มาร์คัส แรชฟอร์ด
ข้อมูลส่วนตัว | |||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | มาร์คัส แรชฟอร์ด | ||||||||||||||||||||||
วันเกิด | 31 ตุลาคม ค.ศ. 1997 | ||||||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ | ||||||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 5 ft 11 in (1.80 m)[1] | ||||||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองหน้า / ปีก | ||||||||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | |||||||||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | ||||||||||||||||||||||
หมายเลข | 10 | ||||||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | |||||||||||||||||||||||
2003–2005 | เฟลตเชอร์มอสเรนเจอส์ | ||||||||||||||||||||||
2005–2015 | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | ||||||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | |||||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | ||||||||||||||||||||
2015– | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | 285 | (87) | ||||||||||||||||||||
ทีมชาติ‡ | |||||||||||||||||||||||
2012 | อังกฤษ รุ่นไม่เกิน 16 ปี | 2 | (0) | ||||||||||||||||||||
2014 | อังกฤษ รุ่นไม่เกิน 18 ปี | 2 | (0) | ||||||||||||||||||||
2016 | อังกฤษ รุ่นไม่เกิน 20 ปี | 2 | (0) | ||||||||||||||||||||
2016 | อังกฤษ รุ่นไม่เกิน 21 ปี | 1 | (3) | ||||||||||||||||||||
2016– | อังกฤษ | 60 | (17) | ||||||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| |||||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2024 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 23 มีนาคม 2024 (UTC) |
มาร์คัส แรชฟอร์ด เอ็มบีอี (อังกฤษ: Marcus Rashford; เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1997) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษที่เล่นเป็นกองหน้าและปีกให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษ
ผลผลิตจากระบบเยาวชนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เขาเข้าร่วมสโมสรเมื่ออายุได้ 7 ขวบ แรชฟอร์ดทำ 2 ประตูในนัดเปิดตัวให้กับทีมชุดใหญ่และในฟุตบอลสโมสรยุโรปที่พบกับมิดทิลแลนด์ในยูฟ่ายูโรปาลีกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เนื่องจากอาการบาดเจ็บของอ็องตอนี มาร์ซียาลระหว่างการฝึกซ้อม และ 2 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกของเขาเจอกับอาร์เซนอลในอีก 3 วันต่อมา เขายังทำประตูในแมนเชสเตอร์ดาร์บีครั้งแรกของเขา เช่นเดียวกับนัดเปิดตัวในลีกคัพและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แรชฟอร์ดคว้าแชมป์เอฟเอคัพ, ลีกคัพ 2 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์และยูฟ่ายูโรปาลีกกับยูไนเต็ด
ระดับสโมสร
เยาวชน
แรชฟอร์ดเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับเฟลตเชอร์ มอส เรนเจอส์ เมื่ออายุ 5 ขวบ[2] โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้รักษาประตู และยกทิม ฮาวเวิร์ดอดีตผู้รักษาประตูของยูไนเต็ดเป็นไอดอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูของเขา[3][4] เดฟ ฮอร์ร็อคส์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาอคาเดมี่ของเฟลตเชอร์ มอส เรนเจอส์ เล่าว่าแรชฟอร์ดอยู่ใน “ระดับที่แตกต่าง” จากเด็กคนอื่น ๆ โดยมีบทบาทสำคัญในทีมที่ชนะการแข่งขันโดยมีแมวมอง 15 คนจากสโมสรต่าง ๆ เฝ้าดูอยู่[5]
เขาใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการฝึกซ้อมกับแมนเชสเตอร์ซิตี ก่อนที่จะเข้าร่วมระบบอะคาเดมีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่ออายุ 7 ขวบ ท่ามกลางความสนใจจากเอฟเวอร์ตันและลิเวอร์พูล[6][7] เขาให้เครดิตพี่ชายของเขาในการช่วยเขาตัดสินใจเข้าร่วมยูไนเต็ด[8] พอล แมคกินเนส อดีตโค้ชเยาวชนของยูไนเต็ด (ลูกชายของวิล์ฟ แม็คกินเนส อดีตผู้จัดการทีมยูไนเต็ด) มองเห็นศักยภาพของแรชฟอร์ดอย่างรวดเร็วเนื่องจากเห็นความเป็นนักกีฬาของเขาทั้งในและนอกสนาม[5] แต่ในช่วงปีแรก ๆ ที่สโมสรเขามักจะพลาดการฝึกซ้อมอันเป็นผลมาจากความยากลำบากในการเดินทางไปที่นั่นในขณะที่แม่และพี่ชายของเขาอยู่ที่ทำงาน ในที่สุดเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากโค้ชเยาวชนของสโมสรเช่น Dave Bushell, Eamon Mulvey และ Tony Whelan ซึ่งช่วยหาคนขับรถให้แรชฟอร์ดเพื่อไปที่สนามฝึกซ้อม แรชฟอร์ดมีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองของทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนโดยลูวี ฟัน คาลในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่พบกับวอตฟอร์ด ซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะ 2–1 แต่เขาไม่ได้ลงเล่น[9] เขาได้รับเสื้อแข่งหมายเลข 39 เนื่องจากฟัน คาลยืนกรานว่ากองหน้าจะต้องสวมเสื้อที่มีหมายเลข 9[10] สัปดาห์ถัดมากับเลสเตอร์ซิตี เขามีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองอีกครั้งโดยไม่ได้ใช้ในเกมที่เสมอ 1–1[11] ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 แรชฟอร์ดได้รับข้อเสนอยืมตัวจากครูว์ อเล็กซานดรา สโมสรในลีกวัน แต่ข้อตกลงยืมตัวถูกปฏิเสธโดยวอร์เรน จอยซ์ ผู้จัดการทีมสำรองในเวลานั้น[12][13]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2015–16: ฤดูกาลเปิดตัว
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2016 แรชฟอร์ดมีชื่อเป็น 1 ใน 18 ผู้เล่นของยูไนเต็ดในศึกยูฟ่ายูโรปาลีก รอบ 32 ทีม นัดที่ 2 กับมิดทิลแลนด์จากเดนมาร์กที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เนื่องจากวิกฤตอาการบาดเจ็บซึ่งทำให้มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บถึง 13 คน[14] หลังจากที่อ็องตอนี มาร์ซียาล ได้รับบาดเจ็บระหว่างวอร์มอัพก่อนการแข่งขัน แรชฟอร์ดก็ถูกส่งเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงและประเดิมสนามในนามทีมชุดใหญ่ด้วยการยิง 2 ประตูใส่มิดทิลแลนด์ในช่วงครึ่งหลังซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของยูไนเต็ดเหนือมิดทิลแลนด์ 5–1[15] ประตูของแรชฟอร์ดทำให้เขาเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดของยูไนเต็ดในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรป ทำลายสถิติที่เทพบุตรมหาภัย จอร์จ เบสต์เคยทำได้[16] และต่อมาถูกทำลายโดยเมสัน กรีนวุดในฤดูกาล 2019–20[17] แรชฟอร์ดประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกเจอกับอาร์เซนอลในอีก 3 วันต่อมา; เขายิงได้ 2 ประตูอีกครั้งและทำ 1 แอสซิสต์ในชัยชนะในบ้าน 3–2 ทำให้เขาเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก ต่อจากเฟเดรีโก มาเกดา และแดนนี เวลเบก[18] ลูวี ฟัน คาล ผู้จัดการทีมในขณะนั้นยกย่องผลงานของเขาว่า “ยอดเยี่ยม” และดีกว่านัดแรก[19] แต่เตือนสื่อมวลชนไม่ให้รบกวนหรือล้อเลียนเขา[20]
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม แรชฟอร์ดสร้างประวัติศาสตร์เมื่อเขายิงประตูชัยในแมนเชสเตอร์ดาร์บี ซึ่งเป็นชัยชนะในเกมเยือนนัดแรกของทีมเหนือแมนเชสเตอร์ซิตีนับตั้งแต่ปี 2012 ด้วยวัยเพียง 18 ปี 141 วัน เขากลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขันในยุคพรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติของเวย์น รูนีย์ ซึ่งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสร[21] ระหว่างการเล่นเอฟเอคัพรอบที่ 6 นัดรีเพลย์กับเวสต์แฮมยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 13 เมษายน แรชฟอร์ดยิงประตูสุดมหัศจรรย์ในการชนะ 2–1 ช่วยให้ยูไนเต็ดผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ[22] 3 วันต่อมา เขายิงประตูชัยในเกมกับแอสตันวิลลา ซึ่งต่อมาตกชั้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1987[23] ต่อมาเขาได้ลงเล่นในเอฟเอคัพรอบชิงชนะเลิศเจอกับคริสตัลพาเลซเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะ 2–1 ถือเป็นแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่ 12 ของยูไนเต็ดและเป็นถ้วยรางวัลใบแรกของแรชฟอร์ด[24]
วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 แรชฟอร์ดได้ต่อสัญญากับสโมสรออกไปอีก 4 ปีทำให้แรชฟอร์ดจะได้ค้าแข้งในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด จนถึงเดือน มิถุนายน ค.ศ. 2020
ในฤดูกาล 2018–19 แรชฟอร์ดเปลี่ยนไปสวมเสื้อหมายเลข 10 ให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แทนที่ เวย์น รูนีย์ กองหน้าและกัปตันทีมที่ออกจากทีมไปเมื่อจบฤดูกาล 2017-18 จากเดิมที่ใส่เสื้อหมายเลข 19 มาก่อนหน้านั้น
ระดับทีมชาติ
แรชฟอร์ดซึ่งเพิ่งจะก้าวขึ้นมาติดทีมชุดแรกของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ถูกเรียกตัวไปติด ทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยศึกยูโร 2016 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะ นิคกี บัตต์ โค้ชทีมเยาวชนของทีมปีศาจแดงที่ให้เหตุผลว่าแรชฟอร์ดยังเด็กเกินไปแต่ในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 แรชฟอร์ดก็ได้ถูก รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษเรียกตัวมาเป็น 1 ใน 26 นักเตะรอบก่อนการตัดตัวซึ่งแรชฟอร์ดก็ได้ติดเป็น 1 ใน 23 นักเตะทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกยูโร 2016
ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดอุ่นเครื่องที่ชนะ ทีมชาติออสเตรเลีย ไป 2-1โดยแรชฟอร์ดเป็นผู้ทำประตูแรกในนาทีที่ 3 นับเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในนามทีมชาติอังกฤษด้วยวัย 18 ปี 208 วัน ทำลายสถิติของ ทอมมี่ ลอว์ตัน ที่ทำไว้เมื่อปี พ.ศ. 2481 นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 3 ที่ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ในศึกยูโร 2016 นัดที่ 2 กลุ่มบีในนัดที่ทีมชาติอังกฤษเอาชนะ ทีมชาติเวลส์ ไป 2-1 แรชฟอร์ดได้ลงมาเป็นตัวสำรองแทน อดัม ลาลลานา ในนาทีที่ 75 ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอังกฤษอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในศึกยูโรด้วยวัย 18 ปี 228 วันทำลายสถิติของ เวย์น รูนีย์ ที่ทำไว้ในศึก ยูโร 2004 ด้วยวัย 18 ปี 232 วัน
สถิติอาชีพ
สโมสร
- ณ วันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 2024
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | อีเอฟแอลคัพ | ยุโรป | อื่น ๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | 2015–16[25] | พรีเมียร์ลีก | 11 | 5 | 4 | 1 | 0 | 0 | 3[a] | 2 | — | 18 | 8 | |
2016–17[26] | พรีเมียร์ลีก | 32 | 5 | 3 | 3 | 6 | 1 | 11[a] | 2 | 1[b] | 0 | 53 | 11 | |
2017–18[27] | พรีเมียร์ลีก | 35 | 7 | 5 | 1 | 3 | 2 | 8[c] | 3 | 1[d] | 0 | 52 | 13 | |
2018–19[28] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 10 | 4 | 1 | 0 | 0 | 10[c] | 2 | — | 47 | 13 | ||
2019–20[29] | พรีเมียร์ลีก | 31 | 17 | 4 | 0 | 3 | 4 | 6[a] | 1 | — | 44 | 22 | ||
2020–21[30] | พรีเมียร์ลีก | 37 | 11 | 3 | 1 | 4 | 1 | 13[e] | 8 | — | 57 | 21 | ||
2021–22[31] | พรีเมียร์ลีก | 25 | 4 | 2 | 0 | 0 | 0 | 5[c] | 1 | — | 32 | 5 | ||
2022–23[32] | พรีเมียร์ลีก | 35 | 17 | 6 | 1 | 6 | 6 | 9[a] | 6 | — | 56 | 30 | ||
2023–24[33] | พรีเมียร์ลีก | 27 | 7 | 2 | 0 | 1 | 0 | 4[c] | 0 | — | 34 | 7 | ||
รวมทั้งหมด | 266 | 83 | 33 | 8 | 23 | 14 | 69 | 25 | 2 | 0 | 393 | 130 |
