ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศซูดาน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 46: บรรทัด 46:
|Gini_category = <font color="red">ปานกลาง</font>
|Gini_category = <font color="red">ปานกลาง</font>
| HDI_year = 2556<!-- Please use the year to which the data refers, not the publication year-->
| HDI_year = 2556<!-- Please use the year to which the data refers, not the publication year-->
| HDI_change = steady<!--increase/decrease/steady-->
| HDI = {{steady}} 0.490
|HDI_ref = <ref name="HDI">{{cite web |url=http://hdr.undp.org/sites/default/files/2016_human_development_report.pdf |title=2016 Human Development Report Summary |year=2016 |accessdate=21 March 2017 |publisher=United Nations Development Programme | pages=211–271}}</ref>
| HDI = 0.473 <!--number only-->
| HDI_rank = 165th
|HDI_ref = <ref name="HDI">{{cite web |url=http://hdr.undp.org/sites/default/files/hdr14-summary-en.pdf |title=2014 Human Development Report Summary |year=2014 |accessdate=27 July 2014 |publisher=United Nations Development Programme | pages=21–25}}</ref>
| HDI_category = <font color="FF0000" >ต่ำ</font>
| HDI_rank = 166
| HDI_category = <font color="#660000" >ต่ำ</font>
| FSI = {{nowrap|113.7 {{increase}} 1.4}}
| FSI = {{nowrap|113.7 {{increase}} 1.4}}
| FSI_year = 2550
| FSI_year = 2550

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:18, 5 เมษายน 2560

สาธารณรัฐซูดาน

Republic of the Sudan (อังกฤษ)
جمهورية السودان (อาหรับ)
ตราแผ่นดินของซูดาน
ตราแผ่นดิน
คำขวัญالنصر لنا  (อาหรับ)
"ชัยชนะเป็นของเรา"
เพลงชาติنحن جيش الله والإخراج لأرضنا
Nahnu Jund Allah Jund Al-watan
("เราคือกองทัพแห่งอัลลอหฺและแผ่นดินของเรา")
ที่ตั้งของซูดาน
เมืองหลวงคาร์ทูม
เมืองใหญ่สุดออมเดอร์มาน
ภาษาราชการภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ[1]
การปกครองสาธารณรัฐ
• ประธานาธิบดี
อุมัร ฮะซัน อะห์มัด อัลบะชีร
ประกาศเอกราช
1 มกราคม พ.ศ. 2499
พื้นที่
• รวม
1,861,484 ตารางกิโลเมตร (718,723 ตารางไมล์) (16)
5%
ประชากร
• 2558 ประมาณ
40,235,000[2] (35)
• สำมะโนประชากร 2551
30,894,000 [3]
16.4 ต่อตารางกิโลเมตร (42.5 ต่อตารางไมล์)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2557 (ประมาณ)
• รวม
179.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[4]
4,834 ดอลลาร์สหรัฐ[4]
จีดีพี (ราคาตลาด) 2559 (ประมาณ)
• รวม
84.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[5]
4,500 ดอลลาร์สหรัฐ[6]
จีนี (2552)35.3[7]
ปานกลาง
เอชดีไอ (2556)Steady 0.490[8]
ข้อผิดพลาด: ค่า HDI ไม่ถูกต้อง · 165th
สกุลเงินดีนาร์ซูดาน (SDG)
เขตเวลาUTC+3 (MSK)
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)
UTC+3 (ไม่มี)
ขับรถด้านขวามือ
รหัสโทรศัพท์+249
โดเมนบนสุด.sd, سودان.

ซูดาน (อังกฤษ: Sudan; อาหรับ: السودان) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐซูดาน (อังกฤษ: Republic of the Sudan; อาหรับ: جمهورية السودان) เป็นประเทศที่ในอดีตมีพื้นที่มากที่สุดในทวีปแอฟริกา ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีเมืองหลวงชื่อคาร์ทูม มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศอียิปต์ ทิศใต้ติดต่อกับเซาท์ซูดาน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับทะเลแดง ทิศตะวันออกติดกับเอริเทรียและเอธิโอเปีย ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับเคนยาและยูกันดา ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับคองโกและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกติดกับประเทศชาด และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับลิเบีย ชื่อของประเทศมาจากภาษาอาหรับว่า Bilad-al-Sudan ซึ่งแปลว่าดินแดนของคนผิวดำ[9] ปัจจุบันซูดานกลายเป็นประเทศที่ขาดความมั่นคงตามดัชนีความเสี่ยงของการเป็นรัฐที่ล้มเหลว เพราะการปกครองแบบเผด็จการทหารและสงครามดาร์ฟูร์

