ชาวเขมร
ជនជាតិខ្មែរ | |
---|---|
![]() | |
ประชากรทั้งหมด | |
ป. 18-19 ล้านคน[1] | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
![]() | 15-16 ล้านคน[2] |
![]() | 1,319,652 คน[3] |
![]() | 1,146,685 คน[2] |
![]() | 331,733 คน[4] |
![]() | 80,000 คน[5] (2015) |
![]() | 49,100 คน[2] |
![]() | 66,000 คน[6] (2016) |
![]() | 30,113 คน[2] |
![]() | 38,490 คน[7] |
![]() | 9,195 คน[2] |
![]() | 8,601 คน[8] |
![]() | 7,600 คน |
![]() | 7,141 คน[9] |
![]() | 1,035 คน[10] |
![]() | 2,133 คน |
![]() | 2,000 คน |
![]() | มากกว่า 1,000 คน[1] |
![]() | 832 คน[2] |
ภาษา | |
เขมร | |
ศาสนา | |
พุทธเถรวาท, วิญญาณนิยม และศาสนาพื้นเมืองอื่น ๆ | |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง | |
เขมรกรอม, เขมรลือ, เขมรเหนือ, เขมร-จีน และกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก |
ชาวเขมร (เขมร: ជនជាតិខ្មែរ, Chônchéatĕ Khmêr, [cunciət kʰmae]; อังกฤษ: Khmer people) เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมากที่สุดในประเทศกัมพูชา คิดเป็น 90% ของทั้งประเทศ[11] ชาวเขมรจะใช้ภาษาเขมรในการสื่อสาร ซึ่งเป็นภาษาในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ที่พบได้ในแถบตอนกลางของอินเดีย, บังกลาเทศ, ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ตอนใต้ของจีน และในหมู่เกาะจำนวนมากของมหาสมุทรอินเดีย
ชาวเขมรส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธในรูปแบบเขมร และการผสานความเชื่อที่ผสมผสานองค์ประกอบของพุทธศาสนาเถรวาท, ศาสนาฮินดู, ศาสนาผี และความเคารพคนตาย[12]
ชาวเขมรเริ่มมีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากชาวมอญไม่นาน โดยเข้ามาแทนที่กลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาในกลุ่มภาษามอญ-เขมรและตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน[ต้องการอ้างอิง] และสร้างจักรวรรดิเขมรขึ้นในอดีต ชาวเขมรยังแบ่งได้เป็นกลุ่มย่อย 3 กลุ่มตามประเทศและภาษาที่ใช้คือชาวเขมรในกัมพูชา พูดภาษาเขมร ชาวเขมรเหนือหรือเขมรสุรินทร์อยู่ในประเทศไทย และพูดภาษาเขมรที่เป็นสำเนียงของตนเองและพูดภาษาไทยด้วย ชาวขแมร์กรอมเป็นชาวเขมรที่อยู่ทางภาคใต้ของเวียดนาม พูดภาษาเขมรที่เป็นสำเนียงของตนเองและพูดภาษาเวียดนาม บางส่วนอพยพเข้าสู่กัมพูชาเพราะถูกบังคับหรือหนีระบอบคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม
การแผ่กระจาย[แก้]
กัมพูชา (แผ่นดินแม่)[แก้]
คนเขมรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกัมพูชาซึ่งเป็นแผ่นดินแม่ ประชากรในกัมพูชาส่วนใหญ่คิดเป็นชาวเขมร 90%[13][14]
ไทยและเวียดนาม[แก้]
นอกจากนี้ยังมีประชากรชาวเขมรที่มีอาศัยอยู่ใน ไทยและเวียดนาม ในประเทศไทยมีชาวเขมรมากกว่าหนึ่งล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ใน จังหวัดสุรินทร์, จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนชาวเขมรในเวียดนาม (รู้จักกันในชื่อเขมรกรอม) คิดเป็นจำนวน 1.1 ล้านคนจากการประมารการข้อมูลการสำรวจของรัฐบาล และคิดเป็น 7 ล้านคนโดยกลุ่มสหพันธ์เขมรกรอม[15]
จังหวัด | ค.ศ. 1990 | ค.ศ. 2000 |
---|---|---|
บุรีรัมย์[16] | 0.3% | 27.6% |
จันทบุรี[17] | 0.6% | 1.6% |
มหาสารคาม[18] | 0.2% | 0.3% |
ร้อยเอ็ด[19] | 0.4% | 0.5% |
สระแก้ว[20] | — | 1.9% |
ศรีสะเกษ[21] | 30.2% | 26.2% |
สุรินทร์[22] | 63.4% | 47.2% |
ตราด[23] | 0.4% | 2.1% |
อุบลราชธานี[24] | 0.8% | 0.3% |
