาล 2011-12 ก่อนที่จะบาดเจ็บที่สะโพก และกลับมาลงเล่นอีกครั้งในในฐานะตัวสำรองในเอฟเอยูธคัพ 2012 นัดชิงชนะเลิศ [4]ในฤดูกาลถัดมาขณะที่เขาอายุ 16 ย่าง 17 ปีนั้นเขาลงเล่น 18 นัดให้กับชุดอายุไม่เกิน 18 ปีและยังทำประตูในนัดที่พบกับแมนเชสเตอร์ซิตีได้อีกด้วย และลงเล่น 9 นัดให้กับชุดอายุไม่เกิน 21 ปี เขาได้รับเลือกให้เดินทางไปกับทีมชุดใหญ่ในเดือนพฤษภาคมปี 2013 ที่สหรัฐอเมริกา สำหรับการแข่งขันกระชับมิตรสองนัดกับแมนเชสเตอร์ซิตีในเดิอนพฤษภาคม 2013 [5]ในฤดูกาล 2013-14 ลอฟตัส-ชีก ช่วยพาทีมเป็นแชมป์เอฟเอยูธคัพ และพรีเมียร์ลีก อายุไม่เกิน 21 ปี (ปัจจุบันเปลี่ยนนระบบเป็น รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แล้ว)
ฤดูกาล 2014-15[แก้]
ลอฟตัส ชีก ลงเล่นให้กับเชลซีชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือน ธันวาคม ค.ศ. 2014 ในรายการยูฟ่าแชมเปียนลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในนัดที่เชลซี เอาชนะ สปอร์ติงลิสบอน 3-1 ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ โดยลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนที่ของเซสก์ ฟาเบรกัส ในนาทีที่ 83 [6], และได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2015 ในเกมเสมอกับแมนเชสเตอร์ซิตี 1-1 โดยเป็นผู้เล่นสำรองลงมาแทน โอสการ์ ในช่วงทดเวลานาทีที่ 2 [7]
ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ โชเซ มูรีนโย ผู้จัดการทีมของเชลซี ในขณะนั้นได้เลือก ลอฟตัส-ชีกขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ๋พร้อมกับ อิซซัค บราวน์[8]
ในวันที่ 13 เมษายน ลอฟตัส-ชีก กลับไปลงเล่นให้กับชุดเยาวชนของเขลซี ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่ายูธลีก ฤดูกาล 2014-15 กับชัคตาร์โดเนตสค์ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเชลซีเอาชนะด้วยผลคะแนน 3-2 [9] , ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2015 ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับเชลซีชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในนัดที่เจอกับ ลิเวอร์พูล ,[10] โดยลงเล่น 60 นาทีโดยจ่ายบอลไม่พลาดเลยตลอดที่ลงเล่น แต่เนมันยา มาติช ก็ได้ถูกเปลี่ยนตัวเข้ามาแทนที่ในช่วงนาทีดังกล่าว ซึ่งจบลงด้วยผลการเสมอกันที่ 1-1 [11][12]
ถึงแม้ว่าลอฟตัส-ชีกจะลงเล่นเพีงแค่ 3 นัดในฤดูกาลนี้ หรือเวลารวมไม่ถึง 70 นาที แต่โชเซ มูรีนโย กล่าวว่าเขาจะได้รับเหรียญของผู้ชนะพรีเมียร์ลีก สำหรับผลงานของเขาในฤดูกาลนี้[13]
ฤดูกาล 2015-16[แก้]
ในวันที่ 29 สิงหาคม 2015 เขาลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับเชลซีในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในฐานะแชมป์เก่า พบกับ คริสตัลพาเลซ ซึ่งผลจบลงด้วยการแพ้ 2-1 ซึ่งเป็นการแพ้ในสแตมฟอร์ดบริดจ์ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ของเชลซี [14],ในวันที่ 10 มกราคม 2016 ในเกมเอฟเอคัพ ที่เชลซี พบกับ สคันธอร์ป ยูไนเต็ด ลอฟตัส-ชีก ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองลงมาแทน โอสการ์ ในช่วงพักครึ่ง และสามารถทำประตูแรกในอาชีพการค้าแข้งได้ในช่วงนาทีที่ 68 เป็นประตู 2-0 และผลก็จบลงด้วยคะแนนนี้ [15]
