ข้ามไปเนื้อหา

แดนนี เวลเบก

หน้าถูกกึ่งป้องกัน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แดนนี เวลเบก
เวลเบกกับทีมชาติอังกฤษในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม แดเนียล นีอี แทกคี เมนซาห์ เวลเบก[1]
วันเกิด (1990-11-26) 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1990 (33 ปี)[2]
สถานที่เกิด ลองไซต์ แมนเชสเตอร์ อังกฤษ
ส่วนสูง 1.85 เมตร (6 ฟุต 1 นิ้ว)[3]
ตำแหน่ง กองหน้า
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน
หมายเลข 18
สโมสรเยาวชน
2001–2008 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2008–2014 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 92 (20)
2010เพรสตันนอร์ทเอนด์ (ยืมตัว) 8 (2)
2010–2011ซันเดอร์แลนด์ (ยืมตัว) 26 (6)
2014–2019 อาร์เซนอล 88 (16)
2019–2020 วอตฟอร์ด 18 (2)
2020– ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 109 (23)
ทีมชาติ
2006–2007 อังกฤษ อายุไม่เกิน 17 ปี 11 (2)
2007–2008 อังกฤษ อายุไม่เกิน 18 ปี 2 (2)
2008–2009 อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี 8 (2)
2009–2011 อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี 14 (5)
2011–2018 อังกฤษ 42 (16)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2024 (UTC)
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2018 (UTC)

แดเนียล นีอี แทกคี เมนซาห์ เวลเบก (อังกฤษ: Daniel Nii Tackie Mensah Welbeck; เกิด 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1990) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ เล่นในตำแหน่งกองหน้า ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียนในพรีเมียร์ลีก

สโมสรอาชีพ

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เวลเบก เริ่มเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ[4] ก่อนที่จะก้าวสู่ทีมรุ่นใหญ่ เปิดตัวในปี ค.ศ. 2008 ถูกยืมตัวไปเพรสตันนอร์ทเอนด์ จากนั้นเป็นซันเดอร์แลนด์

อาร์เซนอล

ในต้นฤดูกาล 2014–2015 เวลเบกย้ายจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาร่วมทีมอาร์เซนอล ในราคาค่าตัว 16 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญา 5 ปี หลังจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของลูวี ฟัน คาล ผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[5] ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ทำให้นักฟุตบอลและบุคลากรเก่า ๆ ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรู้สึกเสียดาย เวลเบกลงเล่นให้กับอาร์เซนอลครั้งแรก ในพรีเมียร์ลีกนัดที่ 4 ของฤดูกาล โดยพบกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม ถึงแม้ว่าจะยิงประตูไม่ได้ แต่ก็สามารถเล่นได้ดีและเกือบยิงประตูได้ถึง 2 ครั้งในช่วงต้นครึ่งแรก โดยเฉพาะลูกที่ 2 ในนาทีที่ 12 ที่ยกลูกฟุตบอลกระดกข้ามศีรษะของโจ ฮาร์ท ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ซิตีไปแล้ว แต่ทว่าลูกฟุตบอลชนเสากระเด็นออกไป

เวลเบกยิงประตูแรกให้กับอาร์เซนอลได้ ในพรีเมียร์ลีกนัดที่ 5 ของฤดูกาล เมื่อเป็นฝ่ายบุกไปเยือน แอสตันวิลลา ที่สนามวิลลาพาร์ค ในนาทีที่ 34 และเป็นประตูที่ 2 ของอาร์เซนอลในนัดนี้[6] และยิงแฮตทริกได้ ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่อาร์เซนอลพบกับ กาลาตาซาราย จากตุรกี ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม โดยอาร์เซนอลเป็นฝ่ายชนะไป 4–1 และถือเป็นแฮตริกแรกในชีวิตของเวลเบกอีกด้วย

เวลเบกยิงทีมเก่าตัวเอง คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้เป็นลูกแรก ในรายการเอฟเอคัพรอบ 8 ทีม ในนาทีที่ 62 และเป็นประตูที่ทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตกรอบ ซึ่งผลการแข่งขัน คือ อาร์เซนอลชนะไป 1–2 ประตู ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด [7]

ในฤดูกาล 2015–16 เวลเบก ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 2015 ในนัดที่พบกับ เชลซี ทำให้ไม่ได้ลงเล่นตลอดฤดูกาลในปี ค.ศ. 2015 และหายบาดเจ็บกลับมาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2016 ในฐานะตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 83 แทนที่อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน ในนัดที่ 26 ที่พบกับ เลสเตอร์ซิตี ซึ่งมีคะแนนนำเป็นทีมอันดับหนึ่งในตารางคะแนน ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม ผลปรากฏว่าอาร์เซนอลสามารถเอาชนะไปได้ 2–1 จากลูกโหม่งของเวลเบกจากลูกเปิดฟรีคิกของเมซุท เออซิล ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นการสัมผัสลูกฟุตบอลเป็นครั้งที่สองเท่านั้นในนัดนี้ ทำให้อาร์เซนอลชนะไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

