ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"
บรรทัด 123: | บรรทัด 123: | ||
*'''{{flag|เวียดนาม}}''' : ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ส่งสาส์นแสดงความเสียใจถึงพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย โดยมีใจความว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ 70 ปี โดยพระองค์ทรงเสียสละเพื่อให้ประชาชนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งการเสด็จสวรรคตของพระองค์เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของพระบรมวงศานุวงศ์ ประชาชนอาเซียนและปวงชนชาวไทย เวียดนามตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเนื่องจากทรงมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยในหลายปีที่ผ่านมาและหวังว่า ประเทศไทยจะฟันฝ่าความสูญเสียครั้งนี้ไปได้และพัฒนาก้าวรุดหน้าต่อไปตามความปรารถนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช"<ref>{{cite web|title=ผู้นำเวียดนามส่งสารแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนไทย |url=http://vovworld.vn/th-th/%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%99/%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%8B%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/478424.vov |website=VOV5 |accessdate=22 ตุลาคม 2559}}</ref> |
*'''{{flag|เวียดนาม}}''' : ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ส่งสาส์นแสดงความเสียใจถึงพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย โดยมีใจความว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ 70 ปี โดยพระองค์ทรงเสียสละเพื่อให้ประชาชนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งการเสด็จสวรรคตของพระองค์เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของพระบรมวงศานุวงศ์ ประชาชนอาเซียนและปวงชนชาวไทย เวียดนามตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเนื่องจากทรงมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยในหลายปีที่ผ่านมาและหวังว่า ประเทศไทยจะฟันฝ่าความสูญเสียครั้งนี้ไปได้และพัฒนาก้าวรุดหน้าต่อไปตามความปรารถนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช"<ref>{{cite web|title=ผู้นำเวียดนามส่งสารแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนไทย |url=http://vovworld.vn/th-th/%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%99/%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%8B%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/478424.vov |website=VOV5 |accessdate=22 ตุลาคม 2559}}</ref> |
||
== ผลกระทบ == |
|||
มีกลุ่มประชาชนบางส่วนออกมาโจมตีต่อผู้ที่ไม่สวมเสื้อดำ แสดงการไว้ทุกข์ เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า[[การล่าแม่มด]] บางส่วนมีพฤติกรรมรุนแรง ถึงขั้นทำการประจานทางสื่อออนไลน์ <ref>[http://www.khaosodenglish.com/politics/2016/10/16/ultra-royalists-guilt-shame-people-dont-wear-mourning-black/ Ultra-Royalists Guilt-Shame People Who Don’t Wear Mourning Black]</ref> จากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ประชาชนที่ไม่สามารถจัดหาเสื้อผ้าสีดำหรือสีขาวมาร่วมถวายความอาลัยได้ สามารถติดริบบิ้น หรือโบว์สีดำ บนหน้าอกเสื้อ หรือที่แขนเสื้อบริเวณต้นแขนเพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์อาลัยได้เช่นกัน <ref>[www.komchadluek.net/news/politic/246179 นายกฯเชื่อคนไทยรักในหลวง แม้ไม่มีเสื้อดำใส่ทุกวัน]</ref><ref>[https://www.pptvthailand.com/news/ประเด็นร้อน/36974 รัฐบาล แนะ ติดริบบิ้นดำทดแทนชุดขาว-ดำได้ ขอสังคมอย่าจับผิด]</ref> |
|||
นอกจากนี้ ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งใน[[จังหวัดภูเก็ต]] ออกมาปิดล้อมบ้านของลูกชายเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ที่โพสข้อความค่อนข้างหมิ่นต่อสถาบัน <ref>[http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1476504517 ชาวภูเก็ตฮือล้อมบ้านลูกชายร้านเต้าหู้กลางดึก อ้างโพสต์FBจาบจ้วง-แจ้งความม.112แล้ว]</ref> เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าโพสนั้นมิได้มีเนื้อหาหมิ่นต่อสถาบันแต่อย่างใด แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าควบคุมตัวชายคนนั้นในข้อหา[[ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย|หมิ่นสถาบัน]] ได้เกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันใน[[จังหวัดพังงา]]<ref>[http://prachatai.com/journal/2016/10/68379 ฝูงชนพังงาปิดล้อมร้านโรตีไล่ล่าผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าโพสต์หมิ่น]</ref> |
|||
== พระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ == |
== พระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:15, 22 ตุลาคม 2559
บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ การแก้ไขล่าสุดบนหน้านี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด |
การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช | |
---|---|
พระบรมโกศพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พระบรมโกศพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง | |
การสิ้นพระชนม์ | |
พระปรมาภิไธย | พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร |
วันสวรรคต | 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 |
สถานที่สวรรคต | อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช |
ประดิษฐานพระบรมศพ | พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง |
พระโกศ | พระบรมโกศทองใหญ่ |
ฉัตร | นพปฎลมหาเศวตฉัตร |
พระเมรุ | พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.52 นาฬิกา ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช การสวรรคตของพระองค์สร้างความโศกเศร้าต่อประชาชนชาวไทยเป็นจำนวนมาก รัฐบาลประกาศไว้ทุกข์ ถวายความอาลัยเป็นเวลา 1 ปี สำนักพระราชวังมีหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพระหว่างวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 - 21 มกราคม พ.ศ. 2560 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
พระอาการประชวร
นับตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯประทับรถตู้พระที่นั่ง จากที่ประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กลับเข้าสู่โรงพยาบาลศิริราช อีกครั้ง โดยถึงประตู 8 โรงพยาบาลศิริราช เวลา 23.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นพระองค์ทรงมีไข้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาดูแลใกล้ชิด[1] โดยสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร ฉบับที่ 1 ความว่า
วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายงานพระอาการว่า เมื่อเย็นวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ทรงมีพระปรอท (ไข้) สูง 38.2 องศาเซลเซียส ผลการตรวจพระโลหิตแสดงว่ามีภาวะติดเชื้อ มีการเปลี่ยนแปลงในความดันพระโลหิต และอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ ถวายการตรวจพระโลหิตด้วยวิธีพิเศษเพิ่มเติม และถวายการรักษาต่อไป
เมื่อเช้าวันนี้ คณะแพทย์ฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิต ความดันพระโลหิตคงที่ พระปรอท (ไข้) ลดลง สภาวะทางโภชนาการดีขึ้นเป็นลำดับ คณะแพทย์ฯ จะได้ถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อและถวายการรักษาต่อไป จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 4 ว่าพระอาการทั่วไปดีขึ้น อุณหภูมิพระวรกายลดลงจนเกือบเป็นปรกติ การเต้นของพระหทัยเป็นปรกติ พระอาการเจ็บแผลผ่าตัดบรรเทาลง เริ่มเสวยพระกายาหารได้ คณะแพทย์ฯ ได้ลดพระโอสถระงับการเจ็บลง และงดถวายน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิต แต่ยังคงถวายสารอาหารและพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิต กับเฝ้าดูและพระอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป[2] ต่อมาในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 5 ว่าพระอาการทั่วไปดีขึ้นตามลำดับ พระชีพจรและความดันพระโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปรกติ อุณหภูมิพระวรกายลดลงอีกจนเกือบเป็นปรกติ พระอาการเจ็บแผลผ่าตัดลดลงมาก เคลื่อนไหวพระวรกายได้ดีขึ้น หายพระหทัยปรกติ เสวยพระกระยาหารได้บ้าง[3]
วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 สำนักพระราชวังแจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.00 น. เพื่อเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ และเพื่อฟื้นฟูพระวรกายในพื้นที่อากาศบริสุทธิ์[4]
วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 สำนักพระราชวังแจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ตามคำกราบบังคมทูลเชิญเพื่อมาตรวจพระวรกายของคณะแพทย์ ผลการตรวจพบว่าพระโลหิต อุณหภูมิพระวรกาย ความดันพระโลหิตพระหทัย และระบบการหายพระทัยเป็นปกติ[5]
ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ประชวร ว่ามีพระปรอทต่ำ หายพระทัยเร็ว มีพระเสมหะ พระปับผาสะซ้ายอักเสบ มีพระโลหิตเป็นกรด และพบว่ามีน้ำคั่งในช่องเยื่อหุ้มพระปัปผาสะเล็กน้อย[6]
พระอาการประชวรในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559
ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีความดันพระโลหิตลดต่ำลง คณะแพทย์จึงทำการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะ และใช้สายสวนเข้าหลอดพระโลหิตดำเพื่อฟอกพระโลหิตระยะยาว แต่มีพระความดันพระโลหิตต่ำจึงใช้เครื่องช่วยหายพระทัย และมีการฟอกไต พระอาการไม่คงที่ ตามที่สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 37 ว่า[7]
วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559 คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานถวายใส่สายสวนเข้าหลอดพระโลหิตดำ เพื่อเตรียมการสำหรับการฟอกพระโลหิต (Hemodialysis) ระยะยาว และเปลี่ยนสายระบายน้ำไขสันหลังในโพรงพระสมองบริเวณบั้นพระองค์ (เอว) ตั้งแต่เวลา 14 นาฬิกา ถึง 16 นาฬิกา 40 นาที
ปรากฏภายหลังว่า มีความดันพระโลหิตลดต่ำลงเป็นครั้งคราว คณะแพทย์ฯ จึงได้ถวายพระโอสถ และได้ใช้เครื่องช่วยหายพระทัย (Ventilator) เพื่อทำให้ความดันพระโลหิตกลับสู่ระดับปรกติ จนกระทั่งเวลา 3 นาฬิกา วันนี้ มีพระชีพจรเร็วขึ้น ความดันพระโลหิตลดลง ผลการตรวจพระโลหิต พบว่าพระโลหิตมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น ผลการตรวจพระหทัยด้วยคลื่นเสียงสะท้อน (Echocardiography) พบว่าปริมาณพระโลหิตที่เข้าสู่พระหทัยด้านซ้ายช่องล่างลดลงมาก อันเป็นผลจากการที่มีความดันพระโลหิตในพระปัปผาสะ (ปอด) สูง
คณะแพทย์ฯ ได้ถวายพระโอสถขยายหลอดพระโลหิตในพระปัปผาสะ (ปอด) เมื่อเวลา 15 นาฬิกา ทำให้พระชีพจรเริ่มลดลง และความดันพระโลหิตดีขึ้น คณะแพทย์ฯ ได้เฝ้าติดตามพระอาการและถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพระอาการประชวรโดยรวมยังไม่คงที่ และได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้งดพระราชกิจ จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
หลังจากนั้น พระอาการเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ ทรงมีภาวะการติดเชื้อและการทำงานของพระยกนะ (ตับ) และมีแถลงการณ์สำนักพระราชวัง รายงานพระอาการประชวรฉบับสุดท้าย คือ ฉบับที่ 38 ความว่า [8]
วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ความดันพระโลหิตลดต่ำลงอีก พระชีพจรเร็วขึ้น ร่วมกับภาวะพระโลหิตมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้นอีก ผลของการถวายตรวจพระโลหิตบ่งชี้ว่า มีภาวะการติดเชื้อและการทำงานของพระยกนะ (ตับ) ผิดปรกติ คณะแพทย์ฯ ได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะและแก้ไขภาวะพระโลหิตมีความเป็นกรด ตลอดจนถวายพระโอสถควบคุมความดันพระโลหิตเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งถวายเครื่องช่วยหายพระทัย (Ventilator) และถวายการรักษาด้วยวิธีทดแทนไต (CRRT) พระอาการประชวรโดยรวมยังไม่คงที่ ต้องควบคุมด้วยพระโอสถ คณะแพทย์ฯ ได้เฝ้าติดตามพระอาการและถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด
วันที่ 12 ตุลาคม พระราชโอรส-ธิดาทั้งสี่พระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธออีกสองพระองค์เข้าเยี่ยมพระอาการประชวร [9]
สวรรคต
สำนักพระราชวัง มีประกาศเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ความว่า [10] [11] [12]
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่ สำนักพระราชวัง ได้แถลงให้ทราบ เป็นระยะแล้วนั้น
แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองพระราชสมบัติได้ 70 ปี
— สำนักพระราชวัง 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
เคลื่อนพระบรมศพสู่พระบรมมหาราชวัง
วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยัง โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเคลื่อนพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศไปยัง พระบรมมหาราชวัง เพื่อประกอบพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา โดยขบวนจะเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราชทางถนนอรุณอมรินทร์ผ่านไปยังแยกอรุณอมรินทร์ขึ้น สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเคลื่อนต่อไปยังถนนราชดำเนินในเข้าสู่พระบรมมหาราชวังทางถนนหน้าพระลาน ที่ ประตูพิมานไชยศรี และ ประตูเทวาภิรมย์ ตลอดเส้นทางมีประชาชนมาเฝ้าส่งเสด็จเป็นจำนวนมาก [13]
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี ออกประกาศเรื่องการเสด็จสวรรคต มีใจความสำคัญว่า รัฐบาลรับทราบการสวรรคตด้วยความโทมนัสอย่างยิ่ง ตลอดจนเห็นว่า มีพระมหากรุณาธิคุณใหญ่หลวงต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดมา จึงให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา มีกำหนด 30 วัน และให้ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี เริ่มนับแต่วันที่ 14 ตุลาคม เป็นต้นไป [14]
ประชาชนถวายน้ำสรงพระบรมศพ
ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 14.00 น. สำนักพระราชวังให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง มีพสกนิกรเดินทางมาร่วมถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายเป็นจำนวนมาก [15]
ประชาชนถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์
สำนักพระราชวังให้ประชาชนเข้าถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ [16] และได้จัดสมุดลงนามถวายความอาลัย ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง มีพสกนิกรเดินทางมาร่วมถวายสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์ และร่วมลงนามถวายสักการะเป็นจำนวนมาก
การแสดงความอาลัย
