ข้ามไปเนื้อหา

อำเภอพนัสนิคม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อำเภอพนัสนิคม
การถอดเสียงอักษรโรมัน
  อักษรโรมันAmphoe Phanat Nikhom
คำขวัญ: 
พระพนัสบดีคู่บ้าน จักสานคู่เมือง ลือเลื่องบุญกลางบ้าน ตำนานพระรถ-เมรี ศักดิ์ศรีเมืองสะอาด เก่งกาจการทายโจ๊ก
แผนที่จังหวัดชลบุรี เน้นอำเภอพนัสนิคม
แผนที่จังหวัดชลบุรี เน้นอำเภอพนัสนิคม
พิกัด: 13°27′6″N 101°10′36″E / 13.45167°N 101.17667°E / 13.45167; 101.17667
ประเทศ ไทย
จังหวัดชลบุรี
พื้นที่
  ทั้งหมด450.9 ตร.กม. (174.1 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2567)
  ทั้งหมด126,301 คน
  ความหนาแน่น280.10 คน/ตร.กม. (725.5 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์ 20140,
20240 (เฉพาะหมู่ที่ 4-5, 8-11, 14-15 ตำบลนาเริก และหมู่ที่ 4-6, 10-11 ตำบลนาวังหิน)
รหัสภูมิศาสตร์2006
ที่ตั้งที่ว่าการที่ว่าการอำเภอพนัสนิคม ถนนเมืองเก่า ตำบลพนัสนิคม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี 20140
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

พนัสนิคม เป็นอำเภอของจังหวัดชลบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา อดีตมีสถานะเป็นเมืองชั้นจัตวา ชื่อเมืองพนัสนิคม สังกัดกรมท่า ต่อมาย้ายไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย และมาเป็นอำเภอพนัสนิคมขึ้นกับเมืองชลบุรี มณฑลปราจีน ในปัจจุบันเป็นอำเภอในจังหวัดชลบุรี

ที่ตั้งและอาณาเขต

[แก้]

อำเภอพนัสนิคมตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดชลบุรี ห่างจากตัวจังหวัดไปทางตะวันออกประมาณ 22 กิโลเมตรตามเส้นทางถนนศุขประยูร มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้

ประวัติศาสตร์

[แก้]

อนึ่งเมืองพนัสนิคมเดิมเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดชลบุรี ปัจจุบันมีอาณาเขตเดิมอยู่ในอำเภออื่น ดังนี้

1.บ้านท่าตะกูด เป็นหมู่บ้านขึ้นกับเมืองพนัสนิคม สังกัดกรมท่า ในปี พ.ศ. 2441 มีการปฏิรูปการปกครองจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล ยกฐานะเป็นอำเภอท่าตะกูดและในปี พ.ศ. 2460 เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอพานทอง

2.ตำบลหนองอิรุณและตำบลคลองพลู เป็นตำบลขึ้นกับอำเภอพนัสนิคม ในปี พ.ศ. 2481 ได้โอนย้ายมาขึ้นกับอำเภอบ้านบึง ในปี พ.ศ. 2517 จัดตั้งตำบลหนองใหญ่โดยแบ่งเขตการปกครองจากตำบลหนองอิรุณและตำบลคลองพลู ในปี พ.ศ. 2524 ยกฐานะเป็นอำเภอหนองใหญ่

3.ตำบลบ่อทอง เป็นตำบลขึ้นกับอำเภอพนัสนิคม ในปี พ.ศ. 2528 ยกฐานะเป็นอำเภอบ่อทอง

4.ตำบลท่าบุญมี เป็นตำบลขึ้นกับอำเภอพนัสนิคม ในปี พ.ศ. 2550 ยกฐานะเป็นอำเภอเกาะจันทร์

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ช่วงเก่าที่สุดที่พบในพนัสนิคมคือแหล่งโบราณคดีโคกพนมดี สมัยหินใหม่ 3,500-4,000 ปีมาแล้ว บริเวณบ้านโคกพนมดี ตำบลท่าข้าม โดยนักโบราณคดีขุดพบโครงกระดูกเจ้าแม่แห่งโคกพนมดี มีลูกปัดนับแสนเม็ดฝังรวมอยู่ และแหล่งโบราณคดีหนองโน สมัยสำริด 2,700-3,100 ปีมาแล้ว บริเวณตำบลไร่หลักทอง

สมัยทวารวดี พบเมืองโบราณอายุราว 1,500 ปี บริเวณตำบลหน้าพระธาตุ ต่อมาเรียกสมัยหลังว่าเมืองพระรถ (ชื่อสมมุติจากรถเสนชาดกในปัญญาสชาดก เป็นที่แพร่หลายในชาวลาว) อายุอยู่ในราวหลัง พ.ศ. 1000 เมืองโบราณยุคทวารวดีที่พนัสนิคมนี้ได้ลดความสำคัญลงและในที่สุดรกร้างไปราวหลัง พ.ศ. 1500 เพราะเส้นทางคมนาคมเปลี่ยนไป แล้วมีบ้านเมืองแห่งใหม่ใกล้ทะเลเติบโตมีความสำคัญแทนที่