แต่ในช่วงท้ายฤดูกาล เวลเบกได้รับบาดเจ็บจากการลงเล่นในนัดที่เสมอไปกับแมนเชสเตอร์ซิตี 2–2 ที่สนามเอติฮัดสเตเดียม ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลารักษาตัวประมาณ 9 เดือน และทำให้พลาดการติดทีมชาติไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 เวลเบกหายเจ็บกลับมาในช่วงต้นปี ค.ศ. 2017 โดยลงเป็นตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาแทนอเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน ในนาทีที่ 83 ในเอฟเอคัพรอบ 3 ในนัดที่พบกับเพรสตันนอร์ทเอนด์ และลงเป็นตัวจริงในรอบ 4 ที่พบกับเซาแทมป์ตัน ที่สนามเซนต์แมรีส์ ซึ่งเวลเบกสามารถยิงได้ถึง 2 ประตู ในนาทีที่ 15 และ 22 และยังเป็นผู้ที่ส่งลูกให้ทีโอ วอลคอตต์ ทำประตูที่ 3 ในนาทีที่ 35 อีกด้วย ซึ่งอาร์เซนอลชนะไปอย่างท่วมท้นถึง 0–5[8]

วอตฟอร์ด

เวลเบกเซ็นสัญญากับวอตฟอร์ดในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2019 โดยระยะของสัญญานั้นไม่เปิดเผย[9]

ทีมชาติอังกฤษ

เวลเบกเป็นตัวแทนนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ อายุไม่เกิน 16 ปี, อายุไม่เกิน 17 ปี, อายุไม่เกิน 18 ปี, อายุไม่เกิน 19 ปี, อายุไม่เกิน 21 ปี และทีมรุ่นใหญ่ ลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติรุ่นใหญ่ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2011 ในนัดกระชับมิตรที่เจอกับกานา เสมอ 1–1

เกียรติประวัติ

สโมสร

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

อาร์เซนอล

รางวัลส่วนตัว

อ้างอิง

  1. Hugman, Barry J., บ.ก. (2010). The PFA Footballers' Who's Who 2010–11. Edinburgh: Mainstream Publishing. p. 431. ISBN 978-1-84596-601-0.
  2. "FIFA World Cup Russia 2018: List of players: England" (PDF). FIFA. 15 July 2018. p. 10. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-12-06. สืบค้นเมื่อ 4 October 2018.
  3. "D. Welbeck: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 8 September 2018.
  4. ""เบ๊คแฮม"รับสุดเศร้าหลังผีขาย"เวลเบ็ค"ให้"ปืน"". มติชน. 3 September 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 3 September 2014.
  5. "จบข่าว! ปืนโตซิว "เวลเบ็ค" 16 ล้าน ป." ผู้จัดการออนไลน์. 2 September 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-09-05. สืบค้นเมื่อ 2 September 2014.
  6. หน้า 12 ต่อหน้า 10 กีฬา, ปืนคืนฟอร์มถล่มวิลลา. "ปืนใหญ่รัวถล่ม'วิลลา'". เดลินิวส์ฉบับที่ 23,719: วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557 แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ปีมะเมีย
  7. ""เวลเบ็ค" ฝังทีมเก่า 2-1 ส่งผี 10 ตัวร่วงเอฟเอ". ผู้จัดการออนไลน์. 10 March 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-03-10. สืบค้นเมื่อ 10 March 2015.
  8. ""วัลคอตต์" แฮตทริกฆ่านักบุญ 5-0 ปืนลิ่วเอฟเอ". ผู้จัดการออนไลน์. 2017-01-29. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-02. สืบค้นเมื่อ 2017-01-29.
  9. Stone, Simon (7 August 2019). "Danny Welbeck: Former Arsenal striker joins Watford". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 7 August 2019.
  10. "Danny Welbeck: Overview". Premier League. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-02-14. สืบค้นเมื่อ 18 December 2017.
  11. McNulty, Phil (1 March 2009). "Man Utd 0–0 Tottenham (aet)". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 December 2017.
  12. McNulty, Phil (28 February 2010). "Aston Villa 1–2 Man Utd". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 23 April 2019.
    Douglas, Mark (24 August 2010). "Danny Welbeck hoping to seize his chance". The Journal. Newcastle upon Tyne. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-22. สืบค้นเมื่อ 23 April 2019.
  13. Bevan, Chris (7 August 2011). "Manchester City 2–3 Manchester United". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2013.
  14. Rostance, Tom (11 August 2013). "Man Utd 2–0 Wigan". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2016.
  15. Saaid, Hamdan (8 September 2016). "FIFA Club World Cup 2008". Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation. สืบค้นเมื่อ 20 December 2017.
  16. McNulty, Phil (27 May 2017). "Arsenal 2–1 Chelsea". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 December 2017.
  17. Rostance, Tom (6 August 2017). "Arsenal 1–1 Chelsea". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 December 2017.
  18. McNulty, Phil (25 February 2018). "Arsenal 0–3 Manchester City". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 24 April 2019.
  19. Bevan, Chris (29 May 2019). "Chelsea 4–1 Arsenal". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 29 May 2019.
  20. "Player of the Year awards". Manchester United F.C. 11 May 2008. สืบค้นเมื่อ 28 May 2017.

แหล่งข้อมูลอื่น