ราฮีม สเตอร์ลิง
ข้อมูลส่วนตัว | |||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | ราฮีม ชาควิลล์ สเตอร์ลิง | ||||||||||||||||||||||
วันเกิด | [1] | 8 ธันวาคม ค.ศ. 1994||||||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | คิงส์ตัน จาเมกา | ||||||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 5 ft 8 in (1.72 m)[2] | ||||||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | ปีก[2] | ||||||||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | |||||||||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน |
อาร์เซนอล (ยืมตัวมาจากเชลซี) | ||||||||||||||||||||||
หมายเลข | 30 | ||||||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | |||||||||||||||||||||||
1999–2003 | แอลฟาแอนด์โอเมกา | ||||||||||||||||||||||
2003–2010 | ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ | ||||||||||||||||||||||
2010–2012 | ลิเวอร์พูล | ||||||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | |||||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | ||||||||||||||||||||
2012–2015 | ลิเวอร์พูล | 95 | (18) | ||||||||||||||||||||
2015–2022 | แมนเชสเตอร์ซิตี | 225 | (91) | ||||||||||||||||||||
2022– | เชลซี | 59 | (14) | ||||||||||||||||||||
2024– | → อาร์เซนอล (ยืม) | 0 | (0) | ||||||||||||||||||||
ทีมชาติ‡ | |||||||||||||||||||||||
2009–2010 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 16 ปี | 7 | (1) | ||||||||||||||||||||
2010–2011 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 17 ปี | 13 | (3) | ||||||||||||||||||||
2012 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี | 1 | (0) | ||||||||||||||||||||
2012–2013 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี | 8 | (3) | ||||||||||||||||||||
2012– | อังกฤษ | 82 | (20) | ||||||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| |||||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20:36, 19 พฤษภาคม 2024 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 21:44, 10 ธันวาคม 2022 (UTC) |
ราฮีม ชาควิลล์ สเตอร์ลิง เอ็มบีอี (อังกฤษ: Raheem Shaquille Sterling; เกิด 8 ธันวาคม ค.ศ. 1994) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งปีกให้แก่อาร์เซนอล โดยยืมตัวมาจากเชลซี และเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ
สเตอร์ลิงสร้างชื่อเสียงมากับลิเวอร์พูล ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงกับลิเวอร์พูล ในปี ค.ศ. 2012 นัดที่เจอกับ วีแกนแอธเลติก โดยเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย ด้วยอายุเพียงแค่ 17 ปี
ผลงานในระดับสโมสร
[แก้]ควีนส์พาร์กเรนเจอร์
[แก้]สเตอร์ลิงเป็นนักเตะเยาวชนของควีนส์พาร์กเรนเจอร์เป็นเวลาเจ็ดปีก่อนที่จะย้ายไปยังลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล
[แก้]ฤดูกาล 2011-12
[แก้]วันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2012 สเตอร์ลิง ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ทีมชุดใหญ่ครั้งแรก โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม ในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วีแกนแอธเลติก ซึ่งลงสนามในวัย 17 ปี กับอีก 107 วัน ต่อมา สเตอร์ลิง ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดที่ 2 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม ในนัดที่แพ้ให้กับ ฟูลัม 0-1[3] ต่อมา สเตอร์ลิง ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดที่ 3 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม ในนัดที่ถล่ม เชลซี 4-1[4]
ฤดูกาล 2012-13
[แก้]ในเดือนสิงหาคม 2012 สเตอร์ลิง ได้ลงสนามในเกมยุโรปเป็นนัดแรก โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทน โจ โคล ในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบคัดเลือก ในนัดที่เอาชนะ โกเมล 1-0 ต่อมา ในวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2012 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 สเตอร์ลิง ได้ลงสนามเป็นตัวจริงใน ศึกบิ๊กแมตช์ กับ แมนเชสเตอร์ซิตี โดย สเตอร์ลิง โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์[5] หลังจากนั้น สเตอร์ลิง ก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง สเตอร์ลิง ก็ทำประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เรดดิง 1-0[6] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 สเตอร์ลิง ได้ตัดสินใจต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล ต่อมา ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2013 สเตอร์ลิง ก็ทำประตูที่ 2 ให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-0[7] จบฤดูกาล สเตอร์ลิง ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 2 ประตูจาก 24 นัด