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานนามเมืองว่าพนัสนิคม

สมัยเมืองพนัสนิคม ในปี พ.ศ. 2371 กำเนิดเมืองขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้กลุ่มลาวอาสาปากน้ำมาสร้างภูมิลำเนาขึ้นในพื้นที่รกร้างระหว่างเมืองชลบุรีกับเมืองฉะเชิงเทรา พระราชทานนามเมืองว่าพนัสนิคม (บางเอกสารเขียน“พนัศนิคม”) มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ขึ้นกับกรมท่า กรุงเทพมหานคร ให้ท้าวอินทิสาร (บางเอกสารเขียน”อินทพิศาล”) หรือ ท้าวทุม ปลัดลาว เมืองสมุทรปราการ บุตรชายคนโตของท้าวไชย (บางเอกสารเขียน”ศรีวิไชย”) อุปราชเมืองนครพนม ให้เป็นเจ้าเมืองพนัสนิคมคนแรกและพระราชทานราชทินนามและบรรดาศักดิ์ที่พระอินทอาษา (บางเอกสารเขียน“อินทรอาษา, อินทอาสา, อินทราษา“) มีข้อความในพระราชพงศาวดารว่า “พวกลาวอาสาปากน้ำ ตั้งขึ้นเมื่อครั้งในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสุลาลัย ภายหลังเมื่อปีชวดสัมฤทธิศก พวกลาวไม่สบาย ขอไปตั้งอยู่ที่เมืองพระรถ จึงโปรดให้ตัดเอาแขวงเมืองชลบุรี เมืองฉะเชิงเทรา มาตั้งเป็นเมืองขึ้นชื่อเมืองพนัศนิคม เจ้าเมืองชื่อพระอินทอาษา” (พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 เล่ม 2 ของ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ฉบับคุรุสภา พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2504 หน้า 180) โดยลาวบุกเบิกเมืองพนัสนิคม เป็นลาวเมืองนครพนม อ้างถึงการอพยพมาสยามครั้งแรกนำโดยท้าวไชย อุปราชเมืองนครพนม เป็นโอรสในพระบรมราชา (ท้าวกู่แก้ว) เจ้าเมืองนครพนม (เมืองนครพนมในอดีต เป็นหัวเมืองในราชอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ ประเทศราชของสยาม) ไม่สมัครใจอยู่ในปกครองของพระบรมราชา (มัง) เจ้าเมืองนครพนมคนใหม่ จึงอพยพพาสมัครพรรคพวก บุตรหลาน ท้าวเพี้ย ขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2352 และโปรดเกล้าฯให้ตั้งบ้านเรือนอยู่คลองมหาวงษ์ เมืองสมุทรปราการ ยุคนั้นจึงเรียกคนกลุ่มนี้ว่าพวกลาวอาสาปากน้ำ แต่ทนสภาพแวดล้อมไม่ไหว เพราะเป็นชาวดอนน้ำจืด ถูกให้ไปอยู่เมืองลุ่มน้ำกร่อยและเค็ม เลยขอเปลี่ยนไปอยู่ที่อื่น ซึ่งสภาพใกล้เคียงที่ดอน ลาวนครพนมกลุ่มนี้ได้บุกเบิกสร้างเมืองพนัสนิคม

พ.ศ. 2372 ภายหลังเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์ พระอินทอาษา เจ้าเมืองพนัสนิคม ได้ไปเกลี้ยกล่อมครอบครัวลาวเมืองนครพนม ย้ายมาอยู่ที่เมืองพนัสนิคมอีกจำนวนหนึ่ง

พ.ศ. 2391 พระอินทอาษา เจ้าเมืองพนัสนิคม คุมลาวเมืองพนัสนิคมยกไปทางบกปราบกบฏจีนตั้วเหี่ย เมืองฉะเชิงเทรา มีพรรณนาไว้ในพระราชพงศาวดารฯ เรื่องเจ้าพระยาพระคลังกับเจ้าพระยาบดินทรเดชาปราบจีนตั้วเหี่ย เมืองฉะเชิงเทรา

พ.ศ. 2394 พระอินทอาษา เจ้าเมืองพนัสนิคม คุมลาวเมืองพนัสนิคมร่วมเป็นกองกำลังอารักขาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จขึ้นเสวยราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้มีพรรณนาในพระราชพงศาวดารฯ