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 ลงเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีก
- ↑ ลงเล่นในเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลงเล่นในยูฟ่าซูเปอร์คัพ
- ↑ ลงเล่น 6 ครั้งและได้ประตู 6 ครั้งในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ลงเล่น 7 ครั้งและได้ประตู 2 ครั้งในยูฟ่ายูโรปาลีก
นานาชาติ
- ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023[34]
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
อังกฤษ | 2016 | 6 | 1 |
2017 | 9 | 1 | |
2018 | 16 | 5 | |
2019 | 7 | 4 | |
2020 | 2 | 1 | |
2021 | 6 | 1 | |
2022 | 5 | 3 | |
2023 | 8 | 2 | |
รวม | 59 | 17 |
เกียรติประวัติ
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- เอฟเอคัพ: 2015–16[24], รองชนะเลิศ: 2017–18[35] 2022–23[36]
- อีเอฟแอลคัพ: 2016–17,[37] 2022–23[38]
- เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 2016[39]
- ยูฟ่ายูโรปาลีก: 2016–17;[40] รองชนะเลิศ: 2020–21[41]
อังกฤษ
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รองชนะเลิศ: 2020[42]
- ยูฟ่าเนชันส์ลีก อันดับที่สาม: 2018–19[43]
ส่วนตัว
- นักเตะที่อายุน้อยดีเด่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2015–16
- นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมกราคมในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19[1]
- ผู้เล่นแห่งปีเซอร์แมตต์ บัสบี ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2022–23
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 "Marcus Rashford: Overview". Premier League. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 December 2022. สืบค้นเมื่อ 26 February 2023.
- ↑ Fordyce, Tom (2 March 2017). "Manchester's cold war". BBC News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 April 2019. สืบค้นเมื่อ 2 March 2017.
- ↑ Shread, Joe (19 November 2017). "Marcus Rashford reveals surprise Manchester United idol". Sky Sports. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2021. สืบค้นเมื่อ 23 October 2020.
- ↑ Dawson, Rob (17 December 2019). "Man United star Rashford maps out journey from academy standout to world-class talent". ESPN. สืบค้นเมื่อ 16 January 2021.
- ↑ 5.0 5.1 Fenn, Alec (6 April 2018). "Marcus Rashford – by the men who made him". FourFourTwo. สืบค้นเมื่อ 17 January 2021.
- ↑ Luckhurst, Samuel (26 February 2016). "Marcus Rashford rejected Liverpool to join Manchester United". Manchester Evening News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 11 April 2017.
- ↑ Flanagan, Chris (15 June 2020). "Marcus Rashford interview: Why the 2020s are going to belong to the Manchester United forward". FourFourTwo. Future. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2021. สืบค้นเมื่อ 23 October 2020.
- ↑ Stone, Simon (13 December 2019). "Marcus Rashford on helping Man Utd academy reach landmark". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 23 October 2020.
- ↑ Hafez, Shamoon (21 November 2015). "Watford 1–2 Manchester United". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 March 2017. สืบค้นเมื่อ 26 February 2016.
- ↑ Dawson, Rob (21 November 2015). "Marcus Rashford: The story behind Manchester United youngster's new squad number". Manchester Evening News. สืบค้นเมื่อ 15 January 2021.
- ↑ McNulty, Phil (28 November 2015). "Leicester City 1–1 Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 19 February 2021.