ในวันที่ 29 กุมภาพันธุ์ 2016 ลอฟตัส-ชีคได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปีหลังจากสร้างผลงานดีเมื่อได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ , ในวันที่ 2 เมษายน ลอฟตัสชีคสามารถทำประตูแรกในลีกได้ในนัดที่พบกับ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก โดยเขาเป็นคนทำประตูขึ้นนำ 1-0 ซึ่งจบเกมเชลซีเอาชนะไป 4-0 และในอีก 2 นัดต่อมาซึ่งพบกับ สวอนซีซิตี และ แมนเชสเตอร์ซิตี (ตามลำดับ) เขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นกัน
ฤดูกาล 2016-17[แก้]
ภายใต้การคุมทีมของอันโตนีโอ กอนเต ผู้จัดการทีมคนใหม่ในขณะนั้นในช่วงปรีซีซั่นเขาถูกโยกไปเล่นกองหน้าอยู่บ่อยครั้ง โดยฤดูกาลเขาได้เปลี่ยนจากหมาเลขเสื้อจากเดิม 36 เป็นเลข 14 แทนที่ของเบอร์ทรานด์ ตราโอเร่ ที่ย้ายออกจากทีมไปด้วยสัญญายืมตัว
ในวันที่ 29 สิงหาคม 2016 ลอฟตัส-ชีค ลงเล่นในฤดูกาลในเกม อีเอฟแอลคัพ รอบสอง ซึ่งเชลซีพบกับ บริสตอล โรเวอร์ส ในนาทีที่ 48 เขายังเปิดบอลให้มีชี บัตชัวยี ยิงประตูที่สามเป็นประตูชัยให้เชลซีชนะในเกมนั้นอีกด้วย เขายังได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ขณะเดินออกจากสนามในช่วงการเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 82 โดยมีออสการ์ ลงสนามมาแทน
ถูกยืมตัวไป คริสตัล พาเลซ[แก้]
"ผมมีความคิดย้ายมาพาเลซ ผมคิดว่านี่คือโอกาสดีสำหรับตัวผม ผมอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ผมเกิดในลูอิสแฮม พาเลซคือสโมสรที่ดี ดังนั้นมันคือเรื่องดีที่ได้ลงเล่นที่นี่และเป็นส่วนหนึ่งกับทีม พวกเขาคือทีมที่แข็งแกร่งและผมอยากเป็นส่วหนึ่งในฤดูกาลนี้""
ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2017 ลอฟตัส-ชีค ได้ตกลงไปร่วมทีมกับคริสตัล พาเลซ ด้วยสัญญายืมตัวภายใต้การคุมทีมของฟรังก์ เดอ บูร์ เขาลงเล่นเต็มเกมในนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีกซึ่งพบกับ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก ซึ่งทีมของเขาแพ้ไป 3-0 , ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2017 ลอฟตัส-ชีค ทำประตูแรกให้กับทีมในเกมที่เปิดสนามพบกับสโตกซิตี แต่สุดท้ายคริสตัล พาเลซแพ้ไป 2-1
กลับสู่เชลซี[แก้]
ในฤดูกาล 2018–19, ลอฟตัส-ชีก ได้กลับสู่ทีมเชลซีอีกครั้ง โดยได้สวมเสื้อหมายเลข 12, ในวันที่ 25 ตุลาคม 2018, ตัวเขาทำแฮตทริกให้กับเชลซีได้ในเกม ยูฟ่ายูโรปาลีก ในเกมที่เปิดบ้านพบกับ บาเตบอรีซอฟ, ซึ่งสุดท้ายแล้วเชลซี ชนะไป 3-1 [17] ในอีก 3 วันต่อมา, เขาทำประตูแรกในฤดูกาลนี้ในลีกในเกมที่ออกไปเยือน เบิร์นลีย์[18] ซึ่งเชลซีเอาชนะไป 4-0
ระดับทีมชาติ[แก้]
ลอฟตัส-ชีค ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ในปี ค.ศ. 2011 และเล่นต่อไปในระดับ รุ่นอายุ 17 ปี , 19 ปี หลักจากทำผลงานได้ดีในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ใน ค.ศ. 2015 เขาได้รับโอกาสได้ลงเล่นในทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี [19] เพื่อแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21