ภายในประเทศ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย แสดงความเสียใจต่อการสวรรคต ขอให้ประชาชนร่วมถวายความอาลัยและดำเนินชีวิตต่อไป [17]
รัฐบาลประกาศให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา มีกำหนด 30 วัน และให้ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี เริ่มนับแต่วันที่ 14 ตุลาคม เป็นต้นไป [18] รวมทั้งยังมีประกาศขอความร่วมมือให้งดจัดงานรื่นเริงต่างๆเป็นเวลา 30 วัน ส่งผลให้การแสดงรื่นรมย์ต่างๆเช่น คอนเสิร์ต งานมหกรรม กิจกรรมกีฬา การแสดงต่างๆ ต่างยกเลิกหรือเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด รวมทั้งสถานบันเทิงต่างๆหลายแห่งปิดการให้บริการชั่วคราว [19] และยังมีการประกาศให้วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นวันหยุดราชการอีกด้วย [20]
ในสื่อโชเซี่ยลมีเดีย มีการถวายความอาลัยเช่นในเฟซบุ๊ก มีผู้ใช้งานจำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ถวายความอาลัย เพจดังต่างๆลงภาพถวายความอาลัยและงดโพสเนื้อหาบันเทิงเป็นการชั่วคราว [21] รวมทั้งทางเฟซบุ๊ก ยังได้มีการประกาศงดโฆษณาในเว็บไซต์ภาคภาษาไทยอย่างไม่มีกำหนดเพื่อถวายความอาลัย [22], กูเกิลประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนดูเดิลเป็นสีดำเพื่อถวายความอาลัย [23], ยูทูบได้มีการงดโฆษณาเป็นเวลา 7 วันเช่นกัน, ดาราและนักแสดงต่างร่วมกันถวายความอาลัยผ่านทางอินสตาแกรม และ ทวิตเตอร์ [24] ,นอกจากนี้เว็บไซต์ต่างๆทั่วประเทศได้เปลี่ยนสีเว็บเป็นขาวดำเพื่อถวายความอาลัย [25]
หลังจากสำนักพระราชวังประกาศการสวรรคต สถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยทุกช่องได้ออกอากาศรายการพิเศษจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นการฉายสารคดีพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตลอดรัชสมัย สลับกับการแถลงการณ์ต่างๆที่เกียวข้องกับการสวรรคต วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ได้มีการถ่ายทอดสดการเชิญพระบรมศพจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระบรมมหาราชวัง และพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพ กระทั่งเวลา 00.00 น. วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จึงเริ่มการออกอากาศรายการต่างๆตามปกติ (อย่างไรก็ตามพลเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงว่า รัฐบาลได้ขอความร่วมให้งดรายการตามปกติและรับสัญญาณจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นเวลา 30 วัน ก่อนจะถูกยกเลิกไป [26]) กสทชได้ขอความร่วมมือให้งดรายการรื่นเริงต่างๆเป็นเวลา 30 วัน [27]
ระดับนานาชาติ
- สหภาพยุโรป : นายดอนัลต์ ตุสก์ ประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป และ นายฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เป็นตัวแทนของสหภาพยุโรปออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมยกย่องว่าระหว่างการครองราชย์ตลอดระยะเวลา 70 ปี โครงการพัฒนาชนบทของพระองค์ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยหลายล้านคน พระองค์จะทรงเป็นที่จดจำต่อไปสำหรับคนรุ่นต่อไป โดยเฉพาะในยุโรปพระองค์ทรงเป็นที่จดจำในฐานะผู้ที่ทรงงานหนักเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน[28]
- สหประชาชาติ : นายบัน คี มุน กับตัวแทนประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ 193 ประเทศ ได้ร่วมยืนไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างการประชุมใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 70 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 โดยนายบัน คี มุน กล่าวว่า "พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงของพสกนิกรชาวไทยและได้รับความนับถืออย่างสูงจากนานาประเทศ ทรงได้รับการถวายรางวัลจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติเมื่อปี 2549 เพื่อเชิดชูผลงานของพระองค์" [29][30]
- UNICEF : กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจกับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของประชาชนชาวไทย โดยกล่าวว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นที่รักของประชาชนและได้ทรงอุทิศพระวรกายและพระราชหฤทัยเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศอย่างไม่ทรงเหน็ดเหนื่อยย่อท้อ นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นในการพัฒนาเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศมาโดยตลอด"[31]
- สหพันธ์แบดมินตันโลก : สหพันธ์แบดมินตันโลกออกแถลงการณ์ผ่านสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชซึ่งทรงเป็นพระบรมราชูปถัมภ์ของวงการแบดมินตันมาอย่างยาวนาน พระองค์ได้รับการถวายอิสริยาภรณ์สูงสุด "เพรสซิเดนท์ เมดัล" ซึ่งเป็นเพียง 1 เดียวในโลกที่ได้รับรางวัลนี้ นายพอล-เอริค ฮายาร์ ลาร์เซน ประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก ได้กล่าวยกย่องว่า "พระองค์เป็นแบบอย่างที่ยิ่งใหญ่ของวงการแบดมินตันโลก"[32] [33]