ฤดูกาล 2013-14
[แก้]ในลีกคัพ รอบ 2 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูแรกให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอตส์เคาน์ตี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-2 ต่อมา ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2013 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 5-1 ต่อมา ในวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2013 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่ไวต์ฮาร์ตเลน 5-0[8] [9] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2013 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ซิตี 3-1[10] [11]
ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 5-1[12] [13] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ลงมาเป็นตัวสำรองและได้ทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 3-0[14] [15] ต่อมา ในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะชนะไป 3-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำจ่าฝูงและลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อไป[16] [17] ต่อมา ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ทำ 2 ประตู และจ่ายให้เพื่อนยิง 1 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นอริชซิตี ที่แคร์โรว์โรด 3-2 ต่อมา สเตอร์ลิง ได้ติด 1 ใน 6 เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง คว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ จากงานประกาศรางวัล Players’ Awards Dinner ปี 2014 โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ ศูนย์ประชุม Liverpool ACC Conference Centre[18] จบฤดูกาล สเตอร์ลิง ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 9 ประตูจาก 33 นัด และยิงได้ทั้งหมด 10 ประตู จาก 38 นัด รวมทุกรายการ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้อันดับ 2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้กลับไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นับตั้งแต่ในปี 2009
ฤดูกาล 2014-15
[แก้]ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2014 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2014–15 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ เซาแทมป์ตัน โดย สเตอร์ลิง ได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะชนะไป 2-1[19] ต่อมา ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่ไวต์ฮาร์ตเลน 3-0[20] ต่อมา ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ลงเล่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดแรก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลูโดโกเร็ตส์ ราซกราด จาก บัลแกเรีย 2-1[21] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่บุลินกราวนด์ 1-3[22] ต่อมา ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ลงสนามนัดที่ 100 ในนัดที่พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 0-3 ต่อมา ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2014 แคปปิตอล วัน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ สเตอร์ลิง ได้ทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัธ 3-1[23] ต่อมา ในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง คว้ารางวัลโกลเด้น บอย (นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี) ของ Tuttosport หนังสือพิมพ์สัญชาติอิตาลี[24] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 1-0[25]
ในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2015 แคปปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก สเตอร์ลิง ได้ทำประตูตีเสมอ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี 1-1[26] ต่อมา ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2015 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-0[27] ต่อมา ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ สเตอร์ลิง ได้ทำประตูตีเสมอ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โบลตันวอนเดอเรอส์ ที่มาครอน สเตเดียม 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[28] ต่อมา ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-0[29]
ในเดือนเมษายน 2015 สเตอร์ลิง ไม่ยอมต่อสัญญาใหม่กับสโมสร พร้อมปฏิเสธค่าเหนื่อยจำนวนกว่า 180,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 6,300,000 บาท) ซึ่งจะทำให้ดาวรุ่งรายนี้ มีรายได้เป็นสถิติสโมสร และยังแซงหน้าค่าเหนื่อยที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคนปัจจุบันที่ได้จากสโมสร อย่างไรก็ตาม สเตอร์ลิง ได้ออกมากล่าวหลังจบเกมทีมชาติกับลิทัวเนียว่า ยังไม่ต้องการคุยเรื่องสัญญาฉบับใหม่ในตอนนี้ เนื่องจากต้องการมุ่งสมาธิไปที่การเล่นให้กับสโมสร และจะมีการเจรจากันอีกครั้งหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้เท่านั้น
ในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2015 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-0[30] [31] ต่อมา สเตอร์ลิง ได้ติด 1 ใน 6 เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 สเตอร์ลิง คว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ ในงานประกาศรางวัล Players' Awards 2015 ก่อนจะได้รับรางวัลพร้อมกับท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนบอลบางส่วน โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ เอ็คโค่ อารีน่า[32] จบฤดูกาล สเตอร์ลิง ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 7 ประตูจาก 35 นัด
ในเดือนกรกฎาคม 2015 สเตอร์ลิง เข้าแจ้งขอย้ายทีมกับ เบรนดัน ร็อดเจอส์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล รวมถึงเจ้าตัวไม่โผล่ไปที่สนามซ้อม โดยอ้างว่าป่วย ซึ่งทำให้สถานการณ์ระหว่างปีกวัย 20 ปี กับสโมสรกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง[33] นอกจากนี้ สเตอร์ลิง แจ้งกับต้นสังกัดว่าตัวเขาจะไม่เข้าร่วมทัวร์ปรีซีซันกับลิเวอร์พูล และหวังว่าการเจรจาย้ายทีมไป แมนเชสเตอร์ซิตี จะจบสิ้นลงก่อนเริ่มโปรแกรมทัวร์ที่ประเทศไทย[34] ต่อมา ในวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 สโมสรลิเวอร์พูล เดินทางมาปรีซีซันที่ประเทศไทย โดย สเตอร์ลิง ไม่ได้เดินทางมาด้วย
และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน สเตอร์ลิงก็ได้ย้ายเข้าไปสังกัดแมนเชสเตอร์ซิตี เป็นที่เรียบร้อยด้วยค่าตัวสูงถึง 49 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.45 พันล้านบาท) ด้วยระยะเวลาสัญญานาน 5 ปี[35]
แมนเชสเตอร์ซิตี
[แก้]ฤดูกาล 2015-16
[แก้]ก่อนเริ่มฤดูกาล 2015–16 สเตอร์ลิงได้ย้ายเข้าสังกัดแมนเชสเตอร์ซิตี ด้วยค่าตัวสูงถึง 49 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.45 พันล้านบาท) ด้วยระยะเวลาสัญญานาน 5 ปี ซึ่งมูลค่าที่สูงถึงขนาดนี้ บรรดาผู้สนับสนุนลิเวอร์พูลต่างมองว่าเป็นการขายที่สโมสรคุ้มค่ามากที่สุด โดยสเตอร์ลิงยังได้ทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุไม่เกิน 21 ปีที่แพงที่สุด และเป็นผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ซิตีที่มีค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร และเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับที่ 13 ของโลก และเป็นสถิติอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก[36]
สเตอร์ลิงยิงให้กับแมนเชสเตอร์ซิตีลูกแรกได้ทันทีที่ลงเล่นนัดแรก ในรายการอินเตอร์เนชันแนลแชมเปียนส์คัพ 2015 ในนาทีที่ 3 ที่พบกับ โรมา ในการแข่งขันที่ออสเตรเลีย[37]
ทีมชาติอังกฤษ
[แก้]ราฮีม สเตอร์ลิง ติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ นัดแรก ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ในนัดที่อุ่นเครื่องกระชับมิตร กับ สวีเดน ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ลงเล่นนัดที่สองให้กับทีมชาติและโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ในนัดที่ อังกฤษ เอาชนะ เดนมาร์ก 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร ที่สนามกีฬาเวมบลีย์
ฟุตบอลโลก 2014