ประเทศตะวันตก[แก้]
เนื่องจาก สงครามกลางเมืองกัมพูชา ชาวเขมรหลายพันคนได้อพยพลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลียและฝรั่งเศส
ประวัติ[แก้]
การกำเนิดกัมพูชา[แก้]
ตามตำนานเขมร ผู้ก่อตั้งอาณาจักรกัมพูชา คือ พราหมณ์ นามว่ากามพู สวยัมภูวะ หรือ โกญธัญญะ และเจ้าหญิงที่เป็นธิดาของพญานาค นามว่า โสมา หรือ เมรา เมื่อทั้งสองได้แต่งงานกันก็ได้กำเนิดนามว่า "ขะแมร์" ชาวเขมรตั้งชื่ออาณาจักรของพวกเขาว่า "กัมพูชา" ตามกษัตริย์แห่งกัมโพชะแคว้นหนึ่งในชมพูทวีปในยุคเหล็กของอินเดีย เผ่ากัมพูชา มีความเชื่อกันโดยนักวิชาการสมัยใหม่ว่าอาจสืบเชื้อสายมาจากชาวอิหร่านในปัจจุบัน แต่ข้อมูลยังเป็นที่ถกเถียงและยังหาข้อสรุปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กัมพูชาถูกสร้างขึ้นเมื่อพราหมณ์อินเดียโบราณแต่งงานกับเจ้าหญิงโสมา พราหมณ์โกญธัญญะ (สันนิฐานว่ามาจากอินเดีย) ได้เดินทางมายังชายฝั่งของเขมร ธิดาพญานาคผู้ครองดินแดนแถบนี้ได้พายเรือออกมาต้อนรับ แต่พราหมณ์โกญธัญญะเป็นผู้มีเวทมนตร์คาถาได้ยิงธนูวิเศษมาที่เรือธิดาพญานาค ทำให้นางตกพระทัยกลัว แล้วยินยอมแต่งานด้วย ส่วนพญานาคผู้บิดาได้ทรงดื่มน้ำทะเลจนเหือดแห้งเพื่อสร้างอาณาจักรให้ราชบุตรเขยและธิดา และตั้งชื่ออาณาจักรที่สร้างขึ้นว่า "กัมพูชา"[25]
การมีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[แก้]

ชาวเขมรเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเขมรได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวลาเดียวกันกับ ชาวมอญ ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางทิศตะวันตกและมีเกี่ยวข้องทางบรรพบุรุษกับชาวเขมร นักโบราณคดี, นักภาษาศาสตร์ส่วนใหญ่ และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ เช่น จีนศึกษา เชื่อว่าพวกเขามาถึงไม่ช้ากว่า 2000 ก่อนคริสต์ศักราช (กว่าสี่พันปีมาแล้ว) ในช่วงแรกชาวเขมรเริ่มทำการเกษตรและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพาะปลูกข้าว ภูมิภาคที่ชาวเขมรอาศัยอยู่นี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่แรกในโลกที่เริ่มมีการใช้สำริด ชาวเขมรได้สร้าง จักรวรรดิเขมรในเวลาต่อมา ซึ่งครอบงำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลาหกศตวรรษซึ่งเริ่มต้นใน ค.ศ. 802 และปัจจุบันเป็นกระแสหลักของการเมืองวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของกัมพูชา
ชาวเขมรได้พัฒนาอักษรเขมร ตัวอักษรแรกที่ยังคงใช้อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้เป็นหลักในการสร้างและพัฒนาตัวอักษรไทยและตัวอักษรลาวในภายหลัง ชาวเขมรได้รับการพิจารณาโดยนักโบราณคดีและนักชาติพันธุ์วิทยา ซึ่งได้จัดเป็นชนพื้นเมืองในบริเวณภูมิภาคที่ต่อเนื่องกันของ ภาคอีสานของไทย, ภาคใต้ของลาว, กัมพูชา และ เวียดนามใต้ หรืออาจกล่าวได้ว่าชาวเขมรเคยเป็นชาวลุ่มที่อาศัยอยู่ใกล้กับหนึ่งในแควของแม่น้ำโขง
เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในยุคต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่น ปยู, มอญ, จาม, มลายู และ ชวา ชาวเขมรเป็นชนชาติหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย โดยรับอิทธิพลทางด้าน ศาสนาศาสตร์และศุลกากรของอินเดีย อีกทั้งมีการยืมอิทธิพลทางด้านภาษา อาณาจักรการค้าที่มีประสิทธิภาพครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาณาจักรฟูนัน ก่อตั้งขึ้นในทิศตะวันออกเฉียงใต้กัมพูชาและสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในศตวรรษแรก อีกทั้งการขุดค้นหลักฐานทางโบราณคดีอย่างกว้างขวางใน อังกอร์ บอเรย์ ใกล้ชายแดนเวียดนาม มีการขุดค้นพบ ซากอิฐ, คลอง, สุสานและหลุมฝังศพ สืบมาถึงศตวรรษที่สิบห้าก่อนคริสต์ศักราช