อาเซียน
- บรูไน : สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ ทรงมีพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยมายังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีความตอนหนึ่งว่า "การเสียสละและความรักอย่างไร้ขีดจำกัดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชต่อปวงประชาไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ตราตรึงในจิตใจของประชาชนชาวไทย แต่ยังได้รับการเคารพยกย่องไปทั่วโลก ตลอดช่วง 70 ปีในรัชสมัยของพระองค์ ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว พระบิดาของชาวไทยจะไม่เพียงแต่อยู่ในหัวใจของผู้ที่ใกล้ชิดกับพระองค์เท่านั้น แต่จะทรงอยู่ในใจของผู้คนที่พระองค์ทรงได้เปลี่ยนแปลง" และทรงมีพระราชสาส์นมายังนายกรัฐมนตรี ความตอนหนึ่งว่า "การอุทิศตนเพื่อปวงประชาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรจะเป็นที่จดจำตลอดไป" [34][35]
- กัมพูชา : สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ส่งสาส์นแสดงความเสียใจมายังนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า "การสวรรคตนี้ถือเป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย พสกนิกรไทย มิตรของไทยทั่วโลก รัฐบาลและประชาชนกัมพูชาขอน้อมถวายและขอส่งความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังสมเด็จพระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนไทย"[36][37]
- อินโดนีเซีย : ประธานาธิบดีโจโก วีโดโด ส่งสาส์นแสดงความเสียใจ โดยกล่าวว่า "โลกได้สูญเสียผู้นำที่ใกล้ชิดกับประชาชน เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาเซียน และของโลก"[38][39]
- ลาว : บุนยัง วอละจิด ประธานประเทศลาว ส่งสาส์นแสดงความเสียใจไปยังสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยมีความตอนหนึ่งว่า "พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรมและเสียสละอย่างใหญ่หลวง ทรงมีบทบาทอย่างสำคัญในการปรับปรุงและกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กับราชอาณาจักรไทย การสวรรคตจึงเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของชาวไทยและเป็นการสูญเสียมิตรของชาวลาว" ในขณะที่นายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิด ส่งสาส์นแสดงความเสียใจมายังนายกรัฐมนตรีไทย[40]
- มาเลเซีย : สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ทรงส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย[41] เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ ที่ส่งสาส์นแสดงความเสียใจมีความตอนหนึ่งว่า "พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่สูงส่ง การอุทิศพระองค์เพื่อประเทศไทยและภูมิภาคนั้นมากเกินกว่าคำบรรยายใด"[42]
- พม่า : ประธานาธิบดีทีนจอ ส่งสาส์นแสดงความเสียใจมายังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีไทย[43] ในขณะที่ ออง ซาน ซูจีส่งสาส์นแสดงความเสียใจมายังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกล่าวแสดงความเสียใจระหว่างการประชุมบิมสเทคที่ประเทศอินเดีย[44]
- ฟิลิปปินส์ : ประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เต ส่งสาส์นแสดงความเสียใจความตอนหนึ่งว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไม่เพียงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชยาวนานที่สุดในโลก แต่ยังเป็นผู้นำทางประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีความก้าวหน้าที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย"[45]
- สิงคโปร์ : นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง กล่าวแสดงความเสียใจความว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก อีกทั้งยังทรงเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทยทุกคน เพราะพระองค์ทรงอุทิศตนเพื่อประชาชนของพระองค์ และเพื่อประเทศชาติ เพราะพระองค์ต้องการให้ประชาชนในประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดี พระองค์ทรงใช้ความสามารถที่มีและพระราชอำนาจเพื่อปกครองประเทศให้เป็นปึกแผ่น"[46]
- เวียดนาม : ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ส่งสาส์นแสดงความเสียใจถึงพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย โดยมีใจความว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ 70 ปี โดยพระองค์ทรงเสียสละเพื่อให้ประชาชนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งการเสด็จสวรรคตของพระองค์เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของพระบรมวงศานุวงศ์ ประชาชนอาเซียนและปวงชนชาวไทย เวียดนามตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเนื่องจากทรงมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยในหลายปีที่ผ่านมาและหวังว่า ประเทศไทยจะฟันฝ่าความสูญเสียครั้งนี้ไปได้และพัฒนาก้าวรุดหน้าต่อไปตามความปรารถนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช"[47]
พระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ
วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.00 นาฬิกาโดยประมาณ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งยังพระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระบรมมหาราชวังในการถวายสรงน้ำพระบรมศพ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จเข้าสู่ภายในพระฉาก ซึ่งพระบรมศพบรรทมอยู่บนพระแท่น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมศพบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยราชสักการะพระบรมศพ ทรงรับขวดน้ำพระสุคนธ์ โถน้ำอบไทยและโถน้ำขมิ้น ถวายสรงที่พระบรมศพ ต่อจากนั้น ทรงหวีพระเจ้าพระบรมศพขึ้นครั้งหนึ่ง หวีลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วหวีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วทรงหักพระสางนั้นวางไว้ในพานซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่ จากนั้นเสด็จฯ ไปทรงถวายซองพระศรีบรรจุดอกบัวและธูปเทียน แผ่นทองคำจำหลักลายปิดพระพักตร์ พระชฎาห้ายอดวางข้างพระเศียรพระบรมศพ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานเชิญพระบรมศพลงสู่หีบ ตำรวจหลวงเชิญหีบพระบรมศพไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินและเสด็จตาม ตำรวจหลวงเชิญหีบพระบรมศพขึ้นประดิษฐานเหนือพระแท่นแว่นฟ้าเบื้องหลังพระฉากและพระแท่นสุวรรณเบญจดล ประกอบพระลองทองใหญ่ ภายใต้นพปฎลเศวตฉัตร แวดล้อมด้วยเครื่องสูงหักทองขวาง บังแทรก ชุมสาย ต้นไม้ทองเงิน ณ มุขตะวันตก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เสร็จแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงวางพวงมาลาที่หน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะพระบรมศพ ทรงกราบ แล้วทรงจุดเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์เที่ยวละ 10 รูป ทรงทอดผ้าไตรเที่ยวละ 10 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ เมื่อครบ 100 รูป ทรงหลั่งทักษิโณทก ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปที่หน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงกราบ และเสด็จพระราชดำเนินไปที่หน้าพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่ประดิษฐานอยู่บนพระแท่นมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระสวดพระอภิธรรม ณ มุขหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้น เสด็จลงบันไดมุขกระสันด้านทิศเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพฯ
สำนักพระราชวัง กำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้
- พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร (7 วัน) ในวันที่ 19 – 20 ตุลาคม 2559
- พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ในวันที่ 27 - 28 ตุลาคม 2559
- พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ในวันที่ 1 - 2 ธันวาคม 2559
- พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ในวันที่ 20 - 21 มกราคม 2560[48]
พิธีถวายเลี้ยงภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม
นับตั้งแต่ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพฯ ในการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์ ระหว่างการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ ครบทั้ง 100 วัน ถึง วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
หีบพระบรมศพ
นายพรเทพ สุริยา เจ้าของร้านสุริยาหีบศพ กล่าวว่า สำนักพระราชวังได้ติดต่อให้จัดสร้างหีบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยสร้างหีบพระบรมศพทรงหลุยส์ผสมทองคำแท้ 100 % จากแผ่นไม้สักทองอายุมากกว่า 100 ปีขนาดใหญ่เพียงแผ่นเดียวไม่มีรอยต่อ ขนาดความกว้าง 29 นิ้ว ความยาว 2.15 เมตร วัดรอบหีบทั้งใบ 229 นิ้ว ทั้งนี้ใช้เวลาประกอบทันทีหลังการเสด็จสวรรคต
เจ้าของร้านสุริยาหีบศพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หีบพระบรมศพดังกล่าวแกะสลักลายกุหลาบไทยผสมผสานลายหลุยส์ รอบหีบปิดด้วยทองคำแท้ ภายในหีบพระบรมศพ ใช้ผ้าไหมสีงาช้าง มีที่รองที่บรรทม และซีลภายในเพื่อความแข็งแรง ส่วนผ้าคลุมเป็นผ้าไหมปักดิ้นทอง ซึ่งทางสุริยาเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด [49]
การประโคมย่ำยาม
การบรรเลงดนตรีไทยในงานพระราชพิธี ถือว่าเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศขององค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นส่วนหนึ่งในของงานพระราชพิธีที่บรรเลงตามขั้นตอนของงานพระราชพิธี คู่กับวงประโคมของงานเครื่องสูง สำนักพระราชวัง แต่เดิมการประโคมดนตรีที่เป็นลักษณะประโคมย่ำยาม มีเฉพาะของงานเครื่องสูง สำนักพระราชวัง เท่านั้น ประกอบด้วยวงแตรสังข์และวงปี่ไฉนกลองชนะ มีการประโคมย่ำยามทุก 3 ชั่วโมง คือ
- ยาม 1 เวลา 06.00 น.