[แก้]ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ทีมชาติอังกฤษได้เรียกตัว ราฮีม สเตอร์ลิง ติดรายชื่อ 23 คน ชุดลุยศึก ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โดย อังกฤษ ได้อยู่กลุ่ม D ร่วมกับ อุรุกวัย, คอสตาริกา และ อิตาลี ในวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2014 สเตอร์ลิง ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในฟุตบอลโลก กลุ่ม D นัดแรก ในนัดที่แพ้ให้กับ อิตาลี 1-2 สุดท้าย อังกฤษ ก็ต้องตกรอบแรก ได้อันดับสุดท้ายของกลุ่ม D เสมอ 1 แพ้ 2 (แพ้ อิตาลี 1-2, แพ้ อุรุกวัย 1-2 และ เสมอ คอสตาริกา 0-0) ทำให้ทีมชาติอังกฤษต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลกที่บราซิลเพียงรอบแรกเท่านั้น และเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปีที่อังกฤษตกรอบแรกฟุตบอลโลก
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก
[แก้]ในวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2015 สเตอร์ลิง ได้ทำประตูแรกในนามทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ในนัดที่ อังกฤษ เปิดสนามกีฬาเวมบลีย์เอาชนะ ลิทัวเนีย 4-0[38]
สถิติ
[แก้]สโมสร
[แก้]- ณ วันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2024
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ยุโรป | อื่น ๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
ลิเวอร์พูล | 2011–12[39] | พรีเมียร์ลีก | 3 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | — | 3 | 0 | ||
2012–13[40] | พรีเมียร์ลีก | 24 | 2 | 1 | 0 | 1 | 0 | 10[a] | 0 | — | 36 | 2 | ||
2013–14[41] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 9 | 3 | 0 | 2 | 1 | — | — | 38 | 10 | |||
2014–15[42] | พรีเมียร์ลีก | 35 | 7 | 5 | 1 | 4 | 3 | 8[b] | 0 | — | 52 | 11 | ||
รวม | 95 | 18 | 9 | 1 | 7 | 4 | 18 | 0 | — | 129 | 23 | |||
แมนเชสเตอร์ซิตี | 2015–16[43] | พรีเมียร์ลีก | 31 | 6 | 2 | 1 | 4 | 1 | 10[c] | 3 | — | 47 | 11 | |
2016–17[44] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 7 | 5 | 1 | 1 | 0 | 8[c] | 2 | — | 47 | 10 | ||
2017–18[45] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 18 | 2 | 1 | 3 | 0 | 8[c] | 4 | — | 46 | 23 | ||
2018–19[46] | พรีเมียร์ลีก | 34 | 17 | 4 | 3 | 3 | 0 | 10[c] | 5 | 0 | 0 | 51 | 25 | |
2019–20[47] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 20 | 4 | 1 | 5 | 3 | 9[c] | 6 | 1[d] | 1 | 52 | 31 | |
2020–21[48] | พรีเมียร์ลีก | 31 | 10 | 3 | 1 | 4 | 2 | 11[c] | 1 | — | 49 | 14 | ||
2021–22[49] | พรีเมียร์ลีก | 30 | 13 | 3 | 1 | 2 | 0 | 12[c] | 3 | 0 | 0 | 47 | 17 | |
รวม | 225 | 91 | 23 | 9 | 22 | 6 | 68 | 24 | 1 | 1 | 339 | 131 | ||
เชลซี | 2022–23[50] | พรีเมียร์ลีก | 28 | 6 | 0 | 0 | 1 | 0 | 9[c] | 3 | — | 38 | 9 | |
2023–24[51] | พรีเมียร์ลีก | 31 | 8 | 6 | 1 | 6 | 1 | — | — | 43 | 10 | |||
รวม | 59 | 14 | 6 | 1 | 7 | 1 | 9 | 3 | — | 81 | 19 | |||
รวมอาชีพ | 379 | 123 | 38 | 11 | 36 | 11 | 94 | 27 | 1 | 1 | 549 | 173 |
- ↑ ลงแข่งในยูฟ่ายูโรปาลีก
- ↑ ลงเล่น 6 ครั้งในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 ครั้งในยูฟ่ายูโรปาลีก
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลงเล่นในเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์
นานาชาติ
[แก้]- ณ วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2022[52]
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
อังกฤษ | 2012 | 1 | 0 |
2014 | 12 | 0 | |
2015 | 7 | 2 | |
2016 | 9 | 0 | |
2017 | 6 | 0 | |
2018 | 12 | 2 | |
2019 | 9 | 8 | |
2020 | 2 | 1 | |
2021 | 14 | 5 | |
2022 | 10 | 2 | |
รวม | 82 | 20 |
- ณ วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2022[52]
ลำดับ | วันที่ | สนาม | Cap | คู่แข่ง | ประตู | ผล | การแข่งขัน | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 27 มีนาคม ค.ศ. 2015 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 14 | ลิทัวเนีย | 3–0 | 4–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก | [53] |
2 | 9 ตุลาคม ค.ศ. 2015 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 18 | เอสโตเนีย | 2–0 | 2–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก | [54] |