- ↑ "Marcus Rashford: Manchester United turned down Crewe Alexandra loan bid for striker". BBC Sport. 8 June 2016. สืบค้นเมื่อ 17 January 2021.
- ↑ Lustig, Nick (9 June 2016). "Man Utd forward Marcus Rashford subject of Crewe loan bid". Sky Sports. สืบค้นเมื่อ 17 January 2021.
- ↑ Luckhurst, Samuel (25 February 2016). "Manchester United include Marcus Rashford in Midtjylland squad". Manchester Evening News. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
- ↑ Johnston, Neil (25 February 2016). "Manchester United 5–1 FC Midtjylland: Teenager Marcus Rashford scores twice on his debut as Manchester United thrash FC Midtjylland in the Europa League". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 June 2018. สืบค้นเมื่อ 25 February 2016.
- ↑ Rej, Arindam (26 February 2016). "Rashford joins Rooney and Martial as the latest teen United wonder". ESPN. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
- ↑ Wilson, Paul (19 September 2019). "Mason Greenwood's first Manchester United goal earns win over Astana". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
- ↑ Jurejko, Jonathan (28 February 2016). "Manchester United 3–2 Arsenal". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 June 2018. สืบค้นเมื่อ 11 April 2017.
- ↑ Jackson, Jamie (28 February 2016). "Louis van Gaal: Marcus Rashford's second match even better than his first". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
- ↑ Jackson, Jamie (1 March 2016). "Don't harass Marcus Rashford, urges Manchester United's Louis van Gaal". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
- ↑ Masefield, Fraser (20 March 2016). "Marcus Rashford hits winner as Manchester United turn up heat on City in Champions League race". Eurosport. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
- ↑ McNulty, Phil (13 April 2016). "West Ham 1–2 Man Utd". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 14 August 2017.
- ↑ Jennings, Patrick (16 April 2016). "Manchester United 1–0 Aston Villa: Aston Villa are relegated to English football's second tier for the first time since 1987 after defeat by Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 January 2021.
- ↑ 24.0 24.1 McNulty, Phil (21 May 2016). "Crystal Palace 1–2 Manchester United". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 June 2018. สืบค้นเมื่อ 15 December 2017.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 13 January 2019.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 13 January 2019.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 13 January 2019.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 6 June 2019.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2019/2020". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2020/2021". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 3 July 2021.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2021/2022". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 28 April 2022.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2022/2023". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 8 April 2023.
- ↑ "Games played by มาร์คัส แรชฟอร์ด in 2023/2024". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 3 March 2024.
- ↑ "Marcus Rashford: Internationals". worldfootball.net. HEIM:SPIEL. สืบค้นเมื่อ 20 November 2023.
- ↑ Murray, Scott (19 May 2018). "Chelsea 1–0 Manchester United: 2018 FA Cup final – as it happened". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 27 December 2023.
- ↑ McNulty, Phil (3 June 2023). "Manchester City 2–1 Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 December 2023.
- ↑ McNulty, Phil (26 February 2017). "Manchester United 3–2 Southampton". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 November 2020. สืบค้นเมื่อ 15 December 2017.
- ↑ McNulty, Phil (26 February 2023). "Manchester United 2–0 Newcastle United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 26 February 2023.
- ↑ Bevan, Chris (7 August 2016). "Community Shield: Leicester City 1–2 Manchester United". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 March 2019. สืบค้นเมื่อ 18 September 2016.
- ↑ McNulty, Phil (24 May 2017). "Ajax 0–2 Manchester United". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 November 2020. สืบค้นเมื่อ 15 December 2017.
- ↑ Stone, Simon (26 May 2021). "Villarreal 1-1 Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 26 May 2021.
- ↑ McNulty, Phil (11 July 2021). "Euro 2020 final: England beaten by Italy on penalties". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 13 July 2021.
- ↑ McNulty, Phil (9 June 2019). "Switzerland 0–0 England". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 October 2019. สืบค้นเมื่อ 12 June 2019.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Profile at the Manchester United F.C. website
- Profile at the Football Association website
- มาร์คัส แรชฟอร์ด – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2540
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- กองหน้าฟุตบอล
- นักฟุตบอลจากแมนเชสเตอร์
- ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
- นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เอ็มบีอี
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2018
- ผู้เล่นในชุดชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2022