ประวัติศาสตร์

ซูดานหรือนิวเบียสมัยโบราณ มีชาวอียิปต์เข้ามาตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยเก่าแก่ ในศตวรรษที่ 6 ชาวพื้นเมืองในซูดานหันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายคอปติกอาหรับเข้ามาพิชิตแล้วนำเอาศาสนาอิสลามมาให้ ในทศวรรษของปี ค.ศ.1820 อียิปต์เอาซูดานไปครอบครองโดยรบชนะอาณาจักรในยุคแรกๆ ได้รวมทั้งอาณาจักรของฟุง ในช่วงทศวรรษของปี ค.ศ.1880 โมฮัมหมัด อาห์หมัด ซึ่งเรียกตัวเองว่ามาห์ธี (ผู้นำแห่งความสัตย์) กับสาวกของเขาก่อการปฏิวัติ ในปี ค.ศ.1898 กองกำลังผสมระหว่างอังกฤษและอียิปต์ บุกทำลายกองทัพผูสืบตำแหน่งต่อจากมาห์ธีร์จนพังพินาศ ในปีค.ศ.1951 รัฐสภาอียิปต์ประกาศยกเลิกสนธิสัญญากับอังกฤษฉบับปี ค.ศ.1899 และ 1936 แล้วแก้ไขรัฐธรรมนูญอียิปต์ให้ซูดานมีรัฐธรรมนูญแยกไปจากอียิปต์ ซูดานได้รับอิสรภาพโดยสมบูรณ์มีการปกครองระบบรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1956 ในปี ค.ศ.1969 สภาปฏิวัติเข้ายึดอำนาจแต่งตั้งรัฐบาลพลเรือนบริหารประเทศ รัฐบาลประกาศจะสร้างซูดานเป็นรัฐสังคมนิยม 12 จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศส่วนใหญ่เป็นชาวอาหรับนับถือศาสนาอิสลามและเคยมีอำนาจในรัฐบาลกลางมาช้านาน ใน 3 จังหวัดทางภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นคนดำนับถือศาสนาเดิมของแอฟริกา ในปี ค.ศ.1972 รัฐบาลยอมให้จังหวัดทางใต้ปกครองตนเอง แล้วทั้งสองซีกของประเทศก็เริ่มทำสงครามกลางเมืองในปี ค.ศ.1988 ในทศวรรษของปี ค.ศ.1980 ซูดานมีปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและเลวร้ายลงไปอีก เมื่อมีผู้ลี้ภัยจากประเทศใกล้เคียงหลั่งไหลเข้ามา ภายหลังอยู่ในอำนาจมา 16 ปี ประธานาธิบดีไนไมรีก็ถูกโค่นอำนาจ จากการทำรัฐประหารเมื่อปี ค.ศ.1985 ในปีค.ศ.1986 ซูดานมีการเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตยครั้งแรกในรอบ 18 ปี แต่แล้วรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ถูกโค่นล้มอีก จากการรัฐประหารแบบไม่เสียเลือดเนื้อของฝ่ายทหารในปี ค.ศ.1989 ในปี ค.ศ.1991 ซูดานยอมให้สหประชาชาติช่วยบรรเทาทุกข์ครั้งใหญ่ เพราะมีประชากรประมาณ 7 ล้านคนที่กำลังขาดแคลนอาหาร

การแบ่งเขตการปกครอง

เขตทางการเมืองในซูดาน สามเหลี่ยมฮาลาอิบ อยู่ภายใต้การปกครองของอียิปต์ตั้งแต่ พ.ศ. 2543

ซูดานมีรัฐทั้งหมด 17 รัฐ ได้แก่

พื้นที่ที่เกิดความขัดแย้ง

นอกจากการบริหารโดยรัฐบาลกลาง ยังมีการบริหารภายนอกที่เกิดจากการทำสนธิสัญญาสันติภาพกับกลุ่มกบฏได้แก่