3 | 15 ตุลาคม ค.ศ. 2018 | สนามกีฬาเบนิโต บิยามาริน เซบิยา ประเทศสเปน | 46 | สเปน | 1–0 | 3–2 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ลีก เอ | [55] |
4 | 3–0 | |||||||
5 | 22 มีนาคม ค.ศ. 2019 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 48 | เช็กเกีย | 1–0 | 5–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [56] |
6 | 3–0 | |||||||
7 | 4–0 | |||||||
8 | 25 มีนาคม ค.ศ. 2019 | สนามกีฬานครพอดกอรีตซา พอดกอรีตซา ประเทศมอนเตเนโกร | 49 | มอนเตเนโกร | 5–1 | 5–1 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [57] |
9 | 7 กันยายน ค.ศ. 2019 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 52 | บัลแกเรีย | 3–0 | 4–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [58] |
10 | 10 กันยายน ค.ศ. 2019 | เซนต์แมรีส์สเตเดียม เซาแทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ | 53 | คอซอวอ | 1–1 | 5–3 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [59] |
11 | 14 ตุลาคม ค.ศ. 2019 | สนามกีฬาแห่งชาติวาซิล เลฟสกี โซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย | 55 | บัลแกเรีย | 4–0 | 6–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [60] |
12 | 5–0 | |||||||
13 | 5 กันยายน ค.ศ. 2020 | Laugardalsvöllur เรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ | 57 | ไอซ์แลนด์ | 1–0 | 1–0 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 ลีก เอ | [61] |
14 | 25 มีนาคม ค.ศ. 2021 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 59 | ซานมารีโน | 3–0 | 5–0 | ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก | [62] |
15 | 13 มิถุนายน ค.ศ. 2021 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 62 | โครเอเชีย | 1–0 | 1–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 | [63] |
16 | 22 มิถุนายน ค.ศ. 2021 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 64 | เช็กเกีย | 1–0 | 1–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 | [64] |
17 | 29 มิถุนายน ค.ศ. 2021 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 65 | เยอรมนี | 1–0 | 2–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 | [65] |
18 | 2 กันยายน ค.ศ. 2021 | ปุชกาชออเรนอ บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี | 69 | ฮังการี | 1–0 | 4–0 | ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก | [66] |
19 | 29 มีนาคม ค.ศ. 2022 | สนามกีฬาเวมบลีย์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ | 74 | โกตดิวัวร์ | 2–0 | 3–0 | กระชับมิตร | [67] |
20 | 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 | สนามกีฬานานาชาติเคาะลีฟะฮ์ โดฮา ประเทศกาตาร์ | 80 | อิหร่าน | 3–0 | 6–2 | ฟุตบอลโลก 2022 | [68] |
เกียรติประวัติ
[แก้]แมนเชสเตอร์ซิตี
- พรีเมียร์ลีก: 2017–18, 2018–19, 2020–21, 2021–22[69]
- เอฟเอคัพ: 2018–19[70]
- ฟุตบอลลีก/อีเอฟแอลคัพ: 2015–16,[71] 2018–19,[72] 2019–20,[73] 2020–21[74]
- เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 2019[75]
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รองชนะเลิศ: 2020–21[76]
อังกฤษ
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รองชนะเลิศ: 2020[77]
- ยูฟ่าเนชันส์ลีก อันดับที่ 3: 2018–19[78]
ส่วนตัว
- นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของลิเวอร์พูล: 2013–14,[79] 2014–15[80]
- โกลเดนบอย: 2014[81]
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก Team of the Group Stage: 2015–16[82]
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก Squad of the Season: 2018–19,[83] 2019–20[84]
- ผู้เล่นประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก: สิงหาคม ค.ศ. 2016, พฤศจิกายน ค.ศ. 2018, ธันวาคม ค.ศ. 2021[69]
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ: 2018–19 Premier League[85]
- นักฟุตบอลดาวรุ่งแห่งปีของพีเอฟเอ: 2018–19[86]
- นักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล: 2018–19[87]
- UEFA European Championship Team of the Tournament: 2020[88]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ราฮีม สเตอร์ลิง". Barry Hugman's Footballers. สืบค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2017.