- ยาม 2 เวลา 09.00 น.
- ยาม 3 เวลา 12.00 น.
- ยาม 4 เวลา 15.00 น.
- ยาม 5 เวลา 18.00 น.
- ยาม 6 เวลา 21.00 น.
ในการประโคมงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กรมศิลปากรได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมในการประโคมย่ำยามด้วย ดังนั้น จึงมี 2 หน่วยงานเข้าร่วมประโคม คือ
- วงประโคมของงานเครื่องสูง สำนักพระราชวัง (วงแตรสังข์และวงปี่ไฉนกลองชนะ)
- วงปี่พาทย์นางหงส์ ของกลุ่มดุริยางค์ไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
การประโคมย่ำยาม มีขั้นตอนเรียงลำดับ ดังนี้
- วงประโคมลำดับที่ 1 คือ วงแตรสังข์ ประกอบด้วยเครื่องดนตรี สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ประโคม “เพลงสำหรับบท” จบแล้ว วงประโคมวงที่ 2 จึงเริ่มขึ้น
- วงประโคมลำดับที่ 2 คือ วงปี่ไฉนกลองชนะ (หรือเรียกว่า วงเปิงพรวด) ประกอบด้วยเครื่องดนตรี ปี่ไฉน กลองชนะ เปิงมาง “ประโคมเพลงพญาโศกลอยลม” จบแล้ว วงประโคมวงที่ 3 จึงเริ่มขึ้น
- วงประโคมลำดับที่ 3 คือ วงปี่พาทย์นางหงส์ ประกอบด้วย ปี่ชวา ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงเล็ก ตะโพน กลองทัด ฉิ่ง “ประโคมเพลงชุดนางหงส์”
เมื่อประโคม ครบทั้ง 3 วงแล้ว ก็ถือว่าเสร็จการประโคมย่ำยาม 1 ครั้ง การที่กรมศิลปากร นำวงปี่พาทย์นางหงส์มาประโคมย่ำยามนั้น
แต่โบราณดั้งเดิม ไม่ได้มี “วงปี่พาทย์” ร่วมประโคมย่ำยาม จะมีแต่เฉพาะ “วงแตรสังข์ และ วงปี่ไฉนกลองชนะ” ของงานเครื่องสูง สำนักพระราชวังและวงกลองสี่ปี่หนึ่ง (ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว) ประโคมในงานพระบรมศพ พระศพ เท่านั้น
อ้างอิง
- ↑ ""ในหลวง-ราชินี" เสด็จฯกลับเข้าทรงประทับ รพ.ศิริราช อีกครั้ง". ASTVผู้จัดการออนไลน์. 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557. สืบค้นเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "แถลงการณ์ฉบับที่4พระอาการ'ในหลวง'". คมชัดลึก. 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557. สืบค้นเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "แถลงการณ์ฉบับที่5พระอาการ'ในหลวง'". คมชัดลึก. 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557. สืบค้นเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "'ในหลวง'เสด็จฯกลับไกลกังวล". คมชัดลึก. 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558. สืบค้นเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ ""ในหลวง"เสด็จ"รพ.ศิริราช" แพทย์ถวายตรวจพระอาการ". เดลินิวส์. 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558. สืบค้นเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "แถลงการณ์พระอาการ "ในหลวง" ฉบับที่ 36". มติชน. 1 ตุลาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2559.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "แถลงฉบับที่ 37-พระอาการ "ในหลวง" คณะแพทย์เฝ้าติดตามถวายการรักษาใกล้ชิด". ข่าวสด. 10 ตุลาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2559.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "แถลงการณ์ ฉ.38 ในหลวงพระโลหิตติดเชื้อ พระอาการไม่คงที่ ถวายรักษาใกล้ชิด". ไทยรัฐ. 12 ตุลาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2559.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ รพ.ศิริราช". ไทยรัฐ. 12 ตุลาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2559.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต, สำนักพระราชวัง, เข้าถึงวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559
- ↑ แถลงการณ์สำนักพระราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต
- ↑ ประกาศการถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร, สำนักพระราชวัง, เข้าถึงวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559
- ↑ พระบรมฯอัญเชิญ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต
- ↑ พสกนิกรนับหมื่นร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพ ปลายแถวยาวถึงเชิงสะพานปิ่นเกล้า
- ↑ ประกาศ การถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
- ↑ นายกฯแถลงเรื่องในหลวง"เสด็จสวรรคตวันที่ 13 ต.ค.59
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต
- ↑ รัฐบาลประกาศขอความร่วมมือ สถานประกอบการ-สถานบันเทิง งดกิจกรรมรื่นเริง
- ↑ ครม.อนุมัติ14ตค.เป็นวันหยุดราชการ-งดจัดงานรื่นเริงมหรสพ 1 เดือน
- ↑ หัวใจสลาย...โลกออนไลน์กลายเป็นสีดำ
- ↑ Facebook ประกาศ งดลงโฆษณาในไทยชั่วคราว
- ↑ Google ร่วมถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
- ↑ คนบันเทิงน้อมถวายความอาลัย"พ่อหลวง"เสด็จสู่สวรรคาลัย
- ↑ ความเปลี่ยนแปลงของโซเชียลมีเดียในไทย ต่อกรณีสวรรคต
- ↑ 'ไก่อู' แจง รบ.ขอความร่วมมือทีวีงดรายการปกติ เป็นเวลา 30วัน ตลอด 24ชม.