  รัฐทางตอนเหนือและตอนกลาง

ส่วนการบริหารเฉพาะพื้นที่

พื้นที่พิพาทหรือเกิดความขัดแย้ง

ภูมิศาสตร์

ซูดานตั้งอยู่ในทวีฟแอฟริกาตอนเหนือ มีทางออกทะเลที่ทะเลแดง และมีความยาวของชายฝั่งประมาณ 853 กิโลเมตร[12] ซูดานมีพื้นที่ทั้งหมด 2,505,810 ตารางกิโลเมตร และเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา และเป็นอันดับสิบของโลก ซูดานมีอาณาเขตติดกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ประเทศชาด ลิเบีย อียิปต์ เอริเทรีย เอธิโอเปีย เคนยา ยูกันดา และมีความสำคัญทางภูมิศาสตร์เพราะมีจุดที่แม่น้ำบลูไนล์และไวท์ไนล์รวมกันเป็นแม่น้ำไนล์ซึ่งอยู่ในเขตคาร์ทูม

พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ซึ่งถูกแบ่งออกจากกันด้วยเทือกเขาหลายแห่ง ได้แก่เทือกเขาเจเบล มาร์ราทางตะวันตก ภูเขาคินเยติ อิมาตองบริเวณใกล้ชายแดนยูกันดา ซึ่งเป็นภูขาที่สูงที่สุด และในเขตตะวันออกมีเนินเขาทะเลแดง[13]

ทางตอนเหนือมีทะเลทรายนิวเบีย ตั้งแต่อดีตในทางตอนใต้มีปริมาณน้ำฝนมีมากกว่าจึงมีพื้นที่ที่มีบึงและป่าดิบชื้น ฤดูฝนของซูดานมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือน (กรกฎาคมถึงกันยายน) ในตอนเหนือ และนานถึง 6 เดือน (มิถุนายนถึงพฤศจิกายน) ในตอนใต้ ในเขตแห้งแล้งมักเกิดพายุทรายที่เรียกว่าฮาบูบซึ่งสามารถบดบังแสงอาทิตย์ได้โดยสิ้นเชิง ในตอนเหนือและตะวันตกซึ่งเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย ผู้คนทำการเกษตรง่าย ๆ โดยพึ่งพาฝนที่ไม่ค่อยพอเพียง และมีชนเผ่าเร่ร่อนจำนวนมากที่เดินทางไปพร้อมกับฝูงแกะและอูฐ ในบริเวณใกล้แม่น้ำไนล์ มีการทำไร่ที่มีการชลประทานที่ดีกว่า ส่วนใหญ่ปลูกพืชที่ปลูกเพื่อการค้า[14]

ประเทศซูดานมีแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุหลายอย่าง เช่น ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ทอง เงิน โครไมท์ แร่ใยหิน แมงกานีส ยิปซัม ไมกา สังกะสี เหล็ก ตะกั่ว ยูเรเนียม ทองแดง เกาลิไนท์ โคบอลต์ หินแกรนิต นิกเกิล และดีบุก[15]

การแปรสภาพเป็นทะเลทรายเป็นปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของซูดาน[16] เกษตรกรมักทำการเกษตรโดยไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาเช่น การทำลายป่าไม้ ปัญหาดินจืด และปัญหาระดับน้ำบาดาลลดลง[17]

ประชากร

การแต่งงานของชาวนิวเบีย

จากการสำรวจของซูดานในปี พ.ศ. 2536 จำนวนประชากรถูกบันทึกไว้ที่ 25 ล้านคน แต่เนื่องจากสงครามกลางเมืองที่ดำเนินต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็ไม่มีการสำรวจที่ทั่วถึงอีก ในปี พ.ศ. 2549 สหประชาชาติประมาณว่ามีจำนวนประชากรประมาณ 36.9 ล้านคน[18] ประชากรในเขตเมืองคาร์ทูม (คาร์ทูม โอมเดอร์มาน และคาร์ทูมเหนือ) เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและมีจำนวนประมาณ 5-7 ล้านคน ซึ่งรวมทั้งประชากรประมาณ 2 ล้านคนที่ต้องย้ายถิ่นฐานจากเขตสงครามทางใต้และทางตะวันตก และพื้นที่แห้งแล้งทางตะวันออก