พ.ศ. 2437 (ร.ศ.113) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิรูปการปกครองโดยการจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลแทนระบบกินเมือง (เจ้าเมืองสืบตระกูล) ทรงให้หัวเมืองทั้งหมดอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทย เมืองพนัสนิคมจึงโอนย้ายจากกรมท่า มาสังกัดมณฑลปราจีน มีบันทึกว่า “รวมหัวเมืองทางลำน้ำบางปะกง คือ เมืองปราจีนบุรี 1 เมืองนครนายก 1 เมืองพนมสารคาม 1 เมืองฉะเชิงเทรา 1 รวม 4 หัวเมือง เป็นเมืองมณฑล 1 เรียกว่า มณฑลปราจีน ตั้งที่ว่าการมณฑล ณ เมืองปราจีน ต่อเมื่อโอนหัวเมืองในกรมท่ามาขึ้นกระทรวงมหาดไทย จึงย้ายที่ทำการมณฑลลงมาตั้งที่เมืองฉะเชิงเทรา เพราะขยายอาณาเขตมณฑลต่อลงไปทางชายทะเล รวมเมืองพนัสนิคม เมืองชลบุรี และเมืองบางละมุง เพิ่มให้อีก 3 รวมเป็น 7 เมืองด้วยกัน แต่คงเรียกชื่อว่ามณฑลปราจีนอยู่ตามเดิม”

พ.ศ. 2441 ประกาศข้อบังคับลักษณะการปกครองหัวเมือง ร.ศ.117 เมืองพนัสนิคมเปลี่ยนเป็นอำเภอพนัสนิคม ขึ้นกับเมืองชลบุรี (ในปี พ.ศ. 2460 เปลี่ยนจากเมืองเป็นจังหวัดชลบุรี) มณฑลปราจีน โดยเมืองพนัสนิคมมีเจ้าเมืองสืบทอดตำแหน่ง รวม 3 คน คือ 1.พระอินทอาษา (ท้าวอินทิสาร หรือ ท้าวทุม ทุมมานนท์) 2.หลวงภักดีสงคราม (ท้าวนิล ทุมมานนท์) 3.หลวงภักดีสงคราม (ท้าวบุญจันทร์ ทุมมานนท์) และมีนายอำเภอพนัสนิคมคนแรกคือ หลวงสัจจพันธ์คีรี ศรีรัตนไพรวัน เจฏิยาสัน คามวาสี นพ-คูหาพนมโขลน (บัว ไม่ทราบนามสกุล)

การแบ่งเขตการปกครอง

[แก้]

การปกครองส่วนภูมิภาค

[แก้]

อำเภอพนัสนิคมแบ่งการปกครองท้องที่เป็น 20 ตำบล 185 หมู่บ้าน ได้แก่

1.พนัสนิคม(Phanat Nikhom) - 11.ท่าข้าม(Tha Kham) 7 หมู่บ้าน
2.หน้าพระธาตุ(Na Phra That) 11 หมู่บ้าน 12.หนองปรือ(Nong Prue) 10 หมู่บ้าน
3.วัดหลวง(Wat Luang) 7 หมู่บ้าน 13.หนองขยาด(Nong Khayat) 8 หมู่บ้าน
4.บ้านเซิด(Ban Soet) 8 หมู่บ้าน 14.ทุ่งขวาง(Thung Khwang) 10 หมู่บ้าน
5.นาเริก(Na Roek) 15 หมู่บ้าน 15.หนองเหียง(Nong Hiang) 16 หมู่บ้าน
6.หมอนนาง(Mon Nang) 12 หมู่บ้าน 16.นาวังหิน(Na Wang Hin) 11 หมู่บ้าน
7.สระสี่เหลี่ยม(Sa Si Liam) 11 หมู่บ้าน 17.บ้านช้าง(Ban Chang) 7 หมู่บ้าน
8.วัดโบสถ์(Wat Bot) 11 หมู่บ้าน 18.โคกเพลาะ(Khok Phlo) 8 หมู่บ้าน
9.กุฎโง้ง(Kut Ngong) 6 หมู่บ้าน 19.ไร่หลักทอง(Rai Lak Thong) 11 หมู่บ้าน
10.หัวถนน(Hua Thanon) 9 หมู่บ้าน 20.นามะตูม(Na Matum) 7 หมู่บ้าน

การปกครองส่วนท้องถิ่น

[แก้]

ท้องที่อำเภอพนัสนิคมประกอบด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น 20 แห่ง ได้แก่