ราชอาณาจักรฟูนันถือเป็นแรกเริ่มของราชอาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดในเวลาต่อมา ในยุคฟูนาน (ศตวรรษที่ 1 - ศตวรรษที่ 6) ชาวเขมรยังได้รับพระพุทธศาสนา, ศาสนาแนวคิดเรื่อง ลัทธิไศวะและเทวราชา และวิหารที่ยิ่งใหญ่ราวกับภูเขาสัญลักษณ์ของโลก อาณาจักรเขมรเจนละเกิดขึ้นในศตวรรษที่ห้าและต่อมาก็เอาชนะและยึดครองอาณาจักรฟูนัน อาณาจักรเจนละเป็นรัฐที่อยู่บริเวณที่ราบสูงซึ่งมีเศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรในขณะที่ฟูนันเป็นรัฐที่ลุ่มที่มีเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการค้าทางทะเล
ทั้งสองรัฐนี้แม้กระทั่งหลังการพิชิตโดยอาณาจักรเจนละ ในศตวรรษที่หกก็ยังคงทำสงครามซึ่งกันและกันและอาณาเขตที่เล็กลง ในช่วงยุคเจนละ (ศตวรรษที่ 5-8) ชาวกัมพูชาได้ประดิษฐ์คิดค้น "ตัวเลขศูนย์" ที่เก่าแก่ที่สุดที่โลกรู้จักในจารึกวิหารแห่งหนึ่งของพวกเขา เมื่อกษัตริย์พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงประกาศเอกราชและเอกภาพกัมพูชาในปี ค.ศ. 802 ก็มีความสงบสุขญาติระหว่างทั้งสองดินแดนบนและล่างกัมพูชา
พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 (ค.ศ. 802–ค.ศ. 830) ได้ทรงฟื้นพลังอำนาจของอาณาจักรกัมพูชาและสร้างรากฐานสำหรับอาณาจักรอังกอร์ซึ่งก่อตั้งเมืองหลวงสามแห่ง ได้แก่ อินทปุระ, หริหราลัยและมเหนทรบรรพต ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีที่เผยให้เห็นถึงช่วงเวลาของเขา หลังจากชนะสงครามกลางเมืองมายาวนาน จนถึงรัชสมัยพระเจ้าสูรยวรรมันที่ 1 (ครองราชย์ในปี ค.ศ. 1002–ค.ศ. 1050) ได้ทรงแผ่แสนยานุภาพส่งกองทัพของพระองค์ไปทางทิศตะวันออกและปราบปรามอาณาจักรทวารวดีของมอญเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเขมร ดังนั้นจึงทำให้พระองค์ได้ปกครองส่วนใหญ่ของประเทศไทยและลาวในปัจจุบันรวมถึงครึ่งทางตอนเหนือของคาบสมุทรมลายู ในช่วงระหว่างนี้ได้มีการสร้างนครวัดถือเป็นจุดสูงสุดของอารยธรรมเขมร
จักรวรรดิเขมร (ค.ศ.802–ค.ศ.1431)[แก้]

อาณาจักรเขมรกลายเป็นจักรวรรดิเขมรและมีวิหารที่ยิ่งใหญ่ของอังกอร์ซึ่งถือเป็นสมบัติทางโบราณคดีที่เต็มไปด้วยหินนูนสีสรรที่แสดงรายละเอียดของวัฒนธรรมรวมถึงเครื่องดนตรีบางอย่างที่ยังคงเป็นอนุสรณ์ของวัฒนธรรมเขมร
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 (ค.ศ.1113–1150) กัมพูชาผ่านพ้นความโกลาหลจนถึงรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ค.ศ.1181–1218) ได้ทรงสั่งให้สร้างเมืองหลวงใหม่ พระองค์ถือพระองค์เป็นชาวพุทธและในเวลาหนึ่งศาสนาพุทธกลายเป็นศาสนาที่โดดเด่นในประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นศาสนาประจำชาติมันถูกดัดแปลงให้เหมาะสมกับลัทธิเทวะราชาโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นราชาแทนพระอิศวรราชาหรือพระนารายณ์ในอดีต
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 Hattaway, Paul (ed.) (2004), "Khmer", Peoples of the Buddhist World, William Carey Library, p. 133
{{citation}}
:|first=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 "General Population Census of the Kingdom of Cambodia 2019" (PDF). National Institute of Statistics. Ministry of Planning. June 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 13, 2019. สืบค้นเมื่อ 12 August 2019.