แม้ว่าซูดานจะเป็นต้นกำเนิดของผู้อพยพมากมาย แต่กลับมีชาวต่างชาติไม่น้อยอพยพเข้ามาในซูดาน ตามรายงาน World Refugee Survey 2008 ของคณะกรรมการเพื่อผู้ลี้ภัยและผู้อพยพของสหรัฐอเมริกา (U.S. Committee for Refugees and Immigrants: USCRI) พบว่ามีผู้อพยพและลี้ภัยอาศัยอยู่ในซูดาน 310,500 คนในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเอริเทรีย (240,400 คน) ชาด (45,000 คน) เอธิโอเปีย (19,300 คน) และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (2,500 คน)[19] มีการรายงานว่ารัฐบาลซูดานไม่ให้ความร่วมมือต่อข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในปี 2007 และยังส่งตัวผู้อพยพและผู้ลี้ภัยอย่างน้อย 1,500 คนกลับประเทศในปีเดียวกัน[19]

ซูดานมีชนเผ่า 597 เผ่าซึ่งพูดภาษาแตกต่างกันมากกว่า 400 สำเนียงภาษา[20] แต่มีสามารถแยกออกเป็นกลุ่มวัฒนธรรมหลัก 2 พวก คือชาวอาหรับเชื้อสายนิวเบีย และคนแอฟริกันผิวดำซึ่งไม่ใช่พวกอาหรับ ซึ่งสามารถแยกย่อยออกเป็นเผ่าและกลุ่มภาษาได้อีกนับร้อยกลุ่ม รัฐในเขตเหนือมีอาณาเขตครอบคลุมเกือบทั้งประเทศและรวมเอาเขตเมืองส่วนใหญ่ไว้ด้วย ชาวซูดานที่อาศัยอยู่ในเขตนี้เป็นชาวมุสลิมที่พูดภาษาอาหรับ เพราะได้รับการศึกษาเป็นภาษาอาหรับ แต่ส่วนใหญ่มักมีภาษาแม่เป็นภาษาที่ไม่ใช่อาหรับ (เช่นนิวเบีย เบจา เฟอร์ นูบัน ฯลฯ)

ดังเช่นชาวอียิปต์ ชาวปาเลสไตน์ และชาวอาหรับอื่น ๆ ชาวอาหรับในซูดานส่วนใหญ่เป็นอาหรับโดยวัฒนธรรมมากกว่าด้วยเชื้อสาย ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากพวกนิวเบีย ซึ่งอยู่ในกลุ่มเซมิติก และหน้าตาเหมือนกับชาวเอธิโอเปีย ชาวเอริเทรีย และชาวโซมาเลีย

อ้างอิง

  1. "2005 constitution in English" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2007-06-09. สืบค้นเมื่อ 31 May 2013.
  2. "United Nations world population prospects"(PDF) 2015 revision
  3. "Discontent over Sudan census". News24. Cape Town. Agence France-Presse. 21 May 2009. สืบค้นเมื่อ 8 July 2011.
  4. 4.0 4.1 "Sudan". International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 1 October 2014.
  5. "Central Intelligence Agency". Central Intelligence Agency. CIA. สืบค้นเมื่อ 13 April 2016.
  6. "Central Intelligence Agency". CIA.GOV. CIA.
  7. "Gini Index". World Bank. สืบค้นเมื่อ 2 March 2011.
  8. "2016 Human Development Report Summary" (PDF). United Nations Development Programme. 2016. pp. 211–271. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
  9. "Sudan". Online Etymology Dictionary.
  10. Page xii – Sudan administrative map (January, 1st, 1956). (PDF) . Retrieved on 28 November 2011.
  11. South Sudan ready to declare independence. Menasborders.com (1956-01-01). Retrieved on 28 November 2011.
  12. ISS Sudan geography
  13. Country Studies
  14. Oxfam
  15. Sudan embassy website
  16. "Developing a Desertification National Action Plan in Sudan". United Nations Environment Programme. สืบค้นเมื่อ 2008-12-14.
  17. Dept of Forestry, University of Khartoum
  18. World Population Prospects: Sudan
  19. 19.0 19.1 World Refugee Survey: Sudan
  20. Peter K. Bechtold, `More Turbulence in Sudan` in Sudan: State and Society in Crisis, ed. John Voll (Boulder, Westview, 1991) p.1