- ↑ 2.0 2.1 "Raheem Sterling". Chelsea F.C. สืบค้นเมื่อ 16 July 2022.
- ↑ "Liverpool 0-1 Fulham" BBC Sport. 1 May 2012. Retrieved 10 June 2012.
- ↑ "Liverpool 4-1 Chelsea" BBC Sport. 8 May 2012. Retrieved 10 June 2012.
- ↑ "Liverpool 2-2 Man City" BBC Sport. 26 August 2012. Retrieved 26 August 2012.
- ↑ "Liverpool 1-0 Reading" BBC Sport. 20 October 2012. Retrieved 20 October 2012.
- ↑ "Liverpool 3-0 Sunderland" BBC Sport. 2 January 2013. Retrieved 6 January 2013.
- ↑ "ภาพการแข่งขันลิเวอร์พูลพบสเปอร์ส". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-19. สืบค้นเมื่อ 2015-03-20.
- ↑ "ลิเวอร์พูลยกพลคว้าชัยถึงถิ่นสเปอร์สในเกมระดับห้าดาว". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-03-20.
- ↑ "ภาพการแข่งขันลิเวอร์พูลพบคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-24. สืบค้นเมื่อ 2015-06-25.
- ↑ "ความยอดเยี่ยมของซัวเรซส่งลิเวอร์พูลสู่ตำแหน่งจ่าฝูง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-06-26.
- ↑ "ภาพการแข่งขันลิเวอร์พูลพบอาร์เซนอล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-02. สืบค้นเมื่อ 2015-06-27.
- ↑ "ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ถล่มอาร์เซนอล 5-1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-02. สืบค้นเมื่อ 2015-06-28.
- ↑ "ภาพการแข่งขันลิเวอร์พูลเยือนเซาท์แฮมป์ตัน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-06. สืบค้นเมื่อ 2015-06-29.
- ↑ "ลิเวอร์พูลเอาชนะเซาท์แฮมป์ตันขยับขึ้นอันดับ 2". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-06-30.
- ↑ "ภาพการแข่งขันลิเวอร์พูลพบแมนเชสเตอร์ซิตี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-16. สืบค้นเมื่อ 2015-03-11.
- ↑ "คูตินโญ่ยิงประตูชัยเอาชนะแมนฯ ซิตี้ 3-2 รั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-16. สืบค้นเมื่อ 2015-03-12.
- ↑ "ซัวเรซกวาด 3 รางวัล ในงานประกาศรางวัลสโมสรลิเวอร์พูล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-06-04.
- ↑ "ลูกยิงของสเตอร์ริดจ์ช่วยให้ลิเวอร์พูลเฉือนชนะทีมนักบุญ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-08-23.
- ↑ "ลิเวอร์พูลบุกไปยิงสามประตูถึงไวท์ ฮาร์ต เลน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-09-05.