- ↑ กสทช.แจ้ง 'วิทยุทีวี' งดรายการบันเทิง30วัน
- ↑ "Statement by Presidents Tusk and Juncker on the passing away of King Bhumibol Adulyadej of Thailand". General Secretariat of the Council. 2559. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สมัชชาสหประชาชาติยืนสงบนิ่งไว้อาลัย". Komchadluek.net. 2559. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "The Latest: South Korea Says King Was Father of Thailand". New York Times. สืบค้นเมื่อ 22 October 2016.
- ↑ "แถลงการณ์ขององค์การยูนิเซฟต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช". UNICEF. 2559. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ส.แบดมินตันโลกอาลัยในหลวงเสด็จสวรรคต". Siamsport. 2559. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "BWF MOURNS KING BHUMIBOL'S PASSING". Badminton World Federation. 2016. สืบค้นเมื่อ 22 October 2016.
- ↑ Message of condolences, The Brunei Times, สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2559
- ↑ สุลต่านบรูไน มีพระราชสาส์น แสดงความเสียพระทัย ‘ในหลวง’ เสด็จสวรรคต, ไทยรัฐ, สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2559
- ↑ ผู้นำนานาชาติอาลัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ, มติชน, สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2559
- ↑ Hun Sen Sends Condolences Over Thai King’s Death, Khmer Times, สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2559
- ↑ Jokowi expresses condolences following King Bhumibol's passing, Jakarta Post, สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2559
- ↑ ผู้นำอินโดฯ สิงคโปร์ เสียใจสุดซึ้ง ‘ในหลวง’ สวรรคต สูญเสียครั้งใหญ่สุด, ไทยรัฐ, สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2559
- ↑ ประธานประเทศลาวส่งสาส์นแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ, ผู้จัดการ, สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2559
- ↑ กษัตริย์มาเลเซียแสดงความเสียพระราชหฤทัย, คมชัดลึก, สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2559
- ↑ Najib expresses condolences over King Bhumibol's passing, The Star, สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2559
- ↑ Condolences stream in from around the world, Bangkok Post, สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2559
- ↑ อองซาน ซูจี-ผู้นำ 5 ชาติ ร่วมยืนไว้อาลัย ในหลวง ร.9 กลางที่ประชุมผู้นำ BRICS-BIMSTEC, เรื่องเล่าเช้านี้, สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2559
- ↑ ""โลกสูญเสียผู้นำที่ใกล้ชิดประชาชน" นานาประเทศอาลัยในหลวงรัชกาลที่9สวรรคต". Post Today. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "นายลี เซียนลุง ผู้นำสิงคโปร์ร่วมแสดงความเสียใจกับประชาชนชาวไทย". Media Insight. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ผู้นำเวียดนามส่งสารแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนไทย". VOV5. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ สำนักพระราชวัง. (2559, 17 ตุลาคม). งานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช. เข้าถึงได้จาก: http://www.brh.thaigov.net/information/Buket%20Data/KingBhumibol/Data/13102016_04/4.1_13102016.pdf. (เข้าถึงเมื่อ 22 ตุลาคม 2559).
- ↑ เปิดตัวผู้ทำหีบบรรจุพระบรมศพ ไม้สักทองแผ่นเดียวไร้รอยต่อ อายุกว่า100ปี