ในปีค.ศ. 2016 ลอฟตัส-ชีค เข้าร่วมการแข่งขันตูลงทัวร์นาเมนต์ กับทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และเขายังทำประตูได้ในรอบชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส เป็นประตูขึ้นนำ 2-0 ก่อนที่จะจบลงที่อังกฤษชนะด้วยผล 2-1 และยังได้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน[20]ซึ่งเขากลายเป็นนักเตะคนแรกของอังกฤษที่ได้รับรางวัลดังกล่าวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 ที่แอลัน เชียเรอร์ ได้รางวัลนี้[21]
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เขาติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ลอฟตัส-ชีค ได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกในนัดที่พบกับเยอรมนี ซึ่งเขาได้ลงเล่นครบ 90 นาทีและยังได้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน อีกด้วยซึ่งผลจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 [22]
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2018,แกเร็ท เซาท์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ ได้เรียกลอฟตัส-ชีค ให้เป็นหนึ่งใน 23 คนเพื่อแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 [23]และได้ลงเล่นในนัดเปิดสนามซึ่งชนะ ทีมชาติตูนิเซีย ด้วยผล 2-1 ในวันที่ 18 มิถุนายน 2018[24]
ชีวิตส่วนตัว[แก้]
ลอฟตัส-ชีค เกิดที่ ลูอิสแฮมในลอนดอน ประเทศอังกฤษ [25]เขามีเชื้อสายกายอานา ยังเป็นน้องชายของ คาร์ล คอร์ต และ ลีออน คอร์ต[26] ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นเดียวกันอีกด้วย
สถิติ[แก้]
สโมสร[แก้]
นับจนถึงนัดล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ยุโรป | อื่นๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชั่น | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
เชลซี | 2014–15[27] | พรีเมียร์ลีก | 3 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 1[a] | 0 | — | 4 | 0 | |
2015–16[28] | พรีเมียร์ลีก | 13 | 1 | 2 | 1 | 1 | 0 | 1[a] | 0 | 0 | 0 | 17 | 2 | |
2016–17[29] | พรีเมียร์ลีก | 6 | 0 | 3 | 0 | 2 | 0 | — | — | 11 | 0 | |||
2017–18[30] | พรีเมียร์ลีก | — | 0 | 0 | — | — | — | 0 | 0 | |||||
2018–19[31] | พรีเมียร์ลีก | 12 | 3 | 2 | 0 | 2 | 0 | 5[b] | 3 | 0 | 0 | 21 | 6 | |
รวม | 34 | 4 | 7 | 1 | 5 | 0 | 7 | 3 | 0 | 0 | 53 | 8 | ||
คริสตัลพาเลซ (ยืมตัว) | 2017–18[30] | พรีเมียร์ลีก | 24 | 2 | 0 | 0 | 1 | 0 | — | — | 25 | 2 | ||
รวมทั้งหมด | 58 | 6 | 7 | 1 | 6 | 0 | 7 | 3 | 0 | 0 | 78 | 10 |
- ↑ 1.0 1.1 ลงเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลงเล่นใน ยูฟ่ายูโรปาลีก
ทีมชาติ[แก้]
นับจนถึงนัดล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018[32]
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
อังกฤษ | 2017 | 2 | 0 |
2018 | 8 | 0 | |
รวม | 8 | 0 |
เกียรติประวัติ[แก้]
เชลซี (ชุดเยาวชน)
เชลซี
อังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
อังกฤษ
รางวัลส่วนบุคคล'
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันตูลงทัวร์นาเมนต์: 2016
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "2018 FIFA World Cup Russia: List of players: England" (PDF). FIFA. 28 June 2018. p. 10. สืบค้นเมื่อ 28 June 2018.
- ↑ "Ruben Loftus-Cheek". 11v11.com. AFS Enterprises. สืบค้นเมื่อ 16 December 2017.