  • เทศบาลเมืองพนัสนิคม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพนัสนิคมทั้งตำบล
  • เทศบาลตำบลหมอนนาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหมอนนางทั้งตำบล
  • เทศบาลตำบลกุฎโง้ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกุฎโง้งทั้งตำบล
  • เทศบาลตำบลหัวถนน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหัวถนนทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหน้าพระธาตุ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหน้าพระธาตุทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลวัดหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวัดหลวงทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเซิด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านเซิดทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลนาเริก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาเริกทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลสระสี่เหลี่ยม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสระสี่เหลี่ยมทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลวัดโบสถ์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวัดโบสถ์ทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าข้ามทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปรือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองปรือทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขยาด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองขยาดทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งขวางทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเหียง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองเหียงทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลนาวังหิน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาวังหินทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านช้าง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านช้างทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลโคกเพลาะ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโคกเพลาะทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลไร่หลักทอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไร่หลักทองทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลนามะตูม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนามะตูมทั้งตำบล

พระพุทธรูปประจำเมือง

[แก้]
หอพระพนัสบดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
พระพนัสบดี

ประเพณีท้องถิ่น

[แก้]

สถานที่สำคัญ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และแหล่งโบราณคดี

[แก้]

สถานศึกษา

[แก้]

นามสกุลพระราชทานที่เกี่ยวข้องกับเมืองพนัสนิคม

[แก้]
  • ตระกูลทุมมานนท์ เป็นนามสกุลพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานที่ ๑๔๐๕ "ทุมมานนท์" (เขียนแบบโรมันว่า Dummananda) อันสืบเชื้อสายมาจากพระอินทอาษา (ท้าวอินทิสาร ทุมมานนท์) เจ้าเมืองพนัสนิคมคนแรก พระราชทานแก่หลวงประพิธวยาการ (ภิรมย์ ทุมมานนท์) เลฃานุการกรมไปรษณีย์โทรเลข, นายร้อยโทพินิจ ทุมมานนท์ ผู้บังคับกองร้อยที่ ๑ กรมทหารม้าที่ ๕ (น้องชาย) และนายวัณณี ทุมมานนท์ (บิดา) ปู่นายวัณณีชื่อพระอินทราสา (ทุม)

อนึ่งตระกูลทุมมานนท์ เป็นตระกูลเจ้าเมืองพนัสนิคมและเป็นสายเครือญาติกลุ่มตระกูลเจ้านายเมืองนครพนม ในอดีตเมืองนครพนมเป็นหัวเมืองในราชอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ ประเทศราชของสยาม โดยท้าวไชย (ศรีวิไชย) อุปราชเมืองนครพนม บิดาของพระอินทอาษา (ท้าวอินทิสาร ทุมมานนท์) เจ้าเมืองพนัสนิคมนั้น สืบเชื้อสายมาจากบิดานามว่าพระบรมราชา (ท้าวกู่แก้ว) เจ้าเมืองมรุกขนคร (ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองนครพนม), พี่ชายนามว่าพระบรมราชา (ท้าวพรหมา) เจ้าเมืองนครพนม ซึ่งทายาทได้เป็นเจ้าเมืองมหาไชยกองแก้วและเจ้าเมืองสกลนคร ต้นตระกูล "พรหมสาขา ณ สกลนคร", พี่เขยนามว่าพระบรมราชา (สุดตา) เจ้าเมืองนครพนม กลุ่มตระกูลสาย "ณ นครพนม" และหลานนามว่าพระบรมราชา(มัง) เจ้าเมืองนครพนม

โดยตระกูลทุมมานนท์ เชื้อสายเจ้าเมืองพนัสนิคม มีการสืบตำแหน่งเจ้าเมืองพนัสนิคม 3 ชั่วอายุคน ได้แก่

1.พระอินทอาษา (ท้าวอินทิสาร หรือ ท้าวทุม ทุมมานนท์)

2.หลวงภักดีสงคราม (ท้าวนิล ทุมมานนท์)

3.หลวงภักดีสงคราม (ท้าวบุญจันทร์ ทุมมานนท์)

โดยหลวงภักดีสงคราม (ท้าวบุญจันทร์ ทุมมานนท์) เจ้าเมืองพนัสนิคมคนสุดท้าย บุตรชายของหลวงภักดีสงคราม (ท้าวนิล ทุมมานนท์) ได้สละบรรดาศักดิ์ให้อานามว่าหลวงภักดีสงคราม (ท้าวเปลี่ยน ทุมมานนท์)

ดูเพิ่ม

[แก้]
  • โรงพยาบาลพนัสนิคม กระทรวงสาธารณสุข
  • ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 19 อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
  • สนามกีฬาและศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองพนัสนิคม
  • ศาลเจ้าแปะกง
  • มูลนิธิสว่างกุศลธรรมสถานเม่งเต็กเซียงตั๊ว(พนัสนิคม) ชลบุรี
  • โรงเจเว่งฮกตั๊ว (เป็นโรงเจเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่าร้อยปี)
  • ศาลเจ้าเล่งฉือปุ้ยเสี่ยว(ศาลเจ้าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางนั่งขัดสมาธิเพชร)

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]