- ↑ "เจอร์ราร์ดยิงจุดโทษท้ายเกมให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยสุดดราม่า". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-03-21.
- ↑ "ลิเวอร์พูลบุกไปพ่ายเวสต์แฮม 1-3". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-09-24.
- ↑ ความเฉียบขาดของสเตอร์ลิงส่งให้ลิเวอร์พูลทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ราฮีม สเตอร์ลิงคว้ารางวัล โกลเด้น บอย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-12-22.
- ↑ "ประตูของสเตอร์ลิงคว้าชัยชนะให้ลิเวอร์พูลในวันบ็อกซิ่งเดย์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-12-29.
- ↑ "ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์เสมอเชลซี 1-1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-01-23.
- ↑ สเตอร์ริดจ์ยิงในเกมที่หงส์แดงเอาชนะขุนค้อน[ลิงก์เสีย]
- ↑ ลูกยิงท้ายเกมของคูตินโญ่ส่งลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบเอฟเอ คัพ[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ลิเวอร์พูลขยับขึ้นอันดับ 6 หลังเอาชนะทีมนักบุญ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-02-26.
- ↑ "ลิเวอร์พูลลดช่องว่างท็อปโฟร์หลังชนะนิวคาสเซิล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-04-17.
- ↑ 5 ข้อเท็จจริงจากเกมลิเวอร์พูลชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด[ลิงก์เสีย]
- ↑ "คูตินโญ่กวาด 4 รางวัล ในงานประกาศรางวัล Players' Awards". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-05-21.
- ↑ สุดแสบ! “สเตอร์ลิง” อ้างป่วย โดดซ้อมทัพ “หงส์”[ลิงก์เสีย]
- ↑ “ราฮีม” ออกลายปัดทัวร์ปรีซีซันกับ “หงส์” หวังชิ่งไป “เรือใบ”[ลิงก์เสีย]
- ↑ จบมหากาพย์ “เรือใบ” ปิดดีลเซ็น สเตอร์ลิงเข้ารัง[ลิงก์เสีย]
- ↑ หน้า 20 กีฬา, ราฮีม สเตอร์ลิง อดีต 'หงส์' อนาคต 'เรือ' โดย หมึกบอล. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,016: วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 แรม 15 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม
- ↑ หน้า 19 ต่อจากหน้า 17 กีฬา, ฟานกัลแย้ม'ผี'ล่าหัวหอก. "เรือใบสีฟ้าดวลเป้าดับโรมา". เดลินิวส์ฉบับที่ 24,023: วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8-8 ปีมะแม
- ↑ ประตูของสเตอร์ลิง และความยอดเยี่ยมของสเคอร์เทล[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2011/2012". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 7 December 2014.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 7 December 2014.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 7 December 2014.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 15 July 2015.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 May 2016.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 20 July 2017.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 14 July 2018.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 9 June 2019.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2019/2020". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 10 September 2020.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2020/2021". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 8 July 2021.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2021/2022". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 11 May 2022.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2022/2023". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 27 August 2023.
- ↑ "Games played by ราฮีม สเตอร์ลิง in 2023/2024". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 11 May 2024.
- ↑ 52.0 52.1 "Raheem Sterling: Internationals". worldfootball.net. HEIM:SPIEL. สืบค้นเมื่อ 27 August 2023.
- ↑ "England vs. Lithuania 4–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "England vs. Estonia 2–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "Spain vs. England 2–3: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "England vs. Czech Republic 5–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "Montenegro vs. England 1–5: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "England vs. Bulgaria 4–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "England vs. Kosovo 5–3: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "Bulgaria vs. England 0–6: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "Iceland vs. England 0–1: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "England vs. San Marino 5–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 25 March 2021.
- ↑ "England vs. Croatia 1–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 13 June 2021.
- ↑ "Czech Republic vs. England 0–1: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 22 June 2021.