- ↑ "R. Loftus-Cheek: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 28 June 2018.
- ↑ Benson, Ryan (9 May 2012). "Blackburn 1–0 Chelsea (Agg 1–4): Visitors win FA Youth Cup despite Payne-inspired defeat in second leg". Goal.com. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 22 May 2018.
- ↑ "Ruben Loftus-Cheek Profile". Chelsea F.C.
- ↑ Williams, Adam (10 December 2014). "Chelsea 3–1 Sporting Lisbon". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 22 May 2018.
- ↑ McNulty, Phil (31 January 2015). "Chelsea 1–1 Manchester City". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 22 May 2018.
- ↑ "More Academy graduates in first team squad". Chelsea F.C. 3 February 2015. สืบค้นเมื่อ 3 February 2015.
- ↑ "Brown inspires Chelsea to Youth League glory". UEFA. 13 April 2015. Archived from the original on 15 November 2017.
- ↑ "Ruben Loftus-Cheek gets first Chelsea start against Liverpool". ESPN FC. 10 May 2015. สืบค้นเมื่อ 10 May 2015.
- ↑ Higginson, Marc (10 May 2015). "Chelsea 1–1 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 22 May 2018.
- ↑ "Ruben Loftus-Cheek: Analysis of the Chelsea midfielder's full debut".
- ↑ "Every Chelsea player to get a Premier League medal says Jose Mourinho". ESPN FC.
- ↑ "Crystal Palace claim shock win over Chelsea at Stamford Bridge". ESPN FC. 29 August 2015.
- ↑ Emons, Michael (10 January 2016). "Chelsea 2–0 Scunthorpe United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 22 May 2018.
- ↑ OFFICIAL: พาเลซยืม"ลอฟตัส-ชีค"จากสิงห์ 1 ปี
- ↑ "Chelsea 3–1 Bate Borisov". 25 October 2018 – โดยทาง www.bbc.co.uk.
- ↑ "Burnley 0–4 Chelsea". 28 October 2018 – โดยทาง www.bbc.co.uk.
- ↑ "Ruben Loftus-Cheek". The Football Association. สืบค้นเมื่อ 11 November 2017.
- ↑ "England beat France to win Toulon Tournament for first time in 22 years". The Guardian. London. Press Association. 29 May 2016. สืบค้นเมื่อ 16 December 2017.
- ↑ Maston, Tom (29 May 2016). "Chelsea's Loftus-Cheek named Player of the Toulon Tournament". Goal.com. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 22 May 2018.
- ↑ McNulty, Phil (10 November 2017). "England 0–0 Germany". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 11 November 2017.
- ↑ "England World Cup squad: Trent Alexander-Arnold in 23-man squad". BBC Sport. 16 May 2018. สืบค้นเมื่อ 17 May 2018.
- ↑ Taylor, Daniel (19 June 2018). "Kane double ensures England defeat Tunisia in World Cup opener". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 19 June 2018.
- ↑ "FIFA World Cup 2018: The children of immigrants who want to bring World Cup glory to England - MARCA in English".
- ↑ Hayes, Garry. "Ruben Loftus-Cheek Talks International Champions Cup, Chelsea Hopes and More".
- ↑ "Games played by รูเบน ลอฟตัส-ชีก in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 18 October 2017.
- ↑ "Games played by รูเบน ลอฟตัส-ชีก in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 16 December 2017.
- ↑ "Games played by รูเบน ลอฟตัส-ชีก in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 18 October 2017.
- ↑ 30.0 30.1 "Games played by รูเบน ลอฟตัส-ชีก in 20167/20168". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 August 2018.
- ↑ "Games played by รูเบน ลอฟตัส-ชีก in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 August 2018.
- ↑ Loftus-Cheek, Ruben เว็บไซต์ National-Football-Teams.com (อังกฤษ)
- ↑ "Ruben Loftus-Cheek: Overview". Premier League. สืบค้นเมื่อ 16 December 2017.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อToulon
- ↑ McNulty, Phil (14 July 2018). "Belgium 2–0 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 11 August 2018.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- Ruben Loftus-Cheek profile at the Chelsea F.C. website
- Ruben Loftus-Cheek profile at the Football Association website
|