- ↑ "Report on Results of the 2019 Census". General Statistics Office of Vietnam. สืบค้นเมื่อ 1 May 2020.
- ↑ "ASIAN ALONE OR IN COMBINATION WITH ONE OR MORE OTHER RACES, AND WITH ONE OR MORE ASIAN CATEGORIES FOR SELECTED GROUPS". United States Census Bureau. United States Department of Commerce. 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 14, 2020. สืบค้นเมื่อ 17 September 2015.
- ↑ Danaparamita, Aria (21 November 2015). "Solidarité". The Cambodia Daily. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-20. สืบค้นเมื่อ 19 June 2019.
- ↑ "Estimated Resident Population by Country of Birth, 30 June 1992 to 2016". stat.data.abs.gov.au. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-11. สืบค้นเมื่อ April 6, 2017.
- ↑ "Ethnocultural Portrait of Canada". Statistics Canada.[ไม่อยู่ในแหล่งอ้างอิง]
- ↑ "2006 and 2013 Census: Cambodians- Facts and Figures". Te Ara: The Encyclopedia of New Zealand .
- ↑ "Results of Population and Housing Census 2015" (PDF). Lao Statistics Bureau. สืบค้นเมื่อ 1 May 2020.
- ↑ "Ausländeranteil in Deutschland bis 2018". De.statista.com. สืบค้นเมื่อ January 2, 2017.
- ↑ CIA FactBook. เก็บถาวร 2010-12-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Accessed July 14, 2008.
- ↑ Faith Traditions in Cambodia เก็บถาวร 2006-08-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; pg. 8; accessed August 21, 2006
- ↑ "Ethnic groups statistics - countries compared". Nationmaster. สืบค้นเมื่อ 2012-09-02.
- ↑ "Birth Rate". CIA – The World Factbook. Cia.gov. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-02-23. สืบค้นเมื่อ 15 March 2013.
- ↑ [1] เก็บถาวร พฤษภาคม 9, 2006 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ "Buriram" (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ "Chanthaburi" (PDF). Nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 10 January 2018.
- ↑ "Maha Sarakham" (PDF). Web.nso.go.th. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ "Roi Et" (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 10 January 2018.
- ↑ "Sakaeo" (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ "Si Sa Ket" (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-11-29. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ "Surin" (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ February 15, 2012. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ "Khat" (PDF). Web.nso.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 10 January 2018.
- ↑ "Ubon Ratchathani" (PDF). Web.nso.go.t. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ D'après l'épigraphie cambodgienne du X° siècle, les rois des "Kambuja" prétendaient descendre d'un ancêtre mythique éponyme, le sage ermite Kambu, et de la nymphe céleste Mera, dont le nom a pu être forgé d'après l'appellation ethnique "khmèr" (George Coedes). [2] เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; See also: Indianised States of Southeast Asia, 1968, p 66, George Coedes.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ชาวเขมร |