- ↑ "England vs. Germany 2–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 29 June 2021.
- ↑ "Hungary vs. England 0–4: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 2 September 2021.
- ↑ "England vs. Côte d'Ivoire 3–0: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 29 March 2022.
- ↑ "England vs. Iran 6–2: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 26 November 2022.
- ↑ 69.0 69.1 "Raheem Sterling: Overview". Premier League. สืบค้นเมื่อ 15 January 2022.
- ↑ McNulty, Phil (18 May 2019). "Manchester City 6–0 Watford". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 May 2019.
- ↑ McNulty, Phil (28 February 2016). "Liverpool 1–1 Manchester City". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 3 April 2018.
- ↑ McNulty, Phil (24 February 2019). "Chelsea 0–0 Manchester City". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 24 February 2019.
- ↑ McNulty, Phil (1 March 2020). "Aston Villa 1–2 Manchester City". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 1 March 2020.
- ↑ McNulty, Phil (25 April 2021). "Manchester City 1–0 Tottenham Hotspur". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 25 April 2021.
- ↑ Begley, Emlyn (4 August 2019). "Liverpool 1–1 Manchester City". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 4 August 2019.
- ↑ "Man. City 0–1 Chelsea: Updates". UEFA. สืบค้นเมื่อ 31 May 2021.
- ↑ McNulty, Phil (11 July 2021). "Italy 1–1 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 17 July 2021.
- ↑ McNulty, Phil (9 June 2019). "Switzerland 0–0 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 12 June 2019.
- ↑ "Suarez bags treble at awards dinner". Liverpool F.C. 6 May 2014. สืบค้นเมื่อ 7 May 2014.
- ↑ "Phil wins four prizes at Players' Awards". Liverpool F.C. 19 May 2015. สืบค้นเมื่อ 19 May 2015.
- ↑ "Raheem Sterling named Europe's Golden Boy after excellent year at Liverpool FC". Liverpool Echo. 20 December 2014. สืบค้นเมื่อ 20 December 2014.
- ↑ "Champions League team of the group stage". UEFA. 15 December 2015.
- ↑ "UEFA Champions League Squad of the Season". UEFA. 2 June 2019.
- ↑ "UEFA Champions League Squad of the Season". UEFA. 28 August 2020. สืบค้นเมื่อ 28 August 2020.
- ↑ "PFA Team of the Year: Paul Pogba, Raheem Sterling and Sadio Mane included in side". BBC Sport. 25 April 2019. สืบค้นเมื่อ 25 April 2019.
- ↑ "Raheem Sterling Wins 2019 PFA Young Player of the Year over Bernardo Silva, More". Bleacher Report. 28 April 2019. สืบค้นเมื่อ 29 April 2019.
- ↑ "Raheem Sterling and Nikita Parris win Football Writers' Association Footballer of the Year awards". BBC Sport. 29 April 2019. สืบค้นเมื่อ 29 April 2019.
- ↑ "UEFA EURO 2020 Team of the Tournament revealed". UEFA. 13 July 2021. สืบค้นเมื่อ 13 July 2021.
- ↑ "No. 63377". The London Gazette (Supplement). 12 June 2021. p. B23.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Profile ที่เว็บไซต์สโมสรฟุตบอลเชลซี
- Profile ที่เว็บไซต์สมาคมฟุตบอล
- ราฮีม สเตอร์ลิง – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)
- ราฮีม สเตอร์ลิง – สถิติการลงแข่งจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (FIFA) (ในภาษาอังกฤษ)
- ราฮีม สเตอร์ลิง ข้อมูลนักเตะและสถิติการแข่งขัน
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2537
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
- นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ
- ปีกฟุตบอล
- ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลควีนส์พาร์กเรนเจอส์
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเชลซี
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล
- กองกลางฟุตบอล
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2014
- ชาวอังกฤษเชื้อสายจาเมกา
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2018
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2022
- บุคคลจากคิงส์ตัน